วิธีการสำรองข้อมูล iPhone นั้นทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญไม่ให้หายไปอย่างถาวร และสามารถเรียกคืนข้อมูลกลับมาใหม่ได้ทุกครั้ง ซึ่งอีกเพียงไม่กี่วันก็จะได้เห็น iPhone 11 รุ่นใหม่แล้ว รวมไปถึงการอัพเดท iOS 13 เวอร์ชั่นเต็มด้วย ดังนั้นมาเตรียมความพร้อมกันก่อนเลย
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-01.jpg)
ข้อมูลส่วนตัวในสมาร์ทโฟนของทุกคนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะในสมัยนี้คนส่วนมากจะเก็บข้อมูลสำคัญและข้อมูลส่วนตัวไว้ในสมาร์ทโฟน ถ้าคนไม่หวังดีจงใจเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้งานนั้นก็จะเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเราทุกคน แน่นอนว่าการป้องกันข้อมูลส่วนตัวในสมาร์ทโฟนนั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก เริ่มจากการใส่รหัส การใส่รูปแบบ มาถึงการสแกนลายนิ้วมือ หรือแม้กระทั่งการสแกนใบหน้า
ถึงจะมีการป้องกันที่ดีขนาดไหนมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเมื่อสมาร์ทโฟนอันเป้นที่รักของคุณสูญหายข้อมูลสำคัญเหล่านั้นก็ยังอยู่กับคุณเสมอแม้คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนใหม่ก็ตาม เช่นเดียวกันในบทความนี้ผมจะมาบอกวิธีสำรองข้อมูลสำคัญใน iPhone เพื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนมีแผนที่จะเปลี่ยนไปใช้ iPhone 2018 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายนนี้ ถึงแม้ไม่ได้คิดจะเปลี่ยน iPhone เครื่องใหม่ก็ควรสำรองข้อมูลเหล่านี้ไว้บ้าง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดจะได้เรียกข้อมูลสำคัญมาใช้งานได้
การสำรองข้อมูลใน iPhone จะทำได้ 2 วิธีด้วยกันคือ
- สำรองข้อมูลไว้ใน iCloud บนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple
- สำรองข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณโดยใช้ iTunes
การสำรองข้อมูล iPhone ไปไว้ใน iCloud
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-05.jpg)
การสำรองข้อมูลบน iCloud นั้นไม่ใช่เรื่องยากเพียงแต่เราเข้าไปเปิดการใช้งานสำรองข้อมูลใน iCloud ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
- เข้าไปที่ชื่อของคุณ
- เลือกเมนู iCloud
- iCloud Backup และเมื่อเข้าไปแล้วก็เลือกเปิดใช้งาน iCloud Backup ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
การสำรองข้อมูลของ iCloud นั้นจะสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำการสำรองข้อมูลในช่วงเวลาที่เราไม่ใช้งาน iPhone แต่คุณต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi และมีการชาร์จแบตเตอรี่ไว้ด้วย แต่ถึงกระนั้นคุณก็สามารถเข้าไปสำรองข้อมูลในทันทีได้เลยด้วยการเข้าเมนู “iCloud Backup” และเลือกเมนู “Back Up Now” เมื่อทำการสำรองข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะปรากฎวันเวลาที่สำรองข้อมูลล่าสุดให้เราเห็น
บัญชี Apple ทุกบัญชีได้รับพื้นที่ว่างในการสำรองข้อมูลใน iCloud อยู่ที่ 5GB แต่ถ้าเราต้องการใช้งานที่มีพื้นที่จัดเก็บมากว่า 5 GB เราจำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนซึ่งราคาขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ที่เราต้องการด้วย
- 50GB: 35 บาท
- 200GB: 99 บาท
- 2TB: 349 บาท
ในการสำรองข้อมูลบน iCloud นั้นเราสามารถเลือกข้อมูลที่จะสำรองได้เช่นกันโดยเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น iCloud แล้วเลือกปิดหรือเปิดแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการสำรองข้อมูล
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-04.jpg)
ข้อมูลสำรองข้อมูลของ iCloud ประกอบด้วยอะไรบ้าง
- ข้อมูลแอป (App data) : ไฟล์ที่รวบรวมแอพพลิเคชั่นเราได้ดาวน์โหลดหรือสร้างขึ้นในระหว่างการใช้งาน
- สำรองข้อมูลใน Apple Watch (Apple Watch backups)
- การตั้งค่า (Settings): สำรองข้อมูลการตั้งค่าต่างๆ เช่น การตั้งค่า ภาษาและภูมิภาค การแจ้งเตือนหน้าจอหลักและการจัดเรียงแอพพลิเคชั่น รวมถึงความสว่างและอื่นๆ
- ประวัติการโทร iMessage, ข้อความ (SMS) และข้อความ MMS
- รูปภาพและวิดีโอ: รูปภาพและวิดีโอที่อยู่ในแอพพลิเคชั่นรูปภาพของคุณ
- ประวัติการซื้อบริการจาก Apple (Purchase history) เช่น เพลง ภาพยนตร์ ซีรีส์ทีวี แอพพลิเคชั่นและหนังสือ การสำรองข้อมูลจะสำรองเฉพาะรายการที่ซื้อ แต่จะไม่สำรองไฟล์ที่โหลดมา แต่คุณสามารถดาวน์โหลดอีกครั้งได้หากคุณเรียกคืนค่าจากข้อมูลที่สำรองไว้
- เสียงเรียกเข้า (Ringtones)
บางชนิดข้อมูลที่สำคัญจะไม่ได้มีการสำรองเพราะข้อมูลเหล่านั้นจะอยู่ใน iCloud อยู่แล้ว ซึ่งข้อมูลที่สำรองอยู่ใน iCloud ตลอดเวลาก็จะมี รายชื่อผู้ติดต่อ ปฏิทิน บุ๊กมาร์ก Safari บันทึกย่อและรูปภาพที่ใช้ร่วมกัน ข้อมูลการชำระเงินของ Apple การตั้งค่า Face ID และ Touch ID
หากคุณต้องการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวกับรหัสเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น หรือรหัสผ่าน Wi-Fi และบัตรเครดิตที่เชื่อมโยงกับ iCloud คุณสามารถเปิด Keychain จากเมนู iCloud ได้เลย
การใช้ Messages in iCloud และ iCloud Photo Library
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-03.jpg)
iCloud Photo Library คือการเชื่อมต่อคลังรูปภาพของเรากับ iCloud เมื่อเราทำการลบหรือเพิ่มรูปภาพไปในคลัง การกระทำนั้นจะส่งผลต่อ iCloud Photo Library ด้วยเช่นกัน โดยเราสามารถเข้าไปเปิดใช้งาน iCloud Photo Library ได้ในเมนู iCloud การสำรองข้อมูลใน iCloud Photo Library นั้นจะใช้เงื่อนไขเดียวกับการสำรองข้อมูลชนิดอื่นของ iCloud ก็คือจะสำรองข้อมูลในช่วงเวลาที่คุณไม่ได้ใช้งาน iPhone และจะต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ไว้ด้วย
Messages in iCloud เช่นเดียวกับรูปภาพ ข้อความ (SMS) และ iMessage ของคุณจะถูกจัดเก็บและสำรองใน iCloud ด้วยเช่นกันเมื่อคุณเข้าไปเปิดการใช้งานสำรองข้อมูลในเมนู iCloud การเชื่อมต่อข้อความกับ iCloud นั้นมีข้อดีคือไม่ว่าอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ iCloud เดียวกับคุณก็จะเข้าถึงข้อความเหล่านี้ได้แน่นอนว่าเมื่อคุณลบหรือเพิ่มข้อความ อุปกรณ์ทุกเครื่องก็จะมีการอัพเดทไปในทิศทางเดียวกันหมดทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถเลือกใช้งานอุปกรณ์ชนิดไหนก็ได้
การสำรองข้อมูล iPhone ของคุณไปยังคอมพิวเตอร์ผ่านทาง iTunes
ถ้าคุณไม่ชอบการสำรองข้อมูลบน iCloud หรือต้องการพื้นที่ในการสำรองข้อมูลที่มากกว่าที่ทาง Apple เปิดให้ใช้งาน และต้องการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้กับตัวเอง คุณต้องเลือกวิธีที่ 2 คือการสำรองข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณผ่าน iTunes สำหรับคอมพิวเตอร์ MAC ไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรม iTunes เพราะมันจะมีมาให้แล้วในระบบปฏิบัติการ แต่สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows จำเป็นต้องลงโปรแกรม iTunes ก่อน ถึงจะสำรองข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณได้
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-to-iTunes-1.jpg)
- ต่อสาย Lightning จากช่องชาร์จแบตเตอรี่ของคุณเพื่อเชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์
- หากนี่เป็นครั้งแรกที่ iPhone เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ จะมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าจอเพื่อถามว่า “คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มีความน่าเชื่อถือไหม (Trust this computer?) ” กด “เชื่อถือ (Trust) “
- เลือกไอคอน iPhone จากมุมซ้ายบนของหน้าต่าง iTunes (ไอคอน iPhone จะมีขนาดเล็กซึ่งมักจะอยู่ใต้ปุ่ม “บัญชี”)
- คลิกที่ “Summary”
- คลิกที่ “Back Up Now” เพื่อสร้างการสำรองข้อมูลครั้งแรก ที่ด้านบนของหน้าต่างคุณจะเห็นความคืบหน้าของกระบวนการสำรองข้อมูล
![How to Backup Your iPhone](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2019/09/How-to-Backup-Your-iPhone-to-iTunes.jpg)
หากคุณต้องการให้โทรศัพท์ของคุณสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติจากเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ให้เลือก ” This Computer ” ในเมนูคำสั่ง “สำรองข้อมูลอัตโนมัติ (Automatically Back Up) ” จากนั้นกด “Apply” ที่ด้านล่างของหน้าต่าง iTunes เพื่อยืนยันการเลือกของคุณ
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการเปิดใช้ตัวเลือกในการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติบนคอมพิวเตอร์ของคุณจะเป็นการปิดใช้งานการสำรองข้อมูลของ iCloud จาก iPhone ด้วยเช่นกัน คุณสามารถเลือกวิธีสำรองข้อมูลของคุณวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีการสำรองข้อมูล iPhone ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ เลือกได้ตามความสะดวกทั้งแบบเก็บไว้บน iCloud หรือเก็บไว้ที่ iTunes บนคอมพิวเตอร์ เพียงเท่านี้ข้อมูลของเราก็จะไม่หายไปไหนแล้ว เตรียมพร้อมอัพเดทระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 13 ได้เลย หรือย้ายไปใช้งานเครื่องใหม่ iPhone 11 ก็ทำได้
ข้อมูลดีๆ เป็นประโยชน์แบบนี้ อย่าลืมแชร์บอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะ จะได้ไม่ทำข้อมูลหายระหว่างการอัพเดทที่อาจมีข้อผิดพลาดได้หรือถ้าเครื่องหายก็ยังมีข้อมูลเก็บไว้ เรียกกลับมาใส่เครื่องใหม่ได้ตลอดเวลา