Connect with us

Featured

รีวิว หัวเว่ย P10 Plus Greenery ศิลปะสีเขียวผสานรวมกับเทคโนโลยี และกล้องหลังเลนส์คู่ Leica

Published

on

หัวเว่ย P10 Plus สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2K ที่มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ Pro Edition ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล f/1.8 และกล้องหน้าที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica

ตารางเปรียบเทียบสเปค Huawei P10 และ P10 Plus ในไทย

ข้อมูล/รุ่น Huawei P10 Huawei P10 Plus
ขนาด 145.3 x 69.3 x 6.98 มม. 153.5 x 74.2 x 6.98 มม.
น้ำหนัก 145 กรัม 165 กรัม
หน้าจอ 5.1 นิ้ว Full HD 5.5 นิ้ว QHD
ชิปเซ็ต Kirin 960 Kirin 960
ซีพียู Octa-core (4×2.4 GHz Cortex-A73 + 4×1.8 GHz Cortex-A53) Octa-core (4×2.4 GHz Cortex-A73 + 4×1.8 GHz Cortex-A53)
จีพียู Mali-G71 MP8 Mali-G71 MP8
ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat กับ EMUI 5.1 Android 7.0 Nougat กับ EMUI 5.1
แรม 4 GB 4 GB
ความจุเครื่อง 32 GB / 64 GB 64 GB
MicroSD card เพิ่มได้สูงสุด 256 GB (ช่อง SIM 2) เพิ่มได้สูงสุด 256 GB (ช่อง SIM 2)
กล้องหลัง เลนส์คู่ 2.0 ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล f/2.2, กันสั่น OIS และแฟลช dual-LED (dual tone) เลนส์คู่ Pro Edition ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล f/1.8, กันสั่น OIS และแฟลช dual-LED (dual tone)
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/1.9 8 ล้านพิกเซล f/1.9
NFC
Infrared
สแกนนิ้วมือ ปุ่มโฮมล่างหน้าจอ ปุ่มโฮมล่างหน้าจอ
แบตเตอรี่ 3,200 mAh SuperCharge 3,750 mAh SuperCharge

 

แกะกล่อง Huawei P10 Plus Greenery

Huawei P10 Plus Greenery จะมาในกล่องกระดาษสีขาวเหมือนกับ P10 และ P10 Plus สีอื่นๆ มีชื่อรุ่นและโลโก้ Leica อยู่ที่ด้านหน้าของตัวกล่อง โดยการเปิดฝากล่องจะเป็นการกางแยกออกไปด้านข้าง ภายในกล่องประกอบด้วยไปด้วย

  • ตัวเครื่อง Huawei P10 Plus Greenery พร้อมแบตเตอรี่ฝังในตัวขนาด 3,750 mAh
  • อะแดปเตอร์ SuperCharge
  • สายเคเบิล USB Type-C
  • หูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm
  • เคสพลาสติกใส
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
  • คู่มือการใช้งาน

 

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล

Huawei P10 Plus Greenery เป็นสีที่ทาง Huawei ไปจับมือกับ PANTONE ผู้นำด้านสีสันของโลกเพื่อนำสีดังกล่าวมาใช้กับ P10 Series เป็นพิเศษ โดยตัวเครื่องสีเขียวจะวางจำหน่ายในรุ่น Huawei P10 (64 GB) และ Huawei P10 Plus

โทนสีเขียวตัวเครื่อง Huawei P10 Plus Greenery จะเป็นสีเขียวอ่อน ให้ความรู้สึกคล้ายกับยอดใบอ่อนของต้นไม้ ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ให้สีสันสดชื่น มีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นสีที่แปลกใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่ซ้ำสีกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นหรือแบรนด์อื่น ในขณะที่กรอบด้านหน้าตัวเครื่องจะมีสีขาว

 

ตัวเครื่องของ Huawei P10 Plus Greenery มีความบางประมาณ 7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 165 กรัม ถือว่ามีความบางและเบามาก โดยขอบตัวเครื่องมีความโค้งเว้าเข้ากับอุ้งมือเวลาจับใช้งาน และผิวสัมผัสตัวเครื่องไม่ลื่นด้วย ทำให้จับกระชับมือมากขึ้น ไม่ลื่นหลุดมือง่าย วัสดุหลักเป็นโลหะอะลูมิเนียมทั้งตัวแบบไร้รอยต่อ (Unibody)

 

เปรียบเทียบตัวเครื่องสีทองและสีเขียว Greenery

 

Huawei P10 Plus มีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอแบบ IPS-NEO LCD เป็นหน้าจอชนิดเดียวกันกับรุ่น Huawei P9 และ P10 โดยมีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ Quad HD 1440p ความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 540 พิกเซลต่อนิ้ว และครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ขอบโค้งมน 2.5D โดยตัวเครื่องที่วางขายนั้นจะติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยแล้ว

 

เหนือหน้าจอเริ่มจากซ้ายสุดจะมีไฟ LED ดวงเล็ก ๆ สำหรับแจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ ถัดมาจะมีเลนส์กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ซึ่งเป็นเลนส์ที่พัฒนากับ Leica จึงทำให้รุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีกล้องหน้าเป็นเลนส์ Leica ถัดมาอีกจะมีเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient light ตรวจวัดสภาพแสง และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา

 

ด้านล่างหน้าจอจะมีปุ่มสำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกฝังอยู่ใต้กระจกหน้าจอ ส่วนปุ่มนำทางทั้ง 3 ปุ่มนั้นจะอยู่บนหน้าจอ

 

ขอบด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนหลัก และลำโพงตัวเครื่อง

 

ขอบด้านบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น P10 Plus คือพอร์ตอินฟราเรด (IR) สำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เช่น ทีวี เป็นต้น

 

ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ที่มีดีไซน์ให้มีผิวเป็นลายตาข่าย ขอบเป็นสีแดง

 

ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิม รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM ทั้ง 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card แทนซิม 2 ก็ได้

 

ด้านหลังตัวเครื่องมีการดีไซน์เส้นเสาอากาศให้เป็นสีเขียวเพื่อให้กลมกลืนไปกับสีของตัวเครื่อง ฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดออกได้ ภายในจะมีแบตเตอรี่ขนาด 3,750 mAh

 

Huawei P10 Plus มีกล้องหลังเลนส์คู่ Leica รุ่น 2.0 Pro Edition รูรับแสง f/1.8 SUMMILUX-H ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) + 12 ล้านพิกเซล (RGB) ซี่งไฟแฟลชของกล้องหลังเป็นแบบ Dual LED (Dual tone) มีระบบโฟกัสแบบ PDAF มีระบบกันภาพสั่นไหว OIS และระบบเลเซอร์โฟกัส โดยพื้นที่ส่วนนี้จะถูกครอบด้วยกระจกกันรอย เรียกว่าเหนือกว่า Huawei P10 ที่มีเลนส์กล้องหลังคู่ Leica รุ่น 2.0 รูรับแสง f/2.2 SUMMARIT-H พร้อมระบบกันสั่นภาพสั่นไหว OIS

 

เปรียบเทียบตัวเครื่องสีทองและสีเขียว Greenery

 

อีกหนึ่งความสวยงามในด้านดีไซน์ของ Huawei แม้ตัวเครื่องจะมีความบางมาก แต่เลนส์กล้องหลังก็ไม่นูนขึ้นมาเหนือฝาหลัง ไม่ต้องกังวลว่ากรอบเลนส์หรือกระจกเลนส์จะเป็นรอยเมื่อวางกับพื้น

 

อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน

Huawei P10 Plus รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat กับ EMUI เวอร์ชั่นล่าสุด 5.1 ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในเวอร์ชั่นล่าสุดมีการปรับปรุงเมนูต่างๆ ใหม่ให้เข้าไปใช้งานได้ง่ายขึ้น แตะเมนูเพียงไม่กี่คลิกก็ได้แล้ว จากเดิมในเวอร์ชั่นก่อน ๆ จะมีเมนูการใช้งานต่าง ๆ ซ่อนอยู่ลึก ทำให้ต้องแตะเข้าไปใช้งานหลายครั้งและหาไม่ค่อยเจอ และมีเทคโนโลยีจัดการระบบให้สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาแบบอัตโนมัติ เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อย ๆ จะเข้าแอพได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวระบบจะให้ความสำคัญกับแอพที่มีการใช้งานบ่อยมากกว่าแอพที่ไม่ค่อยเปิดใช้งาน ทำให้ทุกครั้งที่เปิดหน้าจอใช้งานจะรู้สึกได้ว่าตัวเครื่องทำงานเร็วตลอดเวลา ไม่หน่วง

 

ในหน้าจอล็อคสกรีนสามารถพิมพ์ชื่อให้แสดงบนหน้าจอได้ มีตัวเลขนับก้าวเดินด้วย พร้อมฟีเจอร์รูปแบบภาพวอลเปเปอร์แบบ Magazine ที่จะเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ทุกครั้งที่กดเปิดหน้าจอ สามารถอัปเดทภาพได้อัตโนมัติผ่าน Wi-Fi และเมื่อปัดขอบล่างหน้าจอขึ้นจะสามารถเรียกใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย, นาฬิกาจับเวลา และกล้องสแกนบาร์โค้ดหรือ QR code ได้ด้วย

 

เมื่อลากแถบบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และ Quick Settings ที่มีไอคอนสีเทาบนพื้นหลังสีดำ ถ้าเมนูใดถูกเปิดใช้งานจะเป็นไอคอนสีน้ำเงิน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในเวอร์ชั่นใหม่นี้ จากเดิมจะแสดงรายการแจ้งเตือนแบบไทม์ไลน์และแยกหน้าจอออกจากกันระหว่าง Quick Settings

 

Huawei P10 Plus รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และเลือกสลับการใช้งานบนเครือข่าย 4G ไปซิม 1 หรือซิม 2 ได้จากเมนูการตั้งค่าตัวเครื่อง โดยการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE นั้นก็รองรับฟีเจอร์ VoLTE และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับ 4.5G ด้วยเสาอากาศ 4 เสา (4×4 MIMO) ความเร็วสูงสุด 600Mbps แต่ก็ต้องมีการเปิดให้ใช้งานได้จากเครือข่ายมือถือในไทยด้วย ส่วนการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi รองรับ a/b/g/n/ac, Dual-Band พร้อมฟีเจอร์ Wi-Fi Direct และใช้ตัวเครื่องเป็นจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ และมีชิป NFC

 

ปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ล่างหน้าจอ สามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่มฟังก์ชั่นนำทางได้ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มย้อนกลับ (แตะ 1 ครั้ง), ปุ่มโฮม (แตะค้าง), ปุ่ม Recent App (ปัดไปทางซ้ายหรือขวา) และปุ่มเรียกใช้งานแอพ Google (ปัดขึ้น)

 

ระบบสแกนลายนิ้วมือของ Huawei P10 Plus รองรับการจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอพพลิเคชั่น และเปิดใช้งานตู้นิรภัย

 

ตู้นิรภัย เป็นฟีเจอร์สำหรับผู้ที่ต้องการจัดเก็บไฟล์ความลับสำคัญหรือต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์อื่นๆ เหมือนเป็นการแบ่งพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องแยกออกมาอีกหนึ่งส่วน ไม่มีใครสามารถเข้าไปดูข้างในได้ เพราะต้องสแกนลายนิ้วมือหรือมีรหัสผ่านเท่านั้น

 

ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว อาจไม่สะดวกนักในการจับใช้งานในมือเดียว ซึ่งใน Huawei เกือบจะทุกรุ่นจะมีฟีเจอร์ปุ่มแผงไอคอนลัด ซึ่งจะเป็นปุ่มเมนูสำหรับนำทางลอยอยู่บนหน้าจอทุกหน้า ลากไปไว้ส่วนใดของขอบหน้าจอก็ได้ เช่น จับใช้งานมือขวาก็ลากปุ่มนี่ไปไว้ที่ขอบหน้าจอด้านขวา เพื่อจะได้กดปุ่มนำทางได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเอื้อมมือไปกดที่บริเวณด้านล่างหน้าจอ

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์สำหรับการใช้งานมือเดียวคือการย่อหน้าจอแสดงผลให้เล็กลง เพื่อให้สามารถเอื้อมมือไปแตะได้ทั่วทั้งหน้าจอ

 

ฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 แอพ ทำได้โดยการใช้ข้อนิ้วมือด้านหลังเคาะบนหน้าจอแล้วลากแบ่งครึ่งหน้าจอ แต่ก็ยังข้อจำกัดในเรื่องของการรองรับแอพพลิเคชั่นที่สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้

 

การถ่ายภาพหน้าจออัจฉริยะ (Knuckle Gestures) เป็นการใช้ข้อนิ้วด้านหลังเคาะบนหน้าจอติดกัน 2 ครั้งเพื่อจับภาพหรือวาดลายเส้นรอบพื้นที่ที่ต้องการเพื่อจับภาพหน้าจอบางส่วน

 

คู่แฝดแอพ เป็นฟีเจอร์สำหรับโคลนแอพให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่อง เช่น WhatsApp และ Facebook เป็นต้น ซึ่งยังไม่รองรับแอพ LINE ที่เป็นแอพแชทที่ฮิตที่สุดในไทย

 

ระบบเสียงของ Huawei P10 Plus สามารถใช้ลำโพงตัวที่สองที่ใช้สำหรับการโทรมาเป็นลำโพงขับเสียงมัลติมีเดียได้ด้วย จึงทำให้รุ่นนี้สามารถเล่นเสียงได้ในรูปแบบสเตอริโอ ให้มิติเสียงซ้าย-ขวาเมื่อเล่นหน้าจอในแนวนอน แต่ลำโพงตัวที่สองจะมีเสียงค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับลำโพงหลักของตัวเครื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ดีไม่น้อย ช่วยเพิ่มความสนุกในการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้ และเฉพาะการฟังผ่านหูฟังจะสามารถรับฟังเสียงระบบ DTS ได้ด้วย

 

ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Sensor Box และมัลติทัช

  • Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
  • Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
  • Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
  • Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
  • Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
  • รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด

 

ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน

Huawei P10 Plus Plus รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง HiSilicon Kirin 960 Octa-core แบ่งการทำงานซีพียูออกเป็น 2 ระดับ Quad-core 2.4 GHz Cortex-A73 และ Quad-core 1.8 GHz Cortex-A53 ซึ่งทั้ง 2 ตัวจะรวมกันหรือสลับซีพียูตามโหมดการทำงานไปมา กับจีพียู Mali-G71 MP8 และความจำแรม 4GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu v6.2.7 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 111,225 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าค่อนข้างสูงมาก

 

ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Huawei P10 ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,848 และ Multi-Core ทำได้ 4,896 คะแนน

 

ทดสอบเล่นเกม Lineage2 Revolution สุดยอดเกม RPG บนมือถือ ตัวเกมสามารถเล่นกันแบบเรียลไทม์และถูกพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 ซึ่งมีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก โดยทำการทดสอบด้วยการเลือกตั้งค่าตัวเกมให้มีกราฟิกสูงสุด ความละเอียดภาพสูงสุด และแสดงเอฟเฟ็กต์ทุกอย่างภายในเกม พบว่าสามารถเล่นบน Huawei P10 Plus ได้อย่างลื่นไหล

 

กล้องถ่ายรูป

Huawei P10 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่มีจุดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายรูปด้านหลังที่เป็นเลนส์คู่ Gen 2 ที่พัฒนาร่วมกับ Leica และเหนือกว่า Huawei P10 ด้วยค่ารูรับแสงที่กว้างกว่าอยู่ที่ f/1.8 พร้อมกับการดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นการผสมผสานแฟชั่น ศิลปะ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีกล้องหน้า Leica ด้วย

สเปคด้านกล้องของ Huawei P10 มีกล้องคู่ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica รุ่น 2.0 Pro Edition รูรับแสง f/1.8 SUMMILUX-H ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) + 12 ล้านพิกเซล (RGB) มีระบบโฟกัสแบบ PDAF มีระบบกันภาพสั่นไหว OIS และระบบเลเซอร์โฟกัส และมีเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อเก็บรายละเอียดใบหน้า

 

Auto Mode

สำหรับการถ่ายภาพทั่วไปในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto Mode หากเป็นภาพสีแนะนำให้ถ่ายภาพในขนาดความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เนื่องจากเป็นขนาดเซ็นเซอร์จริงของเลนส์กล้อง และจะได้คุณภาพที่ดีกว่า แต่หากเป็นภาพขาวดำก็สามารถเลือกได้สูงสุดที่ 20 ล้านพิกเซล

 

โหมดเปิดรูรับแสง f/1.4

โหมดเปิดรูรับแสง f/3.2

โหมดเปิดรูรับแสง f/1.4

โหมดขาวดำ  + เปิดรูรับแสง f/1.4

ฟีเจอร์ที่สร้างความโดดเด่นให้กับ Huawei P10 Plus คือค่ารูรับแสงที่กว้าง f/1.8 เมื่อนำมาใช้ในการถ่ายภาพด้วยโหมดเปิดรูรับแสงหรือจะเรียกว่าโหมดหน้าชัดหลังเบลอก็ได้ ทำให้ภาพที่ได้มีความสว่างและเบลอฉากหลังได้เนียนขึ้น ปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 – f/16 แม้จะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการเลือกจุดโฟกัสและปรับค่ารูรับแสงหลังจากกดถ่ายภาพแล้ว แต่ตัวเลนส์กล้องทั้ง 2 ตัวก็มีส่วนช่วยอย่างมากในการเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน

 

สำหรับการ Re-focus เป็นการถ่ายภาพแล้วมาเลือกจุดโฟกัสภายหลังได้ อยากให้จุดใดบนภาพชัดก็แตะเลือกจุดโฟกัสได้เลย โดยระบบก็จะทำการเบลอพื้นที่ที่ไม่ได้เลือก เพื่อให้จุดที่เลือกโดดเด่นขึ้นมาจากการทดสอบใช้งานเมื่อทำการถ่ายภาพที่ต้องการเลือกจุดโฟกัสภายหลังแนะนำให้กดถ่ายภาพโดยไม่ต้องแตะเลือกจุดโฟกัส เพื่อให้ได้ภาพที่มีความชัดทุกพื้นที่ เมื่อมาเลือกจุดโฟกัสภายหลังก็จะสามารถเลือกจุดใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง แต่หากถ่ายภาพมาแบบแตะเลือกจุดโฟกัสแล้ว เมื่อต้องการ Re-focus ไปยังจุดอื่นจะทำให้จุดที่เลือกไม่ค่อยคมชัดและเบลอพื้นที่รอบๆ ไม่ค่อยเนียน

 

ปิดโหมด Portrait (ซ้าย) และเปิดโหมด Portrait (ขวา)

ปิดโหมด Portrait (ซ้าย) และเปิดโหมด Portrait (ขวา)

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ Huawei นำเสนอให้เป็นจุดขายสำหรับ Huawei P10 และ P10 Plus คือการถ่ายภาพในโหมดบุคคลหรือ Portrait Miode ด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์ที่มีเทคโนโลยีที่มีระบบตรวจจับใบหน้าเพื่อให้การถ่ายภาพบุคคลทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ มีการออกแบบสำหรับการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ เมื่อเลือกใช้งานโหมดนี้ไม่ต้องปรับตั้งค่าใดๆ เลย ระบบจะเซ็ตค่าต่าง ๆ เพื่อการถ่าย Portrait เอาไว้ให้แล้ว ซึ่งช่วยให้ตัวบุคคลหรือวัตถุที่ต้องการโฟกัสนั้นมีความคมชัดพร้อมละลายฉากหลัง และสีสันของภาพจะสมจริงกว่าในโหมดเปิดรูรับแสงที่จะเบลอฉากหลังให้เป็นโบเก้แสงเป็นวงๆชัดกว่า แต่สีของภาพจะมีโทนสว่างกว่าของจริง

 

Huawei P10 Plus มีการอัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่เพิ่มความฟีเจอร์การถ่ายภาพเคลื่อนไหวเป็นวิดีโอสั้นๆ คล้ายกับฟีเจอร์ Live Photo บน iPhone โดยสามารถเลือกแตะใช้งานได้ทันทีจากไอคอนวงกลมที่อยู่ในหน้าจอแอพกล้องใกล้กับไอคอนโหมด Portrait

 

บิ้วตี้ระดับ 0, 5 และ 10

เซลฟี่กล้องหน้าแสงน้อย

สำหรับกล้องหน้าของ Huawei P10 Plus มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 และมีระบบตรวจจับใบหน้าเหมือนกล้องหลัง โดยลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาคือการขยายกรอบเซลฟี่แบบอัตโมัติเมื่อระบบเห็นว่าเป็นการเซลฟี่แบบกลุ่ม

ตัวอย่างภาพถ่าย

 

สรุปจุดเด่น

  • ดีไซน์สวยงาม สีสันตัวเครื่องมีความโดดเด่น อย่างตัวเครื่องสีเขียว Greenery และตัวเครื่องมีความบางเบา จับใช้งานได้กระชับมือ
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว Quad HD สีสันคมชัดสวยงาม และลำโพงสเตอริโอ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้เสียงที่มีมิติกว่าลำโพงตัวเดียว
  • ซอฟต์แวร์ปรับแต่งให้ทำงานได้อย่างลื่นไหล แรม 4GB เพียงพอที่ทำให้การใช้งานมัลติทาสกิ้งสลับแอพไปมาได้ไม่หน่วง
  • จากภาพถ่ายด้วยกล้องหลังคู่ของ Huawei P10 Plus ถือว่าทำออกมาได้ดีมากสำหรับกล้องบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นในโหมด Portrait และโหมดเปิดรูรับแสงที่เบลอฉากหลังได้ค่อนข้างเนียน โดยตัวกล้องก็มีการเพิ่มระบบกันภาพสั่นไหว OIS เข้ามาด้วย ซึ่งช่วยได้เยอะเลยสำหรับการถือถ่ายด้วยมือ เพราะลดการสั่นเบลอของภาพได้
  • แบตเตอรี่ 3,750 mAh มีการจัดการพลังงานได้ดี และรองรับชาร์จเร็ว

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่กันน้ำ และยังไม่รองรับการชาร์จไร้สาย

กำลังฮอต

Featured1 สัปดาห์ ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News1 เดือน ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก