คาดการณ์ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในไทย เริ่มต้น 26,500 บาท เท่ากับตอนเปิดตัว iPhone 6s

ตามที่มีกระแสข่าวว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะวางขายในไทยช่วงเดือนตุลาคมนี้ สิ่งหนึ่งที่หลายคนรอลุ้นไม่ใช่เพียงวันวางขาย แต่นั่นคือราคาของสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่นี้จะเปิดมาที่เท่าไหร่ มาดูความเป็นไปได้กันครับ

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเปิดราคา iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ในไทย ซึ่งในขณะนั้น Apple Online Store เปิดราคาแพงขึ้นราว 1,600 บาท เมื่อเทียบกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ด้วยเหตุผลทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก ณ เวลานั้น

• ณ ตอนเปิดตัวครั้งแรกในไทย iPhone 6 ราคาเครื่องเปล่าจาก Apple Online Store มีราคาต่ำสุด เริ่มต้นที่ 24,900 บาท ตามมาด้วย DTAC และ AIS ตั้งราคาเท่ากัน เริ่มต้นที่ 25,500 บาท (รายละเอียด)
• ณ ตอนเปิดตัวครั้งแรกในไทย ราคา iPhone 6s เครื่องเปล่าจาก Apple Online Store มีราคาต่ำสุด ตามมาด้วยดีแทค และทรูมูฟ เอช เริ่มต้น 26,900 บาท (รายละเอียด)

ในขณะที่ราคาเปิดตัวในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ก็พบว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีราคาเท่ากับเมื่อเทียบ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าราคาในไทยก็จะมีราคาใกล้เคียงไม่ต่างไปจากราคาเดิมของ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มากนัก ในขณะที่ราคารุ่นเดิมในไทยก็ปรับราคาลงแล้ว

คาดการณ์ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในไทย

• ราคา iPhone 7 เริ่มต้นราว 26,500 บาท
• ราคา iPhone 7 Plus เริ่มต้นราว 30,500 บาท
• ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในไทยจะมีทั้งราคาเครื่องเปล่าและราคาพร้อมแพ็กเกจ คาดว่าในปีนี้จะน่าสนใจ ต้องรอติดตาม

อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นเพียงการคาดเดาจากราคาเดิมของ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อปีที่ผ่านมาเท่านั้น สำหรับกำหนดการวางขาย iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในไทย ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ มีอะไรน่าสนใจบ้าง

สีดำเจ็ทแบล็คใหม่

iPhone 7 และ iPhoe 7 Plus มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ โรสโกลด์, ทอง, เงิน, ดำ และดำเจ็ทแบล็ค โดยตัวเครื่องสีดำเจ็ทแบล็ค ซึ่งเป็นสีดำแบบเงา จะวางขายเฉพาะในรุ่นความจุ 128GB และ 256GB ถ้าใครจะซื้อในรุ่นความจุ 32GB ก็จะไม่มีสีใหม่นี้

พื้นผิวที่มีความมันเงาสูงของ iPhone 7 สีดำเจ็ทแบล็ค (Jet Black) เกิดขึ้นจากกระบวนการชุบผิวและขัดเงาที่มีความแม่นยำถึง 9 ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งผิวสัมผัสนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ชุบผิวของ Apple ชิ้นอื่นๆ
และด้วยผิวที่มันเงานี้เองอาจเผยให้เห็นรอยขีดข่วนได้ง่าย แนะนำให้ใส่เคสที่คลุมทั้งตัวเพื่อกันรอยตัวเครื่องด้วย

ตัวเครื่องของ iPhone 7 มีความบาง 7.1 มม. น้ำหนัก 138 กรัม ในขณะที่ iPhone 7 Plus มีความบาง 7.3 มม. น้ำหนัก 188 กรัม เรียกได้ว่าไม่แตกต่างไปจากเดิมมากกนักเมื่อเทียบกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus

หน้าจอ Retina HD สว่างขึ้น 25%

iPhone 7 มีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว จอภาพแบบ Retina HD ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (326 ppi) ในขณะที่ iPhone 7 Plus มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (401 ppi) ซึ่งจะมีความคมชัดมากกว่ารุ่นเล็ก

สำหรับหน้าจอของ iPhone รุ่นใหม่นี้ให้ความสว่างขึ้นกว่าเดิมราว 25% และให้สีสันที่สมจริงมากขึ้น มาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนต์

ก้นน้ำ กันฝุ่น

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีคุณสมบัติกันฝุ่นกันน้ำตามาตรฐาน IP67 ซึ่งตามทฤษฎีคือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติ โดยข้อควรระวังคือห้ามชาร์จ iPhone ในขณะที่เครื่องยังเปียกอยู่ และหากเครื่องเสียหายจากการเปียกน้ำจะไม่อยู่ในประกัน

ปุ่มโฮมแบบใหม่

ปุ่มโฮมของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เป็นปุ่มโซลิดสเตที่เพิ่มการตอบสนองได้รวดเร็ว และมีความไวต่อแรงกด โดยเสริมความสามารถทำงานร่วมกับ Taptic Engine ใหม่ หรือตัวสั่นที่เวลาเราแตะนั่นเอง

เร็วแรงกว่าเดิมด้วยชิพ A10 Fusion

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ใช้ชิพ A10 Fusion พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต และโปรเซสเซอร์ร่วม M10 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว โดยในส่วนของซีพียูนั้นทำงานได้ดีกว่าเดิมถึง 40% เมื่อเทียบกับชิป A9 และดีกว่าเดิม 2 เท่าเมื่อเทียบกับชิป A8

สำหรับในส่วนของจีพียูนั้นทำงานได้ดีกว่าเดิมถึง 50% เมื่อเทียบกับชิป A9 และดีกว่าเดิม 3 เท่าเมื่อเทียบกับชิป A8

กล้องกันสั่น และกล้องคู่โบเก้

กล้องหลังของ iPhone 7 เป็นเลนส์เดี่ยวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 5 เท่า ในขณะที่ iPhone 7 Plus มาเหนือกว่าด้วยเลนส์กล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล โดยเลนส์ตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็นเลนส์เก็บภาพมุมกว้าง มีค่ารูรับแสงขนาด ƒ/1.8 และอีกหนึ่งเลนส์ทำหน้าที่เป็ฯเทเลโฟโต้ มีค่ารูรับแสงขนาด ƒ/2.8 ซึ่งสามารถซูมออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า

ฟีเจอร์ที่เหมือนกันของกล้อง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus คือ มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล ซึ่งประกอบด้วยชุดเลนส์ 6 ชิ้น, แฟลช True Tone แบบ LED ใหม่ที่มีไฟมากถึง 4 ดวง และการถ่ายภาพในโหมด Live Photos ก็สามารถใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้ด้วย

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รองรับการบันทึกวิดีโอสโลว์โมชั่นความละเอียด 1080p ที่ 120 fps และ 720p ที่ 240 fps ส่วนการบันทึกวิดีโอระดับ 4K ยังคงที่ 30 fps เหมือนเดิม และสามารถกดถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8 เมกะพิกเซลในขณะที่กำลังบันทึกวิดีโอ 4K

กล้องหน้าของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีขนาดความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p และใช้หน้าจอเป็นแฟลชได้ (Retina Flash) โดยมีค่ารูรับแสงขนาด ƒ/2.2

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 10 รองรับการบันทึกภาพถ่ายเป็นไฟล์ RAW ได้แล้ว ด้วย API ใหม่ และไม่เพียงแต่รองรับแอพกล้องของ iOS แต่ยังรองรับการใช้งานกับแอพกล้องของนักพัฒนารายอื่นได้ด้วย

ลำโพงสเตอริโอ

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ โดยลำโพงตัวหนึ่งจะอยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง และอีกตัวจะใช้ลำโพงสำหรับเสียงสนทนาที่อยู่เหนือหน้าจอมาเป็นลำโพงสำหรับเสียงมัลติมีเดียเพิ่มเติม ทำให้กลายเป็นลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียง 2 ทิศทาง ซ้าย-ขวา

หูฟังรุ่นใหม่ Lightning

ในกล่องของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมีหูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อแบบ Lightning และมีตัวแปลงพอร์ต Lightning to 3.5 mm Headphone Jack Adapter มาให้ด้วย สำหรับใช้งานร่วมกับหูฟังทั่วไป หรือถ้าไม่ชอบใจก็ซื้อหูฟังไร้สาย AirPods เพิ่มได้