Connect with us

Smart Review

รีวิว iPhone 14 Plus การกลับมาของไอโฟนที่รุ่น Plus กับจอที่ใหญ่กว่า…ได้ใจมากกว่า

Published

on

รีวิว iPhone 14 Plus หนึ่งใน 4 รุ่นของ iPhone 14 Series ในปีนี้ เป็นการกลับมาของไอโฟนรุ่น “Plus” อีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานตั้งแต่ iPhone 8 Plus รุ่นนี้ Apple ตั้งกลุ่มเป้าหมายสำหรับคนที่ชอบจอใหญ่ แทนที่รุ่น Mini เดิมที่เน้นจอเล็กและชอบพกพา แต่ดูเหมือนว่ากระแสของรุ่นนี้จะไม่ปังเท่าที่ควร ซึ่งเหตุผลเชื่อว่าหลายคนคงพอจะทราบกันอยู่แล้ว แต่หลังจากที่เราลองใช้งานมากว่าสัปดาห์ก็พบว่าเป็นรุ่นที่แอบน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย มีหลายอย่างที่เราชอบนะกับบางอย่างที่เราก็แอบขัดใจอยู่ไม่น้อย เอาเป็นว่าอย่างเสียเวลา มาติดตามรีวิวฉบับเต็มของ iPhone 14 Plus นี้ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ!

สรุปสเปค iPhone 14 Plus

  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.8 x 78.1 x 7.8 มม.
  • น้ำหนัก : 203 กรัม
  • หน้าจอ : Super Retina XDR OLED กว้าง 6.7″ ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล
  • Refresh rate : 60Hz
  • ชิปเซ็ต : Apple A15 Bionic (5nm)
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : 128GB/256GB/512GB
  • แบตเตอรี่ : 4323mAh
  • ระบบชาร์จไว : 20W
  • กล้องหน้า : TrueDepth 12MP f/1.9
  • กล้องหลัง : 2 ตัว
    • กล้องหลัก 12MP f/1.5 พร้อม Sensor-Shift OIS
    • กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4 
  • รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต Lightning
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 16

การกลับมาของรุ่น Plus ใหญ่ขึ้น เต็มตา!

อย่างที่บอกว่า iPhone 14 Plus คือการกลับมาของไอโฟนรุ่น “Plus” เหมือนที่เราคุ้นเคยกันตอน iPhone 6 Plus, 7 Plus หรือ 8 Plus นั่นแหละ รอบนี้กลับมาในคอนเซ็ปต์เดิมคือเป็นรุ่นหน้าจอใหญ่ที่ยังคงความสามารถและฟีเจอร์ต่าง ๆ เหมือนรุ่นปกติ แต่ได้ความเต็มตาที่มากขึ้น จากรุ่นปกติ 6.1″ มาเป็น 6.7″ ในรุ่นตีบวกนี้

ซึ่งถ้าเทียบในเรื่องขนาดต้องบอกเลยว่าใหญ่ขึ้นแบบชัดเจน ใครที่ใช้งานรุ่นปกติแล้วขัดใจจอเล็กไปหน่อย ดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมไม่สะใจเลย รุ่น Plus ก็จะตอบโจทย์ได้ดีขึ้นครับ

iPhone 14 vs iPhone 14 Plus

แต่ต้องอย่าลืมว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมครับ นอกจากเรื่องขนาดและความละเอียดที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว iPhone 14 Plus ก็ไม่ได้มีความสามารถหรือฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเข้ามาจากรุ่นปกติเลย จอยังคงเป็นดีไซน์รอยบากเหมือนเดิม Refresh rate หน้าจอยังอยู่ที่ 60Hz เหมือนเดิม

อย่างที่เราเคยบ่นไปในรีวิว iPhone 14 การที่สมาร์ทโฟนเรือธงราคา 3 หมื่นยังคงได้หน้าจอที่ลื่นไหลแค่ 60Hz อยู่ก็ดูเหมือนจะกั๊กเกินไปหน่อย เพราะปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนฝั่ง Android ราคาไม่ถึงหมื่นบาทก็มี Refreh rate สูง 90Hz หรือ 120Hz ใช้กันหมดแล้ว แต่…อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือรุ่น Plus ไม่ใช่ Pro ถ้าเป็นผู้ใช้ไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้จะ 8 Plus, iPhone X, iPhone 11, iPhone 12 หรือกระทั่ง iPhone 13 ที่จะอัปเกรดมาเป็นรุ่นนี้ ความลื่นไหลก็คงรับได้อยู่แล้วเพราะรุ่นก่อนหน้าก็ใช้ 60Hz มาตลอดนี่เนอะ

หน้าจอ OLED แสดงผลได้ทรงพลัง

เรื่อง Refresh rate เคลียร์ไปแล้ว มาดูจุดที่เราชอบในเรื่องหน้าจอของ iPhone 14 Plus กันบ้าง คือเรื่องการแสดงผล เราว่าเป็นจอของรุ่นนี้ทำได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ในท้องตลาดเลย ทั้งความเป็นจอแบบ Flat แบนราบ ขอบจอบางเฉียบ ชนิดจอเป็น OLED ที่ให้ความสว่าง สีสันและมิติของภาพได้สุด ๆ แถมพอเป็นจอที่ใหญ่ระดับ 6.7” เอามาดูคอนเทนต์นี่คือฟินมาก 

ส่วนหน้าจอรอยบากก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องติอะไร ใช้มาหลายรุ่นพอจอใหญ่ขึ้น สัดส่วนของรอยบากก็แอบเล็กลงนิดหน่อย บนรอยบากของ iPhone 14 Plus ก็มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าและกล้อง TrueDepth เหมือนเดิม ในการสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วและแม่นยำ และความสามารถของ iOS 16 ก็ช่วยให้เราใช้งานสแกนในแนวนอนได้ด้วย หรือจะสแกนตอนใส่หน้ากากอนามัยก็ได้เช่นกัน

ดีไซน์ทุกอย่างยังเหมือน iPhone 14 ทั้งหมด แค่ขยายร่างขึ้น

ในส่วนของดีไซน์ iPhone 14 Plus ก็ยังเหมือน iPhone 14 ทั้งหมดครับเพียงแต่ขยายขึ้น ทำให้สัดส่วนบางอย่างดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย เช่นกล้องที่ปกติบน iPhone 14 เราอาจจะเห็นว่าโมดูลกล้องด้านหลังมีขนาดใหญ่กำลังดีแล้ว แต่พอมาเป็นรุ่น Plus ด้วยความที่เป็นกล้องชุดเดียวกันแต่สัดส่วนตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเลยเหมือนกล้องเล็กน้อยอีกนิด

iPhone 14 vs iPhone 14 Plus

ตำแหน่งของปุ่มกดก็ยังวางไว้มุมเดิมอยู่มีปุ่ม Power ที่ใช้เรียก Siri ที่ฝั่งขวาตัวเครื่อง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและ Silent Switch อยู่ฝั่งซ้ายมือครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อก็ยังอยู่ที่ด้านล่าง แน่นอนว่าเป็น Lightning เหมือนเดิมครับ ด้านข้างก็เป็นไมโครโฟนและลำโพงหลักของตัวเครื่องซึ่งรองรับระบบลำโพงคู่ร่วมกับลำโพงสนทนาให้เสียงแบบ Stereo ได้

ตรงนี้เราขอชมอีกนิดคือลำโพงของ iPhone 14 Plus เสียงดีมาก! เหมือนเป็นจุดที่ Apple ไม่ได้นำเสนอเท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองใช้การเป็นลำโพงคู่ Stereo นี้มอบเสียงที่มีมิติดีจริง ๆ และการจูนเสียงก็ทำได้ยอดเยี่ยมเลย ฟังเพลงหรือดูคอนเทนต์ ไม่ผิดหวังจริง ๆ

ใหญ่ขึ้นแต่น้ำหนักยังลงตัว

เห็นเครื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงกังวลในเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จะพกลำบากไหม ใช้งานแล้วหนักเหมือนพกรุ่น Pro Max เลยรึเปล่า ตรงนี้เราบอกเลยว่าต่างกันชัดเจนครับ เรียกว่าเรื่องน้ำหนักนี่แหละเป็นอีกหนึ่งข้อดีของความเป็น Plus ไม่ใช่ Pro Max เพราะด้วยวัสดุกรอบเครื่องแบบอลูมิเนียม กล้องหลังที่มีให้แค่ 2 ตัวพอรวมกันแล้ว จึงทำให้น้ำหนักอยู่ที่ 203 กรัมเท่านั้น ต่างจากรุ่นพี่ 14 Pro Max ถึง 40 กรัมเลย ถือใช้งานบอกเลยว่าต่างชัดเจน เบากว่าและถือใช้งานได้ไม่เมื่อยข้อมือเท่า แถมความบางก็เท่ากับ 14 ปกติคือ 7.8 มม.จับถนัดมือไม่หนาจนเกินไป

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ iPhone 14 Plus ก็อย่างที่เห็นไป ไม่ต่างจาก iPhone 14 เลยเพียงแต่ขยายสัดส่วนให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดจอ 6.7” เต็มอิ่มในการเสพคอนเทนต์ แต่ยังได้ความคล่องตัวจากน้ำหนักที่เบา ถือใช้งานได้สบายข้อมือ ใครที่ชอบพกเครื่องใหญ่แต่ไม่อยากหนักเราว่าน่าจะถูกใจกับทรงเครื่องของ iPhone 14 Plus ไม่น้อยครับ

สเปคเหมือน iPhone 14 เป๊ะ!

มาต่อในเรื่องสเปค จริง ๆ iPhone 14 Plus ก็ใช้สเปคทุกอย่างเหมือน iPhone 14 เลย ทั้งชิปเซ็ต Apple A15 Bionic มี RAM 6GB และความจุให้เลือก 3 ความจุคือ 128GB/256GB/512GB อย่างที่เราเคยบอกไปในรีวิว iPhone 14 ว่าเรื่องชิปนี่แหละ อาจเป็นเหตุผลหลักที่กระแสของ 2 รุ่นเริ่มต้นในปีนี้ไม่ปังเท่าที่ควร เพราะชิปตัวนี้คือชิปเดียวกับที่ใช้บน iPhone 13 Pro เลย ในขณะที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ในปีนี้เขยิบไปใช้ชิป A16 Bionic แต่ 14 กับ 14 Plus ยังใช้ชิปเมื่อปีที่แล้วอยู่ คิดว่ามันไม่โอเคไหมล่ะครับ

แต่ถ้าให้เทียบในเรื่องประสิทธิภาพชิป A15 Bionic ของ iPhone 14 Plus ก็ไม่ได้แย่เลย แรงเหลือ ๆ ชนของฝั่ง Android เรือธงในปีนี้ได้ทุกรุ่น คะแนนทดสอบก็ออกมาสูงเช่นกันเราลองกดของ AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนถึง 842235 คะแนนเลยนะ สูงไหมล่ะ !?

ส่วน Geekbench 5 ก็สูงชนิดที่ว่ายังหาฝั่ง Android เทียบชั้นได้ยากจริง ๆ ได้ Single-Core ไป 1738 คะแนนและ Multi-Core ได้ 4676 คะแนน ซึ่งคะแนนเหล่านี้ถ้าเทียบกับของชิป A16 Bionic ของ iPhone 14 Pro Max ที่เราเคยรีวิวไปก็จะห่างกันราว ๆ 12 – 15% เท่านั้น

เล่นเกมได้หมด ในจอที่สะใจกว่า!

ด้วยความที่ชิป A15 Bionic นั้นเปิดตัวมาปีกว่าแล้ว การรองรับของก็เรียกว่าปรับจูนกันดึงประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว รวมถึงเกมด้วย ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าเราจะเล่นเกมได้ลื่นปรับได้สูงสุดทั้งหมด ใช่แล้วครับที่พูดถึงนี้ก็คือเราจะเข้าเรื่องการทดสอบเล่นเกมกันแล้ว เกมที่เราจะใช้ทดสอบ iPhone 14 Plus มี 3 เกมฮิตเลยคือ ROV, PUBG และ Genshin Impact ครับ

เล่น ROV บน iPhone 14 Plus

เริ่มที่ ROV ก่อนเลย อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอก็เป็นรอยบากเหมือนเดิม ชิปก็ตัวเดิมในการตั้งค่าเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดตัว UI ก็ไม่มีปัญหากับหน้าจอด้วย ทำให้เราเล่นได้อย่างจัดเต็ม เฟรมเรตในเกมวิ่งนิ่ง ๆ ที่ 60 – 61fps สบาย ๆ ไม่เจอเฟรมดรอปเลย แถมความได้เปรียบก็คือหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7″ มันเต็มตาไปหมด เล่นได้สะใจขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับ iPhone 14 จอ 6.1″ ครับ

เล่น PUBG บน iPhone 14 Plus

มาต่อ PUBG อันนี้ก็สุดไม่แพ้กัน เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ Ultra HD คู่กับเฟรมเรต Ultra ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหลภาพสวยเต็มที่ไปหมดบนหน้าจอใหญ่ 6.7″ ความละเอียดคม ๆ อีกทั้งตัวลำโพงของ iPhone 14 Plus ก็เป็น Stereo ที่เราชมว่าเสียงดีมาก พอมาเล่นเกมแนวนี้ที่เสียงทิศทางปืนมีผลต่อการเล่นก็มอบประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลยล่ะครับ

เล่น Genshin Impact บน iPhone 14 Plus

ปิดท้ายที่เกมสุดโหดอย่าง Genshin Impact เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ Highest พร้อมเปิด 60fps เลยด้วย เท่าที่เราเล่นก็บอกเลยว่าลื่นไหลมาก เฟรมเรตนิ่ง ๆ เรียกว่าเล่นได้ลื่นแทบไม่ต่างจากบน iPhone 13 Pro Max เลย จะมีก็แต่เฟรมเรตที่ดันได้สูงสุดแค่ 60fps ไม่ไปที่ 120fps นี่แหละเนาะ ความไม่ใช่รุ่น Pro

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพต้องบอกว่า iPhone 14 Plus ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ แม้ชิปเซ็ตจะเป็นตัวเก่า แต่ก็มีข้อดีที่เรื่องการรองรับอย่างที่บอกไปนี่แหละเนาะ แถมการที่มีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7″ เรื่องเกมเลยได้เต็มประสิทธิภาพเข้าไปอีก! แต่จุดที่ติดใจเล็ก ๆ ก็คงเป็นเรื่อง Refresh rate หน้าจอที่ได้มาแค่ 60Hz ถ้าเป็น 120Hz แล้วเล่นเกมที่ 120fps ได้ด้วยนี่คงฟินกว่านี้อีกเยอะ

ซอฟต์แวร์ iOS 16 ลูกเล่นเยอะ

iPhone 14 Plus มาพร้อม iOS 16 ตั้งแต่แกะกล่อง ลูกเล่นอย่างการปรับแต่งหน้า Lockscreen ก็มีมาให้ด้วย ช่วยให้เราสนุกไปกับการปรับแต่งได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบฟอนต์นาฬิกา, Widget, Wallpaper หลากหลายรูปแบบ จะใส่เป็นรูปคนหรือรูปวิวพร้อม Depth Effect ให้เราเอาภาพไปบังนาฬิกาสวย ๆ เหมือนปกนิตยสารก็ได้ อันนี้ชอบมาก

หรือจะเป็นฟีเจอร์ตัดตัวคนออกจากฉากไปใช้งานต่อก็ง่าย นอกจากนี้ฟีเจอร์พิเศษที่เพิ่มเข้ามาบน iPhone 14 Series เท่านั้นก็มีอย่าง Crash Detection หรือฟีเจอร์ตรวจจับอุบัติเหตุรถชนที่ระบบทำการโทรหาเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งค่าไว้ได้ทันที แต่อันนี้เราขอไม่ทดสอบให้เนาะ เอาเป็นว่ารู้ไว้ก็พอว่ามีฟีเจอร์นี้ติดเครื่องมา ไม่อยากให้ต้องได้ใช้กันจริง ๆ หรอก

กล้องหลังคู่ 12MP ใช้งานง่ายและไว้ใจได้!

มาต่อกันที่เรื่องกล้องอย่างที่บอกว่า iPhone 14 Plus นั้นได้กล้องหลังชุดเดียวกับ iPhone 14 มาเลย คงไม่ต้องอธิบายกันเยอะ มีกล้องคู่สเปคตามนี้ครับ

  • กล้องหลัก 12MP f/1.5 พร้อม Sensor-Shift OIS
  • กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4

ซึ่งกล้องหลักของ iPhone 14 Plus ก็คือกล้องตัวเดียวกับที่เราเห็นบน iPhone 13 Pro นั่นแหละครับ มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่พร้อมรูรับแสงเป็น f/1.5 และยังมีระบบกันสั่น Sensor-Shift OIS อีก

ไฟล์ภาพยอดเยี่ยม มี Smart HDR 4

ซึ่งต้องบอกเลยว่าเซ็นเซอร์กล้องหลักตัวนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก (ประมาณ 1/1.65″) เรียกว่าเพียงพอต่อการถ่ายภาพละลายหลังสวย ๆ หรือเก็บแสงได้ดีในที่แสงน้อยได้อย่างน่าพอใจ เท่าที่เราลองใช้งานต้องบอกเลยว่าไฟล์ที่ได้จะมาในโทนสมจริงที่เป็นเอกลักษณ์ของ iPhone เลย แถมยังไว้ใจได้ด้วย Smart HDR 4 ที่จัดการ Dynamic Range ได้เป็นอย่างดีอีก

กล้อง Ultra Wide มุมกว้างเอาอยู่

ส่วนกล้อง Ultra Wide แม้จะยังใช้ตัวเดิมจาก iPhone 13 คือความละเอียด 12MP f/2.4 และไม่มี Autofocus ไว้ใช้เป็น Macro แต่ในการเก็บภาพมุมกว้างแบบทั่วไปก็ถือว่าเอาอยู่ครับ เก็บมุมมองได้กว้าง 120º ครบทุกภาพวิว รายละเอียดและโทนสีก็ใกล้เคียงกับกล้องหลักมาก ถ่ายไว้ใช้งานอัปลงโซเชี่ยลได้เลย หายห่วงครับ

Photonic Engine แสงน้อยและกลางคืนดีขึ้น 2.5X

ที่ว่าภาพของ iPhone 14 Plus นอกจากฮาร์ดแวร์ของกล้องหลักที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังมีซอฟต์แวร์ที่เก่งขึ้นด้วยกับ Photonic Engine ด้วย ช่วยให้เราได้ภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อยหรือกลางคืน ตรงนี้ Apple เคลมเองเลยว่าในกล้องหลักทำได้ดีขึ้น 2.5X และกล้อง Ultra Wide ดีขึ้น 2X ซึ่งเท่าที่เราลองถ่ายภาพแบบแสงน้อยจริง ๆ ก็รู้สึกว่ามีการปรับแต่งภาพให้มีความคมชัดขึ้นจริง แถม Noise ก็น้อยลงด้วย เป็นภาพกลางคืนที่กลางคืน ไม่สว่างจ้าจนเกินไปแต่เก็บรายละเอียดได้ครบครับ

Portrait ยอดเยี่ยม มีเบลอฉากหน้าให้ด้วย

มาต่อกันที่โหมด Portrait บน iPhone 14 Plus ก็ยังใช้งานได้เป็นอย่างดีด้วยกล้องหลักคุณภาพสูง ละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเนียน และรอบนี้ยังมีเพิ่มเอฟเฟกต์ละลายหน้าเข้ามาด้วย ทำให้ภาพดูมีมิติเหมือนถ่ายจากกล้องใหญ่มากขึ้น แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือระยะของภาพเนื่องจาก iPhone 14 Plus ไม่มีกล้องซูมมาให้และกล้องหลักก็ไม่ได้ชัดระดับ 48MP ที่จะสามารถครอปเป็น 2X ได้ ทำให้เราถ่ายโหมดบุคคลได้แค่ระยะ 1X เท่านั้น มิติภาพอาจจะไม่สวยเท่าไหร่เมื่อถ่ายแบบครึ่งตัว

กล้องหน้า 12MP ก็อัปเกรดใหม่ มี Autofocus แล้ว

ปิดท้ายเรื่องภาพนิ่งที่กล้องหน้าของ iPhone 14 Plus มีความสามารถในการ Autofocus ด้วย ทำให้เราถ่ายภาพได้คมชัดมากขึ้น เวลาที่เซลฟี่หลายคนก็จะได้ความแม่นยำจากการโฟกัสมากขึ้นด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ iPhone ยังคงเน้นไปที่ความเป็นจริง แต่สกินโทนสวยดีแม้ในเรื่องความเนียนการลบริ้วรอยจะไม่ได้มีมามากนัก แต่ก็มี Portrait กล้องหน้ามาให้ใช้เหมือนกันครับ

วิดีโอกับ 2 ฟีเจอร์ใหม่เพิ่มความน่าสนใจ

จบโหมดภาพนิ่งก็มาต่อที่โหมดวิดีโอ iPhone 14 Plus ก็ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลังเหมือนเดิมครับ แต่ความน่าสนใจที่มากขึ้นของรุ่นนี้ก็คือโหมด Cinematic ที่เราสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/30fps ซึ่งผลลัพธ์ที่ถ่ายจากโหมดนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ การตัดขอบทำได้แนบเนียน แถมความละเอียดที่มากขึ้นนี้ก็ยังช่วยให้ไฟล์มีความคมชัดขึ้นอย่างชัดเจนเลย

Action mode วิดีโอนิ่งเข้าไว้

หรือจะเป็นโหมดกันสั่นเทพอย่าง Action mode ที่ใช้ความสามารถ EIS เพิ่มเติมให้วิดีโอที่นิ่งกว่าเดิม โดยความละเอียดภาพเราสามารถเลือกได้ 3 แบบคือ 1080p/30, 1080p/60fps และ 2.8K/30fps ซึ่งถือว่าสูงมากในเรื่องความละเอียด ในการทดสอบนี้เราเลือกใช้ความละเอียด 2.8K/30fps เพื่อให้ได้ความคมชัดสูงสุด อย่างที่เราจะได้เห็นจากคลิปตัวอย่างด้านล่างนี้ แม้เราจะแพนกล้องเร็ว ๆ วิ่งอย่างต่อเนื่อง ลงบันไดหลายขั้น ภาพที่ออกมาในวิดีโอก็ยังคงลื่นไหลมาก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เราใช้มือถือแบบ Handheld อย่างเดียวด้วย ไม่ได้ใช้ไม้กันสั่นใด ๆ ทั้งสิ้นครับ

โดยรวมในเรื่องกล้องของ iPhone 14 Plus ก็ถือว่าใช้งานได้ดีเยี่ยม ไว้ใจได้ทั้งกล้องหลักและ Ultra Wide มีซอฟต์แวร์และความเข้าถึงง่ายของ iPhone ที่เป็นเอกลักษณ์ถ่ายง่ายเล็งถ่ายจบ! ในโหมดวิดีโอก็ได้ Cinematic ที่เก่งขึ้น พร้อม Action mode กันสั่นที่ใครชอบลุย ๆ อยากได้ภาพแบบนิ่งลื่นไม่สั่นจนเวียนหัวเราว่าถูกใจแน่นอนครับ แต่จุดที่น่าเสียดายก็มีอยู่คือระยะของภาพพอไม่มีกล้อง Tele มาให้ซูมเข้าไปหน่อย เวลาจะถ่ายภาพระยะไกลหรือ Portrait ระยะครึ่งตัวก็แอบขาดอะไรไปหน่อย

แบตเตอรี่ที่อึดที่สุดบน iPhone

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Apple เคลมว่า iPhone 14 Plus นั้นเป็นไอโฟนที่แบตฯอึดที่สุด ซึ่งเท่าที่เราใช้งานมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตอบเลยว่า Apple ไม่ได้โม้จริง ๆ ครับ แบตฯอึดมาก! ใช้งานได้ยาวนานจริง ๆ เราดึงสายชาร์จออกตอน 7.30 น.ใช้งานทั่วไป มีเล่นโซเชี่ยลตลอด ๆ ถ่ายรูป รวมถึงเล่นเกมบ้าง กลับมาถึงบ้านประมาณ 19.30 ชม.แบตฯยังเหลือที่ 40% ได้ชิว ๆ ครับ เรียกว่าถ้าไม่ได้ใช้งานหนักอะไรมากก็ 2 วันสบาย ซึ่งเป็นการใช้งานที่เราแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าถ้าใช้หนักมากแล้วจะหมดระหว่างวัน สุดจริงครับ!

ส่วนระบบชาร์จไวก็ได้ที่ 20W ตรงนี้อาจจะไม่ใช่จุดเด่นของ iPhone นักในเรื่องการชาร์จ แต่ก็ชาร์จเร็วตามเคลมคือ 50% ใน 30 นาทีเท่านั้น แต่ด้วยความที่แบตฯอึดมาก ชาร์จขึ้นมาแค่ 50% ก็ใช้งานต่อได้ทั้งวันแบบจริง ๆ แล้ว ชาร์จช้าหน่อยแต่ใช้งานได้นานก็ถือว่าแลกกันละกันเนาะ

ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท มีให้เลือก 3 ความจุ

ก่อนจากกันเราขอสรุปราคากันเหมือนเดิม iPhone 14 Plus มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีเหมือน iPhone 14 คือ สีม่วง (สีที่รีวิว), สีฟ้า, สีแดง (PRODUCT RED), สีสตาร์ไลท์, สีมิดไนท์ และมีให้เลือกทั้งหมด 3 ความจุมีราคาแต่ละความจุดังนี้ครับ

  • รุ่น 128GB ราคา 37,900 บาท
  • รุ่น 256GB ราคา 41,900 บาท
  • รุ่น 512GB ราคา 50,900 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือการกลับมาของ iPhone รุ่น Plus กับจอที่ใหญ่กว่า…ได้ใจมากกว่า”

สรุปแล้ว iPhone 14 Plus ก็ถือว่าเป็นการกลับมาของรุ่น Plus อีกครั้ง หลังจากหายไปนานถึง 4 รุ่น ซึ่งเป็นการเสริมทัพ iPhone 14 Series ในแบบที่ “ใหญ่เจอใหญ่กว่า” ตามคำเปรยของ Apple เพิ่มทางเลือกให้กับเราที่อาจจะอยากได้จอใหญ่แต่ไม่ต้องการเขยิบไปถึงรุ่น Pro Max เพราะได้หน้าจอ 6.7″ เท่ากันเลย ในเรื่องสเปคและฟีเจอร์ก็ถือว่าทำได้ดีล่ะครับ จอใหญ่เต็มตา ดูคอนเทนต์ดี เล่นเกมฟิน ดีไซน์ที่คุ้นเคยได้ความเบาที่จับถือได้อย่างคล่องตัว กล้องหลังคู่ที่ใช้งานได้อย่างน่าประทับใจและไว้ใจได้ มีแบตเตอรี่ที่อุดแบบเกินคาด ใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว มีชิปเซ็ต A15 Bionic ตัวแรงเทียบเท่า iPhone 13 Pro Max ทั้งหมดที่ว่ามานี้รวมเป็น iPhone 14 Plus ที่ “บางคน” อาจจะรออยู่จริง ๆ ครับ

แต่ถ้าถามว่าทำไมรุ่นนี้กระแสถึงไม่ปัง ? เราว่าคำตอบอาจจะไม่ใช่ iPhone 14 Plus นั้นไม่ดี แต่มีปัจจัยที่ทำให้คนไม่สนใจรุ่นนี้แล้วมองไปที่รุ่นก่อนอย่าง 13 Pro Max หรือรุ่นใหม่อย่าง 14 Pro Max ไปเลย ก็คือ “ราคา” ครับ การที่ iPhone 14 Plus เปิดตัวมาที่ 37,900 บาทกับหน้าจอแค่ 60Hz กล้องหลังคู่และชิป A15 Bionic ในขณะที่ราคานี้เราอาจจะหาซื้อ iPhone 13 Pro Max ที่มีจอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัวชิป A15 Bionic เหมือนกันได้เลย (ในช่องทางที่ไม่ใช่จาก Apple โดยตรง) หรือจะเพิ่มงบอีกหน่อยไปจบที่ iPhone 14 Pro Max ไปเลยก็จะได้ความสดใหม่จริง ๆ ซึ่งกระแสที่ออกมาก็ไปในทางนี้ เราจึงไม่เห็นการพูดถึง iPhone 14 Plus มากเท่า 14 Pro Max ไงล่ะครับ

จุดเด่น

  • หน้าจอ OLED 6.7″ แสดงผลยอดเยี่ยม ใหญ่เต็มตา
  • ตัวเครื่องน้ำหนักแค่ 203 กรัม แม้จอจะใหญ่ถึง 6.7″
  • ชิปเซ็ตที่คุ้นเคย การรองรับก็สมบูรณ์
  • กล้องที่ไว้ใช้ได้ทั้งหน้า-หลัง
  • ฟีเจอร์ใหม่ Cinematic 4K และ Action mode ของใหม่ที่มีแค่บน 14 Series เท่านั้น

จุดสังเกต

  • หน้าจอยังมี Refresh rate 60Hz
  • พอร์ตการเชื่อมต่อก็เป็น Lightning

กำลังฮอต

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured2 เดือน ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News14 ชั่วโมง ago

Xiaomi 15 Series เตรียมทดสอบภายในเดือนนี้ลุ้นการเปิดตัวในจีนที่ใกล้เข้ามาแล้ว

ปลายปีที่แล้ว Xiaomi...

HarmonyOS14 ชั่วโมง ago

จัดเต็ม 4 รุ่น ! HUAWEI เปิดตัว Pura70 Series ใช้ชิป Kirin รุ่นใหม่ มีเลนส์ Periscope พร้อมเซ็นเซอร์กล้องใหญ่สุด 1 นิ้ว

วันนี้ HUAWEI เปิดตั...

Android News16 ชั่วโมง ago

ไม่จบ ! ปัญหาเส้นเขียวจอ Samsung ยังคงเกิดขึ้นหลังผู้ใช้งานอัปเดทแพทช์เดือนล่าสุด

ผู้ใช้งาน Samsung Ga...

Android News17 ชั่วโมง ago

Samsung เปิดตัว Exynos 5400 โมเด็ม 5G รุ่นใหม่ ขนาด 4nm พร้อมรองรับดาวเทียม และโหลดได้เร็วสุด 14.79Gbps

Samsung เปิดตัว Exyn...

OPPO Reno11 Series 5G AI Eraser OPPO Reno11 Series 5G AI Eraser
ข่าวประชาสัมพันธ์18 ชั่วโมง ago

OPPO เปิดตัว ยางลบ AI ใน OPPO Reno11 Series 5G วงปุ๊ปลบปั๊ปได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

OPPO แบรนด์อุปกรณ์อั...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก