Connect with us

Smart Review

รีวิว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตพลังเรือธง เล่นเพลิน ครบทุกความสนุกด้วยขุมพลัง SD 870 l หน้าจอ 11″ ไหลลื่น 144Hz l ลำโพง Dolby Atmos 4 ตัว

Published

on

รีวิว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตตัวท็อป “เล่นเพลิน ครบทุกความสนุก” จัดหนักทุกฟังก์ชันทั้งเล่นทั้งทำงานได้ครบผ่านหน้าจอแสดงผลระดับเรือธง 11 นิ้ว คมชัดระดับ WQHD+ รองรับ Adative Refresh Rate สูงสุด 144Hz แถมรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 870 และรองรับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2), Xiaomi Pad 6 Keyboard และ Xiaomi Pad 6 Cover ที่เราจะพามาชมการใช้งานให้ครถ้วนทั้งหมด บอกเลยว่าน่าใช้งานมากๆ ครับ

สรุปสเปค Xiaomi Pad 6

  • ขนาดตัวเครื่อง : 253.95 x 165.18 x 6.51 มม.
  • น้ำหนัก : 490 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (2880 x 1800 พิกเซล), 309 ppi, Refresh Rate 30Hz-144Hz แสดงผลสี 10-bit (1.07 พันล้านสี), 99% DCI-P3, Dolby Vision และผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland certified Low Blue Light
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 870 Octa-core ความเร็ว 3.2GHz
  • GPU : Adreno 650
  • RAM : 8GB LPDDR5
  • ROM : 128/256GB UFS 3.1
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • กล้องหน้า Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย MIUI Pad 14
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 8840mAh ชาร์จ 33W Fast Charge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

แกะกล่อง Xiaomi Pad 6

กล่องของ Xiaomi Pad 6 มาในรูปแบบสีขาวสวยงาม พร้อมด้วยโลโก้สีเงินระบุชื่อ Xiaomi Pad 6 และสัญลักษณ์ Dolby Vision และ Dobly Atmos ไว้ชัดเจน

เปิดออกมาจะเจอกับตัวเครื่อง Xiaomi Pad 6 ที่มีการบอกสเปคชัวชูโรงอยู่ที่ผ้าคลุมตัวเครื่อง

และเมื่อเปิดออกมาอีกชั้นจะเจอกับคู่มือการรับประกันสินค้าเท่านั้น ส่วนอะแดปเตอร์กำลังไฟ 33W และสาย USB Type-C นั้นจะจำหน่ายแยกครับ

ดีไซน์เบาบางแบบ Unibody พกพาได้สะดวก

Xiaomi Pad 6 ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีด้วยดีไซน์ที่เหมาะกับการพกพาไปทำงานและใช้งานได้อย่างสะดวกตลอดเวลา ด้วยความคลาสสิกที่มีถอดแบบออกมาจากสมาร์ทโฟนเรือธงของ Xiaomi อย่าง Xiaomi 13 Series นั่นเองครับ

ความเบาและบางของ Xiaomi Pad 6 คือตัวชูโรงของแท็บเล็ตรุ่นนี้ให้น่าใช้งานยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยความบางเพียง 6.51 มม. และเบาเพียง 490 กรัมเท่านั้น ใครที่ต้องถือเพื่อใช้งานนานๆ บอกเลยว่าไม่เมื่อยและยังคงสะดวกต่อการทำงานต่อไปครับ หรือใครจะพกใส่กระเป๋าเล็กๆ ก็ยังคงพกได้ไม่หนักเลยด้วย

สีสันที่เราได้มาเป็นสีฟ้า Mist Blue ความสวยงามด้วยฝาหลังโลหะแบบผิวด้าน ติดรอบนิ้วมือได้ยาก และงานประกอบแบบ Unibody ที่ฝาหลังและขอบตัวเครื่องจะเป็นวัสดุชิ้นเดียวกัน

หน้าจอแสดงผลระดับเรือธง คมชัด WQHD+ และไหลลื่นสูงสุด 144Hz

Xiaomi Pad 6 จัดเต็มด้านหน้าจอแสเงผลของจริงด้วยการมาพร้อมพาเนล LCD ขนาด 11 นิ้ว ได้ความคมชัดระดับ 2.8K หรือ WQHD+ (2880 x 1800 พิกเซล) มีค่า PPI อยู่ที่ 309 และยังแสดงผลสีได้จัดจ้านด้วยการรองรับมาตรฐาน Dolby Vision, 99% DCI-P3 และแสดงผลสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี (10-bit) ทำให้เราได้สีสันที่ชัดเจนสมจริงทั้งในการทำงานหรือรับชมวิดีโอต่างๆ

ตัวชูโรงของแท็บเล็ตรุ่นนี้คือการรองรับ Refresh Rate ที่มาแบบ Adaptive ตั้งแต่ 30 / 48 / 50 / 60 / 90 / 120 และ 144Hz ที่ปรับได้ตามเนื้อหาที่แสดงผลบนหน้าจอ หรือใครชอบใช้แบบไหลลื่นตลอดทุการใช้งานก็สามารถเปิดตลอดได้เหมือนกัน แต่อาจจะกินแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมนะ

และด้วยสเปคหน้าจอที่จัดเต็มจัดจ้านขนาดนี้ Xiaomi Pad 6 ก็ยังผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland certified Low Blue Light เพื่อลดแสงสีฟ้าลงกว่าเดิม และช่วยให้เราที่ใช้งานเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ทำร้ายดวงตามากเกินไป

พาชมรอบเครื่อง

ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ต เราจะพามาชมรอบตัวเครื่องที่ใช้งานเป็นแบบแนวนอนแล้วกันครับ โดยจะมีกล้องหน้าแบบ Ultra-Wide Angle ที่วางอยู่ตรงกลางด้านบนเท่านั้น

ส่วนด้านบนตัวเครื่องหากเรียงจากฝั่งซ้ายไปขวา จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, ไมโครโฟนตัวที่ 1, แม่เหล็กสำหรับยึดติดกับ Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) และไมโครโฟนตัวที่ 2

ฝั่งด้านขวาจะมีลำโพง 2 ตัวที่ขนาบข้างกับพอร์ต USB Type-C และไมโครโฟนตัวที่ 3 ที่อยู่ตรงกลางครับ

ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามจะมีปุ่ม Power และลำโพงอีก 2 ตัว ทำให้ทั้งหมดเราจะได้ลำโพง 4 ตัวเต็มๆ ครับ

และที่ด้านหลังเราจะได้โมดูลกล้องหลังที่คล้ายกับ Xiaomi 13 Series ตามที่บอกไว้ด้านบน โดยมีไฟแฟลช 2 ดวง พร้อมด้วยไมโครโฟนตัวที่ 3 ขณะที่ด้านล่างที่เป็นแถบแม่เหล็กจะเป็นการเอาไว้ยึดกับ Xiaomi Pad 6 Keyboard และ Xiaomi Pad 6 Cover

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ

Xiaomi Pad 6 แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย MIUI Pad 14 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานบนแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีฟีเจอร์เสริมเข้ามาใช้งานมากขึ้น เช่น การมี Dock เพื่อการเปิดแอพฯ ได้ง่ายขึ้น การเปิดหน้าจอลอยเพื่อใช้งานแอพฯ พร้อมกัน หรือจะเป็นการรองรับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะมาพูดถึงทั้งหมดเลยครับ

จัดหนักด้วยลำโพง 4 ตัวแบบ Dolby Atmos

ใครที่มาสายบันเทิงและชอบชมภาพยนตร์ผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ อยู่แล้วต้องถูกใจแน่นอน เพราะลำโพงจัดมาให้ถึง 4 ตัวแบบสเตอริโอ Dolby Atmos เสียงดังและกระหึ่มสะใจมากๆ รวมไปถึงการรองรับมาตรฐานเสียง Hi-Res Audio และ Hi-Res Audio Wireless ที่แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์หูฟังไร้สายก็ยังได้เสียงมาตรฐาน Hi-Res Audio เหมือนเดิม

เปิดหน้าต่างลอยได้ ถูกใจคนเปิดหลายแอพฯ

ฟีเจอร์เด่นๆ ที่ใช้งานบน MIUI Pad 14 ได้จะเป็นการเปิดหน้าต่างลอยเพื่อใช้งานได้ถึง 3 แอพฯ พร้อมกันและการใช้งานแบ่งหน้าจอแบบ Multi Tasking ได้อย่างง่ายๆ และมีหลายรูปแบบตามฟังก์ชันการใช้งานอีกด้วย

อย่างแรกเรามาดูการใช้งานแบบแบ่งหน้าจอหรือ Multi Tasking กันก่อนเลยครับ โดยจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานเพียงแค่เราเปิดใช้งานแอพใดแอพหนึ่งเอาไว้ก่อน จากนั้นปัด 3 นิ้วในแนวนอนจากด้านขวาหน้าจอ หรือเรียก Dock ขึ้นมาจากการปัดขึ้นด้านล่างหน้าจอ (ต้องปัดขึ้นจากแถบสีเทาฝั่งซ้ายหรือขวา เพราะตรงกลางจะเป็นการปัดขึ้นตามท่าทางทั่วไปครับ)

นปัด 3 นิ้วในแนวนอน
เรียก Dock ขึ้นมาจากการปัดขึ้นด้านล่างหน้าจอ

จากนั้นเลือกอีกแอพฯ (แอพต้องรองรับการใช้งานแบ่งหน้าจอ) และลากไปยังฝั่งซ้ายหรือขวาของหน้าจอตามต้องการ ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

ที่สำคัญแต่ละแอพที่เปิดขึ้นมาก็สามารถลากไฟล์ไปมาหากันได้เลย เช่น การลากรูปภาพไปยังอีเมล เป็นต้น เป็นการเพิ่มความสะดวกในการทำงานอย่างมากเลยทีเดียวครับ

รวมไปถึงการเลือกขนาดหน้าต่างของแต่ละแอพฯ ได้ตามต้องการว่าจะให้หน้าจอฝั่งไหนใหญ่กว่ากัน เพียงเลื่อนตามเส้นตรงกลางหน้าจอครับ

ทั้งนี้ ยิ่งใครที่ใช้งานแอพฯ 2 หน้าจอบ่อยๆ ก็สามารถตั้งค่าทางลัดการรวมหน้าจอแยกไว้ได้เลย เพียงแค่เราปัดขึ้นกลับไปยังหน้าจอหลัก (ต้องเปิด 2 แอพฯ ที่เป็นจอแยกไว้อยู่) และที่ Dock ด้านล่างจะแสดงแอพฯ ที่ใช้ล่าสุดฝั่งขวาเอาไว้ จากนั้นให้เรากดค้างไอคอนจอแยกที่เราใช้ และกดเพิ่มไปยังหน้าจอหลักครับ หลังจากนี้หากเราต้องการเปิด 2 แอพพร้อมกันอีกก็เพียงกดไอคอนที่หน้าจอหลักได้เลย ไม่ต้องทำวิธีข้างต้นอีกต่อไปแล้วครับ

สิ่งต่อมานอกจากที่จะเปิดหน้าจอแยกได้แล้ว ก็ยังเปิดหน้าต่างลอยได้ด้วยเหมือน เพียงแค่เรากดค้างแอพฯ จาก Dock และเลือกหน้าต่างลอย (หากแอพไหนไม่รองรับจะไม่มีตัวเลือกนี้ครับ) หน้าต่างลอยจะเปิดซ้อนขึ้นมาเป็นแอพฯ ที่ 3 ทับหน้าจอแยกด้านบนได้อีกทีอีกด้วย ซึ่งจะรวมเป็นการใช้งานสูงสุด 3 แอพฯ พร้อมกัน

โดยสิ่งที่เราสามารถทำกับแอพหน้าต่างลอยได้จะมีทั้งการเพิ่มขนาดหน้าต่างเพียงลากที่มุมของแอพ, เลื่อนหน้าต่างไปมาได้ หรือซ่อนหน้าต่างลอยไว้ที่มุมหน้าจอเพียงเลื่อนแอพฯ ไว้หรือปัดขึ้นที่แถบล่างหน้าจอ

เพิ่มขนาดหน้าต่าง
ซ่อนหน้าต่างลอย

หรือหากเราต้องเปิดแอพที่เป็นหน้าต่างลอยอยู่ให้เป็นแบบเต็มหน้าจอปกติ ก็เพียงดึงแถบด้านล่างลงมาก็ใช้งานเต็มจอได้เลยครับ

รองรับอุปกรณ์เสริมแบบครบเครื่อง !

อย่างที่บอกไปว่า Xiaomi Pad 6 คือแท็บเล็ตที่ให้เล่นเพลิน ครบทุกความสนุกได้จริงๆ ซึ่งก็เป็นการสนุกในการทำงานเช่นกัน เพราะรองรับอุปกรณ์เสริมที่ต้องการได้ทั้งคีย์บอร์ด Xiaomi Pad 6 Keyboard, ปากกา Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) หรือจะเป็นเคสปกป้องเครื่อง Xiaomi Pad 6 Cover ซึ่งแต่ละอุปกรณ์จะใช้งานอย่างไรบ้าง เรามาดูกันไปอีกละอย่างกันครับ

Xiaomi Pad 6 Keyboard

คีย์บอร์ด Xiaomi Pad 6 Keyboard จะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ที่เสริมการทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มการใช้งานแบบครบถ้วนถึง 64 คีย์ ซึ่งจะมีปุ่มหลักที่ผู้ใช้งานกันบ่อยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ESC, Fn และ Task Key เพื่อเปิด Dock ครับ

โดยตัวแป้นพิมพ์มีระยะกดลึกลงไปที่ 1.3 มม. ที่เหมาะสมในการพิมพ์มากๆ และตอบสนองได้ไว

ในการติดกับตัวเครื่อง Xiaomi Pad 6 ก็ทำได้แน่นหนาด้วยการใช้ Pogo Pin ที่อยู่ด้านหลังเครื่อง ไม่หลุดง่ายๆ แน่นอนครับ

และในการใช้งานจริง เราก็สามารถกางออกมาได้ 1 ระยะ ที่มุมมอง 120 องศาเท่านั้นครับ

Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2)

ต่อมาเป็นปากกา Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) ที่ถ้าใช้งานคู่กับ Xiaomi Pad 6 Keyboard จะเป็นการคู่กันที่ลงตัวมากๆ ซึ่งตัวปากกาจะมีสีขาวพร้อมดีไซน์แบบกลมเรียวทำให้เราใช้งานการเขียนได้สะดวก โดยการเขียนก็ทำได้ไหลลื่นมากๆ อยู่ที่ Sampling rate 240Hz ยิ่งได้ใช้งานหน้าจอแบบ Refresh Rate สูงสุด 144Hz ก็ยิ่งทำให้เราเขียนได้เหมือนเรียลไทม์มากที่สุด

ปุ่มของ Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) จะมีฟังก์ชันการใช้งาน 2 ปุ่ม ปุ่มแรกด้านล่างที่เป็นปุ่มหลักจะเป็นการกดเพื่อเขียน วาด หรือเปลี่ยนเครื่องมือ ทั้งนี้หากเราเปิดแอพฯ อื่นอยู่ ก็สามารถกดค้างที่ปุ่มนี้เพื่อเปิดแอพฯ Notes หรือบันทึกย่อเพื่อเขียนได้เลยทันที

ส่วนปุ่มที่ 2 ด้านบนจะเป็นกดเพื่อเตรียมแคปหน้าจอซึ่งเราสามารถเลือกได้เลยว่าจะเลือกบันทึกหน้าจอส่วนไหนบ้าง

ส่วนการชาร์จหรือการเก็บก็สามารถนำไปแนบติดกับแม่เหล็กของตัวเครื่องได้เลย บอกเลยว่าสะดวกมากๆ และแนบติดสนิทไม่หลุดง่ายแน่นอน

ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) รองรับแรงกด 4,096 ระดับ และแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 150 ชั่วโมงต่อการชาร์จเลยทีเดียวครับ

Xiaomi Pad 6 Cover

สำหรับ Xiaomi Pad 6 Cover จะเป็นเคสเพื่อใส่ในการป้องกันตัวเครื่องเท่านั้น เผื่อใครที่เน้นใช้งานแค่เป็นแท็บเล็ตอยู่แล้วและไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดมากเท่าไหร่ครับ

นอกจากจะปกป้องหน้าจอและด้านหลังได้แล้ว เราก็สามารถพับตัวเคสเพื่อใช้เป็นขาตั้งเพื่อชมวิดีโอต่างๆ ได้ด้วยครับ

กล้องหน้า Ultra-Wide Angle รองรับ FocusFrame ปรับใบหน้าให้อยู่ตรงกลางเสมอ

ในการทำงาน บางครั้งก็ต้องมีประชุมกันบ้าง ซึ่งกล้องหน้าของ Xiaomi Pad 6 ก็มาแบบ Ultra-Wide Angle หรือมุมกว้างครับ โดยหากใช้เป็นกล้องถ่ายรูปก็ทำให้ได้เห็นมุมมองบรรยากาศครบถ้วน แต่พอใช้การประชุมผ่านแอพฯ ต่างๆ ก็จะปรับให้ภาพแคบลงเพื่อรองรับฟีเจอร์ FocusFrame ที่กล้องจะปรับให้ใบหน้าของเราอยู่ตรงกลางเฟรมเสมอเวลาขยับไปมา ซึ่งแอพฯ ที่รองรับฟีเจอร์นี้จะมีทั้ง Messenger, WhatsApp, WhatsApp Business, Zoom, Google Meet และ Microsoft Teams

ไมโครโฟน 4 ตัว จับเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา

นอกจากลำโพงที่ให้มา 4 ตัวแล้ว ไมโครโฟนก็ให้มา 4 ตัวเช่นกัน ซึ่งไมโครโฟนแต่ละตัวจะอยู่รอบเครื่องเพื่อให้เสียงถูกตรวจจับรอบทิศทางไม่ว่าเราจะอยู่ฝั่งไหนของตัวเครื่อง ทั้งหน้า ซ้าย ขวา หรือด้านหลังก็ตาม โดยในจุดนี้จะเป็นประโยชน์มากเวลาที่มีผู้ร่วมสนทนาอยู่บนโต๊ะทำงานหรือการประชุมหลายคนที่จะช่วยให้อีกฝั่งได้ยินเสียงชัดครบทุกคนแบบ 360 องศาครับ

มาพร้อมพอร์ต USB 3.2 Gen 1 เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้แรงและต่อหน้าจอ 4K @60Hz ได้สบาย

Xiaomi Pad 6 ให้พอร์ต USB Type-C มาให้ ซึ่งเป็นมาตรฐาน USB 3.2 Gen 1 ที่มีความเร็วในการเชื่อมต่อที่ความเร็วสูงสุด 5Gbps ทำให้เราถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็วหรือการเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์ที่ความคมชัดสูงสุดถึง 4K @60Hz

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ขุมพลังระดับท็อป Snapdragon 870

Xiaomi Pad 6 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 870 Octa-core ความเร็ว Clock สูงสุด 3.2GHz ซึ่งเป็นชิปขนาดเล็กเพียง 7nm พร้อม GPU Adreno 650 ที่ยังคงความแรงและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ในปี 2023 นี้เหมือนเดิมครับ ทั้งยังให้ RAM มาถึง 8GB ชนิด LPDDR5 และ ROM สูงสุด 256GB แบบ UFS 3.1 ที่ให้เราเก็บข้อมูลได้เยอะพอสมควรเลยครับ

เพิ่ม RAM ผ่าน Dynamic RAM ได้สูงสุด 5GB

นอกจาก RAM ที่ให้มาอยู่แล้ว 8GB ก็ยังเพิ่ม RAM เสมือนได้สูงสุดอีก 5GB ทำให้รวมได้ถึง 13GB ช่วยให้เราเปิดแอพฯ ต่างๆ ได้มากขึ้นโดยไม่เกิดการรีเฟรชในพื้นหลังเวลาเปิดขึ้นมาใหม่

ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.0.1-OB1 ได้มาที่ 756,123 คะแนน

ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 948 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,817 คะแนน

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

ตัวเกม ROV สามารถเปิดกราฟิกได้สูงที่สุดทั้งหมด ซึ่งเป็นเพราะชิป Snapdragon 870 ครับ ในการเล่นก็ทำได้สบาย หน้าจอไหลลื่น สัมผัสได้เรียลไทม์ ตอบสนองได้ไว และไม่เจออาการงอแงอะไรเลยครับ

Asphalt 9: Legends

และอีกเกมที่ทำการทดสอบจะเป็น Asphalt 9: Legends ที่เปิดภาพระดับสูงสุดได้ด้วย ภาพระหว่างที่เล่นก็สวยงามสุดๆ สีสันสดใส และไม่เจอการกระตุกใดๆ

แบตเตอรี่ 8840mAh ใช้งานได้นานตลอดวัน

สำหรับ Xiaomi Pad 6 ให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 8840mAh ทำให้การใช้งานทั่วไปหรือการเล่นวิดีโอต่างๆ ทำได้นานสุดถึง 16 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อการออกไปข้างนอกในตอนเช้า และกลับมาชาร์จที่บ้านได้แบบเหลือๆ เลยครับ

ส่วนการชาร์จเร็วจะอยู่ที่กำลังไฟ 33W Fast Charge ซึ่งเราได้ลองชาร์จจากประมาณ 30% ไปถึง 100% จะอยู่ที่ประมาณ 60 นาที แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่าในกล่องไม่ได้แถมหัวชาร์จและสายมาให้ครับ

สรุปการใช้งาน Xiaomi Pad 6

สรุปได้เลยว่า Xiaomi Pad 6 เป็นแท็บเล็ตระดับท็อปที่ใช้งานทั้งเล่นทั้งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่การให้หน้าจอมาที่ขนาด 11 นิ้ว กำลังพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนพกพาลำบากเกินไป ความละเอียดสูงแบบ WQHD+ ทั้งยังได้ความไหลลื่นสูงสุดถึง 144Hz ที่หาได้ยากในแท็บเล็ตระดับนี้ครับ ส่วนชิปเซ็ตก็ยังคงเร็วแรงจาก Snapdragon 870 ช่วยให้ทำงานได้ไหลลื่น ไม่ติดขัด หรือจะพักผ่อนด้วยการเล่นเกมก็ทำได้ทุกเกมแน่นอน !

ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคืออุปกรณ์เสริมที่รองรับแบบครบครันด้านการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi Pad 6 Keyboard, ปากกา Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) และเคส Cover ที่รองรับเพื่อการทำงานอย่างเต็มรูปแบบสุดๆ รวมไปถึงดีไซน์ที่ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานทุกส่วนและดูพรีเมียมเกินราคาครับ

ราคาและวันวางจำหน่าย

Xiaomi Pad 6 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา Gravity Gray, ทีทอง Gold และสีฟ้า Mist Blue โดยในไทยมีวางจำหน่าย 2 ความจุเดียว ดังนี้

  • RAM 8GB + ROM 128GB : 10,990 บาท (เฉพาะช่องทางออนไลน์)
  • RAM 8GB + ROM 256GB : 12,990 บาท

ผู้ที่ทำการพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ – 18 สิงหาคมนี้ จะได้รับฟรี ! เคส, ฟิล์มกันรอย และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W รวมมูลค่ากว่า 2,979 บาท พิเศษ! Xiaomi Pad 6 รุ่น 8GB + 128GB พร้อมจัดส่ง ไม่ต้องรอพรีออเดอร์ เพียงซื้อจาก Xiaomi Official Store (จำกัด 100 เครื่องแรก)

หรือเมื่อพรีออเดอร์ Xiaomi Pad 6 รุ่น 8GB + 128GB รับส่วนลดตัวเครื่อง 1,000 บาท และรับส่วนลดสำหรับ Xiaomi Pad 6 Keyboard หรือ Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) (มีจำนวนจำกัด)่

หรือเมื่อพรีออเดอร์ Xiaomi Pad 6 รุ่น 256GB รับส่วนลด 50% สำหรับ Xiaomi Pad 6 Keyboard หรือ Xiaomi Smart Pen (รุ่นที่ 2) (มีจำนวนจำกัด) เฉพาะช่องทางออนไลน์และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย

กำลังฮอต

Featured2 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured5 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก