รีวิว Huawei P20 Pro ที่สุดของกล้องถ่ายรูปพร้อมเทคโนโลยี AI บนสมาร์ทโฟน

รีวิว Huawei P20 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดและเป็นรุ่นท็อปใน P20-Series ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว และกล้องหลังมากถึง 3 ตัวที่มีระยะต่างกัน ความละเอียดสูงสุด 40 ล้านพิกเซล

รีวิว Huawei P20 Pro ถือเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่ามีเยอะมากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนจาก Huawei เท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ และเป็นรุ่นแรกที่มีกล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 ตัว พร้อมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่เข้ามาช่วยให้การถ่ายรูปทำได้ง่าย ไม่ต้องปรับตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยากอีกต่อไป

สรุปข้อมูลและสเปค Huawei P20 Pro

• ราคาเปิดตัว 27,990 บาท (เมษายน 2018)
• ขนาดตัวเครื่อง 73.9 x 155 x 7.8 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 180 กรัม
• กันน้ำกันฝุ่น IP67
• รองรับ 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
• หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว OLED FullView Display ความละเอียด 1080 x 2240 พิกเซล
• ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo กับ EMUI 8.1
• ชิปเซ็ต Kirin 970 Octa-core + micro-core i7
• แรม 6GB ความจุ 128GB
• กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ 40 ล้านพิกเซล RGB รูรับแสง f/1.8 + 20 ล้านพิกเซล Monochrome รูรับแสง f/1.6 และ 8 ล้านพิกเซล Telephoto รูรับแสง f/2.4
• กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
• พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, Wi-Fi ac, NFC, Infrared port
• แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperCharge

 

อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง

• ตัวเครื่อง P20 Pro พร้อมแบตเตอรี่ในตัว
• หูฟัง USB-C
• อะแด็ปเตอร์ที่ชาร์จไฟ
• สาย USB-C
• อแด็ปเตอร์ช่องเสียบหูฟัง USB-C เป็น 3.5mm
• เคสโทรศัพท์ (ในกล่องสำหรับเครื่องรีวิวนี้ไม่ได้ส่งมาให้ ต้องรอดูว่าในกล่องจริงจะเป็นเคสแบบใด)
• คู่มือการใช้งาน
• เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
• ใบรับประกัน

 

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล

รีวิว Huawei P20 Pro ด้านการดีไซน์ตัวเครื่องนั้น Huawei ได้นำความงามด้านศิลปะและเทคโนโลยีมารวมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว อย่างที่ได้เห็นในตัวเครื่องสีทไวไลท์ (Twilight) ที่มีการไล่ระดับเฉดสีอยู่ในเครื่องเดียวกัน โดยด้านหลังเป็นกระจกที่มีความโค้งเว้าแบบ 3D ช่วยให้การจับใช้งานกระชับมือ และกรอบตัวเครื่องโลหะที่มีการขัดผิวให้มีความมันเงาสูง จึงเป็นรุ่นที่มีความหรูหรา พรีเมียมมากขึ้น ซึ่งตัวเครื่องที่ใช้ในการรีวิวครั้งนี้เป็นสีมิดไนท์ บลู (Midnight Blue) เป็นโทนสีน้ำเงินเข้ม แต่จะให้ความเข้มของสีตัวเครื่องแตกต่างกันออกไปตามสภาพแสงสว่างรอบๆ

 

ความเพรียวบางและน้ำหนักตัวเครื่องถือว่ามีขนาดกำลังพอดี ยังสามารถจับใช้งานได้ในมือเดียว และฝาหลังที่เป็นกระจกที่ให้ความสวยงามเมื่อแสงตกกระทบก็ต้องแลกมาด้วยการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้ง่ายกว่าตัวเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียม

 

หน้าจอแสดงผลมีขนาด 6.1 นิ้ว FullView Display ที่เป็นการใช้พื้นที่ด้านหน้าเกือบทั้งหมดสำหรับหน้าจอแสดงผล โดยเป็นแผงหน้าจอ OLED สีสันสดใส มีรอยบากบริเวณขอบหน้าจอด้านบนเล็กน้อยสำหรับเป็นพื้นที่ในการติดตั้งช่องลำโพงเสียงสนทนา เลนส์กล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องอยู่บริเวณนี้

 

ด้านล่างหน้าจอยังคงเหลือพื้นที่สำหรับปุ่มโฮมที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและใช้เป็นแตะสั่งงานปุ่มนำทางแทนปุ่มบนหน้าจอได้ โดยกระจกกันรอยที่ครอบด้านหน้าเป็นชนิด 2.5D ที่มีขอบโค้งมน

 

ขอบด้านบนตัวเครื่องมี Infrared port และไมโครโฟน

 

ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟ พอร์ต USB-Type-C และลำโพงตัวเครื่อง

 

ขอบด้านขวามีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง

 

ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิม รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM ทั้ง 2 ช่อง

 

ด้านหลังมีเลนส์กล้อง 3 ตัว จัดวางในแนวตั้ง และโมดูลกรอบเลนส์นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังพอสมควร พร้อมข้อความระบุว่าเป็นเลนส์ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica และมีไฟแฟลชแบบ Dual LED (True tone) สำหรับช่วยถ่ายในที่มืดหรือแสงน้อย

 

ตัวเครื่อง P20 Pro สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 คือกันน้ำได้ลึก 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในแง่ของการปกป้องตัวเครื่องในสถานการณ์ที่ต้องโดนน้ำแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งไม่แนะนำให้นำไปใช้งานใต้น้ำ เนื่องจากหากเกิดน้ำเข้าจะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน

 

อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน

Huawei P20 Pro รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ตั้งแต่แกะออกจากกล่อง ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดในขณะนี้ กับ EMUI 8.1 เวอร์ชั่นใหม่ที่มีการปรับแต่งเมนูการใช้งานต่างๆ ให้มีความเรียบง่าย แตะเข้าถึงเมนูการใช้งานในตัวเครื่องได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และมีปุ่มค้นหาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเมนูที่อาจหาไม่เจอได้ ซึ่งจากการใช้งานพบว่าทำงานได้ลื่นไหลดีมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากระบบจัดการเครื่องแบบอัตโนมัติที่ทาง Huawei มีให้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เพื่อให้ตัวเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาใช้งาน

 

สำหรับหน้าจอแสดงผลที่มีรอบบากบริเวณขอบหน้าจอด้านบนของ P20 Pro นั้น สามารถซ่อนโดยการแสดงเป็นแถบสีดำได้ ซึ่งแถบบาร์สีดำก็จะมีความกลืมกลืนไปกับขอบตัวเครื่องเหมือนกับหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป

 

การกลับสี (Colour inversion) เวอร์ชั่นทดลอง ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับเปลี่ยนโทนสีการใช้งานเมนูต่างๆ เป็นพื้นหลังสีดำและข้อความเป็นสีขาว ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในเวลากลางคืน แต่ก็พบว่าการกลับสีจะทำให้ไอคอนแอพพลิเคชั่นมีสีที่ผิดเพี้ยนไป

 

การใช้งานในมือเดียวของ P20 Pro สามารถย่อขนาดหน้าจอ แป้นพิมพ์ และย้ายฝั่งหน้าจอกับแป้นพิมพ์ตามมือที่จับใช้งานได้

 

นอกจากนี้ก็มีฟีเจอร์การควบคุมการเคลื่อนไหว ได้แก่ คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือเสียงปลุก, ยกมือถือขึ้นเพื่อลดความดังของเสียงเรียกเข้า หรือเสียงปลุก และยกมือถือแนบหูเพื่อรับสาย หรือโทรออก เป็นต้น และการใช้ข้อนิ้วมือในการสั่งงาน ได้แก่ จับภาพหน้าจอ วาดอักษรเพื่อเปิดแอพ และแบ่งหน้าจอ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วในสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้า

 

P20 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 2 จาก Huawei ถัดจาก Mate 10 ที่รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด อีกทั้งรองรับเทคโนโลยีการรวมคลื่น 3CA Cat.18 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1.2 Gbps และอัปโหลดสูงสุด 150 Mbps ส่วนด้านการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และ NFC, รองรับ VoLTE, Wi-Fi Calling พร้อมกันทั้ง 2 ซิม

 

การแชร์ไฟล์ผ่าน Huwei Share เวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับ P20 Pro สามารถแชร์ไฟล์กับคอมพิวเตอร์ Windows และ Mac ได้ทันที ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมหรือเชื่อมต่อด้วยสายให้ยุ่งยาก โดยเป็นการใช้ Wi-Fi วงเดียวกันในการเข้าถึงไฟล์สาธารณะบนเครื่อง P20 Pro ซึ่งสามารถตั้งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับยืนยันบนคอมพิวเตอร์ก่อนการเข้าถึงไฟล์ได้

 

ฟีเจอร์การโคลนแอพพลิเคชั่นโซเชียลให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Messenger และ LINE เป็นต้น

 

P20 Pro รองรับเทคโลยีเสียง Dolby Atmos ที่ให้มิติของเสียงแบบรอบทิศทาง และมีลำโพง 2 ตัวที่ให้เสียงสเตอริโอ ซึ่งลำโพงถือว่าให้เสียงที่ดังกระหึ่มมาก

 

ระบบความปลอดภัยสำหรับใช้ยืนยันตัวตนมีทั้งการปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งจากการใช้งานพบว่าระบบทำงานได้รวดเร็วมากภายในเสี้ยววินาที และการสแกนลายนิ้วมือ รองรับการจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ

 

แบตเตอรี่ที่มีขนาด 4,000 mAh ของรุ่นนี้พบว่าในการใช้งานทั่วไปทั้งเปิดกล้องถ่ายรูป เล่นโซเชียล และเล่นเกมบ้าง พบว่าใช้งานได้ทั้งวัน และระบบชาร์จเร็ว SuperCharge 4.5V/5A ถือว่าช่วยได้มากในช่วงเวลาเร่งด่วน ไม่ต้องรอนาน โดยใช้อะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องได้เลย

 

ประสิทธิภาพการทำงาน

ชิปเซ็ต Kirin 970 แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับคือ Quad-core A73 เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ความเร็ว 2.36GHz และ Quad-core A53 เพื่อการทำงานที่ต้องการประหยัดพลังงาน ความเร็ว 1.8GHz มาพร้อมจีพียู 12-core Mali-G72 MP12 ​ซึ่งเป็นชิปตัวแรกของ Huawei ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลพิเศษ Neural Processing Unit (NPU) สำหรับงานประมวลผล AI เฉพาะอีกด้วย และในรุ่นใหม่นี้เพิ่มความสามารถให้รองรับ ARCore สำหรับใช้งานกับแอพ Augmented Reality หรือ AR ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ผลการทดสอบ AnTuTu v7.0.7 เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู P20 Pro ทำคะแนนรวมได้ 207,920 คะแนน

 

ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ P20 Pro ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,910 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 6,782 คะแนน

 

ทดสอบเล่นเกม Lineage2 Revolution ที่เป็นการพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 ซึ่งมีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก โดยทำการทดสอบด้วยการเลือกตั้งค่าตัวเกมให้มีกราฟิกสูงสุด ความละเอียดภาพสูงสุด จะพบอาการกระตุกอยู่บ้างระหว่างการเล่น แต่เมื่อตั้งค่ากราฟิกลดลงในระดับกลางสามารถเล่นได้ลื่นไหล

 

ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็กชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมมี่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก สามารถเล่นได้ลื่นไหล โดยจะมีอาการภาพกระตุกอยู่บ้างบางจังหวะที่มีฉากแสดงวัตถุมากๆ

 

กล้องถ่ายรูป

มาถึงในส่วนของ รีวิว Huawei P20 Pro ซึ่งมีกล้องหลัง 3 ตัว เริ่มจากเลนส์ด้านบนสุดความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เทเลโฟโต้หรือเลนส์ซูม ถัดลงมาเป็นเลนส์ RGB ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล และเลนส์สุดท้ายขนาด 20 ล้านพิกเซล Monochrome ซึ่งเป็นเลนส์ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica

การถ่ายภาพในระยะปกติที่เป็นภาพสีจะเป็นการใช้กล้องหลักที่มีความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ซึ่งในสภาพแสงทั่วไป ต้องยอมรับว่ากล้องของรุ่นนี้ทำออกมาได้มาก ทั้งรายละเอียดและความคมของภาพ และถ้าเป็นการถ่ายภาพในโหมดขาวดำจะเป็นการใช้เลนส์กล้อง 20 ล้านพิกเซล Monochrome

 

ตัวกล้องของ P20 Pro จะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้ที่ 10 ล้านพิกเซล ซึ่งที่ระดับความละเอียดนี้จะสามารถใช้งานฟีเจอร์กล้องได้ครบ ไม่ว่าจะถ่ายภาพในโหมดใด แต่หากเลือกที่ความละเอียดสูงสุด 40 ล้านพิกเซล จะไม่สามารถถ่ายภาพซูมได้ ซึ่งภาพที่ออกมาจะมีความละเอียดที่สูงกว่า แต่สีสันของภาพจะมีความสว่างน้อยกว่าการถ่ายภาพที่ 10 ล้านพิกเซล น่าจะมาจากการประมวลผล AI ที่รองรับการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในระดับความละเอียด 10 ล้านพิกเซล

 

เลนส์เทเลโฟโต้หรือเลนส์ซูมความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ P20 Pro สามารถซูมด้วยเลนส์ 3 เท่า และแบบ Hybrid Zoom โดยไม่สูญเสียรายละเอียดได้ 5 เท่า และซูมดิจิตอลต่อได้สูงสุด 10 เท่า ซึ่งภาพที่ได้นั้นถือว่าสามารถเก็บรายละเอียดและมีความคมชัดมาก

จากการทดสอบใช้งานเพื่อดูว่าเลนส์เทเลโฟโต้นั้นถูกใช้งานในระยะซูม 3 เท่าจริงหรือไม่นั้น โดยการใช้นิ้วปิดหน้าเลนส์เอาไว้ หน้าจอแอพกล้องจะขึ้นเตือนว่าอย่าปิดเลนส์ และภาพที่ได้จะเป็นภาพนิ้วมือปิดเอาไว้ ซึ่งก็ยืนยันได้ว่าการซูมในระยะ 3 เท่า ใช้ตัวเลนส์นี้จริง รวมไปถึงการซูมในระยะที่เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้แล้ว เมื่อทำการถ่ายภาพโดยการซูม ระบบจะขึ้นข้อความให้ถือตัวเครื่องนิ่งๆ เพื่อเพิ่มความคมชัดให้กับภาพ คาดว่าจะเป็นการถ่ายภาพหลายเฟรมแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียว จึงได้ภาพซูมที่มีความคมชัดมาก แม้จะเป็นระยะซูม 10 เท่าก็ตาม ซึ่งภาพทั้งหมดในรีวิวนี้ถือถ่ายด้วยมือทั้งหมด ไม่มีการใช้ขาตั้งกล้องครับ

 

ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ 4D Predictive Focus ระบบโฟกัสที่คาดเดาการเคลื่อนที่ของวัตถุไว้ล่วงหน้า โดยจะมีจุดสีเหลืองๆ ขยับตามวัตถุตลอดเวลา โฟกัสจะไม่ดึงเข้า-ออกวิ๊บๆ เหมือนรุ่นอื่น ทำให้ถ่ายภาพได้ทันทีสำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว และมีระบบลดภาพสั่นไหวด้วย AI ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิมชัดเจน และเมื่อถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็สามารถถือด้วยมือได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง

 

ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืนจากกล้อง P20 Pro ทำออกมาได้ดีมาก ให้ภาพที่สว่างคมชัดทั่วทั้งภาพ ซึ่งเป็นการถ่าพภาพหลายๆ เฟรมทุกสภาพแสงแล้วนำมาประมวลผลเป็นภาพเดียวกัน

 

AI กล้องของ P20 Pro สามารถระบุฉากหรือวัตถุที่กำลังถ่ายได้มากถึง 19 โหมดแล้วแบบเรียลไทม์ ได้แก่ แมว อาหาร กลุ่มคน สีธรรมชาติ โคลสอัพ ภาพถ่ายกลางคืน ข้อความ สนามหญ้า ภาพบุคคล สุนัข ดอกไม้ไฟ ท้องฟ้าสีฟ้า ดอกไม้ เวที เอกสาร พระอาทิตย์ตกดิน หิมะ น้ำตก และชายหาด จากเดิมในรุ่น Mate 10 ทำได้ 13 โหมด ซึ่งฟีเจอร์จะช่วยให้การถ่ายรูปทำได้ดีขึ้น เพราะไม่ใช่เป็นเพียงการรู้ฉากหรือวัตถุเท่านั้น แต่กล้องจะปรับค่าต่างๆ ให้เป็นโหมดที่เหมาะกับการถ่ายภาพนั้นๆ ด้วย

 

ฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอแบบ Super Slow Motion มาใส่ให้กับรุ่นนี้ สามารถบันทึกที่ความเร็วสูงสุด 960fps ซึ่งฟีเจอร์นี้จะบันทึกเป็นแบบเคลื่อนไหวช้าทันทีเมื่อกดปุ่มบันทึก ไม่สามารถกดบันทึกรอก่อนแล้วค่อยกดเลือกในจังหวะที่ต้องการการเคลื่อนไหวช้าได้

 

สำหรับกล้องหน้าของ P20 มีขนาด 24 ล้านพิกเซล มาพร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า 3D Portrait Lighting ซึ่งเป็นการทำงานด้วย AI ที่จะตรวจจับใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อปรับใบหน้าให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ และสามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟต่างๆ ได้ภายหลัง

สรุปจุดเด่น Huawei P20 Pro

• ดีไซน์สวยงาม วัสดุตัวเครื่องระดับพรีเมียม และหน้าจอแสดงผลสีสันสดใส
• กล้องหลัง 3 ตัวถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้เลย ซึ่งถ่ายภาพออกมาได้ดีเกินคาดในทุกสภาพแสง และช่วยให้การถ่ายภาพสำหรับทุกคนทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก
• ตัวเครื่องกันน้ำได้มาตรฐาน IP67
• รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo และ EMUI 8.1 เวอร์ชั่นล่าสุดในขณะนี้ ไม่ต้องรออัปเดท
• ใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE, WiFiCalling พร้อมกันทั้ง 2 ซิมด้วย
• แบตเตอรี่ 4000mAh ใช้งานทั่วไปได้เกือบทั้งวัน แต่ถ้าเล่นเกมหรือเปิดกล้องบ่อยๆ จะอยู่ได้ประมาณครึ่งวัน

จุดสังเกตเพิ่มเติม

• ยังไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
• ไม่มีช่องใส่ microSD card