Connect with us

Smart Review

รีวิว iPhone 15 Plus รักครั้งใหม่ของรุ่นจอใหญ่!

Published

on

รีวิว iPhone 15 Plus มาแล้ว! หนึ่งใน 4 รุ่นของ iPhone 15 ปีนี้ที่เราว่ามีการอัปเกรดขึ้นมาได้น่าสนใจมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบจอใหญ่ประสิทธิภาพเยี่ยม แต่ไม่อยากไปถึงรุ่น Pro Max รอบนี้ใช้สโลแกนแจ่ม ๆ เลยว่า “กล้องใหม่ ดีไซน์ใหม่ รักครั้งใหม่” การใช้งานจริงจะเป็นยังไง ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อความบันเทิงแค่ไหน รีวิวนี้บอกให้หมด ติดตามครับ! (ชมคลิป)

สรุปสเปค iPhone 15 Plus

  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.9 x 77.8 x 7.8 มม.
  • น้ำหนัก : 201 กรัม
  • หน้าจอ : Super Retina XDR OLED กว้าง 6.7″
  • ความละเอียด: 2796 x 1290 พิกเซล
  • Refresh rate : 60Hz
  • ชิปเซ็ต : Apple A16 Bionic (4nm)
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : 128GB/256GB/512GB
  • แบตเตอรี่ : 4383mAh
  • ระบบชาร์จไว : 20W
  • กล้องหน้า : TrueDepth 12MP f/1.9
  • กล้องหลัง : 2 ตัว
    • กล้องหลัก 48MP f/1.6 พร้อม Sensor-Shift OIS
    • กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4 
  • รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต Lightning
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 17

ใหญ่เต็มตากับเกาะหรรษา Dynamic Island

มาพูดถึงดีไซน์กันก่อนเลย iPhone 15 Plus มาพร้อมหน้าจอใหญ่ OLED ขนาด 6.7″ และอย่างที่เห็นครับรอบนี้ Apple อัปเกรดหน้าจอเป็น Dynamic Island มีเกาะหรรษาอยู่ที่ด้านบนแทนรอยบากใหญ่ ๆ เรียบร้อย ทำให้ดีไซน์ด้านหน้าดูสวยทันสมัยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ

ซึ่งการใช้งานเกาะตัวนี้ก็หลากหลาย เวลาเราฟังเพลงหรือนำทางจะมี Pop Up แสดงที่ด้านบน แตะเพื่อขยายสั่งงานเพิ่มเติมได้ และหลังจากเปิดตัวมา 1 ปีเต็ม (เริ่มใช้บน 14 Pro) มาถึงตอนนี้แอปหลาย ๆ ตัวก็เริ่มใช้งานเกาะนี้ได้อย่างหลากหลายกว่าช่วงแรกเยอะครับ

แสดงผลยอดเยี่ยม อัปความสว่างสูงสุดเป็น 2000nits

ในเรื่องการแสดงผลหน้าจอก็เต็มตาตามฉบับของรุ่น Plus ครับ ในเรื่องการแสดงผลความละเอียดได้มาสูง 2796×1290 พิกเซล (เท่ากับ 15 Pro Max) เพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องความคมชัดในการดูคอนเทนต์ได้เลย เพราะได้ความละเอียดมาเท่ารุ่นท็อป คมกริบ สีสันสวยงามมาก!

แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะ Apple เพิ่มความสว่างหน้าจอให้รุ่น 15 Plus ใหม่เป็นสูงสุด 2000nits เมื่อใช้งานกลางแจ้ง (เท่ากับ 15 Pro Max อีกนั่นแหละ) ทำให้เวลาเราจะใช้สู้แดดก็ไม่หวั่นจอแสดงผลได้สว่างสวยเต็มที่แน่นอนครับ

แต่ความลื่นไหลยังแค่ 60Hz ขัดใจที่สุด

ถึงแม้จะใส่ดีไซน์ใหม่ ความสว่างเพิ่มขึ้นมาเทียบเท่ากับรุ่น Pro แล้วก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เพิ่มให้ก็คือ Refresh rate หน้าจอที่ iPhone 15 Plus ยังได้มาแค่ 60Hz เหมือนเดิม ถ้าใครที่ใช้งานพวกรุ่น Pro หรือมาจากฝั่ง Android บอกเลยว่าขัดใจแน่นอน ความลื่นไหลหายไปเยอะ แต่ก็นะถ้ามาจากรุ่นเก่ากว่า 13 Pro ความลื่นไหลระดับนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมั้ง

ดีไซน์ใหม่ ชวนให้หลงรักได้ไม่ยาก

พลิกกลับมาดูดีไซน์ด้านหลังกันบ้าง รอบนี้ Apple ปรับดีไซน์ให้ iPhone 15 Plus ใหม่หมดจนชวนให้เราหลงรักได้มากขึ้นจริง ๆ ฝาหลังลดความฉูดฉาดลง ปรับให้เป็นโทนพาสเทลอ่อน ๆ มีความนุ่มนวลขึ้น และฝาหลังยังเป็นกระจกชิ้นเดียวขึ้นรูปที่ดูลงตัวและปราณีต

แต่ความพิเศษของรอบนี้คือฝาหลังจากมันวาวเดิมถูกเปลี่ยนมาเป็นกระจกด้านผิวด้านแทนแล้ว ทำให้เวลาเราสัมผัสไปที่ฝาหลังแบบไม่ใส่เคสนุ่มนวลกับมือมากขึ้น ไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือแบบรุ่นก่อนด้วย

ส่วนตัวฐานกล้องรอบนี้จะสลับไปเป็นกระจกผิวมันวาวแทน และยังแทรกสีที่เข้มกว่าเข้าไปเสริมความโดดเด่นของสีอีกนิด เลยออกมากลมกล่อมแบบไม่น้อยหรือมากจนเกินไปครับ ตัวกล้องก็ยังวางตำแหน่งเหมือนเดิม มีกล้องคู่เหมือนเดิม

จับถือได้ถนัด จุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบายังอยู่ครบ

จุดเด่นที่กรอบอลูมิเนียมหรูหราสัมผัสยอดเยี่ยมยังถูกส่งต่อมาถึง iPhone 15 Plus เหมือนเดิมครับ แต่รอบนี้มีการเพิ่มความโค้งมนด้วยการตัดขอบแบบ Contour Cut เพิ่มเติม ทำให้เวลาเราจับถือได้ความกระชับและลงตัวมากขึ้น ไม่มีขอบคม ๆ มาบาดมือแล้วนะ

น้ำหนักที่เป็นจุดเด่นของ iPhone รุ่นไม่ Pro ก็ยังทำได้ยอดเยี่ยม แม้รอบนี้จะไม่ได้เปลี่ยนวัสดุกรอบเครื่องใหม่ แต่ด้วยอลูมิเนียมเดิมที่เบาดีอยู่แล้ว จึงทำให้ iPhone 15 Plus มีน้ำหนักแค่ 201 กรัมเท่านั้น เทียบกับขนาดจอใหญ่ถึง 6.7“ ถือว่าเบามากจริง ๆ นะว่าไหมล่ะ ?

Mute Switch ยังอยู่เพราะปุ่ม Action เขาให้แค่รุ่น Pro น่ะ

ส่วนปุ่มกด iPhone 15 Plus ยังคงได้มาเหมือนเดิมมีปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวามือ และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่องครับ และปุ่ม Mute Switch ที่ไว้เลื่อนสลับเปิด-ปิดเสียงก็ยังมีให้เราใช้งานอยู่เหมือนเดิมครับ ไม่ได้มีปุ่ม Action ให้เลือกปรับใช้งานเองแบบรุ่น Pro หรือ Pro Max เขาเนาะ

พอร์ต USB-C มาแล้วนะ ชาร์จแบตฯง่ายขึ้น

และ…พอร์ตการเชื่อมต่อ iPhone 15 Plus ก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C เสียที! ใช้งานได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องพกสาย Lightning ที่ไม่เหมือนใครอีกต่อไปครับ ส่วนเรื่องการซิงค์ข้อมูลพอร์ตตัวนี้ยังคงได้ความเร็วแบบ USB 2.0 (สูงสุด 480Mbps) เหมือนเดิม แต่เชื่อว่าถ้าใช้งานทั่วไปไม่ได้ส่งไฟล์ใหญ่มากคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอกเนาะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ iPhone 15 Plus ก็ถือว่ามีการปรับปรุงใหม่ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว มองเผิน ๆ อาจจะคิดว่าก็เหมือนเดิมแหละ แต่แค่จอเป็น Dynamic Island, สีสันที่พาสเทลสวยน่ารักขึ้น, พอร์ต USB-C แค่นี้ก็เพียงพอให้รู้สึกใหม่ทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาใช้งานแล้วจริง ๆ ครับ

กล้องใหม่ 48MP มาแล้วนะ!

ดีไซน์ใหม่ไปแล้ว ต่อไปก็ “กล้องใหม่” ใช่แล้วครับ รอบนี้ iPhone 15 กับ 15 Plus มีการอัปเกรดกล้องหลักใหม่ มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้

  • 48MP กล้องหลัก f/1.6, Sensor Shift OIS
  • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.4

ใช่แล้วครับรอบนี้รุ่นไม่ Pro ได้กล้องความละเอียดสูง 48MP แล้ว ตรงนี้แหละที่เราว่าเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจขึ้นมาก เพราะปลดล็อคความสามารถเพิ่มจากรุ่นก่อนหลายอย่างเลยล่ะ

ซูม 2x ได้ไม่เสียรายละเอียด

ความสามารถแรกที่เราอยากชมก็คือพอเป็นกล้องหลัก 48MP แล้ว iPhone 15 Pro Max ก็สามารถใช้เทคนิคการซูมด้วยการครอปเซ็นเซอร์ได้ หรือซูมได้ 2x แบบไม่เสียรายละเอียดนั่นเอง ทำให้แม้จะมีกล้องแค่ 2 ตัว เราก็จะถ่ายภาพได้ 3 ระยะ เหมือนอดีตรุ่น Pro เลยนั่นเองครับ ช่วยเพิ่มระยะของภาพได้มากขึ้น ซูมนิดหน่อยภาพไม่แตก

เก็บภาพแบบ 24MP ได้ด้วย

เช่นเดียวกับรุ่น 15 Pro เลย iPhone 15 Plus สามารถเก็บภาพความละเอียดสูงในโหมด Photo ปกติได้ที่ 24MP (เฉพาะระยะ 1x) นั่นเท่ากับว่าเราจะได้ภาพที่คมชัดขึ้นจริง ๆ เวลาเราซูมดูจะรู้สึกได้เลยว่าคมขึ้นครับ

ซึ่งแค่กล้องหลักที่เปลี่ยนมาเป็น 48MP นี้ตัวเดียว ก็ช่วยให้เราถ่ายภาพได้สนุกขึ้นอีกเยอะเลย แถมคุณภาพของเซ็นเซอร์ตัวนี้ก็ยังยอดเยี่ยมมาก เก็บ Dynamic Range ดี มีความสว่างใสอยู่เล็ก ๆ ไม่ได้คมชัดเก็บรายละเอียดเกินไปจนภาพหยาบ โทนภาพก็ทำได้ถูกใจเลยครับ

กล้อง Ultra Wide ยังตัวเดิม น่าเสียดาย แต่ก็รับได้แหละ

ส่วนกล้อง Ultra Wide แอบน่าเสียดายที่ยังเป็น 12MP ตัวเดิม ไม่มี Autofocus ให้เราจับภาพ Macro เหมือนรุ่น Pro แต่คุณภาพที่ถ่ายมาก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ มุมมองกว้าง ประมวลผลดีด สีสันตรงกับกล้องหลังด้วย

Portrait เวอร์ชั่นใหม่ ถ่ายได้ทันทีจากโหมดปกติ

เช่นเดียวกับรุ่น Pro ครับ iPhone 15 Plus รองรับการถ่าย Portrait แบบใหม่ที่แค่เล็งไปที่คน สัตว์ เลี้ยง หรือแตะโฟกัสในภาพให้มีไอคอน F ขึ้นที่มุมซ้ายล่าง เมื่อเรากดถ่าย กล้องจะเก็บค่า Depth (ระยะลึก-ตื้น) ของภาพไปไว้ครบ ทีนี้เราก็สามารถกลับไปแก้ไขเพิ่มความเบลอหรือจุดโฟกัสเพิ่มเติมได้ แม้เราไม่ได้กดถ่ายจากโหมด Portrait ก็ตาม!

ส่วนคุณภาพการถ่ายภาพคน iPhone 15 Plus ก็ทำได้ดีมาก เพราะอย่างที่บอกว่ากล้องหลักเราสามารถซูมได้ 2x แบบไม่เสียรายละเอียดแล้ว ทำให้เราเข้าใกล้เพิ่มมิติภาพมากขึ้น บวกกับโหมด Portrait ใหม่ที่ถ่ายจากโหมดปกติได้เลย ก็ช่วยให้เราเก็บภาพสวยมาปรับต่อได้ตลอดเวลาครับ

กล้องหน้า 12MP เซลฟี่สวยตามสไตล์ไอโฟน

ส่วนกล้องหน้าของ iPhone 15 Plus มี Autofocus เหมือนเดิม ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ iPhone ยังคงเน้นไปที่ความสมจริง แต่สกินโทนสวยดีแม้ในเรื่องความเนียนการลบริ้วรอยจะไม่ได้มีมามากนัก แต่เราก็สามารถปรับ Portrait เพิ่มเติมทีหลัง ใส่ Portrait Lighting เข้าไปเสริมได้อยู่นะ

วิดีโอก็ยอดเยี่ยม 4K/60 ลื่น ๆ

เรื่องวิดีโอไอโฟนนี่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว iPhone 15 Plus เลือกความละเอียดได้สูงสุด 4K/60 และพอได้กล้องหลักมาใหม่ก็ถ่ายได้คมขึ้น ซูมได้ 2x สวย ๆ หรือจะขยายออกเป็น 0.5x ก็ได้ขณะถ่าย

Cinematic ได้ 2 ระยะเหมือนกัน

หรือจะเป็นวิดีโอแบบหน้าชัด-หลังเบลอ iPhone 15 Plus ก็มีโหมด Cinematic มาให้ใช้งานเช่นกัน เลือกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/30 และแน่นอนว่าเราสามารถเลือกระยะ 1x/2x ขณะถ่ายได้เช่นเดียวกัน ซึ่ง 2 ระยะนี้ก็เท่ากับของรุ่น 15 Pro Max ด้วย คุณภาพออกมาสวยงามพอกัน!

โดยรวมในเรื่องกล้องของ iPhone 15 หรือ iPhone 15 Plus เครื่องนี้ก็ถือว่าอัปเกรดขึ้นมาได้ดีมาก ได้ระยะ Optical 2x เข้ามาเสริม ทำให้เราถ่ายได้ทั้งมุมกว้าง Ultra Wide ระยะปกติไปจนถึงช่วงซูมระยะใกล้เลยด้วย ใช้งานได้ครอบคลุมมากขึ้น มีประโยชน์จริง ๆ และคุณภาพที่ได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมสมกับเป็นไอโฟนเลยล่ะครับ

สเปคที่ส่งต่อมาจาก 14 Pro ด้วย A16 Bionic

มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพ iPhone 15 Plus ยังใช้รูปแบบเดียวกับตอน 14 Plus คือได้ชิปเซ็ตของรุ่น Pro เมื่อปีที่แล้ว ในที่นี้คือ A16 Bionic ที่เคยสร้างความแรงประทับใจบน 14 Pro มาแล้ว รอบนี้ส่งต่อมาถึง 15 Plus ซึ่งประสิทธิภาพโดยรวมก็คงไม่ต้องห่วงอยู่แล้วครับ แม้จะผ่านมา 1 ปี แต่ชิปตัวนี้ก็ยังแรงเบอร์ต้น ๆ อยู่ดี บวกกับระบบ iOS 17 ที่จัดการทรัพยากรให้ใช้งานชิปตัวนี้ได้อย่างดี

คะแนนทดสอบยังสูงมาก

ซึ่งเราได้ทดสอบกับแอป Geekbench 6 ก็ยังได้คะแนน Single-Core ไปถึง 2576 และ Multi-Core ที่ 6488 คะแนน เรียกว่าเป็นคะแนนที่ยังหาใครเอาลงได้ยากจริง ๆ เว้นแต่ iPhone 15 Pro ที่ใช้ A17 Pro อะนะ

ส่วนฝั่ง AnTuTu Benchmark คะแนนก็ยังสูงเอาเรื่องที่ 1,368,423 คะแนน เรียกว่ายังใช้งานต่อได้อีกยาวล่ะครับ ประสิทธิภาพและคะแนนที่สูงขนาดนี้

เล่นเกมให้ดูหน่อยแล้วกัน

สำหรับการเล่นเกม ด้วยความที่ชิป A16 Bionic นั้นเปิดตัวมาเป็นปีแล้ว ถึงตอนนี้เกมส่วนใหญ่ก็รองรับครบถ้วน แถมความที่เป็นชิปของอดีตเรือธงในการตั้งค่าต่าง ๆ ก็ยังอยู่ในระดับสูงสุดทั้งหมดแหละครับ! ซึ่งเกมที่เราใช้ทดสอบในรอบนี้จะมี 3 เกมหลัก ๆ คือ Asphalt 9, ROV และ Call of Duty ครับผม

เล่น Asphalt 9 บน iPhone 15 Plus

เริ่มที่ Aaphalt 9 เกมนี้สามารถปรับเฟรมเรตได้ที่ 60fps เรียบร้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับ Refresh rate 60Hz ของหน้าจอเป็นอย่างดี ความลื่นไหลจัดว่ายอดเยี่ยม ในเรื่องของภาพกราฟิกพอแสดงผลบนหน้าจอ OLED ขนาด 6.7″ ก็เต็มตา เอฟเฟกต์ล้นจอออกมาเลยล่ะครับ

เล่น ROV บน iPhone 15 Plus

ส่วน ROV เราปรับการตั้งค่ากราฟิกได้สูงสุดตามสเปค ทั้ง HD Display, Display Quality, Particle Quality และเปิดเฟรมเรตสูง พร้อมเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้หมด iPhone 15 Plus สามารถเล่นได้ในเฟรมเรตระดับ 60fps แบบลื่น ๆ เราแทบไม่เจอจังหวะกระตุกแบบรู้สึกได้เลย ตัวเลข fps ที่มุมขวาก็มีขึ้น-ลงในระดับ 59 – 60fps บ้าง ถือว่าเล่นได้อย่างเต็ม Max แล้วล่ะแบบนี้

เล่น Call of Duty บน iPhone 15 Plus

ปิดท้ายที่ Call of Duty เกมนี้เราสามารถเลือกกราฟิกไปได้สุดที่ Very High ร่วมกับเฟรมเรต Max ซึ่งก็คือ 60fps นั่นเอง ตาม Refresh rate หน้าจอแล้ว ถึงจะมีเฟรมเรตให้เลือกมากกว่านี้ก็คงไม่เห็นผลล่ะเนาะ และเท่าที่เราลองเล่น iPhone 15 Plus ทำได้ลื่นไหลดีมาก ภาพก็สวยเต็มตา มีพื้นที่ให้เราได้แตะสั่งงานได้อย่างสะใจครับ

แบตเตอรี่อึดถูกใจ เล่นได้ไม่ต้องกังวล

อย่างที่ทราบดีว่า iPhone ในรุ่น Plus นั้นขึ้นชื่อในเรื่องแบตฯอึดอยู่แล้ว มาถึง iPhone 15 Plus นี้ก็ไม่ทิ้งจุดเด่น ยังคงเป็น iPhone 15 รุ่นที่แบตฯอึดที่สุดในทั้ง 4 รุ่นเหมือนเดิม หรือจะเรียกว่าแบตฯอึดที่สุดในบรรดาไอโฟนตอนนี้ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทั้งชิปอัปเกรดที่จัดการพลังงานได้ดี แถมยังหน้าจอ Refresh rate 60Hz ไม่กินพลังงานหนัก เท่าที่เราลองถือใช้งานมากว่าสัปดาห์ บอกได้เลยว่าไม่ต้องกังวลเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเล่นหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ครับ

ส่วนระบบชาร์จเร็ว ตรงนี้อาจจะไม่ได้เด่นเท่าความอึดของแบต เพราะยังได้ความเร็วแค่ 20W แต่ก็ชาร์จเร็วตามเคลมคือ 50% ใน 30 นาทีเท่านั้น เอาจริง ๆ ชาร์จกละบมาแป๊บเดียวก็ลุยต่อได้อีกยาวแล้วครับ เพราะรุ่นนี้แบตฯอึดมากจริง ๆ

ซอฟต์ iOS 17 ล่าสุดมาตั้งแต่แกะกล่อง

เปิดท้ายที่เรื่องซอฟต์แวร์ iPhone 15 Plus ก็ได้ iOS 17 มาตั้งแต่แกะกล่องเลย มีความสามารถใหม่ ๆ มาให้ใช้งานกันเพียบ ทั้ง Contact Poster, NameDrop หรือ Standby mode เป็นต้น

และแน่นอนว่าความเป็นไอโฟน แม้จะใช้ชิปรุ่นปีที่แล้ว แต่ในเรื่องการอัปเดตก็ยาวนานเหมือนเคย ไม่ต้องห่วงว่าแป๊บ ๆ จะไม่ได้ไปต่อกับ iOS หรอกนะ เพราะรุ่นนี้ท่าทางจะอีกหลายเวอร์ชั่นเหมือน iPhone 14 Pro ล่ะครับ

ราคา iPhone 15 Plus เริ่มต้น 37,900 บาท

สำหรับราคาค่าตัวของ iPhone 15 Plus ก็จะเริ่มต้นที่ 37,900 บาทบนความจุ 128GB และมีให้เลือกทั้งหมด 3 ความจุกับราคาดังนี้เลย

  • รุ่น 128GB ราคา 37,900 บาท
  • รุ่น 256GB ราคา 41,900 บาท
  • รุ่น 512GB ราคา 50,900 บาท

โดยจะมีให้เลือกมากถึง 5 สีประกอบด้วย ชมพู (สีที่รีวิว), เขียว, ฟ้า, เหลือง และดำครับ

สรุปแล้ว “นี่คือไอโฟนรุ่น Plus ที่อัปเกรดมาได้น่าใช้ และเพียงพอโดยที่ไม่ต้องไปถึง Pro Max”

สรุปแล้ว iPhone 15 Plus ก็ถือเป็นไอโฟนรุ่นจอใหญ่ที่ตอบโจทย์คนต้องการใช้งานเพื่อความบันเทิงครบครัน ทั้งการดูหนัง ดูคอนเทนต์ที่ได้หน้าจอใหญ่ระดับ 6.7″, มีแบตเตอรี่ที่อึดสะใจใช้งานได้ตลอดวันแบบไม่ต้องกังวล, ตัวเครื่องบางเบาน่าสัมผัส แถมรอบนี้ยังมีการอัปเกรดใหม่ด้วย “กล้องใหม่” 48MP ที่ใช้งานได้หลากหลาย คุณภาพดีขึ้นจากเดิมมาก “ดีไซน์ใหม่” ด้วยฝาหลังพาสเทลหวาน ๆ หน้าจอ Dynamic Island ทันสมัย พร้อมพอร์ต USB-C ที่เข้ากันได้กับหลายอุปกรณ์มากขึ้น จนเป็น “รักครั้งใหม่” ของใครหลายคนได้แบบไม่ต้องสงสัย ใครที่ไม่ได้ต้องการความโปรในเรื่องวิดีโอสำหรับสายอาชีพ, จอลื่นไหล 120Hz, หรือวัสดุกรอบไทเทเนียม เราว่า iPhone 15 Plus นี้ก็เป็นตัวเลือกที่เพียงพอและคุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่อยากอัปเกรดแล้วเหมือนกัน ที่สำคัญสีสันชวนหลงใหลกว่ารุ่น Pro Max เยอะด้วยนะ

กำลังฮอต

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured3 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

IT News28 นาที ago

หัวเว่ยเชิญนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ร่วมมือปั้นเนทีฟ แอปฯ สำหรับระบบปฏิบัติการ HarmonyOS

ณ งาน Huawei Analyst...

Smart Review1 ชั่วโมง ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

IT News2 ชั่วโมง ago

เอไอเอสจับมือกสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์...

IT News2 ชั่วโมง ago

Redmi Note 13 Pro 5G วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 27 เม.ย. 67 เป็นต้นไปในราคาเพียง 12,990 บาท

เสียวหมี่ประกาศวางจำ...

IT News3 ชั่วโมง ago

realme เปิดตัวแบรนด์ช็อป เวอร์ชันล่าสุด “realme Experience Store 3.5”ครั้งแรกของเมืองไทย

ด้วยความมุ่งมั่นนำเส...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก