Connect with us

Smart Review

รีวิว Apple Watch Series 6 สมาร์ทวอทช์เป็นหนึ่งด้านสุขภาพ ตรวจจับแม่นยำ วัดระดับออกซิเจนในเลือด พร้อมดีไซน์ระดับพรีเมียม

Published

on

Apple Watch Series 6 หนึ่งในสมาร์ทวอทช์ที่หลายคนกำลังรอคอย ด้วยเทคโนโลยีที่ให้มาเพียบไม่ว่าจะเป็นการวัดออกซิเจนในเลือดหรือการวัดระดับความสูงแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบปฏิบัติการ WatchOS 7 ที่ให้ฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆ มาเพียบ โดยจะมีอะไรบ้างเรามาชมรีวิวฉบับเต็มกันเลยดีกว่า!

 

สเปค Apple Watch Series 6 ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเงิน ขนาด 44 มม.

  • ขนาดตัวเรือน : 44.0 x 37.8 x 10.7 มม. (สูง x กว้าง x หนา)
  • น้ำหนัก : 36.4 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบติดตลอด ขนาด 44 มม. ความละเอียด 368 x 448 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต
  • หน่วยประมวลผล : Apple S6 Dual‑core 64 บิต พร้อมชิพ U1
  • ความจุ : 32GB
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, 802.11b/g/n 2.4GHz/5GHz และ LTE/UMTS6 (รุ่น GPS + Cellular)
  • ระบบปฏิบัติการ WatchOS 7
  • เซ็นเซอร์
    • เซ็นเซอร์และแอพออกซิเจนในเลือด
    • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า
    • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 3
    • อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและไจโรสโคป (สำหรับตรวจจับการล้ม)
    • มาตรวัดความสูงแบบทํางานตลอด
    • GPS/GNSS
    • เข็มทิศ
  • ระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง
  • มีมาตรฐานกันน้ำลึก 50 เมตร

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเรือน Apple Watch Series 6 (ตัวเรือนอะลูมิเนียม)
  • สายรัดข้อมือแบบ Sport Band 2 ขนาด (S/M และ M/L)
  • แท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก
  • วิธีการใช้งานเบื้องต้น
  • ใบรับประกันสินค้า

 

ดีไซน์และวัสดุ

Apple Watch Series 6 ที่เราได้มาเป็นตัวเรือนอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% สีเงิน ที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อรอบขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ขณะที่ฝาหลังได้ใช้วัสดุเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ ส่วนด้านหน้าจอมาแบบกระจก Ion-X

 

สำหรับ Apple Watch Series 6 สามารถป้องกันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร เพื่อรองรับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ พร้อมใช้ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะการว่ายน้ำ รวมถึงสามารถใส่ในทะเลหรือตอนอาบน้ำได้แบบสบายๆ

 

หน้าจอแสดงผลมีความพิเศษด้วยการใช้หน้าจอ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด หรือการรองรับ Always-on Display ซึ่งความสวยงามของหน้าจอมีความโค้งมนในทุกมุม เพื่มความสะดวกในการใช้งาน

 

เมื่อพูดถึง Always-on Display ก็เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราดูข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องยกข้อมูลขึ้นมาแล้วรอให้จอสว่างครับ ซึ่งมีการพัฒนาจาก Seires 5 ในเรื่องความสว่างที่ทำได้ถึง 500 นิต หรือมากกว่าเดิม 2.5 เท่า

 

รอบตัวเรือนทางซ้ายจะเป็นลำโพงที่ให้เสียงดัง

 

ทางขวาของตัวเรือนมีปุ่ม Digital Crown หรือที่เรียกกันว่าเม็ดมะยมเพื่อใช้ในการเลื่อนขึ้นลง ถัดลงมาเป็นไมโครโฟน และปุ่มกดข้างตัวเครื่อง ด้านบนและด้านล่างเป็นช่องว่างสำหรับใส่สายรัดข้อมือแบบต่างๆ

 

และที่ด้านหลังมีเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การวัดออกซิเจนในเลือด และแม่เหล็กในการชาร์จแบตเตอรี่ ขณะที่ปุ่มเล็กๆ 2 ฝั่งบน-ล่างเพื่อปลดสายข้อมือ

 

วิธีการเชื่อมต่อกับ iPhone

สำหรับการเชื่อมต่อกับ iPhone สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Watch ครับ เพียงแค่เราสวมใส่เอาไว้ จากนั้นก็ให้ iPhone ส่องหน้าจอ Apple Watch Series 6 ก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ทันที ซึ่ง iPhone ที่ใช้งานได้จะรองรับตั้งแต่ iPhone 6s หรือใหม่กว่า ที่ใช้iOS 14 หรือใหม่กว่าเท่านั้น

 

หน้าปัดแบบใหม่มีให้เลือกเพียบ!

Apple Watch Series 6 ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ WatchOS 7 ก็มาพร้อมกับหน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่มาให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น Artist (ศิลปิน) ที่เป็นภาพวาดจาก Geoff McFetridge, Stripes (เส้น) , ตัวอักษร Typograph, Count Up (นับขึ้น) ที่แตะ 1 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเข้าสู่โหมดจับเวลาได้ทันที, GMT ที่แสดงผลเป็น 2 ไทม์โซน และโครโนกราฟโปร รวมไปถึงการใช้รูปภาพเป็นหน้าปัดได้ตามสไตล์ของเราเอง

 

ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ

เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) แบบใหม่

สำหรับการวัดวัดออกซิเจนในเลือดมีเฉพาะแค่กับ Apple Watch Series 6 เท่านั้นในตอนนี้ครับ โดยจะเป็นการใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่และลำแสง LED สีเขียว, สีแดง และอินฟราเรดส่องเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อให้เห็นสีของเลือดได้ครับ ซึ่งในช่วงการใช้งานเราจำเป็นต้องอยู่นิ่งๆ หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด 15 วินาทีเท่านั้นก็จะได้ผลออกมาครับ

 

โดยค่าที่ได้ออกมาจะบอกเป็นเปอร์เซนต์ ยิ่งค่ามากคือออกซิเจนในเลือกนั้นอิ่มตัวมาก และโดยปกติควรจะอยู่ที่ประมาณ 95-99% ครับ

 

ฟิตเนสและการออกกําลังกาย

เมื่อพูดถึงการเป็นสมาร์ทวอทช์ด้านสุขภาพ Apple Watch Series 6 ก็ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะครับ ซึ่งกิจกรรมและชนิดกีฬามีเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน/วิ่งกลางแจ้ง, เดิน/วิ่งในร่ม, ปั่นจักรยาน, เครื่องกรรเชียงปก, ว่ายน้ำ, เดินเขา, เต้น หรือโยคะ เป็นต้น ทั้งยังมีการตรวจจับได้แม่นยำมากกว่าเดิม โดยเมื่อทำสำเร็จ เราก็จะสามารถเก็บเป็นรางวัลสะสมได้ ซึ่งสามารถดูได้ในกิจกรรมใน iPhone

 

ทั้งนี้ในหน้าปัดก็จะมีวงแหวนเพื่อให้เราปิดได้ครบวงเพื่อให้ออกกำลังกายได้ตามกำหนด โดยจะมีทั้งหมด 3 สี สีละกิจกรรม ได้แก่ การเดิน ,ยืน หรืออื่นๆ ตามที่เราได้กำหนดไว้

 

การวัดการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ

สำหรับการวัดคุณภาพการนอนหลับจะเริ่มทำงานทันที่แบบอัตโนมัติตอนเรานอนหลับ โดยเราสามารถตั้งเวลาการเข้านอนและตื่นได้เองเช่นกัน ซึ่งใน Apple Watch Series 6 จะแสดงผลทั้งอัตราการเต้นของหัวใจและความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดระหว่างการนอนหลับทั้งหมด และเวลาทั้งหมดในการนอนของเราได้แบบสรุป

 

การอ่านระดับความสูงแบบเรียลไทม์

ใน Apple Watch Series 6 มีเซ็นเซอร์แบบใหม่หลายตัวที่วัดความสุงได้แม่นยำกับกิจกรรมที่ต้องใช้การวัดระดับความสูง เช่น การเดินเขาหรือปีนเขา เป็นต้น ซึ่งในรูปแบบกลไกหน้าปัดสามารถเพิ่มระดับความสูงได้

 

สุขภาพหัวใจ

Apple Watch Series 6 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 3 ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องความแม่นยำที่มีมากขึ้น รวมถึงการวัดได้ตลอดทั้งวัน โดยเราสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนได้เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจต่ำหรือสูงกว่าปกติตามที่เราตั้งเอาไว้ ซึ่งต้องบอกเลยว่า Apple Watch ช่วยชีวิตคนได้หลายคนตามข่าวที่มีออกมามากมายครับ

 

ตรวจจับการล้มและ SOS ฉุกเฉิน

Apple Watch Series 6 ยังใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของเราเหมือนเดิมด้วยเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับการล้มได้ ซึ่งการตรวจจับจะตรวจพบเมื่อล้มในระดับที่รุนแรงจริงๆ ครับ จากนั้นระบบจะมีการเตือนขึ้นมาบนหน้าจอให้โทรเบอร์ฉุกเฉิน (SOS) ถ้าไม่มีการตอบสนอง ระบบก็จะโทรและบอกตำแหน่งไปยังเบอร์นั้นเองโดยอัตโนมัติ

 

การล้างมือ

Apple Watch Series 6 สามารถตรวจจับได้ว่าเรากำลังล้างมืออยู่ครับ ซึ่งจะนับถอยหลัง 20 วินาทีเพื่อให้เราล้างมือได้สะอาดมากยิ่งขึ้น

 

แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานขึ้น

หนึ่งในเรื่องที่ Apple Watch ทุกรุ่นทำได้ดีมาตลอดคือระยะเวลาในการใช้งานที่อยู่ได้ทั้งวันแน่นอน ซึ่ง Apple Watch Series 6 สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 11 ชั่วโมงจากการฟังเพลงหรือการออกกำลังกายในร่ม หรือ 7 ชั่วโมงในการออกกำลังกายกลางแจ้งโดยใช้แค่ GPS ทั้งนี้หากใครใช้เฉพาะดูการแจ้งเตือนต่างๆ ถือว่าใช้งานได้นานยาวๆ แบบครบทั้งวันแน่นอน

 

ชาร์จได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

Apple Watch Series 6 สามารถชาร์จได้เร็วกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ Series 5 โดยชาร์จจาก 0-80% ในเวลา 60 นาที จากนั้นก็เต็ม 100% ในเวลารวม 90 นาที

 

สายใหม่ Solo Loop ใส่ง่ายและสบายสุดๆ

สำหรับสาย Solo Loop เป็นสายแบบใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Apple Watch Series 6 ที่เป็นสายแบบซิลิโคนมีความยืดหยุ่นเป็นเส้นเดียว ซึ่งพอลองสวมใส่ก็ใส่ได้สบาย มีความนุ่มในตัว แถมกันน้ำและเหงื่อได้ดีด้วย โดยมีราคาอยู่ที่ 1,600 บาท ซึ่งจะมีสีสันต่างๆ ให้แบบครบครัน สามารถชมได้ที่ : https://www.apple.com/th/shop/watch/bands

 

ราคาวางจำหน่าย

สำหรับราคาของ Apple Watch Series 6 ตัวเรือนอะลูมิเนียม ขนาด 44 มม. เริ่มต้นที่ 13,400 บาท โดยสามารถรับชมรุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://www.apple.com/th/watch/

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News4 สัปดาห์ ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Android News4 สัปดาห์ ago

5 เหตุผลที่ Galaxy Z Flip5 ยังคงเป็นมือถือจอพับที่น่าใช้สุด ๆ

Galaxy Z Flip5 จัดว่...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก