รีวิว Xiaomi 12 | 12 Pro สองเรือธงสุดครบเครื่อง ที่ตอบโจทย์ทุกซีนด้วยกล้องระดับโปร 50MP ใน 2 ขนาดที่ลงตัว!

Xiaomi 12 Series เปิดตัวทางการเรียบร้อย รอบนี้มาด้วยกัน 2 รุ่น Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ชูจุเด่นในเรื่องกล้องขึ้นไปอีกระดับด้วยสโลแกน “Master every scene” มีกล้องสามตัวระดับโปรความละเอียดสูง 50MP ชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 8 Gen 1 หน้าจอสวยคมระดับ 10 bit หรือจะเป็นระบบชาร์จ HyperCharge 120W อีก!

หลังจากที่เราได้ใช้งาน Xiaomi 12 Series มากว่า 2 สัปดาห์ วันนี้ก็จะขอมารีวิวแบบจัดเต็มให้ชมกันว่ารุ่นนี้จะ “Master every scene“ สมคำร่ำลือสักแค่ไหน พร้อมแล้ว ติดตามครับ!

สรุปสเปค Xiaomi 12

• ขนาดตัวเครื่อง : 152.70 x 69.90 x 8.16 มม.
• น้ำหนัก : 180 กรัม
• หน้าจอ : AMOLED DotDisplay ขนาด 6.28″ แบบ 10-bit ความละเอียด FHD+
• ความสว่างสูงสุด : 1100nits
• refresh rate : 120Hz AdaptiveSync
• CPU : Snapdragon 8 Gen 1 (4nm)
• GPU : Adreno 730
• RAM : 8GB/12GB
• ROM : 128GB/256GB
• แบตเตอรี่ : 4500mAh
• ระบบชาร์จ : ชาร์จไวแบบสาย 67W TurboCharge, ไร้สาย 50W, Reverse Wireless Charging 10W
• กล้องหน้า : 32MP f/2.45
• กล้องหลัก : 3 ตัว
  • กล้องหลัก 50MP f/1.88
  • กล้อง Ultra Wide-angle 13MP f/2.4
  • กล้อง Tele macro 5MP f/2.4
• ระบบเสียง : ลำโพง 4 ตัว Stereo ปรับจูนโดย Harman/Kardon
• ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13

สรุปสเปค Xiaomi 12 Pro

• ขนาดตัวเครื่อง : 163.60 x 74.60 x 8.16 มม.
• น้ำหนัก : 205 กรัม
• หน้าจอ : AMOLED DotDisplay ขนาด 6.73″ แบบ 10-bit ความละเอียด WQHD+
• ความสว่างสูงสุด : 1500nits
• refresh rate : Dynamic 120Hz LTPO
• CPU : Snapdragon 8 Gen 1 (4nm)
• GPU : Adreno 730
• RAM : 12GB
• ROM : 256GB
• แบตเตอรี่ : 4600mAh
• ระบบชาร์จ : ชาร์จไวแบบสาย 120W HyperCharge, ไร้สาย 50W, Reverse Wireless Charging 10W
• กล้องหน้า : 32MP f/2.45
• กล้องหลัก : 3 ตัว
  • กล้องหลัก 50MP (Sony IMX707) f/1.9
  • กล้อง Ultra Wide-angle 50MP f/2.2
  • กล้อง Tele 2X 50MP f/1.9
• ระบบเสียง : ลำโพง 4 ตัว Stereo ปรับจูนโดย Harman/Kardon
• ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13

แกะกล่อง Xiaomi 12 | 12 Pro

เรามาแกะกล่องกันก่อนดีกว่า รีวิว Xiaomi 12 Series ทั้ง 2 รุ่นนี้จะถูกแบ่งสีกล่องไว้ชัดเจน Xiaomi 12 จะมาในกล่องสีขาว ในขณะที่ Xiaomi 12 Pro จะใช้กล่องสีดำ ตัดด้วยตัวอักษรสีทองสวย ๆ

อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งคู่จะให้มาพร้อมใช้งานเหมือนกัน เกือบทั้งหมด จุดที่แตกต่างไปคืออะแดปเตอร์ที่ของ Xiaomi 12 จะเป็น 67W ส่วน Xiaomi 12 Pro จะเป็น 120W ครับ ขนาดและน้ำหนักก็แตกต่างกันนิดหน่อย

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของทั้ง 2 รุ่นก็มีด้วยกัน 6 อย่างดังนี้ครับ

1. ตัวเครื่อง Xiaomi 12 | Xiaomi 12 Pro
2. เคสซิลิโคน
3. สายชาร์จ
4. อะแดปเตอร์ชาร์จ 67W TurboCharge | 120W HyperCharge
5. เอกสารคู่มือ
6. เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์ที่เรียบหรู 2 ขนาดที่ลงตัว

ได้เวลายลโฉมตัวเครื่องจริงกันแล้ว Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มีดีไซน์โดยรวมที่เหมือนกันเลย ด้วยฝาหลังโค้งผิวด้านที่มี Texture ผิวทรายให้ความรู้สึกระยิบระยับเมื่อสะท้อนกับแสง และเวลาสัมผัสก็มอบประสบการณ์ที่ดีไม่ลื่นหรือเก็บคราบรอยนิ้วมือมากจนเกินไป

ความแตกต่างหลักของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ในเรื่องดีไซน์ก็หนีไม่พ้น “ขนาด” 2 รุ่นนี้แบ่งกลุ่มมาชัดเจน Xiaomi 12 มาพร้อมจอ 6.28” ส่วน Xiaomi 12 Pro จอ 6.73” รุ่นเล็กก็เหมาะกับการพกพา รุ่น Pro ก็เหมาะกับสายคอนเทนต์ที่ต้องการความเต็มอิ่มมากกว่า

แต่ทั้งคู่ก็ยังเน้นการจับถือที่ดีและคล่องตัวด้วยความบางเพียง 8.16 มม. ทั้งคู่ น้ำหนัก Xiaomi 12 จะเบาแค่ 180 กรัม ในขณะที่ Xiaomi 12 Pro หนัก 205 กรัม ครับผม

หน้าจอ AMOLED DotDisplay ระดับ 10bit

ในเรื่องการแสดงผลทั้งคู่ใช้จอ AMOLED แบบ DotDisplay คือมีรูกล้องหน้าอยู่ตรงกลางและเป็นจอโค้งเหมือนกัน ดูหรูหราพรีเมี่ยม ความสวยสดของหน้าจอก็ยอดเยี่ยมมากแสดงผลได้ที่ 10Bit 1 พันล้านสี ความคมชัดและมิติของจอภาพเรียกว่าเป็นระดับท็อปของวงการเลย แถมทั้ง 2 รุ่นนี้ยังได้คะแนนหน้าจอจาก Display Mate ระดับ A+ อีกด้วยครับ

แต่ถ้าดูตามตัวเลขจริง ๆ ความละเอียดของทั้งคู่จะแตกต่างกันนิดหน่อย Xiaomi 12 รุ่นน้องจะได้ความละเอียดมาที่ FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ในขณะที่ Xiaomi 12 Pro ได้ความละเอียดระดับ WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) แน่นอนว่าตรงนี้จอของรุ่น Pro ทำได้ดีกว่า รายละเอียดและความคมชัดอยู่ในระดับสูงสุด แต่ Xiaomi 12 ที่ให้มาระดับ FHD+ ก็ไม่ได้แย่เลยเพราะด้วยขนาดจอที่ไม่ได้ใหญ่มาก เท่านี้ก็เรียกว่าสวยถูกใจแล้วครับ

refresh rate 120Hz พร้อม AdaptiveSync

รีวิว Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro รองรับ refresh rate สูงสุด 120Hz พร้อมเทคโนโลยี AdaptiveSync ที่ช่วยปรับ refresh rate ขึ้น-ลงตามการใช้งานด้วย แต่บนรุ่น Pro จะเหนือกว่าอีกหน่อยเพราะเป็นจอแบบ LTPO ช่วยลดค่า refresh rate ได้แม่นยำและต่ำสุดได้มากกว่าครับ

ความลื่นไหลในการใช้งานก็บอกเลยว่าทั้ง 2 รุ่นตอบสนองดีสุด ๆ ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอไป-มา ไถฟีดโซเชี่ยล กดสลับแอปก็ไวติดนิ้วไปหมด แถมความเป็นจอโค้งยิ่งเราได้ใช้งานกับ Navigation Gesture ด้วยแล้วยังฟินเข้าไปใหญ่

กรอบเครื่องอลูมิเนียมผิวด้าน สัมผัสดีมาก

กรอบเครื่องของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro จะเป็นอลูมิเนียมผิวด้าน ที่เข้ามือดีมาก ๆ ด้วยความโค้งเล็ก ๆ มอบสัมผัสที่เนียนมือและไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือเลย ทำให้แม้เราจะใช้งานโดยไม่ใส่เคสก็ไม่ต้องกลัวว่าตัวเครื่องจะสกปรกง่ายจากคราบรอยนิ้วมือเวลาจับถือครับ

ตำแหน่งปุ่มกดก็วางไว้ได้ดีที่ฝั่งขวามือของตัวเครื่องทั้งหมดและกดสั่งงานได้ง่ายทั้งรุ่นเล็กและรุ่น Pro ไม่เจอปัญหาเกี่ยวกับปุ่มกดเลยครับเท่าที่ลองใช้งานมา

พอร์ตการเชื่อมต่อก็จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องเป็น USB-C ส่วนลำโพงหลักของทั้งคู่จะวางตำแหน่งสลับกันนิดหน่อย Xiaomi 12 ไว้ฝั่งซ้าย Xiaomi 12 Pro ไว้ฝั่งขวาครับ เช่นเดียวกับช่องใส่ซิมและไมโครโฟนด้วย

ลำโพง 4 ตัวโดย Harman/Kardon

ในเรื่องคุณภาพ Xiaomi ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้ง 2 รุ่นได้ลำโพงบน-ล่างรวมกัน 4 ตัว คุณภาพระดับ SOUND BY Harman Kardon และรองรับ Dolby Atmos อีกด้วย เรียกว่าเสียงแน่นมาก จะดูหนังเล่นเกมผ่านลำโพงหลักก็ฟินไม่แพ้ใส่หูฟังเลยล่ะ

แต่ก็มีจุดสังเกตอยู่บ้างตรงที่ตำแหน่งของลำโพงเวลาเราพลิกเครื่องมาใช้แนวนอน ลำโพงฝั่งซ้ายจะอยู่ด้านล่างอาจทำให้เวลาเราเล่นเกมแบบจับเต็ม ๆ มือ อุ้งมือของเราอาจจะไปบังตรงนั้นได้ อาจจะต้องใช้ความเคยชินในการจับถือแบบอื่นแทน

ระบบรักษาความปลอดภัยครบ

รีวิว Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยทั้งสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งทั้งคู่ทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก ตำแหน่งของเซ็นเซอร์ก็วางไว้ดีมาก ทั้ง 2 รุ่น ให้เราได้ถือเครื่องอย่างมั่นคงและก็ยังสแกนนิ้วโดยที่ไม่ฝืนเลยด้วยครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ก็ถือว่าทำได้ดีเลย ได้หน้าจอที่ใหญ่เต็มตาแต่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่น Pro ก็ตอบโจทย์ในการพกพาหรือถือใช้งานแบบไม่ล้นมือจนเกินไป ความโค้งของหน้าจอก็ช่วยให้รู้สึกถึงความเป็นรุ่นพรีเมี่ยมได้จริง ผิวสัมผัสรอบนี้เป็นแบบด้านทั้งหมดด้วย ไม่มีปัญหาเรื่องความสกปรกได้ง่ายเลย

สร้างสรรค์งานภาพระดับ Masterpiece ด้วยกล้องโปร ความละเอียด 50MP

มาต่อกันที่ไฮไลท์หลักของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro อย่างเรื่องกล้อง ที่แน่นนอนว่า 2 รุ่นนี้จัดเต็มมาแบบสุด ๆ ใช้กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูงสุด 50MP ทั้งคู่ แต่ในเรื่องระยะและเลนส์อื่น ๆ จะแตกต่างกันนิดหน่อย มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

สเปคกล้อง Xiaomi 12

• กล้องหลัก 50MP f/1.88
• กล้อง Ultra Wide-angle มุมกว้าง 123º 13MP f/2.4
• กล้อง Tele macro 5MP f/2.4

สเปคกล้อง Xiaomi 12 Pro

• กล้องหลัก 50MP (Sony IMX707) f/1.9
• กล้อง Ultra Wide-angle มุมกว้าง 115º 50MP f/2.2
• กล้อง Tele 2X 50MP f/1.9

ถ้าดูจากสเปคที่ให้มาก็จะเห็นความแตกต่างกันอยู่บ้างโดยรุ่นเล็กจะมีกล้องหลัก 50MP เพียงตัวเดียวและมีเลนส์เสริมเป็น Ultra Wide ความละเอียด 13MP กับเลนส์​ Tele macro เข้ามาด้วย ไม่มีเลนส์ Tele มาให้ครับ แต่ถ้าเป็นรุ่น Pro จะยกระดับขึ้นมาอีกด้วยกล้องโปร 3 ตัวที่ความละเอียด 50MP ทั้งหมดให้ระยะมาครบตั้งแต่ Ultra Wide, Wide และ Tele 2X เลย

เทียบกล้อง Xiaomi 12 vs Xiaomi 12 Pro

เห็นจากสเปคก็มีความแตกต่างกันอยู่ แล้ว…ถ้าใช้งานจริงเทียบกันจะแตกต่างกันไหม เราขอหยิบภาพถ่ายบางส่วนของ Xiaomi 12 กับ Xiaomi 12 Pro มาเทียบกันให้เห็นเลยว่าต่างกันมากไหม ซึ่งเท่าที่เราลองจริง ๆ ต้องบอกว่าในเรื่องความคมชัดและระยะรุ่น Pro ทำได้ดีกว่าด้วยความละเอียด 50MP ทุกตัวและยังมีระยะ Tele 2X ให้เราได้ซูมได้ไกลขึ้นอีกหน่อยโดยไม่เสียรายละเอียด แต่บนรุ่นเล็ก Xiaomi 12 ก็ไม่ธรรมดากล้องหลักคมชัด กล้อง Ultra Wide ได้เปรียบตรงที่มุมกว้างกว่าและได้ Tele macro มาช่วยให้เราถ่ายภาพวัตถุใกล้ ๆ ด้วยซึ่งตรงนี้รุ่น Pro ไม่ได้นะ

กล้องที่ครบเครื่อง “Master every scene”

รีวิวนี้เราขอเน้นไปที่กล้องของ Xiaomi 12 Pro ละกันเนาะ ด้วยกล้องโปร 3 ตัวที่ให้มาเพื่อสรรสร้างภาพระดับ Masterpiece ที่สุด ในโหมดการถ่ายภาพทั่วไปก็หายห่วงเลย Xiaomi 12 Pro มีระบบ AI ที่คอยจัดการซีนของภาพให้สวยถูกใจผู้ใช้อย่างเรา ๆ แบบที่ไม่ต้องคอยมาปรับแต่งทีหลังให้ยุ่งยาก แค่เล็งตัว AI จะคำนวณภาพอย่างรวดเร็วและแนะนำซีนเหล่านั้นขึ้นมา อยากถ่ายภาพท้องฟ้าให้สีใสเคลียร์, ถ่ายอาหารให้สดดูน่ากิน, ถ่ายดอกไม้ให้เปล่งประกายยังไง กล้องจัดให้ได้หมด อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Auto HDR ที่แม้เราจะถ่ายภาพย้อนแสงหรือแสงจ้ายังไงก็ยังเก็บรายละเอียดมาได้สวยอยู่ด้วยครับ

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องของ Xiaomi 12 Pro ที่เราไปลองใช้งานมาในโหมด Auto แสงปกติก็ทำได้จริง ๆ กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX707 ตัวใหม่ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่มาก พร้อมเทคโนโลยีการรวมพิกเซล 2.44μm แบบ 4-in-1 เก็บแสงได้ดีและได้ความเบลอของฉากหลังอย่างเป็นธรรมชาติ แถมได้ AI ที่เข้ามาเสริมในเรื่องของการปรับโทนให้สวยเข้าไปอีก บอกเลยว่าเราประทับใจจริง ๆ

• 

• 

• 

• 

• 

• 

• 

กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 115º

มาต่อที่กล้อง Ultra Wide ของ Xiaomi 12 Pro ได้มุมกว้างอยู่ที่ 115º แม้จะไม่ได้กว้างแบบรุ่นน้องแต่จุดที่ทำได้ดีเลยก็คือความบิดเบี้ยวของมุมภาพที่ไม่มาก และเป็นกล้อง Ultra Wide ที่คุณภาพดีมากด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียดระดับ 50MP พอได้การประมวลผลภาพ Binning มาเหลือ 12.5MP แล้วก็ทำให้รายละเอียดนั้นครบถ้วนและสีสันยังได้ครบถ้วนไม่แพ้กล้องหลักเลยล่ะครับ

Tele 2X ช่วยเขยิบไปให้ใกล้ขึ้นอีก

กล้องอีกตัวที่ให้มาก็คือช่วง Tele 2X ที่ให้เราได้เข้าใกล้มากขึ้นอีกหน่อย แม้ระยะจะไม่ไกลถึง 3X หรือ 5X แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ บางจังหวะเราอยากได้การเข้าไปใกล้โดยไม่ต้องเดินเท้าเข้าไป หรืออยากถ่ายสิ่งของหรือคนให้ได้มิติของภาพที่เที่ยงตรงไม่ออกกว้างจนเกินไปแบบกล้องหลัก กล้องตัวนี้จึงช่วยได้อีกเยอะ และในระยะซูมสูงสุดของรุ่นนี้ก็เพิ่มได้ถึง 20X แต่ตรงนั้นจะเป็นแบบ Digital แล้วเนาะ อาจจะหวังผลไม่ได้เยอะ แต่ถ้าเป็นช่วง 2X – 5X นี่โอเคเลย

• 

• 

• 

• 

• 

• 

• 

• 

ถ่าย 50MP ได้ทุกกล้องเลยนะ

อย่างที่บอกไปว่ากล้องหลักของ Xiaomi 12 Pro จะใช้เทคโนโลยี 4-in-1 Binning หรือการรวมภาพจากความละเอียดสูง 50MP เข้าด้วยกันและประมวลผลออกมาเป็นความละเอียด 12.5MP เพื่อการใช้งานที่ง่ายกว่าและไม่กินพื้นที่ในเครื่องมากนัก แต่ถ้าเราอยากได้ไฟล์ความละเอียด 50MP เต็มเลย ก็มีโหมด 50MP มาให้เลือกถ่ายด้วย และด้วยความที่กล้องทั้ง 3 ตัวของ Xiaomi 12 Pro นั้นความละเอียดสูง 50MP เท่ากันหมดในโหมดนี้เราจึงใช้งานได้ 3 ระยะเลยครับ ความละเอียดระดับนี้เราสามารถครอปภาพจากไฟล์ต้นฉบับเข้าไปเยอะ ๆ ได้โดยที่ภาพไม่แตกเลย ใครที่ต้องการไฟล์ใหญ่แบบจริงจังก็มาเลือกได้ครับ แต่ก็ต้องแลกมากับขนาดไฟล์ที่ใหญ่หน่อยเนาะ อย่างภาพตัวอย่างนี้ก็ใหญ่ระดับ 15MB – 20MB ต่อภาพเลยทีเดียว

Portrait ทำได้ดี มี 2 ระยะให้เลือก

อีกโหมดที่เราจะใช้ความสามารถของกล้อง Tele 2X ได้เต็มที่ก็คือ Portrait นี่แหละครับ ซึ่งการที่มีระยะ 2X เข้ามานั้นช่วยให้กล้องของ Xiaomi 12 Pro นั้นได้เปรียบกว่ารุ่นอื่น ๆ อีกเยอะ เพราะเป็นระยะที่พอเหมาะพอเจาะในการถ่ายภาพคนอย่างมาก เราสามารถถ่ายภาพครึ่งตัวได้แบบพอดีและมิติของภาพก็ไม่ผิดเพี้ยนจนเกินไป แต่ถ้าอยากได้ภาพเต็มตัวแล้วได้ละลายหลังไปด้วยก็ยังมีโหมด 1X มาให้เลือกใช้ด้วย ให้เลือกที่มุมซ้ายบนที่เป็นรูปคนแทนได้เลย

ซึ่งภาพที่ได้จากโหมด Portrait ของ Xiaomi 12 Pro ก็ถือว่าสุดยอดเลยครับ ความหน้าเนียนของแบบทำได้ดี การตัดขอบก็เนียนตากำลังดี แอบมีตามมุมบางภาพหากฉากหลังรกเกินไปก็จะเจอตัดขอบพลาดบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ครับ ระยะ 1X และ 2X ที่ให้มาก็ครอบคลุมการถ่ายใน 2 ระยะเต็มตัวและครึ่งตัวแบบพอดิบพอดี แถมคุณภาพก็เป็นจากกล้องนั้น ๆ จริงไม่ใช่การครอปภาพด้วย

• 

• 

• 

• 

• 

• 

Night mode ที่เก่งกาจ ถ่ายกลางคืนได้ทุกกล้อง

ปิดท้ายกล้องหลังด้วยโหมดกลางคืน Xiaomi พัฒนาโหมดนี้มาได้อย่างดี มีการทำงานที่รวดเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นการจับภาพหรือประมวลผล และด้วยความเก่งของ AI เราไม่จำเป็นต้องสลับไปที่ Night mode เลยด้วยซ้ำ เราสามารถใช้โหมด Auto และเปิด AI ก็ถ่ายกลางคืนได้สวยคมชัดแล้ว และที่สำคัญใช้งานได้ทุกกล้องอีกต่างหาก จะถ่ายมุมกว้างสุดด้วย Ultra Wide 115º หรืออยากซูมเข้าไปอีกหน่อยก็ได้เช่นกัน และคุณภาพก็ยอดเยี่ยมไปหมดด้วยครับ

กล้องหน้าเซลฟี่เยี่ยมความละเอียด 32MP

กล้องหลังว่าความละเอียดสูงถ่ายสวยคมชัดแล้ว กล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้าเพราะให้ความละเอียดสูงมาถึง 32MP ช่วยให้เราเก็บภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม คมชัด มีฟีเจอร์ Auto HDR มาให้ มีโหมด Beautify ปรับความเนียนของใบหน้าได้หลายระดับ หรือจะเป็น Portrait mode ก็มีมาให้ครบ คุณภาพเซลฟี่ที่ได้จาก Xiaomi 12 Pro ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กล้องหลังเลยล่ะครับ

• 

• 

วิดีโอสูงสุด 8K แต่กล้องหน้ายังได้แค่ FHD นะ

ส่วนวิดีโอ Xiaomi 12 Pro ก็พัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนด้วยความละเอียดสูงสุดระดับ 8K 24fps ที่คุณภาพและความคมชัดบอกเลยว่าสุด ๆ แต่ตรงนี้จะถูกจำกัดอยู่แค่กล้องหลักเท่านั้นบนความละเอียดนี้ ถ้าจะใช้งานได้แบบครบ ๆ ก็ลองปรับไปที่ 4K 30fps ดูครับ ใช้ได้ครบทุกกล้องแถมเวลาถ่ายยังสามารถเปลี่ยนระยะกล้องได้ด้วย ตรงนี้ต่อเนื่องดีไม่ต้องมากดหยุดก่อนแล้วค่อยถ่ายในระยะอื่นครับ แต่ที่น่าเสียดายจริง ๆ บนรุ่นนี้ก็คือวิดีโอกล้องหน้าที่ยังเลือกความละเอียดสูงสุดได้แค่ FHD 1080p เท่านั้น ถ้าได้ 4K มาน่าจะเหมาะกว่าเนาะในปี 2022 แบบนี้

แอป Gallery ที่ปรับแต่งภาพได้ครบเครื่องที่สุด

เรื่องกล้องที่ว่าดี AI Scene ที่เก่ง ๆ แล้วยังไม่พอ เพราะแอป Gallery ของ Xiaomi นั้นเป็นอีกสิ่งที่เราประทับใจมาก เราสามารถปรับแต่งแทบทุกอย่างในนี้ได้เลยโดยไม่ต้องโหลดแอปมาเพิ่ม บางภาพถ่ายมาแล้วไม่อยากใช้ลายน้ำเลยแต่ก็ดันเปิดไว้แล้ว ก็เอาออกทีหลังได้ บางภาพถ่ายมาแล้วรู้สึกโทนยังไม่ถูกใจก็เลือกปรับฟิลเตอร์ได้ บางภาพถ่ายมาฟ้าหม่นจังเลย ก็เปลี่ยนท้องฟ้าได้ บางภาพถ่ายมาแล้วดันติดคนมาแต่องค์ประกอบสวย ก็ลบคนอื่นออกไปได้ นี่ยังไม่รวมการปรับแต่งอื่น ๆ การเพิ่มตัวอักษร การใส่กรอบภาพ ใส่สติกเกอร์อีกเพียบ เรียกว่าไม่จบหลังกล้องก็มาจบในเครื่องได้โดยไม่ต้องโหลดแอปเพิ่มเลยล่ะครับ ตรงนี้ถูกใจจริง ๆ

โดยรวมในเรื่องกล้อง รีวิว Xiaomi 12 Pro ก็ถือว่าทำออกมาได้ประทับใจเรามาก ๆ ด้วยกล้องระดับโปรถึง 3 ตัวความละเอียดสูงถึง 50MP ทั้ง 3 ตัว มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะถ่ายในระยะไหนเราก็จะได้ภาพที่คมชัดและรายละเอียดที่ดี ความเก่งเกาจของ AI นั้นดีมาก ๆ จะถ่ายในสถานการณ์ไหนก็เข้าใจเราหมด เล็ง ถ่าย ออกมาสวยแน่นอน แถมยังมีลูกเล่นการปรับแต่งที่หลากหลายจากแอป Gallery ที่เราชอบมาก ๆ อีก เรียกว่านี่คืออุปกรณ์ถ่ายภาพชั้นเซียนที่โทรได้เลยล่ะ เกินความเป็นมือถือไปไกลมาก!

ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 บน Android 12

มาเข้าเรื่องประสบการณ์การใช้งานกับซอฟต์แวร์กันต่อครับ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย MIUI 13 ความลื่นไหลต่าง ๆ ทำได้ดีมาก รวมถึงการปรับแต่งที่หลากหลายตามสไตล์ Xiaomi อีกด้วย

นุ่มนวลและตอบสนองทุกการสัมผัส

ในเรื่องของระบบ Haptic หรือการสั่นต่าง ๆ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ก็ทำได้ดีมากด้วยมอเตอร์แบบ X-axis Linear แถมพอเป็น Android 12 ก็ช่วยเพิ่มเรื่องการสั่นตอบสนองในทุกการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอจนสุดก็จะมีสั่นเล็ก ๆ การพิมพ์ที่มีการสั่นตลอดเวลา กดชัตเตอร์ ใช้คำสั่ง Navigation Gesture ต่าง ๆ การสแกนลายนิ้วมือมีแรงสั่นรับกับนิ้วมือ หรือจังหวะที่กดล็อคหน้าจอ การที่มีระบบสั่นนุ่ม ๆ เข้ามา ช่วยให้ความรู้สึกในการใช้งานยอดเยี่ยมขึ้นอีกเยอะจริง ๆ ครับ

ประสิทธิภาพระดับสูงสุดด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 1

มาต่อกันที่เรื่องประสิทธิภาพ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ทั้ง 2 รุ่นใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 เหมือนกัน เรียกว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม Android ตอนนี้ก็ว่าได้ จุดที่จะแตกต่างกันของ 2 รุ่นนี้มีอยู่นิดหน่อยคือแรม โดยรุ่นเล็กจะมาพร้อมแรม 8GB ส่วนรุ่น Pro จะให้มา 12GB ครับผม

ในเรื่องคะแนนทดสอบเท่าที่เราลองเทียบจากทั้ง AnTuTu และ GeekBench 5 คะแนนออกมาไม่ต่างกันมาก โดย AnTuTu Benchmark จะออกมาดังนี้ครับ

• Xiaomi 12 = 955102 คะแนน
• Xiaomi 12 Pro = 984705 คะแนน

ส่วน GeekBench 5 ก็ต่างกันไม่มากจริง ๆ เพราะวัดกันที่ CPU เป็นหลัก ผลออกมาดังนี้ครับ

• Xiaomi 12 = Single-Core 1173 คะแนน, Multi-Core 3521 คะแนน
• Xiaomi 12 Pro = Single-Core 1211 คะแนน, Multi-Core 3550 คะแนน

เล่นเกมล่ะ ถูกใจแน่นอน!

ผลคะแนนสูงระดับนี้แล้ว ถ้าเล่นเกมจริงจังจะเป็นอย่างไร วันนี้เราทดสอบด้วย 3 เกมฟอร์มยักษ์อย่าง Pokemon Unite, Call of Duty และ Genshin Impact กันเลย จะไหวแค่ไหน เราลองมาให้แล้วครับ!

เล่น Pokemon Unite บน Xiaomi 12 Pro

เริ่มที่เกมแนว Moba อย่าง Pokemon Unite สเปคระดับนี้เราสามารถปรับระดับกราฟิกไปที่สูงสุดและเฟรมเรตสูง ซึ่งเท่าที่เราลองเล่นจริง ๆ เฟรมเรตในเกมถือว่าทำได้ดีเลยครับ ในเกมแรก ๆ ที่เราเล่นจะนิ่ง ๆ เลยที่ 59fps ตลอดทั้งเกม แต่ถ้าเล่นติดต่อกันสัก 3 – 4 เกม ตัวเครื่องมีความร้อนเพิ่มขึ้นนิดหน่อยก็จะมีเฟรมเรตตกอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับ 49 – 59fps ขึ้นอยู่กับจังหวะของเกมที่มีการใส่เอฟเฟกต์เยอะ ๆ ครับ

เล่น Call of Duty บน Xiaomi 12 Pro

ต่อมากับเกมยิงกราฟิกอลังการอย่าง Call of Duty เช่นเดียวกัน เราเลือกปรับระดับกราฟิกได้ที่ Very High และเฟรมเรต Max สูงสุดที่ปรับได้ตอนนี้แล้วครับ เท่าที่เราลองเล่นจริงเฟรมเรตในเกมลื่นไหลมาก แทบหาจังหวะกระตุกของเกมไม่ได้เลย การตอบสนองของหน้าจอก็ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกวาดมุมกล้อง แตะยิง ทำได้ทันทีทันใดมาก

เล่น Genshin Impact บน Xiaomi 12 Pro

ปิดท้ายที่เกม ActionRPG ที่ใช้สเปคเยอะที่สุดบนสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้ว Xiaomi 12 Pro ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 ก็เอาอยู่ครับ เราเลือกปรับกราฟิกไปที่ระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60fps เลย ในจังหวะที่เล่นจริงทำได้ดีเลย มีเฟรมเรตตกบ้างถ้าเครื่องร้อน แต่ก็ไม่นานที่เฟรมเรตจะกลับมาลื่นเหมือนเดิม ถือว่าแก้ในเรื่องความร้อนมาได้ดีเลยล่ะครับ

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพ ก็แน่นอนว่า Xiaomi 12 Pro ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย ทั้งการใช้งานทั่วไปที่ลื่นไหลดีมาก การเล่นเกมที่ไม่เจอปัญหาเรื่องการรองรับหรือติดขัดใด ๆ เรื่องความร้อนก็แก้ไขมาได้ดี ถามว่าร้อนไหมก็ยังร้อนอยู่ แต่การระบายความร้อนถือว่าดีขึ้นเยอะ เล่นหนัก ๆ ไม่ชวนให้เครื่องรวนหรือกระตุกจากความร้อนจริงจังมากนัก ใครที่คาดหวังประสิทธิสูงแบบสุด ๆ รุ่นนี้ตอบโจทย์ดีเลยล่ะครับ

แบตเตอรี่ 4500mAh และ 4600mAh ใช้งานได้ดีนะ

สำหรับแบตเตอรี่ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ให้มาเยอะพอตัวต่างกันแค่ 100mAh โดยรุ่นเล็กให้มา 4500mAh ส่วนรุ่น Pro ให้มา 4600mAh เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้ดีเลย อาจจะไม่ได้อึดมากเหมือนพวกรุ่นที่ให้แบตฯมา 5000mAh แต่ถ้าใช้งานทั่วไป ถ่ายรูป หรือเล่นเกมบ้างนิดหน่อยก็เอาอยู่ครับด้วยสเปคระดับนี้

ชาร์จไว 67W และ 120W

และระบบชาร์จตรงนี้จะแตกต่างกันพอสมควรโดย Xiaomi 12 จะได้ระบบชาร์จไว 67W TurboCharge มา ซึ่งก็ถือว่าเร็วมาก ๆ แล้ว แต่บนรุ่น Xiaomi 12 Pro ได้มาเป็น 120W HyperCharge เร็วที่สุดของ Xiaomi ตอนนี้แล้ว ใช้เวลาชาร์จเต็มในเวลาประมาณ 17 นาทีเท่านั้นจากที่เราทดสอบมาครับ

ราคาเปิดตัว Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro

ปิดท้ายที่ราคากันเนาะ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเรียบร้อย มีให้เลือกรุ่นละ 2 ความจุมีราคาดังนี้

Xiaomi 12

• Xiaomi 12 ความจุ 8GB + 256GB ราคา 24,990 บาท
• Xiaomi 12 ความจุ 12GB + 256GB ราคา 26,990 บาท

สำหรับรุ่น 8GB + 256GB จะวางจำหน่ายทุกช่องทางตั้งแต่ Xiaomi Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ส่วนรุ่น 12GB + 256GB จะวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์ทั้ง JD CENTRAL, Lazada และ Shopee เท่านั้นครับ

Xiaomi 12 Pro

• Xiaomi 12 Pro ความจุ 12GB + 256GB ราคา 31,990 บาท

Xiaomi 12 Pro วางจำหน่าย ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย รับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษ* โดย Xiaomi 12 Pro ราคาเริ่มต้นเพียง 17,490 บาท และ Xiaomi 12 ราคาเริ่มต้นเพียง 12,990 บาท

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 ในระหว่างวันที่ 16-27 มีนาคม 2565 รับฟรี** นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 4,990 บาท

(หมายเหตุ** สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายที่เลือกรับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษจากผู้ให้บริการเครือข่าย จะไม่ได้รับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active ลูกค้าต้องเลือกรับสิทธิ์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB ผ่านช่องทางออนไลน์ JD Central หรือ Lazada หรือ Shopee ลูกค้าสามารถเลือกรับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active หรือ เลือกอัพเกรดเป็นรุ่นความจุ 12GB+256GB ฟรี! อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)

นอกจากนี้! เสียวหมี่ยังมอบเซอร์ไพรส์ให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 และร่วมกิจกรรมตามที่กำหนดโดยลูกค้ามีสิทธิ์รับ Mi TV P1 55” มูลค่า 15,990 บาท
• โอกาสที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 00.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของ BaNANA Online, Jaymart Online, TG FONE Online, CSC / IT City Online, Lazada, Shopee หรือ JD Central
• โอกาสที่ 2 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 60 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, dtac หรือ True (โดยสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้า AIS Serenade, True Black Card หรือ dtac Blue Member)
• โอกาสที่ 3 วันที่ 19 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองสินค้าและร่วมกิจกรรมพิเศษที่ Xiaomi Store สาขา Fashion Island ชั้น 3 หรือ Xiaomi Store สาขา Central World ชั้น 4
• โอกาสที่ 4 วันที่ 2 เมษายน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่จองสินค้าผ่านช่องทาง BaNANA IT, Jaymart, TG FONE, CSC / IT City หรือ Xiaomi Store by Wiratmalee และร่วมกิจกรรมพิเศษที่ศูนย์การค้า Siam Paragon

สรุปแล้ว “สองเรือธงที่ครบเครื่องและตอบโจทย์การใช้งานทุกด้านใน 2 ขนาดที่ลงตัว”

สรุปให้เลยละกันครับ รีวิว Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ก็เป็นสองเรือธงที่ครบเครื่องและตอบโจทย์การใช้งานทุกด้านใน 2 ขนาดที่ลงตัว เพราะทั้งสเปคภายในที่จัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก ทั้งหน้าจอ AMOLED DotDisplay ระดับ 10Bit สวยงามและลื่นไหลด้วย refresh rate 120Hz มีชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ระดับแนวหน้าที่สุดของสมาร์ทโฟน Android ตอนนี้ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และระบบชาร์จไวสูงสุดถึง 120W HyperCharge และปิดท้ายที่ไฮไลท์อย่างกล้องที่จัดเต็มในทุกระยะบน Xiaomi 12 Pro ให้คุณได้สร้างสรรค์ภาพถ่ายระดับ Masterpiece ได้ด้วยมือถือเครื่องเดียว สมแล้วที่ใช้สโลแกนว่า “Master every scene” ไม่เกินไปจริง ๆ สำหรับรุ่นนี้ครับ!

จุดเด่น

• หน้าจอ AMOLED DotDisplay สวยงาม คมชัด
• refresh rate 120Hz ที่ลื่นไหลและตอบสนองได้ดีมาก
• ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 เร็วแรง ตอบทุกโจทย์การใช้งาน
• ดีไซน์ตัวเครื่องเพรียวบางพรีเมี่ยมน่าสัมผัส
• รองรับชาร์จไวที่ไวมาก ๆ 67W สำหรับ Xiaomi 12 และ 120W สำหรับ Xiaomi 12 Pro
• ลำโพง Stereo ระบบเสียงดีมาก

จุดสังเกต

• ตัวเครื่องไม่รองรับการเพิ่ม micro-SD ก่อนซื้อควรเลือกความจุที่เพียงพอ
• ตำแหน่งลำโพงในแนวนอนอาจถูกบังได้ง่ายโดยเฉพาะบนรุ่น Xiaomi 12