Smart Review
รีวิว True SMART 4G 5.0″ และ 4.0″ ซีพียู Quad-core ราคาสุดคุ้ม โทรฟรีไม่อั้น พร้อมเล่น 4G แบบ Non-Stop
True SMART 4G Series สมาร์ทโฟนซีรีส์ใหม่ แรงสุด ชัดสุด สมาร์ทสุด จากทรูมูฟ เอช มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ True SMART 4G 5.0″ และ 4.0″ ซีพียู Quad-core ในราคาสุดคุ้ม ให้โทรฟรีไม่อั้น พร้อมเล่น 4G แบบ Non-Stop
True SMART 4G Series มาในแพ็กเกจกล่องพลาสติกฝาครอบแบบใส ดูหรูตั้งแต่กล่องเลยครับ ด้วยฝาครอบแบบใสทำให้มองเห็นตัวเครื่องชัดเจน ภายในกล่องก็จะมีตัวเครื่องสมาร์ทโฟน True SMART 4G, สาย microUSB, อะแดปเตอร์, หูฟัง, ฟิล์มกันรอย, เข็มจิ้มถาดใส่ซิม และคู่มือการใช้งาน
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และจอแสดงผล
True SMART 4G Series สมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ดูหรู ด้วยตัวเครื่องที่มีความเพียวบาง ขอบตัวเครื่องโค้งมน ช่วยให้การหยิบจับใช้งานกระชับมือ มาพร้อมซีพียู Quad-core รองรับทั้ง 4G และ 3G โดย True SMART 4G 5.0″ ขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว JDI HD เทคโนโลยีถนอมสายตาจากญี่ปุ่น และ True SMART 4G 4.0″ ขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว IPS และ OGS ให้สีสันที่คมชัดสมจริง
True SMART 4G 5.0″ โดดเด่นด้วยฝาหลังและขอบข้างตัวเครื่องที่ดีไซน์สีทองเหมือนเม็ดทราย นอกจากให้ความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้ดูหรูขึ้นด้วย
หน้าจอของ True SMART 4G 5.0″ มีหน้าจอขนาดใหญ่ 5 นิ้ว LCD เป็นหน้าจอเทคโนโลยีจาก JDI ช่วยถนอมสายตา และให้ความคมชัดระดับ HD, เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์มีขนาดใหญ่ เซลฟี่ได้คมชัด ส่วนด้านล่างหน้าจอมีปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ในขณะที่ True SMART 4G 4.0″ มีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ใช้เทคโนโลยี IPS และ OGS ซึ่งเป็นการรวมเซ็นเซอร์รับสัมผัสและส่วนแสดงผลไว้ในเนื้อเดียวกัน นอกจากจะให้สีสันที่คมชัดสมจริงแล้ว ยังช่วยให้สัมผัสหน้าจอได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อขนาด microUSB และลำโพงเสียง
ขอบด้านซ้ายไม่มีปุ่มใด ๆ ส่วนขอบทางด้านขวามีปุ่มกดสำหรับปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power, ช่องถาดใส่ซิมจำนวน 2 ช่อง
True SMART 4G 5.0″ และ 4.0″ รองรับทั้ง 4G และ 3G ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด เป็นขนาด Micro SIM กับ Nano SIM สแตนด์บายได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และถ้าไม่ใส่ซิมในช่อง 2 ก็สามารถใส่ microSD card เพื่อเพิ่มความจำให้กับตัวเครื่องได้สูงสุด 64GB โดยทั้ง 2 รุ่นมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเมทัลเกรย์ และแชมเปญโกลด์
ฝาหลังของ True SMART 4G Series ไม่สามารถแกะเปิดได้ โดยรุ่น 5.0″ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2100 mAh เปิดเครื่องสแตนด์บายได้นานสูงสุด 290 ชั่วโมง และรุ่น 4.0″ แกะฝาหลังได้ มีแบตเตอรี่ขนาด 1500 mAh เปิดเครื่องสแตนด์บายได้นานสูงสุด 150 ชั่วโมง
กล้องถ่ายรูป
จุดเด่นของ True SMART 4G 5.0″ อยู่ที่กล้องหลังซึ่งมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย 5 ชิ้นเลนส์ ค่ารูรับแสง f/2.0 ใช้เซ็นเซอร์จาก Sony มีระบบออโต้โฟกัส และแฟลช LED ช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือที่มืด ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 88 องศา เก็บภาพทั้งเซลฟี่เป็นกลุ่มหรือวิวรอบข้างได้ไม่ตกเฟรม
กล้องหน้าของ True SMART 4G 5.0″ เซลฟี่ได้ฟรุ้งฟริ้งมาก ปรับผิวให้ขาวเนียน แล้วแชร์ลงโซเชียลได้ทันที
เมนูกล้องของ True SMART 4G 5.0″ จัดเรียงให้เลือกใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีระบบออโต้โฟกัส พร้อมโหมดติดตามวัตถุด้วย โดยปุ่มถ่ายภาพและวิดีโอจะอยู่แถบทางด้านขวามือ, โหมดกล้องจะอยู่แถบทางด้านซ้าย และแถบด้านบนจะมีเมนูการใช้งานท่าทางชู 2 นิ้วเพื่อถ่ายรูป, เปิด/ปิด HDR, เปิด/ปิดไฟแฟลช และปุ่มสลับกล้องหน้า/หลัง
เปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างปิด HDR (ซ้าย) ซึ่งรายละเอียดพื้นที่ส่วนที่มืดจะมืดไปเลยและพื้นที่สว่างก็สว่างจ้า ในขณะที่เมื่อเปิด HDR (ขวา) ภาพที่ได้จะมีความสว่างทั่วทั้งภาพ โดยเฉพาะพื้นที่มืดก็จะสว่างขึ้น เก็บรายละเอียดภาพได้ดีขึ้นด้วย
กล่องถ่ายรูปรองรับการแนบแผนที่ลงในภาพถ่าย, มีระบบตรวจจับใบหน้าและรอยยิ้ม, ตั้งเวลาถ่าย, ถ่ายภาพต่อเนื่องติดต่อกันได้สูงสุด 99 ช็อต
สำหรับอัตราส่วนภาพ หากเลือก 4:3 จะได้ความละเอียดภาพสูงสุด 13 ล้านพิกเซล แต่ถ้าเลือก 16:9 จะได้ขนาดสูงสุด 8 ล้านพิกเซล
เมนูการตั้งค่ากล้องวิดีโอมีเมนูได้ตั้งค่าลดเสียงรบกวนด้วย เพื่อให้เสียงขณะบันทึกวิดีโอคมชัดมากขึ้น

พาโนรามา
โหมดถ่ายภาพพาโนรามา สามารถแพนกล้องไปได้ทั้งทางด้านซ้ายหรือขวาเพื่อถ่ายแนวนอน และด้านบนหรือด้านล่างเพื่อถ่ายแบบแนวตั้ง ซึ่งโหมดพาโนรามาของ True SMART 4G 5.0″ จะถ่ายภาพเป็นช็อต ๆ แล้วสุดท้ายระบบจะนำภาพมารวมกันเป็นภาพเดียวกัน
อีกหนึ่งโหมดน่าสนใจคือโหมดหลายมุมมอง เป็นการถ่ายภาพแล้วหมุนกล้องไปรอบวัตถุเพื่อให้ได้ภาพในทุกมุมของวัตถุนั้น ๆ ซึ่งโหมดนี้ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้น โดยไฟล์จะถูกจัดเก็บเป็นสกุล .mpo ซึ่งเป็นสกุลไฟล์แบบ 3 มิติ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสิทธิภาพการทำงาน
มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ True SMART 4G 5.0″ ซึ่งรันระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ใช้ชิปเซ็ต MTK mt6732 ซีพียู Quad-core 1.5GHz กับจีพียู mali450-MP4 และแรม 1GB
ผลการทดสอบ AnTuTu ในโหมด 64 บิต ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรมและประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 31,440 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีราคาสูงกว่า และผลทดสอบคะแนนรวมจาก Quadrant Standard ได้ 9,837 คะแนน
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 5 จุด
สรุปจุดเด่นและความคุ้มค่า
จุดเด่นของ True SMART 4G 5.0″
- รองรับทั้ง 4G และ 3G
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์จาก Sony
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เซลฟี่คมชัด ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
- หน้าจอ 5 นิ้ว JDI HD
- ซีพียู Quad-core 1.5GHz
- แรม 1GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 8GB
- แบตเตอรี่ 2100 mAh
จุดเด่นของ True SMART 4G 4.0″
- รองรับทั้ง 4G และ 3G
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัสพร้อมแฟลช
- กล้องหน้า VGA
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
- หน้าจอ 4 นิ้ว OGS/IPS
- ซีพียู Quad-core 1.0GHz
- แรม 512MB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 4GB
- แบตเตอรี่ 1500 mAh
True SMART 4G 5.0″ ราคาเครื่อง 4,990 บาท ลดเหลือเพียง 2,495 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G iSMART Extra 499 ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3 เดือน สัญญา 6 เดือน และรุ่น True SMART 4G 4.0″ ราคาเครื่อง 2,990 บาท ลดเหลือเพียง 1,495 บาทเมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G iSMART Extra 399 ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3 เดือน สัญญา 6 เดือน
นอกจากจะได้สมาร์ทโฟนสเปคแรง ๆ ราคาสุดคุ้มแล้ว ยังได้โทรฟรีไม่อั้น พร้อมเล่น 4G แบบ Non-Stop ไม่ต้องกลัวเน็ตหมด อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นดี ๆ จากทรูให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย และที่สำคัญรับประกันตัวเครื่องนานถึง 15 เดือน
ดูรายละเอียด True SMART 4G Series เพิ่มเติมได้ที่ http://truemoveh.truecorp.co.th/campaign/entry/5378
Featured
รีวิว OPPO A94 “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” ทั้งชาร์จไว 30W และถ่ายภาพในราคาเพียง 9,499 บาท
OPPO A94 ตัวท็อปจาก OPPO A-Series มาพร้อมสโลแกน “ใช้ชีวิตให้เต็มสปีด” มีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย ทั้งระบบชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 กล้องหลัง AI Quad Camera ลูกเล่นเพียบ AI Color Portrait Video, Dual-view Video, Dynamic Bokeh หน้าจอ AMOLED 6.43” ด้วย
วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ขอมารีวิวให้ชมกันสักหน่อย ว่าจะน่าใช้แค่ไหนเนาะ มาเริ่มกันเลย !

สรุปสเปค OPPO A94
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.1 x 73.2 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก : 172 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Single Punch-hole Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) สัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 90.8% และอัตราส่วน 20:9
- หน่วยประมวลผลแบบ MediaTek Helio P95 ความเร็ว 2.2GHz (12nm)
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB เพิ่ม MicroSD Card สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ : 4310mAh
- ระบบชาร์จ : 30W VOOC Flash Charge 4.0
- กล้องหลัง 4 ตัว AI Quad Camera
- 48MP กล้องหลัก f/1.7
- 8MP กล้อง Ultra wide angle มุมกว้าง 119 องศา f/2.2
- 2MP กล้อง macro f/2.4
- 2MP กล้อง mono f/2.4
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 32MP f/2.4
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1
แกะกล่อง
OPPO A94 มาพร้อมกล่องขนาดมาตรฐานของ OPPO รอบนี้ใช้โทนสีฟ้ามีโลโก้ A และชื่อรุ่นเด่น ๆ ชัดเจนแต่ไม่มีภาพประกอบของตัวเครื่องอยู่ที่หน้ากล่อง ด้านหลังของตัวกล่องจะมีไฮไลท์เด่น 4 อย่างและรายละเอียดสีสันของเครื่องที่อยู่ในกล่องก็จะอยู่ที่ด้านหลังด้วยครับ


อุปกรณ์ภายในกล่องของ OPPO A94 ก็ให้มาครบพร้อมใช้เลยครับประกอบด้วย 6 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง OPPO A94
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0
- สาย USB type-C
- เคสซิลิโคนใส
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน

ดีไซน์สวย ดูพรีเมี่ยม ไล่เฉดดึงดูทุกสายตา
ได้เวลายลโฉม OPPO A94 กันแล้วครับ รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สีคือสีม่วง Fantastic Purple และสีดำ Fluid Black แน่นอนว่าเครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นสีม่วง Fantastic Purple ไล่เฉดสวยงามมาก เป็นครั้งแรกของ OPPO ที่ใช้กระบวนการเคลือบสีแบบ Liquid Crystal ที่ช่วยให้การไล่เฉดสีดูมีมิติอย่างมาก


สีม่วงของรุ่นนี้ไม่ใช่สีม่วงทั้งฝาหลังเพราะจะมีการเล่นเฉดจากสีม่วงลงไปถึงสีเขียวที่ละเอียดอ่อนคล้ายแสงออโรร่าซึมผ่านสีม่วงอีกที ส่วนผิวสัมผัสของฝาหลังจะเป็นแบบมันวาวดูพรีเมี่ยมเอามาก ๆ แต่ก็แอบมีจุดสังเกตเล็ก ๆ คือฝาหลังแบบนี้เก็บรอยนิ้วมือค่อนข้างง่ายเลยแหละ แต่ในการใช้งานจริงเชื่อว่าหลายคนคงใส่เคสอยู่แล้ว เลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเนาะ

บางเบาน่าสัมผัส
อีกเรื่องที่ OPPO A94 ทำได้ดีมากก็คือขนาดและน้ำหนักครับ รุ่นนี้มาพร้อมความบางเพียง 7.8 มม. เบาแค่ 172 กรัม จับถือแล้วรู้เลยว่าตัวเครื่องบางเฉียบจริง ๆ แต่ขอบเครื่องและความโค้งของฝาหลังก็ช่วยให้ตัวเครื่องจับได้ถนัดมือแม้จะบางและเบาขนาดนี้ก็ตาม ตัวเลนส์กล้องก็ไม่ได้นูนออกมาจากตัวเครื่องมากนัก รวม ๆ ในเรื่องขนาดก็เลยเป็นความเพรียวบางแบบที่จับต้องได้จริง ๆ

หน้าจอ AMOLED Punch-hole Display
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า OPPO A94 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43” พร้อมดีไซน์แบบ Single Punch-hole Display ขนาดเล็ก 5.69 มม. ไม่กวนสายตาเวลาใช้งาน ใข้พื้นที่หน้าจอเยอะถึง 90.8% เรียกว่าพื้นที่ด้านหน้าส่วนใหญ่นั้นเป็นหน้าจอแบบเต็ม ๆ เลยล่ะครับ

ในเรื่องการแสดงผล ด้วยความเป็นจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ ก็ช่วยให้สีสันและความคมชัดบนหน้าจอนั้นสูงมาก เอามาดูหนังหรือเล่นเกมนี่ฟินแน่นอนครับ มิติภาพและการสู้แสงก็ดีจริง ๆ นอกจากนี้ OPPO A94 ยังมีฟีเจอร์ AI Eye Comfort ที่รวมเอาเทคโนโลยี Sunlight screen และ Moonlight screen มารวมกันทำให้ใช้งานได้อย่างสบายตาตลอดทั้งวันอีกด้วยครับ

และแน่นอนว่าการใช้หน้าจอ AMOLED แบบนี้ก็สามารถซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บนหน้าจอได้ด้วย บน OPPO A94 เป็น In-Display Fingerprint 3.0 ด้วย เพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการแตะสแกนเข้าไปอีก

รอบ ๆ ตัวเครื่องยังคงวางปุ่มกดและพอร์ตการเชื่อมต่อไว้ที่มุมมาตรฐานของ OPPO เหมือนเดิม ที่ด้านขวามีปุ่ม Power วางตำแหน่งไว้ที่นิ้วโป้งพอดี ส่วนปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ฝั่งซ้าย กดได้ง่ายเหมือนกัน


ช่องใส่ซิมของรุ่นนี้จะอยู่ที่มุมซ้ายเหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงนี่แหละ ถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot ใส่ได้ทั้ง 2 ซิมและ micro-SD การ์ดเลยครับ
ด้านบน-ล่างของตัวเครื่องก็จะมีความโค้งมนเล็ก ๆ ให้ตัวเครื่องดูน่าจับถือขึ้นมาอีก มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างมีไมโครโฟนสนทนา พอร์ตการเชื่อมต่อหลัก USB type-C ช่องหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ


ใช้ ColorOS 11.1 บน Android 11
สำหรับซอฟต์แวร์ OPPO A94 ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 ในเรื่องความลื่นไหลต้องบอกว่าดีมาก พักหลัง OPPO มีการปรับพวก UI ให้คลีนและน่าใช้งานมากขึ้นเยอะ มีการจัดสรรสเปคให้เข้ากับแอปที่จะใช้งานด้วย System Performance Optimizer


การปรับแต่งก็หลากหลาย ทั้งการปรับรูปแบบไอคอน สีสันของระบบ ธีม อนิเมชั่นสแกนลายนิ้วมือ ฟอนต์ รวมถึง Dark mode ด้วย ซึ่งตัว Dark mode ของ ColorOS 11.1 เรายังสามารถปรับได้ 3 ระดับได้แก่ Enhanced, Medium หรือ Gentle


ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
เข้าสู่เรื่องประสิทธิภาพกันบ้าง OPPO A94 มาพร้อมหน่วยประมวลผล MediaTek Helio P95 พร้อมความจุ 8GB + 128GB ถือว่าเป็นสเปคมาตรฐานที่ใช้งานได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปเล่นโซเชี่ยล เข้าเว็บ ดู YouTube ก็สบายใจได้ ผลทดสอบประสิทธิภาพคร่าว ๆ จาก GeekBench 5 ก็ออกมาที่ Single-core 396 คะแนนและ Multi-core 1481 คะแนนครับ

รู้คะแนนคร่าว ๆ ไปแล้ว ก็มาทดสอบเล่นเกมกันเลยดีกว่า OPPO A94 มาพร้อมฟีเจอร์ Game Space แอปที่ช่วยจัดการประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ยอดเยี่ยมที่สุด โดยจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องรวมถึงเครือข่าย ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญขณะเล่นเกมให้ด้วย นอกจากนี้ในแอปนี้เรายังสามารถเลือกโหมดได้ 3 แบบคือ Low Power mode (โหมดกำลังไฟฟ้าต่ำ) Banlanced mode (โหมดสมดุล) และ Competition mode (โหมดแข่งขัน)

ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวเราสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้จากในเกมได้เช่นกัน ขณะที่เราเล่นเกมอยู่เราสามารถเลื่อนแถบเล็ก ๆ สีเขียวที่มุมจอเพื่อเรียกเมนู Game Space ขึ้นมาแล้วดูรายละเอียดการใช้พลังงานของตัวเครื่อง fps ขณะที่เล่นอยู่ ปรับโหมดหรือปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ด้วยครับ

ทดสอบการเล่นเกม
แน่นอนว่าเราอยากเห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของ OPPO A94 ในการทดสอบเล่นเกมนี้เราจึงเปิดโหมด Competition หรือโหมดแข่งขันไปเลย และเกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้คือ Asphalt 9, ROV, Call of Duty และ Crash Bandicoot On the Run ครับ

เล่น Asphalt 9 บน OPPO A94
เริ่มที่เกมแข่งรถสุดฮิตอย่าง Asphalt 9 เกมนี้เน้นไปที่ภาพกราฟิกสวยงามและการควบคุมด้วยการเอียงเครื่องเป็นหลัก กราฟิกในเกมสวยงาม แสดงผลได้อย่างคมชัดมีฉากเรนเดอร์ช้าบ้างแต่ไม่เป็นปัญหาในการเล่นครับ เฟรมเรตในเกมนิ่งใช้ได้เลย ไม่มีอาการหน่วงหนัก ๆ ให้เห็นครับ




เล่น ROV บน OPPO A94
ต่อมากับเกม ROV อันนี้เราสามารถปรับค่ากราฟิกได้เยอะเลย เท่าที่เราลองปรับ HD Display ได้ระดับสูงสุด, Display Quality ได้ระดับ 4/5 รองรับเฟรมเรตสูงด้วย เท่าที่เล่นมาจริง ๆ ถือว่าทำได้ดีเลยครับ เฟรมเรตอยู่ระดับ 58 – 61fps เลย ไม่มีอาการเฟรมเรตตกให้เห็น หน้าจอขนาดใหญ่ของรุ่นนี้ช่วยให้การเล่นเต็มตาดีจริง ๆ




เล่น Call of Duty บน OPPO A94
และเกมยิงสุดฮิตอย่าง Call of Duty ก็ให้เราปรับกราฟิกกับเฟรมเรตได้ที่ระดับ High ทั้งคู่ เพียงพอต่อการเล่นแบบจริงจังแล้วล่ะครับ เท่าที่เราเช็กจาก Game Space เฟรมเรตจะอยู่ที่ 45fps ครับ ถือว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลแล้ว ตัวหน้าจอ AMOLED นั้นตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดี เรียกว่าเล่นได้ลื่นไหลไม่ขัดใจครับ OPPO A94




เล่น Crash Bandicoot On the Run บน OPPO A94
ปิดท้ายที่เกมวิ่งเกมใหม่อย่าง Crash On the Run ตัวเกมไม่มีการตั้งค่ากราฟิกให้เลือกปรับ แต่เท่าที่สังเกตกราฟิกในเกมจะอยู่ในระดับกลาง มีพวกเงาที่อาจจะไม่สวยงามมาก แต่โดยรวมถึงว่าภาพสวยใช้ได้เลย เท่าที่เล่นจริง ๆ ตัวเกมรันได้สูงสุดถึง 61fps เลย ความลื่นไหลทำได้ดีครับ มีจังหวะเฟรมตกบ้างตอนสลับกลับมาหน้าเมนูในเกม ซึ่งไม่ได้มีผลตอนเล่นครับ


โดยรวมในเรื่องการเล่นเกม OPPO A94 ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดครับ แม้หน่วยประมวลผลจะเป็นซีรีส์ P ของ MediaTek ก็ตาม แต่ในเกมฮิต ๆ อย่าง ROV หรือ Call of Duty ก็สามารถปรับกราฟิกไปได้ระดับสูง เล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดเลย ถ้าเคยมองว่าชิป MediaTek ไม่เหมาะกับการเล่นเกม เราว่าคุณต้องคิดดูใหม่แล้วล่ะครับ !

แบตเตอรี่เยอะใช้งานได้นาน
เห็นตัวเครื่องบางเฉียบแบบนี้แต่เรื่องแบตเตอรี่ OPPO A94 ก็ไม่ธรรมดานะครับ ให้ความจุมาที่ 4310mAh เยอะพอจะใช้งานได้ทั้งวันแบบไม่ต้องกังวล เท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ จะเล่นเกมหรือถ่ายรูปจริงจังก็เอาอยู่ครับรุ่นนี้

รองรับชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0
แต่ถ้าเล่นจนหมดจริง ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเลยเพราะ OPPO A94 มีระบบชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 มาให้ ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว OPPO เคลมว่าจาก 0 -100% ในเวลาเพียง 56 นาทีเท่านั้น

เท่าที่เราลองชาร์จจริง ๆ ก็เรียกว่าได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับที่ OPPO เคลมไว้จริง ๆ ครับ เริ่มชาร์จจาก 10% ตอน 15.30 น. จนถึง 16.20 น. แบตเตอรี่ก็เต็มแล้วเรียกว่าเร็วสุด ๆ

หรือถ้ามีเวลาไม่มากแต่ต้องใช้งานแบบด่วน ๆ เพียงแค่เราชาร์จสัก 5 นาทีก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้เป็น ชั่วโมงแล้วครับ จะโทรศัพท์คุยก็ได้กว่า 3.2 ชม. ดู YouTube ได้ 2.9 ชม. หรือจะเล่น IG ก็ได้ 1 ชม. เลย ไม่พลากทุกการใช้งานจริง ๆ ใช่ไหมล่ะครับ

AI 4 กล้องหลังความละเอียดสูงสุด 48MP
มาปิดท้ายกันที่เรื่องกล้อง OPPO A94 มาพร้อมกล้องหลัง AI 4 กล้องหลัง จัดเต็มด้วยความละเอียดสูงสุด 48MP มีสเปคกล้องคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- 48MP กล้องหลัก f/1.7
- 8MP กล้อง Ultra wide angle มุมกว้าง 119 องศา f/2.2
- 2MP กล้อง macro f/2.4
- 2MP กล้อง mono f/2.4

ถ่ายภาพได้สนุกในทุกโหมด
เริ่มที่เรื่องไฮไลท์ที่ OPPO เก่งมาตลอดกับ Portrait ที่รอบนี้ขนฟีเจอร์มาเพียบบน OPPO A94 ทั้ง AI Color Portrait, AI Color Portrait Video, Night Flare Portrait, Dual-view Video จาก OPPO Reno5 แถมยังมีลูกเล่นใหม่อย่าง Dynamic Bokeh เพิ่มเข้ามาอีก ช่วยให้เราถ่าย Portrait ได้อย่างสนุกมากขึ้น


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO A94




โหมด Auto ใช้งานง่ายมี AI Scene Enhancement 2.0
OPPO A94 ได้กล้องหลังมาพร้อมใช้งานมาก ๆ ในเรื่องซอฟต์แวร์ก็ยังมี AI Scene Enhancement 2.0 มาคอยจัดการให้เราได้ภาพที่สวยคมชัดแบบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติม แบบที่เรียกว่าถ่ายปุ๊บก็สวยปั๊บ จบหลังกล้องไปได้เลย ซึ่งในโหมด Auto หรือ Photo แบบค่าเริ่มต้นจะเป็นการประมวลผลภาพรวมพิกเซลแบบ 4 in 1 จากความละเอียดเต็ม 48MP มาเป็น 12MP ครับคุณภาพจากกล้องหลักก็ทำได้ดีครับ ความคมชัดและสีสันทำได้ดีตามที่ AI Scene Enhancement จัดให้ การจัดการซีนก็ถือว่าวิเคราะห์ได้เร็วเลย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO A94







โหมด 48MP ก็มี
อย่างที่บอกไปว่าในโหมด Photo ปกติ กล้องของ OPPO A94 จะถ่ายมาเป็นความละเอียด 12MP ที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว แต่ถ้าเราอยากได้ความละเอียดเต็ม 48MP เลยก็ทำได้ด้วย ให้เลือกจากมุมของหน้าจอลากลงมาแล้วเปิด 48MP เท่านี้เราก็จะได้ภาพความละเอียดเต็มแล้ว ซึ่งถามว่า 48MP นี่ชัดแค่ไหน ลองดูตัวอย่างจากภาพที่เราครอปมาให้ดูกันเลย คมมาก !


Ultra wide angle มุมกว้าง 119 องศา
ส่วนกล้อง Ultra wide angle ของ OPPO A94 จะมีมุมกว้าง 119 องศา ช่วยให้เราถ่ายภาพวิวได้กว้างมากขึ้น หรือจะประยุกต์ใช้กับการถ่ายคนให้ขายาวก็ได้ คุณภาพของกล้องตัวนี้ก็ทำได้ดีครับ เก็บแสงและรายละเอียดของภาพมาใช้ได้เลย





macro เข้าใกล้ได้อีก
กล้อง macro ก็ใส่มาให้ด้วย เราสามารถถ่ายภาพวัตถุใกล้ ๆ ได้มากกว่าจากกล้องปกติ ช่วยให้ได้รายละเอียดของวัตถุในระยะประชิดได้ดีขึ้นไปอีกครับ




Ultra Night mode พร้อม Night Plus
โหมดกลางคืน OPPO A94 ยังได้ Ultra Night mode เทพ ๆ ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพกลางคืนออกมาสวย ๆ เหมือนเคย แต่รอบนี้เพิ่มลูกเล่นฟิลเตอร์ Night Plus ช่วยให้เราได้ถ่ายภาพกลางคืนได้แตกต่างจากเดิม โดยมีให้เลือก 3 แบบประกอบด้วย

- Cosmopolitan เพิ่มโทนสีทองอันอบอุ่นและสบายตาโดยใช้ถ่ายภาพเมือง ยามค่ำคืน
- Astral การสาดสีเขียวฟ้า ส้ม และเหลืองเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับ ท้องฟ้ายามค่ำคืนและทิวทัศน์ของเมืองยามเย็น
- Dazzle เพิ่มแสงไฟระยิบระยับจากอาคารและทิวทัศน์ยามค่าคืนให้โดดเด่น มากยิ่งขึ้น









เซลฟี่สวยด้วยกล้องหน้า 32MP และ AI Beautification 2.0
ปิดท้ายเรื่องกล้องด้วยกล้องหน้า OPPO A94 มาพร้อมกล้องหน้า 32MP ถ่ายภาพออกมาสวยคมชัดแน่นอน แถมยังมี AI Beautification 2.0 เข้ามาจัดการเรื่องความสวยเนียนของใบหน้า ปรับแต่งสีสันของริมฝีปากได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงยังตกแต่งเอฟเฟกต์การตกแต่งใบหน้าให้เหมาะสมกับเพศและอายุของแต่ละคนได้ด้วย


สรุป “นี่คือสมาร์ทโฟนต่ำหมื่นที่ให้คุณใช้ชีวิตได้เต็มสปีดจริง ๆ”
สรุปแล้ว OPPO A94 ก็เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่ำหมื่นที่ช่วยเติมเต็มในเรื่องสปีดได้อย่างครบถ้วนจริง ๆ เพราะได้ระบบชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 ที่เร็วและปลอดภัย ใช้งานมาหนักแค่ไหนขอแค่เวลาไม่นานก็ชาร์จกลับขึ้นมาแล้ว หน่วยประมวลผล Helio P95 ก็เร็วตอบโจทย์การใช้งานไม่น้อย จะเล่นเกม เล่นโซเชี่ยลไม่ติดขัด ใช้หน้าจอ AMOLED 6.43” สวยคมชัดแถมยังได้ซอฟต์แวร์ ColorOS 11.1 ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหลอีกต่างหาก เรื่องกล้องก็ขนฟีเจอร์เด่น ๆ ของรุ่นพี่มาครบทั้ง AI Color Portrait, Dual-view Video และอีกเพียบ มีดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามและสะดุดตาเครื่องสี Fantastic Purple ที่เราได้มารีวิวต้องบอกเลยว่าเป็นสีม่วงที่สวยมาก ๆ สีหนึ่งที่เราเคยเห็นเลยล่ะ ส่วนจุดสังเกตของรุ่นนี้ก็พอมีบ้างคือเรื่องฝาหลังที่ติดรอยนิ้วมือค่อนข้างง่ายกับ refresh rate หน้าจอที่ยังเป็นแค่ 60Hz นี่แหละเนาะ ถ้ารับ 2 เรื่องนี้ได้ ก็จัดเลยรุ่นนี้คุ้มจริง ๆ ครับ !

OPPO A94 ราคา 9,499 บาท
OPPO A94 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ OPPO Brand Shop ในราคา 9,499 บาท พร้อมโปรโมชั่นแพ็คคู่สุดคุ้มเมื่อซื้อคู่กับ OPPO Band จากปกติ 1,199 บาทเหลือเพียง 999 บาท และพิเศษเมื่อซื้อกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่ายเริ่มต้นเพียง 4,989 บาท



จุดเด่น
- หน้าจอ AMOLED 6.43” สีสันสวยคมชัด
- บอดี้งานประกอบดี ฝาหลังสีสวยมาก
- ตัวเครื่องบางเบาน่าใช้งาน
- รองรับระบบชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0
- ฟีเจอร์กล้องให้มาเพียบ ไม่มีกั๊ก
จุดสังเกต
- ฝาหลังเก็บรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
- refresh rate หน้าจอยังเป็นแค่ 60Hz
Smart Review
รีวิว Mi 11 Lite หน้าจอ 1 พันล้านสี กล้องหลัง 64MP ราคาไม่ถึงหมื่นบาท
รีวิว Mi 11 Lite สมาร์ทโฟนหน้าจอ AMOLED DotDisplay ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการแสดงผลสีแบบ 10-bit แสดงผลสีระดับ 1 พันล้านสี และยังมี HDR10 ที่ช่วยให้ภาพมีคอนทราสต์มากขึ้น ในราคาไม่ถึงหมื่นบาท

สรุปสเปค Mi 11 Lite
- ขนาดรอบตัวเครื่อง : 160.5 x 75.7 x 6.8 มม.
- น้ำหนัก : 157 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 6.55 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล AMOLED แสดงผลสี 1 พันล้านสี มีอัตรารีเฟรช 90Hz และ HDR10
- หน่วยประมวลผลแบบ Snapdragon 732G
- RAM 8GB+128GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, NFC, Infrared และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4250mAh รองรับ 33W
- สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- ลำโพงสเตอริโอ
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Mi 11 Lite เป็นสมาร์ทโฟนใน Mi 11-series ที่มีราคาให้ทุกคนจับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ครบ โดอุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Mi 11 Lite
- อะแดปเตอร์ 33W
- สาย USB Type-C
- สายแปลง Typec-C เป็น 3.5mm
- เข็มเปิดถาดซิม
- เคส
- คู่มือผู้ใช้ และบัตรรับประกัน

ดีไซน์ของ Mi 11 Lite มีความเพรียวบาง น้ำหนัก และดูทันสมัยด้วยการดีไซน์ฝาหลังมีขอบโค้ง 2.5D และกรอบตัวเครื่องที่โค้งเพื่อให้การจับใช้งานพอดีกับมือ

ตัวเครื่องที่ใช้รีวิวครั้งนี้เป็นสีฟ้า Bubblegum Blue ซึ่งฝาหลังนั้นป้องกันแสงสะท้อนและลดการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ด้านหลังมีเลนส์กล้อง 3 ตัว เป็นโมดูลกล้องแบนราบแทบติดกับเครื่อง เพราะนูนขึ้นมาเหลือฝาหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประกอบด้วยกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล f/1.8, กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2 และกล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งทาง Mi เรียกกล้องตัวนี้ว่า Telemacro ที่สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ชัดเจนมากขึ้น

กล้องหน้าเป็นดีไซน์แบบ Punch Hole ซึ่งเป็นการเจาะรูแล้วฝังกล้องหน้าไว้ในหน้าจอ ทำให้กินพื้นที่แสดงผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และช่วยลดขนาดขอบหน้าจอเพื่อการมองเห็นแบบเต็มตาที่สุด เวลาดูคอนเทน์ ดูหนัง หรือเล่นเกม ก็จะเห็นได้เต็มขอบจอทุกด้าน

จุดเด่นของรุ่นนี้อย่างแรกเลยคือ หน้าจอแสดงผล 6.55 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล AMOLED 10-bit แสดงผลสี 1 พันล้านสี มีอัตรารีเฟรช 90Hz และรองรับ HDR10 จะเห็นว่าสีสันที่เห็นบนหน้าจอนั้นสวยสดใสมากๆ

นอกจากนี้แล้ว หน้าจอยังครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ลดรอยขีดข่วนและการตกกระแทกได้ โดยขอบกระจกมีความโค้งมน 2.5D เวลามือโดนขอบจอก็จะไม่รู้สึกคมนั่นเอง

ขอบด้านล่างตัวเครื่องจะมีถาดใส่ซิม, ไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และลำโพง


ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง และอินฟราเรด (IR blaster)

ด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ขอบโค้งที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
Mi 11 Lite ใช้ MIUI 12 ที่ครอบทับอยู่บน Android 11 เรียกว่าตัวล่าสุดตอนนี้แล้ว ทำให้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้ทันทีตั้งแต่แกะออกจากกล่อง

เรามาไล่ดูเมนูต่างๆ ตั้งแต่การเชื่อมต่อกันก่อนเลยครับ ตัวเครื่องรองรับ 2 ซิมการ์ด และใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด ทำให้เวลาสลับเน็ตระหว่างซิมทำได้ทันที ไม่ต้องรอรีเซ็ตสัญญาณ

ในเรื่องของการเชื่อมต่อไร้สายอื่นๆ ก็รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Dual-band, Wi-Fi Direct, Hotspot, Bluetooth 5.1 และรุ่นที่นำเข้าวางจำหน่ายในไทยรองรับ NFC ด้วย

การแสดงผลมีให้เลือก 2 โหมดหลักๆ คือ โหมดสว่าง และโหมดมืด รวมไปถึงมีโหมดการอ่านสำหรับลดแสงสีฟ้าให้เป็นโทนสีอุ่นเพื่อความสบายตาในการมองดูหน้าจอ โดยอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ตั้งค่ามาให้ในตอนแรกจะเป็นมาตรฐาน 60Hz เราสามารรถเลือกเป็น 90Hz เพื่อความลื่นไหลที่ดีที่สุดของภาพบนหน้าจอ

การปลดล็อคหน้าจอสามารถตั้งรหัสผ่าน ใช้ลายนิ้วมือ หรือปลดล็อคด้วยใบหน้าก็ได้

สำหรับการใช้งานมือเดียว เพื่อให้เอื้อมแตะให้ทั่วหน้าจอ สามารถเปิดโหมดถนัดมือเพื่อย่อขนาดหน้าจอลงได้ จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะปุ่มโฮมแล้วปัดไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้

Game Turbo ตัวช่วยในการเพิ่มประสิทธิตัวเครื่องให้ทำงานได้สูงสุดสำหรับการเล่นเกม เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล สามารถเปิดใช้งานได้ในเมนูการตั้งค่า

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Mi 11 Lite ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 732G โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือ GPU ทำได้ 339,580 คะแนน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน

ผลการทดสอบด้วย Geekbench 5 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดย Single-Core ทำได้ 543 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 1714 คะแนน

ทดสอบเกม ROV เปิดโหมดเฟรมเรตสูง จะเห็นว่าเฟรมเรตนิ่งมากๆ ที่ 59-60fps ตลอดการเล่น แม้จะเป็นช่วงการร่วมทีมไฟต์ก็ไม่ตก เล่นได้ลื่นๆ และบางฉากก็วิ่งทะลุไปที่ 61fps

สำหรับการเล่นเกมหนักๆ อย่าง PUBG Mobile ต้องบอกเลยว่าภาพในเกมสวยคมชัด เลื่อนหน้าจอเพื่อเปลี่ยนมุมมองก็ลื่นไหลดีมากๆ ครับ และตอนกดยิง การตอบสนองเร็วมากๆ แตะนิ้วติดนิ้วไม่มีหลุด ซึ่งในรุ่นนี้มีอัตราการตอบสนองไวถึง 240Hz นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว ซอฟต์แวร์ที่มีบน Mi 11 Lite อย่าง Game Turbo ยังช่วยดึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องให้ทำงานได้เต็มที่ ก็จะช่วยให้การเล่นทำได้ไหลลื่น การสัมผัสต่างๆ ก็ตอบสนองไวอีกด้วย


Mi 11 Lite มาพร้อมระบบชาร์จไวสูงสุดถึง 33W ถ้าแบตใกล้หมดก็เสียบชาร์จแป๊บเดียวก็หยิบไปเล่นต่อได้ทันที

กล้องถ่ายรูป
Mi 11 Lite เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ได้รับการถ่ายทอดประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูปจากรุ่นพี่ด้วยกล้อง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.97 นิ้ว
ภาพถ่ายกล้องหลัก
ภาพถ่ายแสงน้อยและกลางคืน

ภาพถ่าย Portrait
กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างได้ครบ ขอบภาพก็ยังให้รายละเอียดที่ดี และใช้งานได้ในโหมดกลางคืนด้วย
ภาพถ่ายกล้อง Ultra Wide

กล้อง Telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพระยะปกติได้ และถ่ายภาพโคลสอัพสิ่งของหรือวัตถุเล็กๆ ให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนกว่ากล้อง Macro ทั่วไป
ภาพถ่ายกล้อง Telemacro
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซลฟี่ได้สวยทุกสภาพแสง เพราะใช้งานในโหมดกลางคืนหรือ Night Mode ได้ด้วย


นอกจากภาพนิ่งแล้ว วิดีโอยังถ่ายสนุกด้วยโหมดลูกเล่นต่างๆ ละฟิลเตอร์ที่ให้ใช้งานหลากหลาย เช่น Magic Zoom, ชัตเตอร์ช้า, Time Lapse กลางคืน, หยุดเวลา, โลกคู่ขนาน และวิดีโอแช่เฟรม

สรุป Mi 11 Lite ตัวเลือกคุ้มค่าในราคาตำ่กว่าหมื่น
จากการใช้งาน Mi 11 Lite ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอีกรุ่นเลยในระดับราคาต่ำกว่าหมื่น หากใครกำลังมองหารุ่นที่มีดีไซน์บางเบา พกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้ง่าย รวมไปถึงใครที่ชอบดูคลิป ดูหนัง จะได้หน้าจอ AMOLED แสดงผลสีระดับพันล้านสี คือสีสันสดใสสวยมาก แถมได้กล้องถ่ายได้สวยคมชัด ลูกเล่นใหม่ๆ ให้ได้ใช้งานเพียบด้วย
สรุปจุดเด่น
- สมาร์ทโฟนดีไซน์สวยเพรียวบาง น้ำหนักเบา ในราคาน่าจับต้องเพียง 8,999 บาท
- หน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว 10-bit แบบ AMOLED DotDisplay รีเฟรชเรทที่ 90Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ 240 Hz
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 732G
- แบตเตอรี่ความจุ 4250mAh รองรับการชาร์จไว 33W
- กล้องหลัง 3 ตัว โฟกัสเร็ว ถ่ายได้ทุกระยะ และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
- โหมดการถ่ายวิดีโอและฟิลเตอร์ต่างๆ ทำให้ถ่ายสนุกมากขึ้น
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แอปที่มาพร้อมเครื่องค่อนข้างเยอะ ไม่จำเป็น
Mi 11 Lite 8+128GB วางจำหน่ายแล้วในราคา 8,999 บาท พิเศษ! สำหรับผู้ซื้อระหว่าง 5-18 เมษายนนี้ รับ Mi True Wireless Earphone Basic 2 มูลค่า 999 บาท ฟรีทันที
Featured
รีวิว Vivo Y20s [G] ชิปเซ็ตเกมมิ่ง Helio G80 แบตใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W
วันนี้ทีมงาน iphone-dorid.net จะพาไปทำความรู้จักน้องเล็ก สเปคสุดคุ้ม Vivo Y20s [G] สมาร์ทโฟนดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา มาพร้อมชิปเซ็ตเกมมิ่ง Helio G80 แบตเตอรี่ใหญ่เล่นได้สะใจ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W และมี 3 กล้องหลัง AI ความละเอียดสูงสุด 13 ล้านพิกเซล ไปดูรีวิวกันเลย

สรุปสเปค Vivo Y20s [G]
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.41 × 76.32 × 8.41 มม.
- น้ำหนัก : 192.3 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ชนิด IPS ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) และอัตราส่วน 20:9
- หน่วยประมวลผล : Mediatek Helio G80 (12 nm)
- RAM : 6GB
- ROM : 128GB เพิ่ม microSD Card ได้
- กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์ AI Triple Macro Camera แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 พร้อมระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz /5GHz, Bluetooth 5.0 และพอร์ต Micro USB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W FlashCharge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Vivo Y20s [G] มาในกล่องสีขาวตัดกับสีเงินเหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ใน Y-series จาก Vivo โดยอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่องของรุ่นนี้ ได้แก่
- ตัวเครื่อง Vivo Y20s [G] พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์
- สาย Micro USB 2.0
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- เคสใสแบบซิลิโคน
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม

ดีไซน์ของ Vivo Y20s [G] มีความเพรียวบาง น้ำหนัก และดูทันสมัยด้วยการดีไซน์แบบมีความโค้ง 2.5D เพื่อให้การจับใช้งานพอดีกับมือ

สีตัวเครื่องที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสี Purist Blue สีฟ้าสันสดใส สวยสะดุดตาด้วยการดีไซน์ให้สะท้อนแสงเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเลลึก สื่อถึงความแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ มอบความรู้สึกที่สดชื่นเหมือนดั่งสายลมพัดผ่าน

หน้าจอแสดงผลแบบ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว อัตราส่วนจอแสดงผล 20:9 ความคมชัดระดับ HD+(1600 x 720) ดูคอนเทนท์ต่างๆ ได้เต็มตา

ด้วยเทคโนโลยี In-cell ทำให้จอแสดงผลของ Y20s [G] มีสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกรองแสงสีฟ้า เพื่อปกป้องดวงตาได้ด้วย

รอยบากทรงหยดน้ำบริเวณขอบหน้าจอด้านบนจะเป็นพื้นที่ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ด้านซ้ายตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ 3 Slot สามารถใส่ซิมขนาด Nano SIM ได้ 2 ซิม พร้อมกับใส่ microSD Card ได้ด้วย

Vivo Y20s [G] มีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งเป็นปุ่มเดียวกับปุ่ม Power และมีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ที่ขอบด้านขวานี้ด้วย

ขอบด้านล่างมีช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม., ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และช่องลำโพง

ด้านหลังเลนส์กล้อง 3 เลนส์ โดยเป็นกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล f/2.2, กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4 และกล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล f/2.4

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
Vivo Y20s [G] แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 11 หน้าตาอินเตอร์เฟซที่ดูเรียบง่าย สบายตา และสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์จัดเต็มเพื่อสายเกมมิ่งด้วย
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-06.jpg)
อย่างแรกที่ชอบมากๆ เลยเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใช้งานครั้งแรก คือแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งมาให้มีเฉพาะแอปพื้นฐานที่จำเป็น ไม่รก โดยแอปพลิเคชั่นแรกทีจะพูดถึงคือ iManager สำหรับจัดการเครื่องและไฟล์ข้อมูลต่างๆ ได้ในที่เดียว
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-07.jpg)
อนิเมชั่นหรือเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ของระบบ สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายด้วย Dynamic Effect เช่น การเคลื่อนไหวเมื่อปลดล็อคหน้าจอ หรืออนิเมชั่นตอนชาร์จแบต เป็นต้น
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-08.jpg)
หน้าจอของ Vivo Y20s [G] นอกจากจะมีการตัดแสงสีฟ้าแล้ว ยังมีโหมดมืดที่ช่วยใช้งานในที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้น โดยระบบจะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำและข้อความเป็นสีขาว
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-09.jpg)
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง อย่างแรกเลยก็คือปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ทำงานได้รวดเร็วมากๆ เพียงเสี้ยววินาที และปลดล็อกได้สะดวกขณะถือใช้งานได้ในมือเดียว
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-10.jpg)
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-11.jpg)
Vivo Y20s [G] รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, Bluetooth 5.0 และเครือข่าย 4G LTE สลับการใช้งานระหว่างซิม 1 กับซิม 2 ได้
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-12.jpg)
ฟีเจอร์สำหรับสายเกมมิ่ง อย่างแรกเลยก็คือ Multi-Turbo 3.0 มาพร้อมด้วย Center Turbo ที่ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ AI Turbo ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด สามารถวิเคราะห์ปัญหาของระบบที่เกิดจากแอปพลิเคชั่นได้ (third-party apps) ช่วยให้การเชื่อมต่อเครือข่ายที่ดีขึ้น การระบายความร้อนอย่างรวดเร็วไปจนถึงฟังก์ชั่น AI และการเล่นเกมที่ไหลลื่น ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-13.jpg)
Ultra Game Mode เล่นเกมไหลลื่นในระดับ E-Sport ฟีเจอร์นี้จะเป็นการรวบรวมเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวกัน แถมยังจัดการเรื่องความจำต่างๆ ในเบื้องหลัง ทำให้เล่นเกมได้ไหลลื่น รวมถึงการปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้มารบกวนครับ
![Vivo Y20s [G]](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-14.jpg)
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo Y20s [G] ใช้ชิปเซ็ต Helio G80 เป็นชิปที่ทาง MediaTek ออกมาเพื่อการทำงานที่เน้นกราฟิกหรือการเล่นเกมที่มีภาพสวยๆ นั่นเอง ซึ่งมาพร้อม GPU Mali G52 ทำให้การแสดงผลภาพกราฟิกต่างๆ ได้สวยงามและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือ GPU ระดับคะแนนของ Vivo Y20s [G] ทำได้มากกว่า 238,676 คะแนน ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับ Y20-series รุ่นอื่นๆ
![Vivo Y20s [G] Antutu](https://www.iphone-droid.net/wp-content/uploads/2021/04/Vivo-Y20s-G-Full-Review-001.jpg)
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 5 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดย Single-Core ทำได้ 380 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 1358 คะแนน

ทดสอบเกม ROV แม้ว่าตัวชิปเซ็ต Helio G80 จะยังไม่รองรับโหมดเฟรมเรตสูง แต่ระหว่างเล่นถ้าสังเกตจะเห็นว่าเฟรมเรตนิ่งมากๆ ที่ 30fps ตลอดการเล่น แม้จะเป็นช่วงการร่วมทีมไฟต์ก็ไม่ตก เล่นได้ลื่นๆ แบบนี้ โอกาสชนะก็มีมากขึ้นตามไปด้วย โดนใจสายเกมกันอย่างแน่นอนครับ

นอกจากฮาร์ดแวร์ที่ดีแล้ว ซอฟต์แวร์ที่มีบน Vivo Y20s [G] อย่าง Ultra Game Mode แล้วทำการเปิดโหมด E-Sport เพื่อดึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องให้ทำงานได้เต็มที่ ก็จะช่วยให้การเล่นทำได้ไหลลื่น การสัมผัสต่างๆ ก็ตอบสนองไวอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งเอฟเฟกต์เสียงและเสียงเซอร์ราวด์แบบสเตอริโอ 3 มิติในเกมได้อีกด้วย เพื่อจำลองประสบการณ์ในสนามรบที่สมจริงที่สุด

หรือเปิดโหมดห้ามรบกวนเกม ป้องกันการแจ้งเตือนและข้อความต่างๆ และล็อกความสว่างของหน้าจอ โดยการปิดใช้งานการปรับความสว่างอัตโนมัติ เพื่อให้การเล่นเกมที่ไหลลื่นยิ่งขึ้น

สำหรับการเล่นเกมหนักๆ อย่าง PUBG Mobile ต้องบอกเลยว่าภาพในเกมสวยคมชัด เลื่อนหน้าจอเพื่อเปลี่ยนมุมมองก็ลื่นไหลดีมากๆ ครับ และตอนกดยิง การตอบสนองเร็วมากๆ แตะนิ้วติดนิ้วไม่มีหลุด

ยังไม่หมดแค่นั้น เรายังสามารถเปิดฟีเจอร์ Picture-in-Picture เพียงแค่ลากสามนิ้วจากหน้าจอลงมา ก็สามารถแชทกับเพื่อนๆในระหวางเล่นเกมได้อีกด้วย

ฟีเจอร์เยอะแบบนี้ แล้วแบตเตอรี่จะใช้งานพอมั้ย โดยรุ่นนี้ให้แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ใช้งานทั่วไปได้ยาวนานทั้งวัน หรือถ้าใช้งานหนักๆ เล่นเกมต่อเนื่องก็ทำได้เต็มที่ แถมตัวเครื่องรองรับชาร์จเร็ว 18W ที่ชาร์จจาก 0 – 70% ในเวลาประมาณ 69 นาทีเท่านั้น นอกจากมีแบตเตอรี่ใหญ่ ใช้งานได้ยาวนานแล้ว ยังสามารถแชร์แบตเตอรี่โดยการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ด้วยฟีเจอร์ Reverse Charging หรือการชาร์จแบบย้อนกลับได้

กล้องถ่ายรูป
Y20s [G] มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 13MP + 2MP + 2MP และฟังก์ชันการถ่ายรูปที่หลากหลาย พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์ทั้งโหมดปกติ, ถ่าย Portrait และถ่ายใกล้ๆ ด้วยเลนส์ Macro แถมยังมี AI ตรวจจับวัตถุและแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

กล้อง AI ถ่ายง่าย ภาพสวย
กล้อง AI สามารถตรวจจับและแยกแยะหมวดหมู่ของวัตถุต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้การถ่ายภาพแต่ละฉากนั้นทำออกมาได้สวยสมบูรณ์แบบที่สุด โดยที่เรไม่ต้องปรับตั้งค่าให้ยุ่งยาก เช่น ดอกไม้ อาคาร อาหาร หรือท้องฟ้า เป็นต้น











นอกจากภาพถ่ายอาคาร สถานที่ หรืออาหารแล้ว ในโหมดปกติก็ยังถ่ายภาพบุคคลให้ออกมาสวยได้เช่นกัน คมชัดทั้งตัวบุคคลและฉากหลัง



Portrait Mode โดดเด่น หน้าชัดหลังละลลาย
เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2MP ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลเพื่อเบลอฉากหลังทำได้อย่างแม่นยำ และให้ภาพถ่ายบุคคลดูมีมิติ สวยโดดเด่นมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับ Face Beauty ทั้งผิวเนียนหรืออื่นๆ ได้เพียบ ถ่ายสนุกมากขึ้นด้วย






ถ่ายสนุกด้วยเอฟเฟ็กต์แสง
เพิ่มความสนุกด้วยโหมด Portrait Light Effect ไม่ว่าจะเป็นไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังแบบขาว-ดำ ที่สำคัญยังใช้งานได้ทั้งกล้องหลังและเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าได้ด้วย



สำรวจสิ่งเล็กๆ ด้วยกล้อง Macro
เลนส์ Macro ถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถถ่ายรูปวัตถุในระยะใกล้ในแบบที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน เก็บรายละเอียดเล็กๆ ได้คมชัด




เซลฟี่ท่าไหน ก็สวยปัง
เซลฟี่สวยทุกสถานการณ์แม้ย้อนแสงด้วย HDR ต้องบอกเลยว่ากล้อง Vivo Y20s [G] ถ่ายออกมาแล้วหน้ายังสว่างสวยและเห็นฉากหลังได้ครบถ้วน หรือถ้านึกท่าโพสต์ไม่ออก กล้องของ Vivo Y20s [G] ก็มีท่าทางการโพสต์ให้ทำตาม ถ่ายท่าไหนก็ออกมาสวยสมบูรณ์แน่นอนครับ






Vivo Y20s [G] ต้องบอกเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาที่ให้ฟีเจอร์มาครบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอใหญ่ แบตอึด ชาร์จเร็ว และที่สำคัญมาพร้อมชิปเซ็ตสำหรับเกมมิ่งอีกด้วย นั่นก็คือ Helio G80 แถมมี Ultra Game Mode แล้วทำการเปิดโหมด E-Sport เพื่อดึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องให้ทำงานได้เต็มที่ได้ด้วย
นอกจากสเปคจะแรงแล้ว กล้องถ่ายรูปก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการภาพวิว ภาพวัตถุ รวมไปถึงการถ่ายบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย ทำได้เราได้ภาพที่สวยโดดเด่นมากขึ้น และระบบโฟกัสก็ทำได้รวดเร็วอีกด้วย ถูกใจสายถ่ายรูปในราคาที่จับต้องได้
สรุปจุดเด่น
- ชิปเซ็ต Helio G80 ออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโดยเฉพาะ ทุกคนจับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น
- แบตเตอรี่ 5000mAh เล่นได้เต็มที่ และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W
- กล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายได้ครบทั้งโหมด Auto, Portrait, Macro และลูกเล่นต่างๆ ที่มีให้เลือกเพียบ
- หน้าจอ Halo FullView Display ใหญ่ถึง 6.51 นิ้ว ดูหนัง เล่นเกม เห็นภาพได้เต็มตา
- รองรับความปลอดภัยทั้งการสแกนนิ้วข้างตัวเครื่อง (Side Fingerprint) และ Face Wake เพื่อปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
- ยังใช้พอร์ต microUSB 2.0
Vivo Y20s [G] วางจำหน่ายแล้วในราคา 5,999 บาท Exclusive จำหน่ายเฉพาะตัวแทนจำหน่ายดังต่อไปนี้ BaNANA, Jaymart, TG FONE, CSC, IT City, Big C, Maxling, STAMP, Boonchai, แม่วังสื่อสาร ทุกสาขาทั่วประเทศ
vivo Smartphone Y20sg สมาร์ทโฟน by Banana IT, Vivo(วิโว)
-
Apple News2 สัปดาห์ ago
ราคาล่าสุด iPhone 12 เครื่องเปล่า ไม่ติดโปร เดือนเมษายน 2021
-
Android News7 วัน ago
เปิดตัว Sony Xperia 1 III และ 5 III จอ 4K 120Hz พร้อมชิปเรือธง Snapdragon 888
-
Android News2 สัปดาห์ ago
แกะกล่องพรีวิว OPPO Reno5 Marvel Edition รุ่นพิเศษสุดเท่ ที่แฟน ๆ ต้องมี !
-
Android News2 สัปดาห์ ago
หลุดสเปคเต็ม Galaxy A82 ใช้ Snapdragon 855+, จอ 120Hz พร้อมกล้อง 64MP
-
Android Tips2 สัปดาห์ ago
วิธีตรวจสอบเบื้องต้นว่า Facebook ของเราเป็นหนึ่งในบัญชีข้อมูลหลุดหรือไม่!
-
Android News2 สัปดาห์ ago
10 อันดับสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดประจำเดือนมี.ค.2021 แชมป์ใหม่เป็นของ Black Shark 4 Pro ตามด้วย OPPO Find X3 Pro !
-
Android News1 สัปดาห์ ago
ชมคอนเซ็ปท์ Galaxy S22 x Olympus สมาร์ทโฟนกล้องเทพของ Samsung อาจมีหน้าตาแบบนี้
-
Android News2 สัปดาห์ ago
Samsung เปิดตัว iTest เว็บไซต์ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ Galaxy บน iPhone
You must be logged in to post a comment Login