Connect with us

Smart Review

รีวิว OPPO Watch X สมาร์ทวอทช์ที่จะมา “ยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิต” ด้วยดีไซน์พรีเมี่ยมหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ | โหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด | แบตเตอรี่ใช้งานได้ 100 ชม.

Published

on

รีวิว OPPO Watch X สมาร์ทวอทช์ระดับแฟลกชิปล่าสุดจาก OPPO ที่กลับมาพร้อมสโลแกน “ยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิต” ด้วย Exclusive Sport Mode โหมดกีฬาเฉพาะทางเพื่อการออกกำลังกายอย่างมืออาชีพ มี GPS ความถี่คู่แทร็ควิ่งแม่นยำ มีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด ใช้ระบบ WearOS ที่ซิงค์ข้อมูลกับ Google ได้สะดวก และที่สำคัญคือดีไซน์ยังสวยพรีเมี่ยม ทั้งตัวเรือนสแตนเลสและหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์อีก!

มาครบเครื่องน่าใช้แบบนี้ จะช่วยยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิตเราได้แค่ไหน วันนี้เรารีวิว OPPO Watch X รุ่นนี้ให้ชมแบบเต็ม ๆ ติดตามครับ!

คุณสมบัติ OPPO Watch X

  • ขนาดตัวเครื่อง : 47 x 46.6 x 13.65 มม.
  • น้ำหนัก : 80 กรัม (พร้อมสาย)
  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 1.43″ ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 1000nits
  • ชิปเซ็ต : Snapdragon W5 Gen 1 + BES2700
  • ความจุ : 4GB + 32GB
  • แบตเตอรี่ : 500mAh
  • ระบบชาร์จไว : VOOC 7.5W
  • เซ็นเซอร์ : เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ 6 แกน, GPU ความถี่คู่ L1+L5
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
  • แอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อ : OHealth (รองรับ Android 8.0 ขึ้นไป)
  • มาตรฐานความทนทาน : MIL-STD-810H, 5ATM, IP68
  • สีสัน : สีน้ำตาล Mars Brown, สีดำ Platinum Black

แกะกล่อง OPPO Watch X

ก่อนอื่นเรามาเช็กอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนเลย ตัวกล่องจะเป็นสีดำอลังการคล้ายกล่องของ OPPO Find Series ที่ด้านหน้ามีระบุชื่อรุ่นพร้อม X เด่น ๆ ครับ

อุปกรณ์ภายในกล่องก็แบ่งส่วนวางไว้อย่างมีระเบียบ ให้ของมาทั้งหมด 4 อย่างประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง OPPO Watch X
  • ที่ชาร์จ
  • สาย USB-C to A
  • เอกสารคู่มือและใบรับประกัน

ดีไซน์คอสมอสและสุดแกร่งด้วยคริสตัลแซฟไฟร์

ได้เวลามายลโฉมดีไซน์ของ OPPO Watch X แบบชัด ๆ กันแล้วครับ รอบนี้ OPPO ปรับโฉมสมาร์ทวอทช์ใหม่หมดเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผลทรงกลม ที่ชวนให้นึกถึงความงามราวกับพระอาทิตย์ขึ้นบนเส้นขอบฟ้า ที่ได้ใช้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาสมัยใหม่และคลาสสิกมารวมกันเพื่อสร้างสุนทรียภาพ ระดับพรีเมียมที่มีความกลมกลืนในการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมาก

ตัวหน้าจอเป็นจอ AMOLED ขนาด 1.43″ ความละเอียด 466×466 พิกเซล ที่มีความสวยและคมชัด เห็นข้อมูลบนหน้าจอได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีความสว่างสูงสุดถึง 1000nits ด้วย ทำให้เวลาเราใช้งานกลางแจ้งก็หายห่วง มองเห็นชัดเจน

แต่ความโดดเด่นของหน้าจอ OPPO Watch X ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะกระจกหน้าจอของรุ่นนี้ใช้เป็นกระจกครัสตัลแซฟไฟร์โค้ง 2.5D ที่นอกจากจะได้ความหรูหราแล้วยังทนทานสุด ๆ เหมาะสำหรับใครที่ต้องการใช้งานแบบสมบุกสมบัน ไม่ต้องคอยกังวลว่า เผลอไปโดนอะไรแล้วหน้าจอจะเป็นรอยได้ง่าย ๆ แน่นอนครับวัสดุแบบนี้

ตัวเรือนสแตนเลสแข็งแกร่งและเงางาม

ไม่ใช่แค่กระจกหน้าจอที่แข็งแกร่งทนทานเท่านั้น เพราะตัวเรือนของ OPPO Watch X ก็ยังใช้เป็นสแตนเลสที่แข็งแรงมาก ๆ เช่นกัน มาในสีเงินผิวสัมผัสแบบมันวาวที่ดูหรูหราอย่างที่บอกไป ได้เห็นก็รู้เลยว่านี่คือระดับแฟลกชิปจริง ๆ ครับ

ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องจะมาพร้อมปุ่มกด 2 ปุ่มคือปุ่มโฮมสำหรับเรียกหน้ารวมแอปหรือย้อนกลับไปหน้าจอหลัก กับปุ่มฟังก์ชั่นที่ในค่าเริ่มต้นจะตั้งมาเป็นปุ่มเพื่อเข้าสู่โหมดออกกำลังกายครับ

ทนทานอย่างมาก มาตรฐานครบ

ในเรื่องความทนทานอย่างที่บอกว่า OPPO Watch X นั้นมีทั้งกระจกคริสตัลแซฟไฟร์และตัวเรือนแบบแสตนเลส ซึ่งความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้ยืนยันด้วยแค่วัสดุอย่างเดียวเพราะรุ่นนี้เขาผ่านมาตรฐานชั้นน้ำมาครบ ตั้งแต่ MIL-STD 810H ระดับกองทัพทนต่ออุณหภูมิเกิน 55º C หรือต่ำกว่า -40º C, IP68 กันน้ำ กันฝุ่นได้และ 5 ATM กันแรงดันน้ำได้ลึกระดับ 50 เมตรเลยด้วย

สายที่นุ่มนวลเหมาะกับการสวมใส่ทุกรูปแบบ

OPPO Watch X มาพร้อมกับสาย Fluororubber เป็นสายยางที่มีความนุ่มกำลังดีเมื่อสวมใส่ ตรงนี้เราชอบมากเพราะเวลาเหงื่อออกหรือโดนน้ำก็จะไม่เสียหายแบบพวกหนังเทียม ที่ตัวสายจะมีลวดลายเส้นเพิ่มลูกเล่นความสปอร์ตเข้าไป แต่ก็ยังได้ความทางการไปในตัวเหมือนกัน

เซ็นเซอร์ครบที่ด้านหลัง

และที่ด้านหลังของตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์ในการใช้งานครบทั้ง เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล และตัววัดออกซิเจนแบบออปติคัล พร้อมกันนี้ที่ด้านบนก็จะมี POGO PIN ที่ใช้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จด้วยครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ OPPO Watch X ก็ถือว่าออกแบบมาได้สมกับเป็นสมาร์ทวอทช์ระดับแฟลกชิปจริง ๆ ด้วยงานประกอบที่ยอดเยี่ยม วัสดุคุณภาพที่มอบทั้งความแข็งแกร่งทนทานและความพรีเมี่ยมได้อย่างพอดิบพอดี เซ็นเซอร์ที่มีมาให้เราได้ใช้งานครบ หน้าจอสว่างและใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ เป็นสมาร์ทวอทช์อีกรุ่นที่เราคิดว่าออกแบบมาได้ลงตัวสุด ๆ รุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ

“ยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิต” ด้วยฟีเจอร์การออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด

มาต่อที่เรื่องการออกกำลังกายที่เป็นไฮไลท์ของ OPPO Watch X กันก่อนเลยดีกว่า เพราะรุ่นนี้เขาเอาจริงด้วยโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด สำหรับสาย Healthy ที่ต้องการออกกำลังกายแบบมืออาชีพ มีอุปกรณ์เสริมคอยตรวจจับข้อมูลไม่ผิดหวังครับ

ซึ่งโหมดหลัก ๆ ที่ใช้กันทั่วไปทั้ง การเดิน, การวิ่ง, การว่ายน้ำ, การออกกำลังกายด้วยเครื่องกรรเชียงบก หรือการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรีก็มีครบ พร้อมให้เราสุขภาพดีไปกับการออกกำลังกายแน่นอนครับ!

มี GPS ความถี่คู่ แทร็คเส้นทางอย่างแม่นยำ

สำหรับสายออกกำลังกายกลางแจ้งไม่ว่าจะเป็นนักบั่นจักรยานหรือนักวิ่งกลางแจ้ง GPS ที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก แต่สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อม GPS เดี่ยวที่มีความถี่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับนาฬิกาวิ่งโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่กับ OPPO Watch X เพราะรุ่นนี้รองรับ GPS ความถี่คู่ ทั้งแบบ L1 และ L5 ทำให้ล็อคตำแหน่งเราได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำตลอดเซสชั่นการฝึกซ้อม และให้การติดตามที่เหนือกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชุมชนเมืองหรือป่า ที่มีใบไม้หนาทึบ

ด้วยคุณสมบัติที่เด่นแบบนี้ ทำให้ OPPO Watch X เป็นทั้งสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียมและนาฬิกาวิ่งระดับโลกเลยล่ะครับ เพราะขณะวิ่งเราสามารถตรวจสอบระยะสัมพัสพื้น (GCT) สมดุลการเหยียบเท้า (GCT) และการดีดตัวในแต่ละก้าวแบบเรียลไทม์ผ่านข้อมือ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม และหลังจากวิ่งเสร็จยังมีข้อมูลที่แทร็คมาได้ให้เราทราบ เพื่อเข้าใจประสิทธิภาพของการวิ่งของเราเพื่อฝึกฝนได้ต่อไปด้วย

Professional Sport Mode โหมดออกกำลังกายเฉพาะทางอีก 11 โหมด

นอกจากโหมดวิ่งแบบเฉพาะแล้ว OPPO Watch X ยังมีโหมดการออกกำลังกายแบบเฉพาะทางให้ใช้งานอีกกว่า 11 โหมด อาทิ แบดมินตัน, เทนนิส, ว่ายน้ำ และสกี ที่ OPPO พัฒนาขึ้นด้วยอัลกอริธึม OPPO Sense จาก OPPO Health Lab เพื่อให้การติดตามแบบมืออาชีพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถสูงสุด

อย่างในโหมดแบดมินตันนี้ถือเป็นครั้งแรกบนสมาร์ทวอทช์เลยด้วย ซึ่งในโหมดนี้จะได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้เล่นมืออาชีพโดยจะวิเคราะห์คุณลักษณะ 12 ประการ อาทิ การกระจายช็อต ความเร็วในการเหวี่ยงไม้ และช่วงอัตราการเต้นของหัวใจขณะเล่น สามารถแยกแยะได้ว่าเราตีด้วยโฟร์แฮนด์หรือแบ็คแฮนด์เลยด้วย

ซึ่งเมื่อจบเกมเราก็สามารถมาดูผลสรุปที่ได้เล่นไปผ่าน OPPO Watch X ได้เลย พอรู้ค่าการเล่นแบบนี้ก็จะช่วยให้เราฝึกฝนได้แบบมืออาชีพยิ่งขึ้น จุดไหนควรเพิ่ม จุดไหนทำได้ดีอยู่แล้ว ใครที่ชอบเล่นกีฬาแบดมินตันแล้วน่าจะถูกใจกันแน่นอนล่ะครับแบบนี้

ตรวจเช็คสุขภาพครบด้วยเซ็นเซอร์ชั้นนำ

หรือจะเป็นฟีเจอร์สุขภาพ OPPO Watch X ก็ยังมีเซ็นเซอร์ชั้นนำมาเพื่อตรวจจับการเต้นของหัวใจ หรือติดตาม SpO2 (ออกซิเจนในเลือด) เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมของสุขภาพเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หรือจะเป็นการนอนหลับ OPPO Watch X ก็ตรวจจับได้อย่างแม่นยำ บอกได้หมดว่าเราหลับลึก-ตื้นมากแค่ไหน พร้อมวิเคราะห์ให้เสร็จสับว่าหลับลึกเท่านี้พอดี, มากไป, น้อยไป หลับตื้นเท่าไหร่ ช่วงเวลาตื่นระหว่างคืน เรียกว่าอ่านค่ากันแบบครบถ้วนจากข้อมือได้เลยล่ะครับ

โดยรวมในเรื่องการออกกำลังกายของ OPPO Watch X ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมสมกับสโลแกน “ยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิต” จริง ๆ เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์จะให้เซ็นเซอร์มาครบครันพร้อมทุกการแทร็คแล้ว ซอฟต์แวร์ที่ให้มากับโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมดที่มีโหมดเฉพาะทางอย่าง การวิ่งกลางแจ้ง, แบดมินตัน, เทนนิส หรือว่ายน้ำ ยังทำให้ออกกำลังกายได้สนุกขึ้น มืออาชีพยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android ได้ง่าย ๆ ด้วย Google Fast Pair!

มาถึงขั้นตอนการเชื่อมต่อกันบ้าง OPPO Watch X นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Wear OS 4 จากทาง Google ซึ่งแน่นอนว่ามีระบบ Fast Pair เพียงแค่เราเอามาไว้ใกล้ ๆ สมาร์ทโฟน Android ก็จะมีแจ้งเตือนให้เราได้กดจับคู่ทันทีครับ ในที่นี้เราเชื่อมกับ OPPO Reno11 5G ก็หากันเจอเร็วมากจริง ๆ

ส่วนแอปที่ใช้เชื่อมต่อกับ OPPO Watch X ก็จะเป็นแอป OHealth ที่โหลดได้จาก Play Store โดยตรง ซึ่งรองรับกับสมาร์ทโฟน Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไปครับ เมื่อเราเชื่อมต่อเสร็จในแอปนี้จะมีข้อมูลของ Watch ให้เราได้ดูครบ ตั้งแต่ข้อมูลสุขภาพหรือการออกกำลังกายที่เริ่มใช้งานได้จากบนสมาร์ทโฟนหรือจะไปสั่งผ่านสมาร์ทวอทช์ก็ได้เช่นกัน

การตั้งค่าตัวเครื่องทั้งการปรับแต่ง Tiles หน้าต่าง Widget ต่าง ๆ บน OPPO Watch X หรือจะเป็นการเลือก Watch Faces ที่เราสามารถเลือกแบบปรับส่วนเสริมต่าง ๆ ได้จากตรงนี้เช่นกันครับ

และแน่นอนว่าความเป็นสมาร์ทวอทช์การปรับแต่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งบน OPPO Watch X นั้นก็จะมี Watch Faces หรือแบบหน้าปัดมาให้เลือกตั้งแต่แกะกล่องมากถึง 20 แบบให้เลือกปรับกันตามสะดวก หรือถ้ายังไม่พอใจอยากได้เพิ่มอีกก็โหลดเพิ่มได้จากแอป OHealth เก็บบนเครื่องได้มากถึง 80 แบบเลยด้วย เปลี่ยนตามเสื้อผ้าตามวันได้แบบไม่ติดขัดเลยแหละ

ใช้ Wear OS นี่แหละสมาร์ทวอทช์ของจริง

บอกไปแล้วว่า OPPO Watch X นั้นเป็นสมาร์ทวอทช์ระบบปฏิบัติการ Wear OS 4 ซึ่งพัฒนาโดย Google เอง หมายความว่าความฉลาดและลูกเล่นจะมีมากกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่ว ๆ ไปแน่นอน จุดเด่นของ Wear OS ก็คือเรื่องแอปนั่นเองครับ!

เพราะนอกจากแอปที่ติดมาในเครื่องทั้งการออกกำลังกาย และแอปพื้นฐานจาก Google แล้ว เราจะยังสามารถโหลดเพิ่มเติมได้จาก Play Store จากบน OPPO Watch X เลย บางแอปที่มีให้ใช้งานทั้งบนสมาร์ทโฟนและสมาร์วอทช์พอใช้งานคู่กันก็จะคล่องตัวมากขึ้น หรือบางแอปที่เราสามารถทำงานผ่านสมาร์ทวอทช์เองโดยที่ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้ก็สะดวกดีไม่น้อยครับ

ฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ก็มีครบนะ

เป็นสมาร์ทวอทช์ทั้งทีนอกจากฟีเจอร์สุขภาพและการออกกำลังกายแล้ว ฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์ทั่วไปก็ต้องมีด้วย ถึงจะสมาร์ทจริง อย่างการรับแจ้งเตือนก็ทำได้ดีอย่างที่บอกไปภาษาไทยครบ ตอบกลับข้อความได้จากข้อมือ, การแจ้งเตือนสายเข้าก็ทำได้แถมเรายังสามารถคุยโทรศัพท์ผ่านข้อมือได้โดยตรง, หรือจะใช้เป็นเครื่องควบคุมเครื่องเล่นเพลง สตรีมเพลงโดยตรง OPPO Watch X ก็ทำได้หมดครับ

ประสบการณ์ยอดเยี่ยมด้วยสถาปัตยกรรม Dual-Engine นวัตกรรมใหม่จาก OPPO

ในเรื่องประสิทธิภาพ OPPO Watch X ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมสุด ๆ เพราะมาพร้อมสถาปัตยกรรม Dual-Engine เทคโนโลยีใหม่จาก OPPO ที่ทำงานด้วย 2 ชิปเซ็ตคือ Snapdragon W5 Gen 1 (4nm) ร่วมกับชิป MCU ที่พัฒนาขึ้นเองข้ามาประมวลผลในแต่ละสถานการณ์ทำให้จัดการพลังงานได้ดีกว่าสมาร์ทวอทช์แบบชิปเดี่ยวดั้งเดิมถึง 30 – 70% เลยทีเดียว

OPPO เคลมว่าการจัดการพลังงานต่าง ๆ นั้นดีขึ้นในแต่ละหมวดการใช้งานคร่าว ๆ ดังนี้เลยครับ

  • ยกมือขึ้นเพื่อปลุกหน้าจอใช้พลังงานลดลง 71%
  • การรับการแจ้งเตือนใช้พลังงานลดลง 59%
  • การตรวจจับการนอนหลับใช้พลังงานลดลง 69%
  • การโทรผ่าน Bluetooth ใช้พลังงานลดลง 32%

ซึ่งวิธีการคือชิป MCU ของ OPPO นั้นจะทำงานในการทำงานทั่ว ๆ ไปอย่าง การดูเวลาทั่วไป, การแจ้งเตือน, การเลื่อน Tiles ต่าง ๆ แต่หากมีการเปิดแอปของ Wear OS ก็จะสลับไปใช้ชิป Snapdragon W5 Gen 1 ทันทีแบบไร้รอยต่อ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในขณะที่ยังประหยัดพลังงานได้ดี

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 100 ชม.

และด้วยรูปแบบ Dual Chipset จึงทำให้ OPPO Watch X นั้นสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 100 ชม. ซึ่งหากเราคำนวณคร่าว ๆ ว่าเปิดใช้งานตั้งแต่ 6 โมงเช้า – 2 ทุ่ม = 14 ชม.ก็จะใช้งานได้ราว 7 วันต่อหนึ่งการชาร์จเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเพียงพอมาก ๆ เพราะระยะเวลาที่ว่านี้คือเปิดแบบ Smart mode นะหรือถ้าอยากได้นานกว่านั้นก็เปิดโหมด Power Saving ไปเลย OPPO เคลมว่าสามารถใช้งานได้นาน 12 วันกันเลยล่ะครับ

ส่วนระบบชาร์จก็หายห่วง OPPO ซะอย่าง จะชาร์จช้า ๆ ได้ไง OPPO Watch X นั้นมาพร้อมระบบชาร์จไว VOOC ความเร็ว 7.5W มาให้ด้วย ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 60 นาทีเท่านั้นครับ หรือถ้ารีบ ๆ ชาร์จสัก 10 นาทีก็เติมให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวันแล้วครับ

ราคาเปิดตัว 11,990 บาท

OPPO Watch X เปิดราคามาที่ 11,990 บาท มีให้เลือก 2 สีคือน้ำตาล Mars Brown (สีที่รีวิว) และสีดำ Platinum Black เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้เป็นต้นไป โดยจะได้รับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 3,599 บาทประกอบด้วย

  • OPPO Watch Strap มูลค่า 599 บาท
  • MyOPPO Coupon รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท (เพียงใช้ 299 คะแนน)
  • Bundle Promotion รับส่วนลด 1,000 บาท เมื่อซื้อร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต OPPO

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทวอทช์ที่จะยกระดับทุกช่วงเวลาของชีวิตคุณ”

สรุปแล้ว OPPO Watch X ก็เป็นสมาร์ทวอทช์ระดับแฟลกชิปที่จะมา “ยกระดับทุกช่วงชีวิตเวลาของชีวิตคุณ” เพราะมาพร้อมฟีเจอร์ที่ดีที่สุดบนเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ ตั้งแต่โหมดออกกำลังกายที่มีให้ใช้งานกว่า 100 โหมด รองรับโหมดออกกำลังกายแบบเฉพาะ 11 รูปแบบ, ระบบปฏิบัติการที่เก่งกาจอย่าง Wear OS 4, มีเทคโนโลยี Dual-Engine ผสานการทำงานที่ยอดเยี่ยมของชิป Snapdragon W5 Gen 1 กับชิป MCU ให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า 100 ชม. และที่ขาดไม่ได้เลยคือดีไซน์สุดพรีเมี่ยมด้วยตัวเรือนสแตนเลสกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ในการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมาก เวลานี้ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ครบเครื่องสักตัวไว้ใช้กับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เครื่องโปรดอยู่ เราว่า OPPO Watch X รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริง ๆ ครับ!

กำลังฮอต

Featured2 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured5 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก