Connect with us

Smart Review

รีวิว Infinix NOTE 30 5G เกมมิ่งโฟน 5G สุดคุ้มชิป Dimensity 6080 | จอ 120Hz | ชาร์จไว 45W ในงบไม่ถึง 8,000 บาท!

Published

on

รีวิว Infinix NOTE 30 5G เกมมิ่งโฟนสุดคุ้มรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ Infinix ที่มาพร้อมสเปคจัดเต็มเหมือนเคย ทั้งชิป Dimensity 6080 (6nm), หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78″ Refresh rate 120Hz, RAM 8GB พร้อม Extended RAM ได้อีก 8GB, แบตเตอรี่จุใจ 5,000mAh, ระบบชาร์จไว 45W, มีกล้องหลัง 108MP ด้วยนะ เรียกว่าอันแน่นมาแบบสุด ๆ แต่ราคาเปิดตัวไม่ถึง 8,000 บาทเลยครับ!

เห็นสเปคและราคาแบบนี้เชื่อว่าใครที่อยากได้ความคุ้มค่าสนใจแน่นอน และหลังจากเราลองใช้งานมาก็จะมารีวิวความคุ้มค่าของ Infinix NOTE 30 5G รุ่นนี้ให้ชมกันแบบเต็ม ๆ พร้อมแล้วติดตามเลยครับ

สรุปสเปค Infinix NOTE 30 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 168.51 x 76.51 x 8.45 มม.
  • น้ำหนัก : 204.7 กรัม
  • หน้าจอ : IPS LCD ขนาด 6.78″
  • ความละเอียด : FHD+ (2460 x 1080 พิกเซล), รองรับ DCI-P3 Wide Color Gamut, ความสว่างสูงสุด 580nits
  • Refresh rate : 120Hz
  • CPU : MediaTek Dimensity 6080 5G (6nm)
  • GPU : Mali-G57 MC5
  • RAM : 8GB (+ 8GB Extended RAM สูงสุด)
  • ROM : 128GB/256GB
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์​จไว : 45W
  • กล้องหน้า : 16MP f/2.0
  • กล้องหลัก : 3 ตัว
    • กล้องหลัก 108MP (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP6 ขนาด 1/1.67″) f/1.75
    • กล้อง Depth 2MP
    • กล้อง AI Camera
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 (XOS 13)
  • สีสัน : สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue

แกะกล่อง Infinix NOTE 30 5G

ก่อนอื่นมาเช็กอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาก่อนเลย กล่องของ Infinix NOTE 30 5G รอบนี้พาร์ทเนอร์กับเกมสุดฮิต ROV เลยได้กล่องชั้นนอกที่ครอบมาพร้อมตัวละครจาก ROV สุดโดดเด่นที่เห็นครั้งแรกก็รู้เลยว่าเน้นเกมสุด ๆ

ส่วนกล่องภายในจริง ๆ จะเป็นกล่องสีเขียวที่มีระบุชื่อรุ่นชัดเจน พร้อมกับไฮไลท์เด่นที่วางอยู่หน้ากล่องเลยกับโลโก้ Sound by JBL และ 45W All-Round FastCharge ด้วยครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอตัวเครื่องเลยซึ่งมีการติดฟิล์มมาให้แล้วตั้งแต่โรงงานเลย พร้อมใช้จริง ๆ ครับ

ชั้นถัดลงไปเราจะเจอกับอุปกรณ์เสริมมากมาย เริ่มที่สติกเกอร์จากเกม ROV สุดพิเศษเสริมความเป็นพาร์ทเนอร์กันได้อย่างดี และเคสใสที่มีโลโก้ Sound by JBL อยู่ด้วย มีเอกสารคู่มือใบรับประกันกับการ์ด ROV แถมมาให้อีกชิ้นด้วย

และแม้ตัวเครื่อง Infinix NOTE 30 5G นี้จะติดฟิล์มมาจากโรงงานแล้ว แต่ถ้าใครที่อยากได้เสิรมความทนทานของหน้าจอขึ้นไปอีกเขาก็มีกระจกกันรอยแถมมาให้ในกล่องเพิ่มอีกชิ้นด้วยนะ สุดยอด!

และปิดท้ายที่สายชาร์จ USB-C to A กับอะแดปเตอร์ชาร์จไว 45W มาให้ด้วย เรียกว่าครบเครื่องไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้วล่ะ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ Infinix NOTE 30 5G ก็จะมีทั้งหมด 8 อย่างประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง Infinix NOTE 30 5G
  2. สติกเกอร์ ROV
  3. เคสใส
  4. กระจกกันรอย
  5. สายชาร์จ USB-C to USB-A
  6. อะแดปเตอร์ 45W
  7. เข็มจิ้มถาดซิม
  8. เอกสารคู่มือ

ดีไซน์ใหม่ Flash Finishing สะท้อนแสงพร่างพราว

มาเริ่มกันที่ดีไซน์เลย Infinix NOTE 30 5G มาพร้อมดีไซน์โฉมใหม่แบบ Flash Finishing ที่มีความสะท้อนแสงพร่างพราว ตัวฝาหลังจะมีประกายอ่อน ๆ ด้วยกระบวนการ NCVM เพิ่มมิติของตัวเครื่องเวลาเล่นกับแสงได้เป็นอย่างดี

สีที่เราได้มารีวิวเป็นสี Interstellar Blue ชื่อสีก็บ่งบอกถึงความล้ำแล้วเนาะ ตัวฝาหลังจะสามารถไล่เฉดสีจากสีฟ้าอ่อน ๆ ไปจนถึงสีทองได้อย่างสวยงาม ขึ้นอยู่กับองศาที่แสงตกกระทบครับ ถือว่าสร้างความแปลกใหม่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และอีกจุดที่เราชอบมาก ๆ ของฝาหลัง Infinix NOTE 30 5G ก็คือผิวสัมผัสฝาหลังแบบผิวด้านที่สัมผัสได้เนียนมือไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือ แม้จะบอกว่านี่เป็นสมาร์ทโฟนเกมเมอร์แต่ดีไซน์ก็เรียกว่ามีความแฟชั่นที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้เลย มีความลงตัวไม่น้อยครับ

กล้องหลังของ Infinix NOTE 30 5G ก็อยากที่เห็นครับมีความใหญ่โดดเด่นขึ้นมาไม่น้อยเลย โดยจะแบ่งออกเป็นวงแหวนหลายวงบนฐานกล้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งของด้านบน แบ่งเป็นเลนส์กล้องและไฟแฟลช LED ซึ่งรุ่นนี้ให้กล้องหลังมา 108MP เลยนะ ไม่ธรรดา!

หน้าจอ IPS จุใจ 6.78″ ลื่นไหล 120Hz

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง Infinix NOTE 30 5G มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ถึง 6.78″ แสดงผลได้เต็มตาด้วยจอแบบ Punch Hole มีรูกล้องหน้าตรงกลาง ในเรื่องการแสดงผลต้องบอกว่าทำได้เลยสีสันสวยงามกำลังดี และความละเอียดคมชัดระดับ FHD+ (2460 x 1080 พิกเซล)

การตอบสนองก็ทำได้ยอดเยี่ยมด้วย Refresh rate สูงถึง 120Hz ทำให้เวลาเราใช้งานเลื่อนหน้าจอ ไถฟีตแอป Social ต่าง ๆ ตอบสนองไวและลื่นไหล เล่นเกมที่ต้องการความไวในการสัมผัสก็หายห่วงครับ

ส่วนเรื่องความสว่างสูงสุด Infinix NOTE 30 5G ทำได้ที่ 580nits ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ใน Indoor เอาอยู่ อีกทั้งยังมาพร้อม Eye-care Mode ที่ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland ช่วยการันตีว่าถนอมสายตา ทำให้เล่นเกมนาน ๆ หรือดูคอนเทนต์แบบต่อเนื่องก็ไม่ปวดตาอีกด้วยครับ

ดีไซน์กรอบเหลี่ยมพร้อมมุมโค้งเล็ก ๆ จับถือได้ถนัดมือ

รอบ ๆ ตัวเครื่องของ Infinix NOTE 30 5G จะใช้ดีไซน์แบบกรอบเหลี่ยม มอบความเต็มไม้เต็มมือเวลาจับถืออยู่บนมือ แถมมุมซ้าย-ขวาของตัวเครื่องก็เป็นแบบโค้งไม่เหลี่ยมจนทิ่มมือเวลาถือเครื่องอีกด้วย

ความบางของตัวเครื่องแม้จะไม่ได้บางเฉียบไปเลย อยู่ที่ 8.45 มม. แต่ก็แลกมากับความเต็มมือเวลาถือใช้งาน จุดสังเกตหลักของกรอบเครื่องนี้คงเป็นเรื่องคราบรอยนิ้วมือมากกว่า เพราะใช้ผิวสัมผัสแบบมันวาวมาเลย เวลาถือใช้งานก็แอบติดรอยนิ้วมือได้ง่ายเหมือนกันครับ

ส่วนปุ่มกดก็จะอยู่ที่ฝั่งขวามือของตัวเครื่องทั้งหมด ช่วยให้เราแตะกดได้อย่างถนัดแม้จะถือด้วยมือเดียวก็ตาม ที่ปุ่ม Power จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่ด้วย ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วไม่ว่าจะถือด้วยมือซ้ายหรือมือขวาครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อครบ

ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีพอร์ตการเชื่อมต่ออย่าง USB-C ตรงกลางคู่กับไมโครโฟนและลำโพงอยู่ซ้าย-ขวา และช่องหูฟัง 3.5 มม.ก็ยังมีแถมมาให้ด้วยนะ

ส่วนด้านบนเราจะเห็นช่องลำโพงอีกหนึ่งชุดพร้อมกับโลโก้ Sound by JBL ที่เข้ามาเสริมความอัดแน่นของพลังเสียง ซึ่งรุ่นนี้จะได้ลำโพงคู่ที่ทำงานร่วมกับลำโพงหลักด้านล่างเพื่อให้เสียงแบบ Stereo คุณภาพก็ดีเลยครับ

และช่องใส่ซิมก็จะอยู่ที่ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งถาดซิมของ Infinix NOTE 30 5G จะเป็นแบบ Triple Slot (หน้า-หลัง) ที่สามารถใส่ได้ทั้ง 2 ซิมแถมยังเพิ่ม microSD ได้อีกด้วยครับ

กันน้ำ IP53 ด้วยนะ

เห็นดีไซน์สวย ๆ แบบนี้ เรื่องความทนทานก็ไม่น้อยหน้าเพราะ Infinix NOTE 30 5G มีมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำ IP53 กันน้ำกระเด็นหรือละอองน้ำ รวมถึงฝุ่นทั่วไปได้อีกด้วย ช่วยให้เรามั่นใจได้อีกว่าหากโดนน้ำหกใส่หรือมือเปียกมาสัมผัสตัวเครื่องก็ไม่ทำให้เครื่องเสียได้ง่าย ๆ ครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Infinix NOTE 30 5G ก็ทำได้ดีเลยครับ อย่างที่บอกว่าภายนอกนั้นมีความแฟชั่น ตั้งแต่ฝาหลัง Flash Finishing ไล่เฉดสีสวยงาม หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78″ ดีไซน์กรอบเหลี่ยมตามสมัยนิยมที่ช่วยให้จับถือได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ หรือจะเป็นความสามารถกันฝุ่นกันน้ำมาตรฐาน IP53 มาอีก ถ้าไม่บอกว่ารุ่นนี้เน้นสเปคเล่นเกม ก็คงนึกว่าเป็นไลฟ์สไตล์โฟนที่เน้นดีไซน์สวยล้ำไปแล้วล่ะครับ

สเปคเกมมิ่งด้วยชิป Dimensity 6080

มาต่อในเรื่องสเปคกันบ้าง อย่างที่บอกว่า Infinix NOTE 30 5G นั้นจัดเป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกม ชิปเซ็ตที่ใช้ก็เลยให้เป็น Dimensity 6080 ซึ่งจริง ๆ แล้วชิปตัวนี้ก็คือรุ่นอัปเกรดจาก Dimensity 810 เดิมที่ทำให้รองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่างกล้องความละเอียดสูงระดับ 108MP ได้นั่นเอง นั่นหมายความว่าในเรื่องแอปที่รองรับก็ไม่ต้องห่วงครับ ใช้งานได้อย่างดีแน่นอน

แถมจุดเด่นของชิปตัวนี้นอกจากเรื่องประสิทธิภาพที่น่าพอใจแล้ว ก็ยังรองรับ 5G แบบซิมคู่ พร้อมเทคโนโลยี Clever 5G 2.0 ที่รับช่องสัญญาณ 5G ได้อย่างเหมาะสมและยืดอายุแบตเตอรี่ให้ประสบการณ์เชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพอีกด้วยครับ

RAM เยอะจุใจ รวมได้สูงสุด 16GB

ส่วนเรื่อง RAM Infinix NOTE 30 5G ก็จัดเต็มให้ในเครื่องมาแล้ว 8GB แถมยังสามารถขยายเพิ่มแบบจำลองได้สูงสุดอีก 8GB รวมแล้วเป็น 16GB เรียกว่าจุใจ จะใช้งานหลาย ๆ แอป สลับไป-มาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะกระตุกหรือไม่ลื่นไหลแล้วล่ะครับ

ผลทดสอบเป็นไงบ้างสเปคนี้!?

ไหน ๆ ก็พูดเรื่องความแรงกันแล้ว ถ้าไม่ได้ทดสอบให้เห็นตัวเลขกันเลยก็คงไม่ได้เนาะ เราทดสอบ Infinix NOTE 30 5G ด้วย 2 แอปมาตรฐาน AnTuTu Benchmark และ Geekbench 6 ก็ได้ผลออกมาดังนี้ครับ

  • AnTuTu Benchmark = 407894 คะแนน
  • Geekbench 6 = Single-Core 757 คะแนน, Multi-Core 2084 คะแนน

เรียกว่าเป็นคะแนนทดสอบที่สูงไม่น้อยเลยสำหรับสมาร์ทโฟนในงบไม่ถึง 8,000 บาทแบบนี้ครับ ให้มาไม่น้อยจริง ๆ ล่ะ

เล่นเกมกันเลย!

ไหน ๆ ก็เห็นคะแนนเบื้องต้นกันไปแล้ว เราขอมาลองเล่นเกมจริงกันเลยดีกว่า สำหรับเกมที่เราจะใช้ทดสอบ Infinix NOTE 30 5G ก็คงจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก ROV และเสริมด้วย Asphalt 9 กับ PUBG ด้วยครับ สำหรับซอฟต์แวร์สำหรับการเล่นเกม Infinix จะมีแอปชื่อ XArena ที่เข้ามาจัดการระบบให้พร้อมเล่นเกมและดึงประสิทธิภาพออกมาได้สูงที่สุดด้วย

เล่น ROV บน Infinix NOTE 30 5G

เริ่มที่ ROV แน่นอนว่าตัวเครื่องเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการแบบนี้ เกมนี้ก็ต้องจัดเต็มให้สมหน่อยเนาะ เราสามารถปรับภาพ HD ได้ระดับ สูงมาก + การแสดงผล สูง + FPS สูง รวมถึงเอฟเฟกต์อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ครบ เรียกว่าจัดสเปคมาเพียงพอต่อการเล่น ROV ในระดับภาพสวยสุด ๆ และเฟรมเรตลื่นสุดแล้วล่ะครับ และเท่าที่ลองเล่นก็บอกเลยว่าเล่นได้สมกับเป็นสมาร์ทโฟน ROV Edition จริง ๆ ภาพสวยเต็มตา เฟรมเรตลื่นมาก 59 – 61fps ตลอดทั้งเกม แม้จะมีการตีกันนัวสุด ๆ ก็ตามครับ!

เล่น Asphalt 9 บน Infinix NOTE 30 5G

ส่วนเกมแข่งรถภาพสวย Asphalt 9 เราก็สามารถปรับกราฟิกไปได้ถึง High Quality เลย แต่ยังไม่สามารถปรับเฟรมเรตไปที่ 60fps แต่ก็ถือว่าเล่นได้แบบลื่น ๆ ระดับ 30fps เลย ตัวเกมแสดงภาพออกมาได้สวยงาม ควบคุมได้อย่างแม่นยำครับ

เล่น PUBG บน Infinix NOTE 30 5G

ปิดท้ายที่ PUBG เราสามารถเลือกระดับกราฟิกได้สูงสุด HD คู่กับเฟรมเรต High ก็เช่นเดียวกับ Asphalt 9 ครับเล่นได้ลื่น ๆ ในระดับ 30fps ภาพก็สวยเพียงพอแล้ว บวกกับได้ลำโพงคู่พลังเสียงจาก JBL มาอีก ทำให้เราได้เสียงแบบ Stereo ช่วยให้เล่นเกมแนวนี้ได้เปรียบมากขึ้นจริงครับ

แบตเตอรี่เยอะ 5000mAh เล่นเกมสะใจ

ประสิทธิภาพการเล่นเกมไม่ต้องห่วงแล้ว ความจุแบตเตอรี่ก็ยิ่งหายห่วงเข้าไปใหญ่เพราะ Infinix NOTE 30 5G ได้แบตฯมาเยอะถึง 5000mAh ใช้งานได้เต็มที่ จะเล่นเกมหนัก ๆ ดูหนัง ถ่ายรูป หรือเล่น Social แบตฯระดับนี้ก็ใช้งานได้เต็มวันสบาย ๆ ครับ

ระบบชาร์จไว 45W พร้อมการชาร์จแบบ Bypass

แต่แน่นอนว่าอึดแค่ไหนก็ต้องชาร์จอยู่ดี ตรงนี้ก็สบายใจได้เพราะ Infinix NOTE 30 5G มาพร้อมระบบชาร์จไวถึง 45W เร็วพอที่จะชาร์จแบตฯใหญ่ระดับ 5000mAh นี้จาก 1 – 75% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น หรือถ้ามีเวลาไม่เยอะชาร์จแค่ 5 นาทีก็สามารถไปลุยเกมต่อได้อีก 1.75 ชม.แล้วครับ

แต่ถ้าใครที่เป็นสายเกมที่อยากเล่นแบบต่อเนื่องแบบชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วยเลยได้ไหม !? ตรงนี้ Infinix ก็มีทางเลือกการชาร์จแบบ Bypass มาด้วย หมายความว่าเมื่อเราเสียบชาร์จไปเล่นไปแล้วแบตเตอรี่ถึงค่าที่ตั้งไว้ (ค่าเริ่มต้นคือ 30%) ไฟที่เข้าจะไม่ส่งเข้าไปที่แบตฯแต่เข้าไปถึงตัวเมนบอร์ดโดยตรงเลย ทำให้แบตฯไม่เสื่อมแม้จะเล่นไปชาร์จไป ช่วยลดความร้อนสะสมได้อีกด้วยนะ ทีนี้ใครอยากลุยต่อเนื่องเสียบสายตลอดเวลาก็ได้เลย!

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพของ Infinix NOTE 30 5G ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมครับ ทั้งสเปคที่แรงเหลือ ๆ สำหรับเล่นเกมเด่น ๆ ได้แบบประทับใจ มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่อัดแน่นให้เราใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล หรือจะเป็นระบบชาร์จไว 45W ที่ไวมากสำหรับกลุ่มราคานี้ แถมยังมีเทคโนโลยีการชาร์จ Bypass ที่ช่วยให้เราเล่นเกมต่อเนื่องได้แม้ชาร์จไปด้วย แต่ก็ยังปลอดภัยอีกต่างหาก

ซอฟต์แวร์ตัวล่าสุด XOS 13 ลูกเล่นเพียบการปรับแต่งจัดเต็ม

มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ Infinix NOTE 30 5G ก็มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 ที่ครอบทับมาด้วย XOS เวอร์ชั่น 13 ที่ลูกเล่นเยอะตามฉบับของแบรนด์นี้ หน้าตา UI มีความสีสันสดใสใช้งานได้อย่างราบรื่น รวมถึงการปรับแต่งที่หลากหลาย

และความที่รุ่นนี้ได้มีการร่วมมือกับทาง ROV ผู้ใช้ก็จะได้ Theme และ Wallpaper ชุดพิเศษมาด้วย แฟน ๆ เกม ROV ถูกใจแน่นอนครับ

กล้อง 108MP อีกขั้นของการถ่ายภาพจาก Infinix

มาปิดท้ายกันที่เรื่องกล้อง แม้ Infinix NOTE 30 5G จะวางตัวมาเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับสายเกม แต่ในเรื่องกล้องต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่ธรรมดา ได้กล้องหลังมา 3 ตัวประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 108MP (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP6 ขนาด 1/1.67″) f/1.75
  • กล้อง Depth 2MP
  • กล้อง AI Camera

อยากที่เห็นว่าสเปคที่ให้มาก็ถือว่าน่าสนใจ แม้ 2 ตัวเสริมจะไม่ได้ใช้งานเท่าไหร่ แต่กล้องหลักนั้นให้มาถึง 108MP แถมเป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่ ISOCELL HP6 เลยด้วย คุณภาพเพียงพอต่อการใช้งานทั้งระยะ 1X ไปจนถึง 3X ได้แบบสบาย ๆ

ในโหมดการถ่ายภาพก็แน่นอนว่ามี AI คอยปรับภาพให้แบบเดียวกับหลาย ๆ แบรนด์ตอนนี้ ช่วยให้เราได้ภาพที่สวยงามได้ง่าย ๆ เพียงแค่เล็ง จัดองค์ประกอบภาพดี ๆ ก็ได้ภาพสวยแล้ว ซึ่งเราขอชมเลยว่า AI ของ Infinix NOTE 30 5G นี้เก่งใช้ได้เลย ปรับภาพต่าง ๆ ให้ออกมาสวยงามและใช้งานได้จริงแบบแทบไม่ต้องปรับเพิ่มเลยครับ สีสันสวยงามกำลังดี Dynamic Range ก็กว้าง แถมความละเอียดที่มากระดับ 108MP ยังช่วยให้เราซูมแบบ Digital สัก 2X – 3X ได้แบบหวังผลได้อีก เป็นมือถือเล่นเกมที่กล้องดีเกินคาดเลยล่ะ

ถ่ายความละเอียดเต็ม 108MP ได้ด้วยนะ

หรือถ้าใครที่อยากได้ไฟล์ความละเอียดเต็มระดับ 108MP เลย Infinix NOTE 30 ก็มีตัวเลือกให้ปรับเป็น 108MP ได้ง่าย ๆ จาก UI กล้องหลักเลย ซึ่งพอเปิดโหมดนี้เราจะสามารถเก็บภาพเต็มขนาดใหญ่เพียงพอที่จะมาเลือกครอปในแต่ละส่วนไปใช้งานแยกได้ด้วย แต่ต้องบอกก่อนว่าในโหมดนี้ไฟล์จะใหญ่มาก (13 – 20MB) ถ้าไม่ได้จะเก็บรายละเอียดมาเผื่อครอปตรงนี้แนะนำว่าใช้โหมดปกติที่ประมวลผลภาพเหลือ 12MP ก็เพียงพอแล้วครับ

Portrait เก่งเกินคาดมาก!

นอกจากโหมด AI Cam หรือ Auto จะเก่งแล้ว โหมด Portrait หรือการถ่ายบุคคล Infinix NOTE 30 5G ก็ทำได้ดีเกินคาดมาก ก่อนถ่ายเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะปรับระดับความเบลอแค่ไหน และหลังจากกดถ่ายมาดูรูปที่ได้ก็น่าประทับใจมากครับ ทั้งการปรับใบหน้าของแบบให้สวยเป็นธรรมชาติ การตัดขอบที่เนียนตาแถมยังได้ HDR ฉากหลังครบ ใครที่อยากเอามาถ่ายแฟน ถ่ายเพื่อน เราว่าไม่ผิดหวังเลยนะ

แสงน้อยกับ Super Night ที่สุดยอด

และในสถานการณ์แสงน้อยก็มีโหมด Super Night ที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเก็บภาพได้ไวมาก แถมผลลัพธ์ก็น่าสนใจเลย เก็บทั้งแสง สี รายละเอียดมาครบ ในการจับภาพแค่ราว ๆ 1 – 2 วินาทีเท่านั้น ใครชอบถ่ายกลางคืนแบบ Snap กดปุ๊บ รอดูปั๊บถูกใจแน่นอน เราแทบไม่ต้องยืนแช่รอเก็บภาพนาน ๆ เลย

กล้องหน้า 16MP เซลฟี่สวย ละลายหลังได้

ส่วนกล้องหน้าก็ได้ความละเอียด 16MP มาเลย เพียงพอต่อการเซลฟี่แล้ว แถมมีทั้งการปรับหน้าเนียนสวย ๆ หรือ Portrait มาให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งคุณภาพก็น่าประทับใจครับ สกินโทนดี มุมมองกว้าง แถมโหมด Portrait ก็ตัดขอบเนียนละลายสวยด้วย

วิดีโอได้ถึง 2K/30fps ทั้งหน้า-หลัง

ปิดท้ายที่วิดีโอ Infinix NOTE 30 5G ชวนอึ้งอีกครั้งเพราะเมื่อเรากดเข้าไปที่การตั้งค่าทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า รุ่นนี้สามารถปรับความละเอียดได้สูงถึง 2K/30fps เหมือนกัน แม้จะไม่ได้สุดถึง 4K แต่ด้วยสเปคและเรตราคาถือว่าให้มาเยอะมากแล้ว สาย Vlog ถูกใจแน่นอน

โดยรวมในเรื่องกล้อง Infinix NOTE 30 5G ก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจมาก ตั้งแต่การถ่ายภาพวิวทั่วไปด้วยกล้องหลัก 108MP คุณภาพสูงบวกกับ AI ที่เก่งเกาจ ให้เราได้ภาพสวยแบบที่ต้องการได้ไม่ยาก หรือจะเป็นโหมด Portrait หน้าชัด-หลังเบลอก็ทำได้ดีเกินคาด บวกกับโหมด Super Night กลางคืนดีจริง และเรื่องวิดีโอยังทำได้ถึงระดับ 2K/30fps ทั้งหน้า-หลังอีก ขยี้ตาอีกทีว่านี่สมาร์ทโฟนสายเกมจริง ๆ หรือ !?

เกมมิ่งโฟน 5G สุดคุ้มที่ราคาไม่ถึง 8,000 บาท!

Infinix NOTE 30 5G เกมมิ่งโฟน 5G สุดคุ้ม เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้มีให้เลือก 2 รุ่นความจุคือ 128GB และ 256GB มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Magic Black และ สีฟ้า Interstellar Blue (สีที่รีวิว) ราคาต่างกันดังนี้ครับ

  • รุ่นความจุ 8GB + 128GB ราคา 7,499 บาท
  • รุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคา 7,999 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือเกมมิ่งโฟน 5G สุดคุ้มค่าในงบไม่ถึง 8,000 บาท”

สรุปแล้ว Infinix NOTE 30 5G ก็จัดเป็นสมาร์ทโฟน 5G สายเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในงบไม่ถึง 8,000 บาท เพราะทั้งสเปคที่อัดแน่นมากมาย ชิป Dimensity 6080 5G, หน้าจอ 6.78″ 120Hz, ความจุสูงสุด 8GB + 256GB, แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมชาร์จไว 45W อีก เล่นเกมถูกใจทั้ง ROV, PUBG หรืออื่น ๆ ใน Play Store กับเรตราคานี้เรียกว่าหาได้ยากจริง ๆ ที่จะได้สเปคจัดเต็มแบบนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะรุ่นนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่องดีไซน์ Flash Finishing งาม ๆ ความสามารถกันฝุ่นกันน้ำมาตรฐาน IP53 ลำโพงคู่ Sound by JBL และกล้องหลัง 108MP เข้ามาเสริมอีกด้วย ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนไว้ใช้งานด้านความบันเทิง ดูหนัง เล่นเกม ถ่ายรูป แบบครบ ๆ ในราคาไม่ถึง 8,000 บาท เราว่า Infinix NOTE 30 5G รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริง ๆ ครับ!

กำลังฮอต

Featured2 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured5 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก