Featured
รีวิว Vivo Y12s น้องเล็กแบตเตอรี่พลังอึด 5000mAh รองรับสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง พร้อมจอใหญ่ 6.51 นิ้ว ในราคาสุดประหยัด
Vivo Y12s สมาร์ตโฟนน้องเล็กแบตพลังอึด 5000mAh พร้อมชูโรงด้วยความสะดวกสบายในการสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่องได้รวดเร็ว หรือ Side Fingerprint Scanner หยิบปุ๊บก็พร้อมใช้งานได้ทันที
สรุปสเปค Vivo Y12s
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.41 × 76.32 × 8.41 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 191 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ชนิด IPS LCD กว้าง 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio P35 Octa Core
- RAM 3 GB
- ROM 32 GB
- ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ AI Dual camera แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4G + 5G, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต Micro USB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Vivo Y12s มาในกล่องตามสไตล์ของ Y Series ครับ โดยมีสีฟ้าตัดลายเส้น พร้อมชื่อแบรนด์ Vivo ด้านล่าง และด้านบนจะเป็นชื่อรุ่น Y12s พร้อมความจุที่มุมขวาบน
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Vivo Y12s พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์
- สาย Micro USB 2.0
- เคสใส
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
Vivo Y12s มาพร้อมกับดีไซน์รอบตัวเครื่องที่มีความโค้ง 2.5D ทำให้จับถือได้อย่างสะดวก แม้ว่าจะมีตัวเครื่องที่ใหญ่แต่ก็ถือได้นานแบบสบายมือมากๆ ครับ
โดยสีที่เราได้มาครั้งนี้เป็นสีฟ้าอ่อน Glacier Blue ที่มีความสวยงามแบบละมุนมากๆ แถมมีการเล่นเฉดสีรุ้งอ่อนๆ เมื่อสะท้อนแสงแต่ละมุมอีกด้วย ซึ่งสีนี้เป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาน้ำแข็งแอนตาร์กติก ขณะที่อีกสีที่มีให้เลือกจะเป็นสีดำ Phantom Black
หน้าจอแสดงผลจัดมาให้แบบใหญ่ๆ Halo FullView Display ขนาดถึง 6.51 นิ้ว คมชัดดับ HD+ (1600 x 720 พิกเซล) เรียกว่าสายที่ชมซีรี่ย์หรือชอบดูวิดีโอต่างๆ จะได้ดูแบบเต็มอิ่มและเต็มหน้าจอแน่นอน
บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลจะมีหยดน้ำตรงกลางที่ฝังกล้องหน้าลงไป ถัดขึ้นไปจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนา
ด้านซ้ายตัวเครื่องมีช่องใส่ nanoSIM 2 ช่อง แถมมีช่องใส่ MicroSD Card แยกให้อีกช่องด้วย รวมเป็น 3 Slot ไปเลยจ้า
ทางขวาจะเป็นปุ่ม Power ที่ใช้งานสแกนลายนิ้วมือได้ด้วย และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่อยู่เหนือขึ้นไป
ทางด้านล่างยังคงมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต Micro USB 2.0 และลำโพงตัวหลัก
สุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้อง 2 เลนส์เท่านั้น ถัดลงมาจะเป็นสัญลักษณ์กล้อง ไม่ใช่เลนส์ที่ 3 โดยด้านล่างสุดจะเป็นไฟแฟลช LED 1 ดวง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
Vivo Y12s แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11 ซึ่งจะเน้นด้านความไหลลื่นและประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น
โหมดป้องกันดวงตา
รุ่นนี้มาพร้อมโหมดป้องกันดวงตาหรือการตัดแสงสีฟ้า โดยสามารถปรับความเข้มได้ตามความต้องการของเราครับ ทั้งนี้ ใครที่ใช้งานบ่อยๆ ก็สามารถเลือกให้เปิดเองตามเวลาที่ตั้งค่าไว้หรือตามพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก
โหมดมืด
การใช้งานทั่วไป หลายคนน่าจะเลือกโหมดมืดในการใช้งาน ซึ่ง Vivo Y12s ก็ใช้งานได้แบบสบายตาในที่แสงน้อย โดยสามารถเปิดอัตโนมัติได้เหมือนกับโหมดป้องกันดวงตา โดยแอปพลิเคชั่นที่รองรับก็จะเปลี่ยนเป็นโหมดมืดตามไปด้วย
ระบบความปลอดภัย
ด้านความปลอดภัยของเครื่องก็มาพร้อมความสะดวกสบายเหมือนกับ โดย Vivo Y12s มีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง (Side Fingerprint) เมื่อหยิบขึ้นมาก็เข้าล็อกกับนิ้ว ทำให้ปลดล็อคหน้าจอพร้อมใช้งานได้ทันที แถมการปลดล็อคก็ทำได้รวดเร็วมากๆ เพียง 0.23 วินาที
นอกจากนี้ เราก็ยังสามารถใช้งานสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหรือ Face Wake ได้เช่นกัน ซึ่งก็มีความรวดเร็วแทบไม่ต่างกันครับ
AI Albums อัลบั้มรูปจัดเรียงได้ฉลาด
AI Albums จะเป็นการจัดเรียงอัลบั้มในแกลเลอรี่ได้ฉลาด โดยจะแบ่งได้ตามหมวดหมู่ตามภาพที่เราถ่าย เช่น สถานที่, อาหาร หรือเวลาต่างๆ ที่ต่างกันไปครับ ทำให้เราหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้นด้วย
iManager คลิกเดียวก็เคลียร์ขยะได้หมด
แอปพลิเคชั่น iManager เข้ามาช่วยให้เราได้เคลียพื้นที่ขยะในเครื่องได้ครบเพียงคลิกเดียว ซึ่งนอกจากจะล้างไฟล์ขยะได้แล้ว ยังสามารถตรวจสอบแอปที่ไม่ปลอดภัยได้ด้วย ซึ่งเราสามารถล้างขยะในเครื่องได้แบบอัตโนมัติทั้งแบบต่อ 7 วัน, 15 วัน, 30 วัน หรือเมื่อพื้นที่ไม่เพียงพอ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo Y12s ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek Helio P35 Octa Core ซึ่งการใช้งานทั่วไปทำงานได้ไหลลื่นตามปกติครับ เล่นโซเชียลหรือดู YouTube ได้สบายๆ โดยมี RAM มาให้ 3 GB และ ROM 32 GB เพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB ซึ่งโหลดแอปทั่วไปก็เหลือๆ ส่วนภาพถ่ายก็ใส่ใน MicroSD Card แยกไว้ได้เลย!
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 163 และคะแนน Multi-Core ที่ 936
Multi-Turbo 3.0 เพิ่มความแรงทุกการใช้งาน!
สำหรับ Multi-Turbo 3.0 ก็ยังคงมีมาให้เหมือนเดิม โดยจะเร่งความเร็วของ CPU, AI รวมถึงความเร็วของเครือข่ายให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น ช่วยให้การใช้งานทั่วไปหรือตอนเล่นเกมทำได้แบบลื่นๆ
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
เราได้ทดสอบการเล่นเกม ROV ครับ โดยสามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงพร้อมภาพ HD ระดับสูงมาก โดยเปิดเฟรมเรทสูงได้เช่นกัน ซึ่งช่วงที่เล่นตั้งแต่เริ่มเกมทำได้แบบไหลลื่นมาก แต่เฟรมเรทอาจจะมีเหวี่ยงบ้างเล็กน้อยในช่วงที่ปล่อยสกิลกันเยอะๆ แต่ก็ไม่เกิดการกระตุกหรือส่งผลในการเล่นครับ
แบตเตอรี่พลังอึดอยู่ได้ตลอดวันแน่นอน
Vivo Y12s มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 5000mAh ซึ่งทำให้ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวันแน่นอน โดยเราสามารถชมวิดีโอระดับ HD ได้นานสูงสุดถึง 16.3 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้นานถึง 8.9 ชั่วโมง
นอกจากนี้เราก็ยังใช้งาน Reverse Charging หรือเปลี่ยนตัวเองเป็น Power Bank (กำลังไฟ 5V/1A) เพื่อชาร์จเครื่องอื่นได้อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป
Vivo Y12s มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 เลนส์ AI Dual Camera ช่วยให้ถ่ายภาพ Portrait ได้อย่างสวยงาม รวมถึงการเซลฟี่ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเกินราคาอีกด้วย
โหมดปกติถ่ายสวยเพียงคลิกเดียว
แม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ Vivo Y12s ก็ถ่ายภาพในโหมดปกติได้อย่างสวยงามมากๆ ครับ มีความสดใสของสีสัน ดูไม่ซีด ถ่ายได้คมชัด แถมถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ยังมีรายละเอียดที่เห็นได้ชัดเจนแม้ว่าจะไม่ได้มีโหมดถ่ายกลางคืนก็ตาม
ถ่าย Portrait สวยงาม พร้อมใบหน้าสวยด้วย Face Beauty
เลนส์ที่เข้ามาช่วยเลนส์หลักเป็นเลนส์ Bokeh ที่ช่วยการละลายฉากหลังทำได้อย่างสวยงามและมีมิติมากขึ้น เบลอได้ค่อนข้างเนียนเลยทีเดียว แถมมี Face Beauty ปรับผิวได้เนียนและสวยตามสไตล์ของ Vivo ที่ดูมีความเป็นธรรมชาติมากๆ
ทั้งนี้ ที่กล้องหน้าก็ยังสามารถถ่ายโบเก้และสามารถปรับ Face Beauty ได้เหมือนกับกล้องหลังเลยด้วย เรื่องการตัดขอบเพื่อเบลอฉากหลังจัดว่าเนียนมากๆ
ฟิลเตอร์มีให้เลือกหลายหลาย
ใครที่เพิ่มความสนุกของการถ่ายภาพจะมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้กันเพียบหลาย 10 แบบ เช่น เกรปฟรุต, โยเกิร์ต, เกาะ, ลมยามเย็น, เมืองเล็ก หรือเงียบ (ขาว-ดำ) เป็นต้น
กล้องหน้า AI ถ่ายชัดครบทั้งภาพ
หากใครที่อยากเซลฟี่ให้เห็นฉากหลังด้วย ก็ยังถ่ายได้คมชัดด้วยโหมดปกติ ซึ่งก็ยังสามารถปรับใบหน้าสวยงามได้เหมือนกัน
สรุปจุดเด่น
- แบตเตอรี่ใหญ่ถึง 5000mAh ใช้งานได้เต็มวันแบบไม่ต้องกลัวว่าจะหมด
- หน้าจอ Halo FullView Display ใหญ่ถึง 6.51 นิ้ว รับชมสิ่งต่างๆ ได้เต็มตา พร้อมความคมชัดระดับ HD+
- กล้องหลัง AI Dual camera ถ่าย Portrait พร้อม Face Beauty ได้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ
- มาพร้อม Side Fingerprint สแกนลายนิ้วมือได้ที่ข้างตัวเครื่อง ใช้งานสะดวก และทำงานได้รวดเร็ว
- ใช้ CPU MediaTek Helio P35 ควบคู่กับ RAM 3 GB ทำให้ใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่น และมี ROM 32 GB เพิ่ม MicroSD Card ได้ ทำให้เก็บภาพถ่ายได้เยอะแน่นอน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
- พอร์ตเป็น Micro USB 2.0 อยู่
Vivo Y12s ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 4,299 บาท ขายวันแรก วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563
Android News
จะดีกว่าไหม ถ้าสมาร์ทโฟนรองรับ 5G และมีทุกระดับราคาที่ทุกคนจับต้องได้
ทำไมต้องมีสมาร์ทโฟน 5G คำถามที่หลายคนอาจสงสัยว่าในปัจจุบันจำเป็นหรือไม่ และ 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างไรในการใช้งานบนสมาร์ทโฟนของเรา ไปไขข้อข้องใจกันเลย

5G เปิดให้บริการแล้วทั้งจาก AIS และ TrueMove H รวมไปถึง dtac เองก็มีแผนขยายการเปิดให้บริการเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการให้บริการเครือข่ายไร้สายที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดถึงระดับกิกะบิต ทำให้เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์หรือเกมใหญ่ๆ ทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะเกมที่ภาพสวยๆ ขนาดไฟล์ก็ไม่น้อยกว่า 1GB แล้ว หรือดูหนังออนไลน์ที่มีภาพคมชัดสูงก็ไม่มีสะดุด อีกทั้งมีอัตราการตอบสนอง หรือ Latency ที่ต่ำมากๆ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานทำได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าการตอบสนองหรือ Latency ที่ต่ำนั้น แต่ถ้าบอกว่าปัจจุบันการเล่นเกมออนไลน์บนสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่ง 5G จะทำให้เราสามารถควบคุมการเล่นได้แบบทัน การตอบกลับระหว่างเซิร์ฟเวอร์ทำได้อย่างทันท่วงที เช่น กดยิงปืนออกไปก็โดนคู่ต่อสู้ทันที หรือกดเดิน วิ่งหนีศัตรูก็ไม่มีหน่วง เป็นต้น โอกาสชนะในเกมก็มากขึ้นตามไปด้วย

อีกหนึ่งข้อดีของ 5G คือการรองรับการใช้งานที่มากกว่าเมื่อเทียบกับ 5G เพราะสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อก่อนถ้าเป็นงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ คอนเสิร์ต งานที่รวมคนเยอะๆ เราก็จะพบโพสต์โซเชียลไม่ค่อยได้ เน็ตค้าง แต่ถ้าบนเครือข่าย 5G จะสามารถแก้ปัญหาในการรองรับจำนวนที่มากแบบนี้ได้
จะดีกว่าหรือไม่ ถ้ามีสมาร์ทโฟนที่รองรับทั้ง 4G และ 5G ซึ่งทาง realme ก็เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนแรกๆ ที่ได้เปิดตัวรุ่นที่รองรับ 5G ในระดับราคาที่ทุกคนจับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น ไปดูกันว่ามีรุ่นใดน่าสนใจบ้าง
realme X50 Pro 5G ราคา 28,990 บาท
ในช่วงกลางเปี 2020 ที่ผ่านมา ก็ได้เปิดตัว realme X50 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธง “ความเร็วแห่งอนาคต” รุ่นแรกของค่ายที่รองรับเครือข่าย 5G ซึ่งเรื่องของความแรงก็จัดมาให้เต็มๆ ทั้ง Snapdragon 865 5G, RAM 12GB พร้อมรองรับเทคโนโลยี 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จไม่กี่นาทีก็เต็ม (ดูรีวิวที่นี่)

realme X50 Pro 5G มีหน้าจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display สีสันสวยสดใส Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 คือเป็นหน้าจอที่กว้างใกล้เคียงกับโรงภาพยนตร์ อีกทั้งรองรับ HDR10+, ช่วงสี DCI-P3 100% ต้องบอกว่ารุ่นนี้จอสวยมากๆ โดนใจคนชอบเล่นเกมและดูหนังแน่นอน

สำหรับกล้องถ่ายรูปก็ให้มาครบ ด้านหลังมี 4 เลนส์ ชัดสุด 64 ล้านพิกเซล และมีกล้องซูม Teletphoto ที่สามารถซูมได้ 5x แบบออปติคอล ซึ่งเป็นการใช้เลนส์กล้องในการซูม ภาพก็จะมีความคมชัด ไม่แตก แถมยังซูมต่อแบบดิจิตอลได้ถึง 20x

realme X50 5G ราคา 12,990 บาท
ในขณะนั้น realme ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นน้องอย่าง realme X50 5G ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟน 5G ในระดับราคาหมื่นต้นๆ เป็นแบรนด์แรกๆ เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ชาวไทยได้เป็นอย่างดี จัดเต็มด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 765G 5G เร็วแรง พร้อมหน้าจอสุดลื่น Ultra Smooth 120Hz และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Dart Charge (ดูรีวิวที่นี่)

นอกจากหน้าจอลื่นๆ 120Hz แล้ว ยังมีหน้าจอที่ใหญ่เต็มตา 6.57 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ อัตราส่วน 20:9 ใครที่ชอบเล่นเกมหรือชม Netflix ก็ทำได้เต็มตา เห็นได้กว้างกว่าคนอื่นแน่นอน

ด้านการถ่ายรูปมาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ ครบทุกระยะ ไม่ว่าจะถ่ายภาพมุมกว้าง ถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย หรือถ่ายระยะใกล้แบบ Macro อีกทั้งยังมีกล้องหน้าคู่ เซลฟี่สวยเป็นธรรมชาติ พร้อมแชร์โซเชียลได้ทันที ไม่ต้องแต่งบนแอปอื่นได้ยุ่งยาก

realme 7 5G ราคา 9,999 บาท
ถัดมาช่วงปลายปี ก็ได้เปิดตัว realme 7 5G สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 800U 5G รองรับ 5G + 5G Dual Standby รุ่นแรกในราคาต่ำกว่าหมื่น เพื่อให้ทุกคนจับต้องได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าจอลื่นไหล 120Hz และแบตเตอรี่ใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W Dart Charge (ดูรีวิวที่นี่)

realme 7 5G ยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำโลโก้ realme มาดีไซน์อยู่บนฝาหลัง โดยมีพื้นผิวที่ให้เอฟเฟกต์แบบ Glasses-free 3D เมื่อขยับฝาหลังและมองในมุมต่างๆ จะเห็นโลโก้เป็นแบบ 3 มิติ มีความตื่นลึกของตัวอักษร และตัวเครื่องรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงที่มีมิติ และคุณภาพเสียง Hi-Res สำหรับการฟังเพลง ซึ่งในรุ่นนี้มีฟีเจอร์ Dual Mode Music Share สามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ฟังเพลงร่วมกันผ่านหูฟังบลูทูธได้ 2 คน ไม่ต้องแบ่งหูฟังคนละข้างแล้ว

ด้านการถ่ายรูปก็มีกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสทำได้รวดเร็ว ถ่ายกลางคืนสวย ในขณะที่กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล มาพร้อม Bokeh Effect และ AI Beauty

realme X7 Pro 5G ราคา 16,990 บาท
realme X7 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G รุ่นล่าสุดจาก realme มาพร้อมหน้าจอ Refresh Rate 120Hz สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ ชิปเซ็ต Dimensity 1000+ และใช้งานได้เต็มที่ด้วยแบตเตอรี่ 4500mAh ชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge (ดูรีวิวที่นี่)

หน้าจอที่ลื่นๆ สเปคแรงๆ และรองรับเครือข่าย 5G คือประสบการณ์การใช้งานที่เรียกว่าทำได้เต็มประสิทธิภาพตัวเครื่องอย่างแท้จริง อีกทั้งตัวชิปเซ็ต Dimensity 1000+ ยังเป็นชิปเซ็ตระดับเดียวกันกับ Snapdragon 865 อีกด้วย

สำหรับฟีเจอร์กล้องต้องบอกว่า realme X7 Pro 5G ทำออกมาได้ดีมากๆ สมกับการเป็นเรือธงรุ่นล่าสุด คมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ใช้งานได้ครบทุกระยะทั้งปกติ, Ultra-Wide, Macro รวมถึงการถ่าย Portrait โดดเด่นและสวยเป็นธรรมชาติ

จะเห็นว่า realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนแล้วมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ และสมาร์ทโฟนรุ่น 5G ก็มีให้เลือกทุกระดับราคา ตอกย้ำความตั้งใจของ realme ที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่อย่าง 5G ให้ทุกคนจับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ realme ยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ผสานรวมกับดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยหรูและโดดเด่นได้อย่างลงตัวในทุกๆ รุ่น เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟน 5G จาก realme เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่พร้อมตอบโจทย์สำหรับทุกคน
สามารถติดตามและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/realmeTH
Android News
เส้นทางความสำเร็จ realme 2020 ยอดขาย 50 ล้านเครื่อง โตเร็วสุดในโลก และจับตามองก้าวกระโดดในปี 2021
เส้นทางความสำเร็จ realme ในปี 2020 เป็นปีที่เติบโตเร็วที่สุดแบบก้าวกระโดดด้วยยอดขาย 50 ล้านเครื่องทั่วโลก ครองอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 4 ในประเทศไทย แบรนด์สมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในปี 2021

Leap Year, Year to Leap ไม่มีความบังเอิญ เหนือความตั้งใจ! ในปี 2020 เป็นปี Leap Year หรือปีปีอธิกสุรทิน ซึ่งเป็นปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน แต่สำหรับ realme คือปีที่มีการเติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด ครองอันดับ 7 ของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั่วโลก เป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกันในปี 2020 โดยติดอันดับหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนหลัก เขย่าวงการและท้าทายแบรนด์สมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่
realme ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ท่ามกลางตลาดสมาร์ทโฟนที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ด้วยวิสัยทัศน์ในการกล้าที่เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ และเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมาร์ทโฟนสเปคจัดเต็มในราคาจับต้องได้
50 ล้านเครื่องใน 2 ปี
50 ล้านเครื่องใน 2 ปี! แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ กลายเป็น “แบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดขายถึง 50 ล้านเครื่องเร็วที่สุดในโลก” โดยใช้เวลาเพียง 9 ไตรมาสเท่านั้น พร้อมต่อยอดกลยุทธ์ “Smartphone + AIoT” ในการที่จะทำให้ฮาร์ดแวร์ทั้งหมดเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ


realme ไม่ได้หยุดอยู่ที่การทำตลาดสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว แต่ได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม AIoT เพียง 1 ปี realme ได้สร้าง AIoT ecosystem ที่สมบูรณ์แบบซึ่งครอบคลุมการใช้งานหลัก 3 สถานการณ์ ได้แก่ การใช้งานส่วนตัวบุคคล (individual) การใช้งานภายในครับครัว (family) และการเดินทาง (travel)
ในประเทศอินเดีย หลังจากที่ realme เข้าสู่ตลาดหูฟัง TWS เพียง 1 เดือน สามารถครองอันดับ 5 ของตลาดหูฟัง TWS โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7% และครองอันดับ 3 หลังจากเข้าสู่ตลาดเพียง 3 เดือน ทำให้ realme เป็นแบรนด์แรกของอุตสาหกรรมที่มีส่วนแบ่งการตลาด 22% ภายในระยะเวลาครึ่งปีที่เข้าสู่ตลาดเท่านั้น
กลยุทธ์ 1+4+N
กลยุทธ์ 1+4+N เป็นสิ่งที่ realme จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นจากการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การแบ่งปันข้อมูล และการทำงานระหว่างอุปกรณ์ คอนเทนต์ ในระบบอีโคซิสเต็มของ realme นั่นเอง

- ตัวเลข 1 ในกลยุทธ์นี้คือ สมาร์ทโฟน ตัวกลางสำคัญที่สุดในปัจจุบัน เพราะทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนพกติดตัวตลอดเวลามากกว่าอุปกรณ์อื่นๆ เป็นอุปกรณ์ศูนย์กลางที่จะใช้เชื่อมต่อไปยังสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ
- ตัวเลข 4 หมายถึง สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ อีก 4 อย่าง ที่ทาง realme ต้องการให้เชื่อมต่อกันเพื่อยกระดับการใช้งานสมาร์ทโฟนและการทำงานบนดีไวซ์ต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน ได้แก่ Smart Earphone, Smart Watch, Smart TV และ Smart Speaker
- ตัว N หมายถึง รูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง และ IoT ที่เกิดจาการเชื่อมต่อกันและสร้างเป็นเครือข่าย ทำให้ระบบอีโคซิสเต็มสมบูรณ์ ใช้งานได้แบบไร้รอยต่อ
ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี realme ได้เข้าสู่ 61 ตลาดทั่วโลก พร้อมเป็นตัวเลือกแรกที่จะตอบสนองความต้องการในทุกตลาดทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 250% เมื่อเทียบกับจำนวนเมื่อต้นปี ครอบคลุม 5 ทวีปและเข้าสู่ตลาดหลักเช่น ละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และตะวันตก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม realme จึงกลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ติดอันดับ Top 5 ใน 12 ตลาดทั่วโลก และประเทศไทยครองอันดับ 4 ได้รับการขนานนาม “ตำแหน่งผู้นำตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย” จาก Financial Times และมีหน้ากว่า 68,000 แห่งทั่วโลก

Dare to Leap สโลแกนที่ทำให้ทุกคนได้เห็นกันชัดเจนว่า realme กล้าที่ก้าวกระโดดด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ทั้งดีไซน์ คุณภาพ ประสิทธิภาพ และราคาจับต้องได้ อีกทั้งยังนำเทรนด์วัฒนธรรมมาผสานรวมกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เช่น realme X7 Pro สี Iridescent, realme 7 Pro Limited Edition มาในสี Horizon Orange กับครั้งแรกที่ realme ใช้วัสดุหนัง Vegan และ realme X50 Pro Gaming Edition

ล่าสุดเมื่อเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว ทุกคนได้พบกับ realmeow ดีไซน์เนอร์-ทอย ที่ได้รับการออกแบบจาก Mark A. Walsh (มาร์ก เอ. วาลช์) ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง Pixar ซึ่งเป็นการส่งท้ายปีเก่าได้อย่างน่าประทับใจ

realme ได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำระดับโลกมากมายในการออกแบบสมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์ AIoT ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า realme ยึดมั่นในดีไซน์ที่นำเสนอจะต้องสร้างสรรค์และนำสมัย

- ในปี 2020 คุณ Jose Levy ดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ดังระโลกอย่าง Hermès และ ศิลปินเทรนด์เกาหลี Grafflex ได้เข้าร่วม realme Design Studio สร้างผลิตภัณฑ์ AIoT ที่หลากหลายพร้อมทัศนคติที่ทันสมัยสำหรับ realme และสร้างไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาดและทันสมัยโดยทุกสิ่งที่เชื่อมต่อสำหรับคนรุ่นใหม่
- ได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ 5 รางวัล ในปี 2020 realme X50 Pro 5G, X50 5G, X2 Pro, X และ Buds Q ออกแบบโดย realme Design Studio ได้รับรางวัลจากเวทีชั้นนำระดับนานาชาติ ได้แก่ Red Dot Design Award, Good Design Award, Golden Pin Design Award เป็นต้น
อีกหนึ่งจุดเด่นของ realme คือ การมอบประสบการณ์ 5G สำหรับทุกคน ด้วยการเปิดต้ว realme 7 5G ที่เรียกฮือฮาเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา เพราะเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีราคาต่ำกว่าหมื่นบาทเป็นรุ่นแรกในตลาด ตอกย้ำความตั้งใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่อย่าง 5G ให้ทุกคนจับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น
realme ยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนแล้วมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Qualcomm Snapdragon 865, 765G และยืนยันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อม Snapdragon 888 ภายใต้นามแฝงว่า “Race” ซึ่งแสดงถึงความเร็วแรงและประสิทธิภาพการทำงานสูง รวมไปถึงเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 125W UltraDart Charge และ Starry Mode ซึ่งเป็นโหมดถ่ายดาว
ก้าวกระโดดสู่ปี 2021
ขึ้นสู่ Top 3 ของตลาดหรือแม้แต่ Top 1 คือเป้าหมายที่ realme จะก้าวกระโดดขึ้นไปในปี 2021 โดยสมาร์ทโฟนยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการสร้างมูลค่าและการเติบโตบริษัท ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะในปีนี้จะมีเปิดตัวเรือธงที่จะนำเสนอประสบการณ์ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความลื่นไหลของการเล่นเกม ถ่ายวีดีโอ และการเชื่อมต่อ เพื่อเปิดประสบการณ์ผู้ใช้งานไปอีกขั้นไปกับความทรงพลังของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่จาก realme

AIoT ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น! ก้าวสำคัญของการพัฒนา AIoT ในเฟสใหม่ของ realme เพื่อขยายการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ทั้งหมดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ ตามกลยุทธ์ 1+4+N และจะเปิดแพลตฟอร์มระบบนิเวศ “realme TechLife” เพื่อค้นหาพาร์ทเนอร์ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยทั่วโลกเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์ทางเทคโนโลยีใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
- realme ตั้งเป้าเป็น Top 3 ในด้านอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Smart Wearable) ของตลาดโลก และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในตลาดหูฟัง TWS ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- realme พร้อมเดินหน้าตอกย้ำความกล้าที่จะทำเสนอผลิตภัณฑ์และอีเวนต์ที่เป็นเทรนด์ให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วโลกและก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคน Generation Z เช่น ดนตรี กีฬา วีดีโอ และ E-sports
ในปี 2021 realme วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและเทคโนโลยีล้ำสมัยจำนวนมากเพื่อรักษายืนหยัดความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี เดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยในช่วงราคาที่ต่ำกว่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้ยิ่งขึ้น
สมาร์ทโฟน 5G 25 ล้านเครื่องในปี 2021 คือยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ที่ตั้งเป้าไว้สำหรับ realme โดยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ก่อนแบรนด์หลักในตลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์ 5G และต้องมีทุกกลุ่มราคา เพื่อให้ทุกคนจับต้องได้
realme ตั้งเป้าเปิด Flagship Store แห่งแรกของโลก วางแผนเปิด “100 ร้านค้า” ในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “1,000 ร้านทั่วโลก” เพื่อครอบคลุมทุกช่องทางและเข้าถึงผู้บริโภคในทุกทิศทาง อีกทั้งเตรียมเพิ่มหมวดผลิตภัณฑ์ AIoT และช่องทางออฟไลน์เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสทดลองสินค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มรูป
เรียกได้ว่าน่าจับตามองมากๆ สำหรับ realme ในปีที่มาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเท ความกล้า และความสำเร็จแบบก้าวกระโดดกันไปแล้ว ในปีนี้ก็พร้อมจะกระโดดขึ้นไปอีกขั้นด้วยจิตวิญญาณ “Dare to Leap”
Android News
ของมันต้องมี realme narzo 20 Pro สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง ราคาต่ำกว่าหมื่น
หากพูดถึงสมาร์ทโฟนเกมมิ่ง หลายคนอาจนึกถึงสมาร์ทโฟนราคาแพงๆ แต่สำหรับ realme narzo 20 Pro ต้องบอกเลยว่าโดนใจสายเกมเมอร์กันอย่างแน่นอน ด้วยสเปคที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ และราคาไม่ถึงหมื่นบาท

realme Narzo 20 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับชิปเช็ต MediaTek Helio G95 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน ใช้กระบวนการผลิต 12nm และซีพียูแบ่งการทำงานออกเป็น Dual-core Cortex-A76 ความเร็ว 2.05GHz เวลาเล่นเกมภาพสวยๆ กราฟิกเยอะๆ จะทำได้เต็มประสิทธิภาพ และซีพียู Hexa-core Cortex-A55 ความเร็ว 2GHz เน้นการประมวลผลทั่วไป ประหยัดพลังงานได้ดี อีกทั้งยังมาพร้อมกราฟิก GPU Mali-G76 กับ RAM 8GB ที่มี AI ช่วยการจัดประสิทธิภาพการทำงานให้ทำงานได้เต็มที่

ไม่เพียงแต่มีชิปเซ็ตที่เร็วแรงเท่านั้น ด้านการเล่นเกมก็มีฟีเจอร์ Game Space ที่ช่วยให้การเล่นเกมสะดวกมากขึ้น เป็นฟีเจอร์ที่รวมเกมไว้ในที่เดียวกัน การเลือกความสำคัญในการเล่นเกมได้ เช่น โหมดแข่งขัน และการปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้รบกวนในขณะเล่นเกม

ใครที่ชื่นชอบการเล่นเกม ต้องบอกเลยว่าเจ้า Narzo 20 Pro แสดงผลภาพได้อย่างลื่นไหล เพราะหน้าจอของรุ่นนี้รองรับอัตรารีเฟรช 90Hz ดังนั้นถ้าเกมอย่าง PUBG Mobile คือลื่นไหลแน่นอน เพราะรองรับได้เต็มประสิทธิภาพ การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุกทั้งการเล่นในโหมดกราฟิกในระดับสูง และภาพความละเอียดสูง

เกม ROV เกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ สำหรับการเล่นบน realme Narzo 20 Pro รองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรตนิ่งมากๆ วิ่งระหว่าง 60-61fps ตลอดการเล่น และบางฉากวิ่งทะลุ 62fps แม้จะเป็นช่วงการร่วมทีมไฟต์ก็ไม่ตก

เท่าที่ลองเล่นเกมบน Narzo 20 Pro ไปชั่วโมงกว่าๆ ตัวเครื่องแทบไม่ร้อนเลย รู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้มีระบบระบายความร้อนทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ถ่ายเทความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าเครื่องไม่ร้อนก็จะทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานทำได้สูงสุดตลอดการใช้งาน

กรอบตัวเครื่องที่โค้งยังทำให้ถือได้กระชับมือ และถือเล่นนานๆ ไม่ลื่นหลุดมือ อีกทั้งน้ำหนักตัวเครื่อง 191 กรัม ถือว่าไม่ได้หนักมาก เมื่อเทียบกับหน้าจอใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ถือได้นานโดยไม่เมื่อยมือ

นอกจากนี้ แบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเจ้า Narzo 20 Pro มีแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh เล่นเกมต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง สนุกกันได้ยาวๆ และเป็นแบตเตอรี่แบบ Dual 3C Cells แบ่งอัตราส่วนของแบตเตอรี่เป็น 2250mAh 2 ก้อน รองรับการชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 38 นาที ชาร์จแป๊บเดียวก็หยิบไปสนุกต่อได้ทันที ไม่ต้องรอนาน

ปัจจุบันเกมออนไลน์บนมือถือได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การมีสมาร์ทโฟนสเปคแรงๆ ที่รองรับการเล่นเกมได้เต็มที่ในราคาไม่ถึงหมื่นบาท ถือว่าตอบโจทย์ทุกคนได้ดีมากๆ โดย realme narzo 20 Pro จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพียง 7,499 บาท จากปกติ 8,499 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน โดนสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ – 31 มกราคมนี้ ทาง realme Official Store บน Lazada, Shopee และ Thisshop เท่านั้น

สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางการสั่งซื้อ ดังนี้
- Lazada : https://bit.ly/3bGPJFu
- Shopee : http://bit.ly/3soBRFI
- Thisshop : http://bit.ly/2XKITGJ
ติดตามเพิ่มเติมได้ทางเพจ realme TH : https://www.facebook.com/realmeTH/
-
Apple News2 สัปดาห์ ago
iPhone 13 ยังคงดีไซน์เหมือนเดิม หนาขึ้น และมีรอยบากเล็กลง
-
Featured2 สัปดาห์ ago
รีวิว Redmi Note 9T 5G สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม รองรับ 5G, กล้อง 48MP และ Redmi 9T ขุมพลัง Snapdragon 662 แบต 6000mAh
-
Android News1 สัปดาห์ ago
เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S21 Ultra และ iPhone 12 Pro Max
-
Android News1 สัปดาห์ ago
เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S21 Ultra และ Note20 Ultra
-
Android News2 สัปดาห์ ago
ลือ! Samsung Galaxy S21 Series จัดโปรจอง แถม Buds Pro ไปฟรีๆ
-
IT News2 สัปดาห์ ago
Toonme เปลี่ยนรูปธรรมดาให้เป็นการ์ตูนสุดน่ารักด้วย AI
-
IT News2 สัปดาห์ ago
วิธีรับสิทธิ์ฟรี Starbucks Rewards Tote Bag จากสตาร์บั๊กสำหรับสมาชิกระดับโกลด์ วันนี้ – 24 ม.ค. 64
-
App&Game2 สัปดาห์ ago
5 แอปและเกมแจกฟรี (ปกติขาย) iPhone, iPad กดโหลดด่วน [11-01-2021]