Connect with us

Featured

รีวิว realme Watch และ Buds Air Neo นาฬิกาและหูฟังรุ่นใหม่ที่ใช้งานได้เข้ากันสุดๆ

Published

on

หลังจากที่ reame ประเทศไทยเปิดตัวอุปกรณ์สุดสมาร์ท 2 รุ่นใหม่อย่าง realme Watch และ Buds Air Neo ในวันนี้เราจะมารีวิวกันแบบควบคู่ให้ชมกันเลยครับ เผื่อใครที่อยากซื้อเป็นคู่ๆ ที่เข้ากันสุดๆ โดยแต่ละอุปกรณ์มีจุดเด่นอะไรบ้าง เรามารับชมกันครับ

 

เรามาเริ่มด้วย realme Watch นาฬิกาอีกระดับของความสมาร์ท ที่ถือเป็น Smartwatch รุ่นแรกของ realme ที่มีฟีเจอร์เพียบ พร้อมราคาสุดประหยัดกันครับ โดยเน้นเรื่องหน้าจอสีขนาดใหญ่ ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกำลังกาย เพราะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจพร้อมกับออกซิเจนในเลือดด้วย

 

สรุปสเปค realme Watch

  • ขนาดตัวเครื่อง : 36.5 x 256 x 11.8 มม. (กว้าง x ยาว x สูง)
  • น้ำหนัก : 31 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล TFTขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล
  • ระบบเซ็นเซอร์
    • ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการเร่งความเร็ว 3-axis acceleration Sensor
    • ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
    • มอเตอร์สั่น Rotor Vibration
  • ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
  • กันน้ำระดับ IP68
  • แบตเตอรี่ความจุ 160 mAh

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวกล่องของ realme Watch มาในรูปแบบสี่เหลี่ยมทรงยาว พร้อมสีเหลือที่เป็นสีประจำแบรนด์

ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ในกล่องมีดังนี้

  • ตัวเรือน realme Watch
  • แท่นชาร์จ
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

 

ดีไซน์ของ realme Watch มาแบบเล็กกะทัดรัด เหมาะทั้งผู้ชายและผู้หญิง พร้อมด้วยความเบาของตัวเครื่องที่ใส่ได้สบายๆ ไม่รู้สึกหนักข้อมือ แถมไม่รู้สึกบาดผิวหนังด้วย

 

ที่สำคัญ realme Watch สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ในมาตรฐาน IP68 กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร จะใส่ว่ายน้ำ ทำหล่นน้ำ ก็ไม่ต้องกังวลครับ

 

ใครที่อยากถอดสายเพื่อเปลี่ยนสีสันก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เลื่อนล็อกที่อยู่หลังเครื่อง ตัวสายก็หลุดออกมาทันทีครับ

 

สำหรับสายนาฬิกาข้อมือของ realme Watch มีให้เลือกถึง 4 สีแบบสดใสๆ ได้แก่ ดำ, น้ำเงิน, เขียว และแดง ใครชอบโทนสีไหนก็ซื้อเพิ่มได้เลยครับ

 

ด้านหน้าจอแสดงผลก็เป็นหน้าจอสีชนิด TFT ขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว (35 ซม.) ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล โดยสามารถใช้งานระบบสัมผัสได้แบบไหลลื่น

 

รอบเครื่องของ realme Watch จะมีปุ่มด้านข้างเพื่อใช้งานควบคุมต่างๆ เช่น ปิดเครื่องหรือย้อนกลับ

 

ส่วนด้านหลังเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์ตรวจสอบการสวมใส่

 

วิธีการเชื่อมต่อ

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อจะต้องเป็นระบบปฏิบัติการ Android 5.0 ขึ้นไป

  • ติดตั้งแอปพลิเคชั่น realme Link ผ่าน Google Play Store
  • สมัครบัญชี realme Link
  • กด “การเพิ่มอุปกรณ์” แล้วไปที่แท็บ “เพิ่มเองแล้ว”
  • เลือก “นาฬิกา” จากนั้นระบบจะตรวจเจอ realme Watch
  • รอการเชื่อมต่อให้สำเร็จ
  • สำเร็จ

 

ดูสถานะต่างๆ ได้ง่าย

การดูสถานะต่างๆ ทั้งเรื่องแบตเตอรี่, สภาพอากาศ, กิจกรรมในแต่ละวัน, อัตราการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ สามารถตรวจสอบได้เพียงแค่ปัดซ้ายหรือขวาที่หน้าจอเท่านั้นครับ

 

วอลเปเปอร์มีให้เลือกหลายสไตล์แน่นอน

เรื่องแรกหลังการเชื่อมต่อคงไม่พ้นเรื่องรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาใน realme Watch ครับ โดยเริ่มแรกเราสามารถเปลี่ยนภายในเครื่องที่มีมาให้ 6 แบบ แต่เมื่อเชื่อมต่อ realme Link แล้วจะมีทั้งหมด 12 แบบให้เลือกใช้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดว่าน้อย ทาง realme จะมีการอัปเดทรูปแบบให้เพิ่มอีกว่า 100 แบบในอนาคตครับ

 

โหมดออกกำลังกายหลากหลายใช้ได้หลายประเภทกีฬา

ต้องบอกว่าเน้นการออกกำลังกายของจริงสำหรับ realme Watch เพราะมีถึง 14 ชนิดกีฬาให้เลือก ได้แก่ วิ่งกลางแจ้งและในร่ม, เดิน, ปั่นจักรยานกลางแจ้งและในร่ม, แอโรบิค, ฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย, ฟุตบอล, บาสเกตบอล, ปิงปอง, แบดมินตัน, เครื่องเดินวงรี, โยคะ และคริกเกต

 

โดยแต่ละกีฬาก็จะบอกข้อมูลที่ต่างกันออกไปครับ แต่จะมีสิ่งที่บอกเหมือนหลักๆ จะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ, ช่วงระยะเวลา และแคลลอรี่ ส่วนอื่นๆ อย่างวิ่งหรือเดิน ก็จะมีบอกระยะทางว่าเราวิ่ง/เดินไปแล้วกี่กิโลเมตรและอัตราการวิ่ง/เดิน ซึ่งตรงนี้จะเป็นการตรวจจับผ่าน GPS ครับ

 

ซึ่งผลการออกกำลังกายต่างๆ จะซิงค์กับสมาร์ทโฟนเพื่อดูผลได้ง่ายๆ เช่นกันครับ

 

วัดคุณภาพการนอนได้ด้วย

ใครที่ห่วงเรื่องสุขภาพการนอน realme Watch ก็เป็นตัวช่วยได้เช่นกันครับ เพราะมีการตรวจจับคุณภาพการนอน (Sleep Tracking) มาให้ ซึ่งจะบอกระยะเวลาในการนอน พร้อมกับการแบ่งช่วงการนอน 4 แบบ ได้แก่ หลับลึก, หลับตื้น, REM (หลับฝัน) และตื่น ทั้งยังมีอัตราการเต้นของหัวใจบอกด้วย

 

วัดอัตราเต้นหัวใจเรียลไทม์ และออกซิเจนในเลือดได้

ใน realme Watch เป็นการใช้งานเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบ PPG ออปติคัล มีความแม่นยำสูงและรวดเร็ว ซึ่งถ้าเราเปิดให้วัดตลอด 24 ชั่วโมง ทุกๆ 5 นาที ระบบจะแจ้งเตือนหากมีการเต้นที่ผิดปกติ อย่างเร็วไปหรือช้าไปครับ

 

การแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นก็มีให้ ไม่ต้องดูบนสมาร์ทโฟน

หากเราเชื่อมต่อกับ realme Link แล้ว การแจ้งเตือนในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในสมาร์ทโฟนจะส่งตรงมายัง realme Watch ให้เรารับรู้ทันทีผ่านระบบสั่นในตัว ทำให้เราไม่พลาดเรื่องราวต่างๆ ในเกิดขึ้นในแต่ละวัน ที่สำคัญการแจ้งเตือนก็ถือว่ารวดเร็วและเรียลไทม์อีกด้วย โดยการแจ้งเตือนต่างๆ เราสามารถตรวจสอบได้จากการปัดลงที่หน้าหลักครับ

 

แบเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องหลายวัน

ในเรื่องแบตเตอรี่ถือว่าอึดพอตัวเลยครับ ถ้าใครที่ใช้งานเบื้องต้นคือดูนาฬิกาและเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อการแจ้งเตือนต่างๆ จะใช้งานได้เต็มๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ ทำให้มีเวลาชาร์จช่วงวันหยุด ส่วนใครที่ใช้งานเต็มที่อย่างการออกกำลังกายก็ลดลงมาที่ประมาณ 2 – 4 วัน (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) ก็ต้องชาร์จ 1 ครั้งครับ

 

ราคาและวันวางจำหน่าย

realme Watch มีราคาอยู่ที่ 2,499 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายน 2563

 

มาต่อที่ realme Buds Air Neo

จบ realme Watch ไปแล้ว อุปกรณ์อีก 1 ชิ้นที่ขาดไม่ได้เลยคือ realme Buds Air Neo หูฟัง True Wireless รุ่นประหยัดของ realme ครับ ที่มีดีไซน์เล็กกะทัดรัด สามารถใช้งานได้ครบครัน ทั้งเล่นเกมและฟังเพลง

 

สรุปสเปค realme Buds Air Neo

  • ขนาดตัวเคส : 51.3 x 45.25 x 25.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวเคส : 30.5 กรัม
  • น้ำหนักหูฟัง : 4.1 กรัม
  • หน่วยประมวลผล R1 Headphone Chip
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
  • กันน้ำ : IPX4
  • ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
  • การชาร์จ (เคส) : พอร์ต Micro USB 2.0
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 17 ชั่วโมง

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

สำหรับกล่องของ realme Buds Air Neo จะเป็นสไตล์เดียวกับ realme Watch ด้วยสีเหลืองประจำแบรนด์เช่นเดิม แต่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กตามปกติครับ

โดยอุปกรณ์ต่างๆ ในกล่องมีดังนี้

  • เคสพร้อมหูฟัง realme Buds Air Neo
  • คู่มือการใช้งาน
  • สายสำหรับชาร์จตัวเคสพอร์ต Micro USB 2.0

 

ดีไซน์เคสมาในรูปแบบสี่เหลี่ยมที่มีความมนทุกด้าน ทำให้การจับถือง่าย ไม่บาดมือ แถมมีน้ำหนักที่เบา พกพาได้สะดวกด้วย

 

ตัวเคสจะมีไฟ LED ที่ด้านหน้าเพื่อบอกสถานะต่างๆ ของเคสครับ ถัดมาด้านล่างจะมีปุ่ม Pairing

 

และที่ด้านล่างจะสามารถชาร์จได้ผ่านพอร์ต Micro USB 2.0

 

เมื่อแกะตัวหูฟังออกมาพบว่ามีขนาดที่เล็กและเบามากๆ เพียงข้างละ 4.1 กรัมเท่านั้น ใส่ได้สบายหู ไม่หลุดง่ายๆ แน่นอน

 

ที่รอบๆ ตัวของหูฟังจะมีรูจูนสำหรับด้านหน้า ขณะที่ด้านล่างจะบอกข้างซ้ายหรือขวาอย่างชัดเจนครับ

 

ส่วนด้านหลังของตัวหูฟังจะมีระบบสัมผัสเพื่อใช้ในการควบคุมต่างๆ ถัดขึ้นไปจะเป็นรูจูนสำหรับด้านหลัง

 

ส่วนด้านล่างของตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างจะมีไมโครโฟน ที่ขนาบข้างด้วยพินสำหรับชาร์จในเคสครับ

 

วิธีการเชื่อมต่อ

สำหรับ realme Buds Air Neo จะรองรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS หรือ Android 7.0 ขึ้นไปเท่านั้นครับ โดยการเชื่อมต่อครั้งแรกมีวิธีดังนี้

  • เปิดบลูทูธบนสมาร์ทโฟน
  • เปิดตัวเคสหูฟังและยังไม่ต้องนำหูฟังออกมาจากเคส
  • กดปุ่ม Pairing ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จนไฟ LED สีเขียวกะพริบ
  • ให้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อบลูทูธอุปกรณ์ในชื่อ ‘realme Buds Air Neo’
  • ใช้งานได้ทันที

สำหรับการใช้งานในครั้งต่อไป เราไม่จำเป็นต้องมากดเชื่อมต่อให้เสียเวลาครับ เพราะเพียงแค่เปิดเคสออกมา ระบบก็จะเชื่อมต่อให้ทันทีผ่านฟีเจอร์ Google Fast Pair

 

การควบคุมต่างๆ

  • กด 2 ครั้งติดกัน : ตอบรับสาย / เล่น-หยุดเพลง
  • กด 3 ครั้งติดกัน : ข้ามไปเพลงต่อไป
  • กดยาวค้างไว้ข้างไหนก็ได้ 1 ข้าง : วางสาย-ปฏิเสธการรับสาย / เปิดใช้งาน Google Assistant หรือผู้ช่วยเสียง
  • กดยาวค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง : เข้า / ออก Gaming Mode (เมื่อเข้า Gaming Mode จะเป็นเสียงเร่งเครื่อง)

 

หรือถ้าใครอยากปรับเปลี่ยนระบบการควบคุมก็สามารถเปลี่ยนได้ผ่านแอปพลิเคชั่น realme Link ได้เลยครับ ปรับได้ตามความถนัดของแต่ละคนเลย

 

ประการณ์การใช้งานโหมดฟังเพลงและโหมดเกม

โหมดฟังเพลง

ใน realme Buds Air Neo จะมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 13 มม. ที่ทำจากโพลียูรีเทนและไทเทเนียมคุณภาพสูง ทำให้เราฟังเพลงได้เต็มอรรถรสกว่าเดิม ใครที่ชอบเบสแน่นๆ ถือว่ารุ่นนี้ให้มาหนักพอสมควรครับ ส่วนเรื่องเสียงร้องก็มีความใสมากๆ ผู้ใช้งานคนไหนชอบฟังเพลงทั่วไป ต้องจัดหูฟังรุ่นนี้ให้ได้ครับ

 

โหมดเกม (Gaming Mode)

สำหรับโหมดเกม (Gaming Mode) จะเป็นการลดค่าความล่าช้าหรือ Latency ลงถึง 51% เมื่อเทียบกับโหมดฟังเพลงปกติครับ เพราะเกมเมอร์ทุกคนต้องอยากได้ยินเสียงที่ตรงกับภาพมากที่สุดนั่นเอง และต้องบอกว่า realme Buds Air Neo ทำได้เป็นอย่างดีครับ เสียงระหว่างการกดยิงตรงกับเวลาที่กดพอดี รวมถึงการแยกเสียงซ้าย-ขวาใก้อย่างชัดเจนด้วย

 

แบตเตอรี่ใช้งานได้เต็มที่ทั้งวัน

ในเรื่องแบตเตอรี่การใช้งานทั้งฟังเพลงและเล่นเกม realme Buds Air Neo ถือว่าอึดพอตัว จากที่ทดสอบใช้งานประมาณ 45 นาที จากแบตเตอรี่ 100% ลดลงมาเหลือประมาณ 75% ครับ ซึ่งถ้าระดับนี้สามารถใช้งานแบบครั้งเดียวประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ แต่ถ้าใช้ร่วมกับเคสชาร์จด้วยจะใช้ได้เต็มๆ 17 ชั่วโมงไปเลย

 

ราคาและวันวางจำหน่าย

realme Buds Air Neo เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นแล้วในราคา 1,499 บาท ผ่านทาง Lazadahttps://bit.ly/2M8lDMV และ Shopeehttps://bit.ly/2TCeE31

Advertisement

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News4 สัปดาห์ ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Android News4 สัปดาห์ ago

5 เหตุผลที่ Galaxy Z Flip5 ยังคงเป็นมือถือจอพับที่น่าใช้สุด ๆ

Galaxy Z Flip5 จัดว่...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก