Featured
รีวิว OPPO Find X8 Series “มาตรฐานระดับแฟล็กชิปที่เหนือกว่า” ด้วยชิป MediaTek Dimensity 9400 | กล้อง Hasselblad ซูมเด่นที่สุดด้วย AI Telescope Zoom | AI ทรงพลัง
รีวิว OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro สองเรือธงรุ่นล่าสุดจาก OPPO ในที่สุดก็กลับมาวางจำหน่ายในไทยอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไป 2 รุ่น ซึ่ง 2 รุ่นก่อนก็สร้างมาตรฐานในเรื่องกล้องไว้ดีมาก (อ่านพรีวิว OPPO Find X6 Pro และ Find X7 Ultra ได้) รอบนี้กลับมาพร้อมสโลแกน “มาตรฐานระดับแฟล็กชิปที่เหนือกว่า” ชูจุดเด่นไปที่ “กล้องและ AI ทรงพลัง” เป็น 2 เรื่องที่ยุคนี้ถูกให้ความสำคัญอย่างมาก
หลังจากที่เราลองใช้งานมาเกือบ 1 สัปดาห์ วันนี้ก็จะขอมารีวิวประสบการณ์การใช้งานของ OPPO Find X8 Series ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้ให้ชมกันสักหน่อย ว่าจะสมการรอคอยสักแค่ไหน ติดตามครับ!
สรุปสเปค OPPO Find X8
- ขนาดตัวเครื่อง : 157.35 x 74.33 x 7.85 มม. (สี Star Grey, Space Black) | 157.35 x 74.33 x 7.95 (สี Shell Pink)
- น้ำหนัก : 193 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.59″, อัตราส่วน 19.8:9
- ความละเอียด : 1.5K (2760 x 1256 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 4500nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 9400 Octa-core 3.62GHz (TSMC 3nm)
- RAM : 12GB/16GB (LPDDR5X)
- Storage : 256GB/512GB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 5630mAh
- ระบบชาร์จไว : แบบสาย 80W SUPERVOOC | ไร้สาย 50W AIRVOOC
- กล้องหน้า : 32MP f/2.4 FF
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-700) f/1.8 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Ultra Wide Angle (เซ็นเซอร์ Samsung JN5) f/2.0
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ LYT-600) f/2.6 พร้อม OIS
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68/69
- ระบบปฏิบัติการ : Android 15 (ColorOS 15)
- สีสัน : สีเทา Star Grey, สีดำ Space Black, สีชมพู Shell Pink
สรุปสเปค OPPO Find X8 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 162.27 x 76.67 x 8.24 มม. (สี Space Black) | 162.27 x 76.67 x 8.34 มม. (สี Pearl White)
- น้ำหนัก : 215 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″, อัตราส่วน 19.8:9
- ความละเอียด : 1.5K (2780 x 1264 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 4500nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 9400 Octa-core 3.62GHz (TSMC 3nm)
- RAM : 16GB (LPDDR5X)
- Storage : 512GB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 5910mAh
- ระบบชาร์จไว : แบบสาย 80W SUPERVOOC | ไร้สาย 50W AIRVOOC
- กล้องหน้า : 32MP f/2.4 FF
- กล้องหลัง : 4 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-808) f/1.6 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Ultra Wide Angle (เซ็นเซอร์ Samsung JN5) f/2.0
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ LYT-600) f/2.6 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Periscope 6x (เซ็นเซอร์ IMX858) f/4.3 พร้อม OIS
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68/69
- ระบบปฏิบัติการ : Android 15 (ColorOS 15)
- สีสัน : สีดำ Space Black, สีขาว Pearl White
แกะกล่อง OPPO Find X8 Series
ก่อนจะไปเริ่มรีวิวเต็ม ๆ เราขอแวะมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์และดูแพ็กเกจของ OPPO Find X8 Series กันก่อนดีกว่า รุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกล่องสีเทาขนาดพอดี ที่ด้านหน้าระบุตัวเลข 8 ไว้ชัดเจน พร้อมชื่อรุ่นและไฮไลท์ทั้ง OPPO AI Phone กับโลโก้ Hasselblad ระบุไว้ด้วย
ที่ด้านหลังก็จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องในกล่อง ทั้งความจุและสี ได้เห็นกล่อง OPPO Find X ที่เขียนภาษาไทยชัด ๆ แบบนี้ชื่นใจมาก หลังจากที่เล่นแต่เครื่องนอกมาอะเนอะ
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะให้มาครบถ้วนเหมือนเดิมครับ ทั้ง 2 รุ่นให้ของมา 6 อย่างดังนี้เลย
- ตัวเครื่อง OPPO Find X8 | OPPO Find X8 Pro
- เคสใส
- เอกสารคู่มือ
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
- สายชาร์จ USB-A to USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิม
ดีไซน์ที่กะทัดรัดขึ้น เพรียวบางลง แต่ยังทรงพลังเหมือนเดิม
เอาล่ะ! ถึงเวลามายลโฉม OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro กันแบบเต็ม ๆ แล้วครับ รอบนี้ทั้งคู่เน้นความกะทัดรัดขึ้นกว่าเดิมชัดเจน จับถือเข้ามือกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์เฉพาะตัวของ OPPO คือสัมผัสระดับพรีเมี่ยมและทรงพลังครับ!
ความบางของ OPPO Find X8 Pro จะอยู่ที่ 8.34 มม. ในขณะที่ OPPO Find X8 จะบางแค่ 7.85 มม. ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดีงามมากสำหรับเรือธงที่เน้นทั้งสเปคอัดแน่นและดีไซน์สวย ๆ เนาะ
ส่วนดีไซน์กรอบเครื่องของทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย คือ OPPO Find X8 จะเป็นกรอบเหลี่ยมไปเลย ในขณะที่ OPPO Find X8 Pro จะมีความมนกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งคู่มอบสัมผัสที่ดีเวลาหยิบถือเหมือนกัน เพราะกรอบเครื่องเป็นผิวสัมผัสแบบด้านครับ
ดีไซน์กล้องวงแหวน Cosmo Ring พร้อมโลโก้ Hasselblad
ส่วนดีไซน์กล้องของทั้งคู่จะใช้แบบเดียวกันเลยคือวงแหวน Cosmo Ring ที่เป็นเอกลักษณ์ของ OPPO มาตั้งแต่สมัย Find X6 Series มีความโดดเด่นด้วยวงแหวนวงกลมอยู่ตรงกลางด้านบนที่สมมาตร และสง่างาม และพอรวมเข้ากับเลนส์กล้องกับโลโก้ Hasselblad H เด่น ๆ ตรงกลางเข้าไปก็ยิ่งมอบความทรงพลังเข้าไปได้อีกเยอะเลยจริง ๆ ครับ
และไม่ใช่แค่กล้องสง่างามอย่างเดียว เพราะรอบนี้ OPPO ยังลดขนาดของกล้องหลังที่นูนขึ้นมาได้อีก 40% ในทั้ง 2 รุ่น ทำให้ตัวเครื่องดูสวยลงตัวขึ้น ไม่ได้ใหญ่จนดูเกินเบอร์ และมีกล้องระดับท็อป ๆ ใส่มาให้อย่างครบถ้วน
สีไฮไลท์ที่ต่างกัน
มาพูดถึงสีสันกันบ้าง OPPO Find X8 Series มีตัวเลือกสีสันแตกต่างกันดังนี้ครับ
- OPPO Find X8 มีให้เลือก 3 สีประกอบด้วย สีดำ Space Black, สีชมพู Shell Pink และ สีเทา Star Grey
- OPPO Find X8 Pro มีให้เลือก 2 สีประกอบด้วย สีดำ Space Black, สีขาว Pearl White
ซึ่งสีไฮไลท์ของแต่ละรุ่นจะต่างกัน โดย OPPO Find X8 นั้นจะมีสี Star Grey เป็นสีเทาโทนอุ่นที่มีความเหลือบ ๆ ทองอยู่ด้วย มอบความหรูหราในฟิลโลหะ บวกกับกรอบเครื่องเหลี่ยมและฝาหลังที่แบนราบก็ยิ่งลงตัวเข้าไปใหญ่ครับ
ส่วน OPPO Find X8 Pro จะมีสี Pearl White เป็นสีไฮไลท์ โทนสีขาวละมุนที่แฝงไปด้วยประกายมุกอันละเอียดอ่อน พร้อมกับพื้นผิวหลายชั้นมอบลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งลวดลายตรงนี้ OPPO บอกว่าแต่ละเครื่องก็จะมีความแตกต่างไม่ซ้ำกันด้วยนะ
หน้าจอสว่างคมชัด สีสันสดใส ลื่นไหลทุกการใช้งาน
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro จะมีขนาดหน้าจอตอบโจทย์กลุ่มใช้งานชัดเจน คือรุ่นปกติเน้นพกพาง่าย ส่วนรุ่น Pro เน้นเต็มตา โดยขนาดและสเปคเบื้องต้นจะต่างกันดังนี้ครับ
- OPPO Find X8 หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.59″ | อัตราส่วน 19.8:9 | ความละเอียด 2760 x 1256 พิกเซล | ความสว่างสูงสุด 4500nits | Refresh rate 120Hz
- OPPO Find X8 Pro หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.89″ | อัตราส่วน 19.8:9 | ความละเอียด 2780 x 1264 พิกเซล | ความสว่างสูงสุด 4500nits | Refresh rate 120Hz
จะเห็นว่าตัวสเปคหน้าจอนั้นใกล้เคียงกันมาก ต่างกันที่ขนาดเลยแหละหลัก ๆ เพราะทั้งความสว่าง ความลื่นไหล ให้มาระดับท็อปสุดเหมือนกัน
แต่…กระจกที่ครอบหน้าจอไว้ ตรงนี้มีแตกต่างกันอยู่นิดหน่อยครับ คือของ OPPO Find X8 จะเป็นแบบแบนราบไปเลย ส่วนของ OPPO Find X8 Pro จะเป็นกระจกโค้ง 4 ด้านเล็ก ๆ หรือที่ OPPO เรียกว่า Infinite view นั่นแหละครับ ทั้ง 2 รุ่นมอบสัมผัสได้ดีทั้งคู่ อยู่ที่สไตล์ว่าชอบแบบไหน จะเป็นแบนไปเลยก็ราบเรียบ หรือจะโค้งหน่อย ๆ ก็นุ่มลื่นนะเราว่า
ด้านการแสดงผลก็ไม่ต้องห่วงเนาะ จอของทั้งคู่ให้สีสันที่สวยงาม เหมาะกับการเอามาดูคอนเทนต์ความละเอียดสูง รองรับ HDR ความสว่างสูงสุดก็ทำได้ถึง 4500nits อีก ไม่ต้องห่วงเวลาใช้งานกลางแจ้งเลย
รอบ ๆ เครื่องเหมือนกันด้วย
การวางตำแหน่งของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro นั้นจะเหมือนกันหมดเลยครับ แบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power อยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่อง ซึ่งรอบนี้ OPPO มีการขยับปุ่มขึ้นไปด้านบนมากขึ้น
ส่วนฝั่งซ้ายมือจะมี Alert Slider หรือปรับรูปแบบเสียงแบบด่วน ๆ เลื่อนไปบนสุดเป็นโหมดเงียบ, ตรงกลางเป็นระบบสั่น และล่างสุดเป็นเปิดเสียงปกติ ทั้งคู่มีให้เลื่อนใช้งานเหมือนกันครับ
ด้านบนทั้งคู่จะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนและ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องใส่ซิม (แบบ Dual-SIM)
Quick Button พิเศษเฉพาะรุ่น Pro
แม้จะบอกว่ารอบ ๆ เครื่องมีปุ่มและตำแหน่งคล้ายกันหมด แต่สำหรับ OPPO Find X8 Pro จะมีปุ่มพิเศษเพิ่มเข้ามาที่มุมขวาล่างของตัวเครื่องด้วย ซึ่ง OPPO เรียกปุ่มนี้ว่า Quick Button เป็นปุ่มจริง ๆ ที่เราสามารถกดลงไปได้ และจะมีระบบสั่นตอบกลับมาเมื่อเรากดลงไปด้วย ซึ่งปุ่มนี้ใช้เพื่อถ่ายรูปและวิดีโอเป็นหลักเลย เอาไว้เดี๋ยวอธิบายเพิ่มเติมในหมวดการถ่ายภาพละกันเนาะ
ระบบรักษาความปลอกภัยครบ
ระบบรักษาความปลอดภัยของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro นั้นให้มาครบทั้งระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D ที่รวดเร็ว ใช้งานได้ง่าย และยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ด้วย ทั้งคู่เป็นแบบ Optical ที่รวดเร็วเช่นกัน ซึ่งตำแหน่งของเซ็นเซอร์นั้นขยับไปอยู่ด้านล่างไปนิดนึง ถ้าเป็น OPPO Find X8 อาจจะสแกนมือเดียวได้สะดวกกว่าเพราะเครื่องเล็กกว่า แต่ถ้าเป็นรุ่น Pro ต้องขยับนิ้วกันนิดนึงครับ
ในเรื่องความทนทาน OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ที่สามารถลงน้ำสะอาดได้ที่ความลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที และ IP69 ที่ทนต่อน้ำแรงดันสูงรวมถึงน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 80º C ได้อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือเผลอทำเครื่องตกน้ำไปก็จะไม่เกิดความเสียหายรุนแรงแน่ครับ!
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ก็ถือว่าปรับโฉมมาให้เหมาะกับการใช้งานได้เป็นอย่างดี เน้นไปที่ความเรียบหรูและใช้งานได้จริง ด้วยขนาดและน้ำหนักที่จับต้องได้กว่าเดิม ความบางของตัวเครื่องรวมถึงกล้องที่เข้าที่เข้าทาง สมดุลของน้ำหนักไม่เทไปทางหัวแบบรุ่นก่อน ๆ แล้ว แน่นอนว่าดูภาพรวมอาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนรุ่นก่อน ๆ ที่มีมีดีไซน์แบบ Two-Tone ผสมวัสดุกระจกกับหนังวีแกน แต่เชื่อเถอะครับว่าดีไซน์ที่เรียบ ๆ แบบนี้เวลาใช้งานจริงคุณจะหลงรักแน่นอน!
ระบบกล้อง Hasselblad Master
มาต่อกันที่อีกหนึ่งไฮไลท์ของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro เลยกับเรื่อง “กล้อง” ทั้งคู่ยังคงพัฒนาระบบกล้องร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระดับโลก ซึ่งจะได้ชุดกล้องระดับสูงมาเลย แต่จะมีสเปคที่แตกต่างกันนิดหน่อยดังนี้ครับ
สเปคกล้อง OPPO Find X8
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-700 ขนาด 1/1.56″) f/1.8 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Ultra-Wide (เซ็นเซอร์ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75″) f/2.0 พร้อม AF
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ LYT-600 ขนาด 1/1.95″) f/2.6 พร้อม OIS
สเปคกล้อง OPPO Find X8 Pro
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-808 ขนาด 1/1.4″) f/1.6 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Ultra-Wide (เซ็นเซอร์ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75″) f/2.0 พร้อม AF
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ LYT-600 ขนาด 1/1.95″) f/2.6 พร้อม OIS
- 50MP กล้อง Periscope 6x (เซ็นเซอร์ IMX858 ขนาด 1/2.51″) f/4.3 พร้อม OIS
จะเห็นว่ากล้องของทั้ง 2 รุ่นนั้นได้สเปคที่น่าสนใจมาจริง ๆ ซึ่งจุดแตกต่างจริง ๆ จะอยู่ที่กล้องหลักที่ OPPO Find X8 ใช้เซ็นเซอร์ LYT-700 ในขณะที่ OPPO Find X8 Pro ใช้ LYT-808 และมีกล้อง Periscope 6x เพิ่มมาอีกหนึ่งตัวนั่นเองครับ ส่วนกล้อง Ultra Wide กับ Telephoto 3x นั้นทั้งคู่ใช้ชุดเดียวกันเลยล่ะ
มี HyperTone Image Engine
ด้านการประมวลผลภาพ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro มาพร้อมกับ HyperTone Image Engine ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ OPPO ที่จะเข้ามาช่วยประมวลผลอย่างชาญฉลาด เพราะเป็นการรวมเอาเฟรม RAW สูงสุด 9 เฟรมเข้ามาเป็นภาพเดียว ทำให้ได้ภาพที่สวยงามและคมชัดเป็นพิเศษ มี Dynamic Range ที่กว้างและ Noise ต่ำ
UI ปรับมาใหม่ ง่ายต่อการเข้าถึงกล้องในหลายระยะ
ตัว UI กล้องของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro นั้นมีการปรับแต่งมาใหม่ ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกล้องตัวไหนที่สามารถใช้งาน In-Sensor Zoom ได้ในระยะนั้น ๆ สามารถกดเบิ้ลได้อีก ยกตัวอย่างเช่นกล้องหลักของ OPPO Find X8 ที่ใช้งานได้ 1x > 1.1x > 1.4x หรือกล้อง Periscope 6x ของ OPPO Find X8 Pro ที่ปรับระยะได้ตั้งแต่ 6x > 13.3x > 26.6x ก็กดที่ตัวเลขนั้น ๆ ได้เลย แถมก่อนจะสลับเป็นตัวระยะ x แล้ว ยังแสดงเป็น mm ให้เราได้เห็นครับ ได้ฟิลกล้อง DSLR มากขึ้น ง่ายต่อการปรับระยะไม่ต้องมาเลื่อนแถบทีละนิด ๆ เนาะ
Lightning Snap จับภาพไว ไม่มีหลุด
อีกจุดที่ OPPO ปรับมาให้ OPPO Find X8 และ OPPOI Find X8 Pro ก็คือเรื่องความเร็วชัตเตอร์นี่แหละ ซึ่งเคยเป็น Pain Point ของกล้องบนสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน อย่างบางครั้งเจอสถานการณ์ที่สัตว์เลี้ยงหรือเด็ก ๆ เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ถ่ายยังไงก็เบลอ ไม่ถูกใจ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปทันทีเพราะ OPPO มีฟีเจอร์ Lightning Snap ที่เพียงกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ ก็จะได้ภาพต่อเนื่องเร็วสูงสุด 7 เฟรมต่อวินาทีแล้ว แถมความเร็วระดับนี้ยังคงได้การประมวลผลภาพด้วยระบบ HyperTone อีกด้วยนา
ปุ่ม Quick Button เข้าโหมดกล้องได้เร็ว ควบคุมกล้องได้อีกวิธี
อย่างที่บอกว่า OPPO Find X8 Pro จะมาพร้อมปุ่ม Quick Button ใหม่ด้วย ซึ่งตัวปุ่มนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงการใช้งานกล้องได้อย่างรวดเร็ว โดยการกดที่ปุ่ม 2 ครั้ง วางตำแหน่งปุ่มกดได้ดีครับ แม้จะไม่ได้อยู่ที่มุมสุดเครื่องให้กดใช้งานได้ด้วยมือเดียว แต่ก็ไม่ทำให้เผลอลั่นง่าย ๆ เวลาจับเต็ม ๆ มือ เพราะต้องกดถึง 2 ครั้ง การควบคุมก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ อยู่ในโหมดกล้องกด 1 ครั้งเพื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอ เลื่อนซ้าย-ขวาเพื่อซูมเข้า-ซูมออก ซึ่งคำสั่งเลื่อนซูมนี้จะจำกัดแค่เฉพาะใช้งานแนวนอนเท่านั้นด้วยนะ ไม่ลั่นง่าย ๆ แน่นอน
กล้องหลักคุณภาพเยี่ยมด้วยเซ็นเซอร์ Sony LYTIA ขนาดใหญ่
ได้ทำความรู้จักฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์กล้องของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro กันไปแล้ว ทีนี้เรามาชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลักของทั้งคู่สักหน่อยดีกว่า อย่างที่บอกไปว่ากล้องหลักของ 2 รุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์คนละตัว แต่ก็ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYTIA ตัวดังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณภาพไม่ต้องพูดถึงครับ สวยคมทั้งคู่ การรับแสงและจัดการ Dynamic Range ก็ยอดเยี่ยมด้วย HyperTone Image Engine และข้อดีอีกอย่างที่เราชอบมาก ๆ เลยคือตัวกล้องประมวลผลเร็วจริง ๆ ถ่ายปุ๊บ กดดูภาพก็ปรับแต่งให้เราเสร็จทันทีเลย
กล้อง Ultra-Wide กว้างถึงใจ เซ็นเซอร์ตัวเดียวกัน!
ส่วนกล้อง Ultra-Wide ของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro นั้นได้ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Samsung JN5 ตัวเดียวกันเลย ซึ่งคุณภาพก็ไม่ธรรมดา เก็บรายละเอียดได้ดี ความกว้างก็มากพอ ส่วนสีสันก็มีความใกล้เคียงกับกล้องหลัก ใครที่ชอบภาพมุมกว้างแบบที่โทนภาพสวย ๆ เหมือนกล้องหลักน่าจะถูกใจครับ
ซูมดีด้วยกล้อง Periscope 3x ระดับเรือธง
ในยุคนี้สมาร์ทโฟนเรือธงถ้ายังไม่มีกล้อง Periscope มาให้ก็คงไม่ใช่เรือธงที่แท้จริงแล้วว่าไหมล่ะครับ แน่นอนว่า OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro นั้นมีมาให้ใช้งาน โดยใช้เซ็นเซอร์ LYT-600 ขนาด 1/1.95″ เหมือนกันซะด้วย ซึ่งด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ระดับนี้ก็ช่วยให้มิติของภาพดีขึ้น สมกับเป็นระดับเรือธงจริง ๆ เนาะ แต่ยังมีจุดสังเกตเล็ก ๆ ตรงที่ตัวกล้องนี้มีระยะโฟกัสที่ค่อนข้างไกลทำให้ยังถ่ายพวก Tele Macro ไม่ได้ครับ
ซูมได้ไกลกว่าด้วย OPPO Find X8 Pro กับกล้อง Periscope คู่สุดพิเศษ
อย่างที่บอกไปว่าความพิเศษของ OPPO Find X8 Pro คือมีกล้อง Periscope มาให้ถึง 2 ตัว คือ 3x (73มม.) และ 6x (135มม.) ซึ่งตรงนี้จะเข้ามาเติมเต็มการซูมในระยะไกลมากกว่าเดิม เพราะตั้งแต่ระยะ 6x ขึ้นไป ตัวกล้องจะสลับไปใช้กล้อง 6x แทน ทำให้ได้ระยะตั้งต้นที่ไกลกว่า และ OPPO ยังเคลมว่าสามารถซูมแบบไม่เสียรายละเอียดได้ถึง 300 มม. หรือ 13.3x เลยด้วย
แต่…แค่ฮาร์ดแวร์ที่ดีอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะ OPPO ยังใส่ฟีเจอร์ AI Telescope Zoom เพื่อช่วยปลดล็อคความสามารถการซูมด้วย AI ที่ระยะการซูมเกิน 10x แบบอัตโนมัติ ทำให้แม้เราจะซูมไปไกลถึงระดับ 30x – 60x ก็ยังได้คุณภาพที่คมชัดมาก ๆ เลยด้วย ซึ่งฟีเจอร์ AI Telescope Zoom นี้มีให้เลือกใช้ทั้ง OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro เลยล่ะครับ
ถ่ายคนก็สวยด้วย Hasselblad Portrait
ถ้าพูดถึง OPPO จะไม่พูดถึงโหมด Portrait ก็คงไม่ได้เนาะ รอบนี้ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro มีโหมด Hasselblad Portrait มาให้เลือกใช้งานกันเหมือนเคย แต่ความพิเศษคือเราสามารถถ่ายได้หลากหลายระยะขึ้น โดยแบ่งเป็น
- OPPO Find X8 มี 5 ระยะ 24มม./35มม./49มม./73มม./85มม.
- OPPO Find X8 Pro มี 6 ระยะ 23มม./35มม./48มม./73มม./85มม./135มม.
ซึ่งเราสามารถแตะเลือกที่ระยะของภาพได้เลย คล้ายกับในโหมด Photo ปกตินั่นแหละครับ และนอกจากระยะของภาพแล้วรอบนี้ OPPO ยังมีฟิลเตอร์จำลองฟิล์มใหม่อีก 3 แบบให้เลือกใช้ ได้แก่ CC Film, NC Film และ NH Film รวมถึงรูปแบบพอร์ตเทรตแสงนุ่มหรือ Soft Lighting ที่ให้ภาพชวนฝันให้เราเลือกปรับอีก 3 แบบคือ Misty, Glowy และ Dreamy อีกด้วย
และพอรวมเอาองค์ประกอบทั้งชุดเลนส์กับฟิล์มจำลองเข้าด้วยกัน ก็จะได้ภาพ Portrait จาก Hasselblad ที่อลังการอย่างมาก ทั้งการตัดขอบที่แนบเนียน มีการไล่ระดับได้สมจริง การเก็บขอบที่แม่นยำ อาทิ เส้นผมหรือวัตถุต่าง ๆ หรือจะเป็นเอฟเฟกต์ Soft Lighting ที่ให้ภาพชวนฝันอันใหม่ ก็ยิ่งทำให้ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro เป็นเรือธงที่เหมาะกับการถ่ายพอร์ตเทรตเข้าไปอีก ถ้าไม่เชื่อก็ดูได้จากตัวอย่างด้านล่างนี้เลยครับ
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย
ที่กล้องหน้า OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ได้ความละเอียดมาที่ 32MP ใช้เซ็นเซอร์ IMX615 ตัวเดียวกัน ด้านฟีเจอร์มี AI Portrait Retouching ปรับหน้าเนียนสวย รวมถึง Portrait ก็มีทั้งพอร์ตเทรตแสงนุ่มกับฟิลเตอร์ฟิล์มจำลองให้เลือกใช้เหมือนกล้องหลังด้วยครับ
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K/60fps พร้อม Dolby Vision บนกล้องทุกตัว
ด้านวิดีโอของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ก็สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K/60fps แบบ Dolby Vision ด้วย ซึ่งสามารถใช้งานความละเอียดนี้ได้ในทุกกล้องรวมถึงกล้องหน้าด้วย และถ้าใช้งานกล้องหลังก็สามารถสลับกล้องระหว่างถ่ายได้ครบทุกตัวโดยไม่ต้องกดหยุดเลยด้วย อันนี้คือใส่ใจในเรื่องวิดีโอขึ้นมากจริง ๆ นะ!
โดยรวมในเรื่องกล้องของ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากครับ ทั้งในเรื่องของคุณภาพฮาร์ดแวร์ที่ให้มาครบ ครอบคลุมในทุกระยะตั้งแต่กว้างมาก ๆ ไปจนถึงซูมไกลจัด ๆ การประมวลผลก็มี HyperTone Image Engine ที่จัดการภาพได้อย่างถูกใจ โหมด Portrait ที่ได้ภาพสวย มีลูกเล่น นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดอื่น ๆ อีกมากที่ OPPO พัฒนาขึ้นหรือร่วมกับ Hasselblad แต่ในบทความนี้คงต้องพอเท่านี้ก่อน ไม่งั้นจะไม่ได้รีวิวส่วนอื่นกันเนาะ
สเปคแรงสุดด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400
มาต่อกันที่ประสิทธิภาพ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธงรุ่นล่าสุด MediaTek Dimensity 9400 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ TSMC 3nm จัดเต็ม เคลมว่า CPU เร็วขึ้น 35% GPU แรงขึ้น 41% อีกทั้งยังจัดการพลังงานได้ดีขึ้นสูงสุด 44% อีกด้วย
อะ…เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นกับชิปเรือธงตัวนี้ เราเลยลองทดสอบกับแอป Benchmark ชื่อดังอย่าง AnTuTu Benchmark v10 และ Geekbench 6 ดูสักหน่อย คะแนนที่ได้ก็ออกมาสูงถึงใจจริง ๆ ดังนี้เลย
AnTuTu Benchmark v10
- OPPO Find X8 = 2726569 คะแนน
- OPPO Find X8 Pro = 2720834คะแนน
Geekbench 6
- OPPO Find X8 = Single-Core 2868 คะแนน | Multi-Core 8884 คะแนน
- OPPO Find X8 Pro = Single-Core 2824 คะแนน | Multi-Core 8811 คะแนน
เล่นเกมหน่อยเป็นไง
เห็นผลทดสอบไปเรียบร้อยต่อมาก็เป็นการลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมสักหน่อย ทั้ง 2 รุ่นให้สเปคมาแทบจะเหมือนกันเลย จุดแตกต่างจริงก็คงเป็นเรื่องขนาดหน้าจอซะมากกว่าเนาะ เกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้มี 3 เกมคือ ROV, Genshin Impact และ Call of Duty Warzone ครับ ผลเป็นไงมาดูกันเลย
เล่น ROV บน OPPO Find X8
เริ่มที่ ROV ทั้ง OPPO Find X8 สามารถปรับระดับกราฟิกได้สูงที่สุด รวมถึงเฟรมเรตสูงด้วย ซึ่งเท่าที่เราลองเล่นจริงจัง ภาพที่ได้สวยงามสุด ๆ แถมยังลื่นไหลที่ระดับ 60fps ตลอดทั้งเกม ไม่เจออาการกระตุกให้หนักใจเลย การควบคุมก็ทำได้ดีเลย เราลองเกมนี้บน Find X8 ที่มีขนาดกะทัดรัด จับถือเล่นได้อย่างไม่ติดขัดครับผม
เล่น Genshin Impact บน OPPO Find X8 Pro
ต่อมากับเกมสุดแรงของยุคนี้กับ Genshin Impact เกมนี้เราเล่นบน OPPO Find X8 Pro ให้ความเต็มอิ่มด้วยหน้าจอที่เต็มตา ส่วนการตั้งค่าก็ไม่ต้องห่วง สามารถปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุด 60fps เราลองเปิดไปที่สูงสุดเลย (แต่ปิด Motion Blur) ก็พบว่าตัวเกมทำได้ลื่นไหลมาก แทบไม่เจอจังหวะที่เฟรมดรอปเลย แม้จะเล่นต่อเนื่องนาน ๆ ก็ตาม สมแล้วที่ใช้ชิป Dimensity 9400!
เล่น Call of Duty Warzone บน OPPO Find X8
ปิดท้ายที่เกมยิง Call of Duty Warzone บน OPPO Find X8 สามารถปรับการตั้งค่าต่าง ๆ ได้สูงสุดที่ระดับ High ทั้งหมด กราฟิกยังเปิด Peak ไม่ได้นะ ซึ่งตรงนี้คิดว่าเพราะชิปเซ็ตนั้นยังใหม่อยู่ อาจจะต้องรอทีมพัฒนาแอปปรับจูนกันในอัปเดตถัด ๆ ไปอีกทีครับ แต่ด้วยการตั้งค่าระดับ High ทั้งหมด เราก็ว่าเพียงพอต่อการเล่นให้สนุกแล้วล่ะครับ ความลื่นไหลเอย การควบคุมต่าง ๆ ถูกใจมาก ๆ แล้ว
แบตเตอรี่ OPPO Silicon-Carbon ใหม่ จุใจกว่าที่เคย
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ OPPO Silicon-Carbon ใหม่มาเลย ทำให้เพิ่มความจุได้ถึงใจ แต่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เทอะทะอย่างที่เห็น ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมีความจุแบตเตอรี่ดังนี้เลย
- OPPO Find X8 แบตเตอรี่ความจุ 5630mAh
- OPPO Find X8 Pro แบตเตอรี่ความจุ 5910mAh
เรียกว่าให้มาเยอะเพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ เท่าที่เราลองใช้งานจริง ๆ ถือว่าอึดสุด ๆ เป็นมิติใหม่ของสมาร์ทโฟนเรือธงเลยก็ได้ ที่ใช้งานแบบไม่ต้องกังวลว่าแบตฯจะหมด ถึงแม้จะถ่ายรูป เล่นเกมแบบจัดเต็มก็ตาม
รองรับชาร์จไว 80W SUPERVOOC และชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC
ส่วนเรื่องชาร์จ OPPO ก็เก่งมาตลอด รอบนี้ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ได้ระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC มาเหมือนกันเลย เคลมว่าชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 48 นาทีเท่านั้น (สำหรับ Find X8) แถมยังรองรับระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC ด้วย สุดจริง!
ใช้ ColorOS 15 บน Android 15 มาตั้งแต่แกะกล่อง
มาปิดท้ายกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ อย่างจุดเด่นของรุ่นนี้เน้นที่ “กล้องและ AI ทรงพลัง” ทั้ง OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ก็จัดซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง ColorOS 15 ที่ครอบทับบน Android 15 มาเลย มีรูปลักษณ์ใหม่และความสามารถของ AI เพียบ ๆ
อย่างฟีเจอร์ AI เองก็มีการร่วมมือกับ Google ฝัง Gemini มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเลย เพียงแค่กดปุ่ม Power ค้างก็เรียกขึ้นมาได้แล้ว หรือจะเป็นฟีเจอร์ Circle to Search ที่เราสามารถวงค้นหาสิ่งที่ต้องการง่าย ๆ ผ่านการกดที่ปุ่มโฮมค้างไว้ แต่ ๆ ตรงนี้ยังมีจุดสังเกตอยู่นิดหน่อยคือถ้าเราเลือกการควบคุมแบบ Gesture ในค่าเริ่มต้นระบบจะปิดแถบนำทางไป ทำให้ไม่สามารถเรียกฟีเจอร์ Circle to Search ได้ ต้องเข้าไปปิดซ่อนแถบนำทางซะก่อนตามด้านล่างนี้เลยครับ
เข้าแอป Settings (การตั้งค่า) > System & Update (ระบบและอัปเดต) > System navigation (การนำทางระบบ) > เลือกปิดฟีเจอร์ Hide gesture guide bar (ซ่อนแถบแนะนำการใช้ท่าทาง) และเลือกเปิดการทำงาน Circle to Search ด้วยครับ
หรือจะเป็นฟีเจอร์ AI ที่ OPPO พัฒนาต่อยอดขึ้นมาเอง ก็มีมาให้เลือกใช้เพียบ ทั้งการตกแต่งภาพที่มีให้เลือกใช้ถึง 4 แบบ ประกอบด้วย
- AI Enhance Clarity = ช่วยแปลงภาพความละเอียดต่ำและให้ความคมชัดด้วยความละเอียดสูงพิเศษ
- AI Eraser = ลบคน ลบวัตถุในคลิกเดียว
- AI Unblur = แก้ภาพเบลอให้คมชัดขึ้น
- AI Reflection Remover = ลบแสงสะท้อนและเงาในกระจก
หรือจะเป็นฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้นก็มีทั้ง
- AI Summary = ให้ AI ช่วยสรุปความ
- AI Speak = ให้ AI อ่านข้อความออกเสียง
- AI Writer = ให้ AI ช่วยจัดรูปประโยคให้ถูกต้อง
ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวก็รองรับภาษาไทยครบถ้วนแล้วด้วย ส่วนด้านการใช้งานต่าง ๆ ก็ลื่นไหลตามสไตล์ ColorOS เลยครับ มีการปรับแต่งเพิ่มเติมอีกมาก ทั้งหน้าจอล็อก หรือรูปแบบไอคอนเพิ่มเติมด้วย
ส่งไฟล์หา iPhone ได้ด้วย
ทีเด็ดอีกอย่างของ ColorOS 15 ก็คือความสามารถในการโอนไฟล์ถึง iPhone ที่สะดวกขึ้นมาก แต่…ก่อนอื่น iPhone เครื่องที่เราจะรับ-ส่งไฟล์นั้นต้องมีแอปที่ชื่อ O+ Connect ซะก่อนนะ ซึ่งถ้าโหลดมาแล้วจะสามารถส่งไฟล์หากันได้ผ่าน WiFi Direct เลย คือเร็วมาก ๆ และไม่ต้องใช้เน็ตด้วย!
ราคาและโปรโมชั่น OPPO Find X8 Series
OPPO Find X8 เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นความจุ ส่วน OPPO Fins X8 Pro จะมีความจุเดียวให้เลือก ราคาของแต่ละรุ่นตามนี้ครับ
- OPPO Find X8 (12GB+256GB) = 29,999.-
- OPPO Find X8 (16GB+512GB) = 33,999.-
- OPPO Find X8 Pro (16GB+512GB) = 39,999.-
โดยจะมีโปรโมชั่นดังนี้
OPPO Find X8 รับของแถมมูลค่า 16,999.-
- E-VIP Card
- คูปองส่วนลด 50% OPPO Enco Air4
OPPO Find X8 Pro รับของแถมมูลค่า 20,999.-
- E-VIP Card
- คูปองส่วนลด 50% OPPO Enco Air4
สรุปแล้ว “นี่คือมาตรฐานระดับแฟล็กชิปที่เหนือกว่าจาก OPPO”
สรุปแล้ว OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro ก็เป็นสองแฟล็กชิปที่สร้างมาตรฐานได้เหนือกว่าอย่างแท้จริง ด้วยการจัดสเปคมาระดับสูงสุดทั้งชิป MediaTek Dimensity 9400 มีระบบกล้อง Hasselblad ที่ถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วนและการประมวลผลชั้นยอด นอกเหนือจากเรื่องสเปคก็ยังมีฟีเจอร์การใช้งานที่ผูกมากับ ColorOS 15 ได้อย่างทรงพลัง บวกกับดีไซน์ที่สวยลงตัว เข้าถึงได้เป็นอย่างดีอีก ถือเป็นการกลับมาทำตลาดในไทยที่สมการรอคอยจริง ๆ ใครที่รอเรือธงจาก OPPO ปีนี้มีให้เลือกแล้ว ทั้งรุ่นปกติและ Pro เลยนะ!