Connect with us

Smart Review

รีวิว Galaxy S21 FE [Fan Edition] ลูกหลงของตระกูล S21 ที่ตามพี่ ๆ มาทันในปี 2022

Published

on

รีวิว Galaxy S21 FE สมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้มล่าสุดจาก Samsung ที่มาพร้อมสเปคจัดเต็มระดับเรือธงที่เข้ามาเสริม Galaxy S21 Series ทั้งชิปเซ็ต Exynos 2100 (5nm) หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X 120Hz กล้องหลัง 3 ตัวระดับโปร แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับชาร์จไว 25W อีกต่างหาก ทั้งหมดนี้เราจ่ายเพียง 22,900 บาทเท่านั้น

เรียกว่าเป็นอีกรุ่นสุดคุ้มสำหรับแฟน ๆ Samsung เลยจริง ๆ การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร จากคนใช้ Galaxy S21+ และ S21 Ultra มาก่อน พอได้ไหมกับน้องใหม่รุ่นนี้ ติดตามครับ!

สรุปสเปค Galaxy S21 FE

  • ขนาดตัวเครื่อง : 155.7 x 74.5 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก : 177 กรัม
  • หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4″ ความละเอียด FHD+ refresh rate 120Hz
  • CPU : Exynos 2100 Octa-core 2.9GHz (5nm)
  • GPU : Mali-G78 MP14
  • RAM : 8GB
  • ROM : 128GB/256GB
  • แบตเตอรี่ : 4500mAh
  • ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 25W Super Fast Charge
  • กล้องหน้า : 32MP f/2.2
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 12MP กล้องหลัก f/1.8
    • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
    • 8MP กล้อง Tele 3X f/2.4
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.0
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 12 (One UI 4.0)

ดีไซน์คงเอกลักษณ์จากรุ่นพี่

เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ก่อนเลย Galaxy S21 FE มาพร้อมดีไซน์เอกลักษณ์ของ S21 Series ใช้กล้องหลังแบบ Contour-Cut ที่ยกระดับของโมดูลกล้องขึ้นมาเด่น ๆ ทำมุมสวย มองแว้บแรกก็รู้เลยว่านี่คือดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Samsung จริง ๆ

แต่จุดแตกต่างของรุ่นนี้ S21 FE กับรุ่นพี่ S21+ หรือ S21 Ultra คือสีสันและวัสดุของโมดูลกล้องนี้จะเป็นชิ้นเดียวกับฝาหลังไปเลย ทำให้มีความกลมกลืนกันมากกว่า ทำให้ดูเหมือนไล่ระดับขึ้นจากฝาหลังขึ้นไปแบบไร้รอยต่อด้วย

วัสดุ Polycarbonate แต่ก็น่าสัมผัสไม่น้อย

วัสดุฝาหลังของ Galaxy S21 FE จะใช้เป็น Polycarbonate หรือง่าย ๆ ก็คือพลาสติกนั่นแหละครับ ซึ่งถ้าอ่านแบบนี้เราอาจติดภาพความก๊องก๊องในแบบของพลาสติกเดิม ๆ แต่จะบอกว่าถ้าลองสัมผัสจริง ๆ แล้ว ไม่ใช่เลยครับ

ความเก่งของ Samsung ก็คือ การทำให้วัสดุพลาสติกที่ดูธรรมดา ๆ นั้นมีราคาขึ้นมาได้ แค่เห็นก็รู้สึกอยากจับถือแล้วพอได้ลองสัมผัสถ้าไม่ได้บอกว่านี่พลาสติกก็ไม่ได้รู้สึกว่าแย่อะไรเลยครับ ด้วยความที่ฝาหลังเป็นแบบด้าน ที่ทำได้เนียนมือดีมาก ๆ น่าจับถือขึ้นมาอย่างมาก เรียกว่าดีไซน์สวยลงตัว น่าสัมผัสจริง ๆ ครับ Galaxy S21 FE เนี่ย

และแน่นอนความดีงามอีกอย่างของฝาหลังพลาสติกก็คือ น้ำหนัก ที่ทำได้เบากว่ากระจกหรืออลูมิเนียมแน่นอน Galaxy S21 FE เบาแค่ 177 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบกับทั้ง S21+ หรือ S21 Ultra ที่เราเคยใช้มาก่อนหน้านี้ บอกเลยว่าเบากว่ามาก ทำให้การถือใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันนั้นได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าจริง ๆ

หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X สวยคมสมเป็น Samsung

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า Galaxy S21 FE มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X แบบเดียวกับรุ่นพี่ แต่ขนาดลดลงมาเหลือ 6.4” แต่ก็ยังถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปรวมถึงการดูคอนเทนต์อย่างมากครับ และด้วยความที่ขอบจอนั้นชิดมากขึ้น เลยทำให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่จนเกินไปด้วย

ในเรื่องการแสดงผลจอ Dynamic AMOLED 2X ของ Samsung ก็มอบประสบการณ์ได้เป็นอย่างดีมาก ความคมชัดระดับ FHD+ สีสันนี่บอกเลยว่าสมกับเป็น Samsung จริง ๆ สดได้ใจ ใครที่ชอบดูคอนเทนต์ผ่านสมาร์ทโฟน เครื่องนี้สวยถูกใจแน่นอน!

ลื่นไหล 120Hz ติดนิ้วแบบเรือธง

ส่วนเรื่องการตอบสนอง อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ได้ refresh rate 120Hz เท่ากับรุ่นพี่ ทำให้การใช้งานต่าง ๆ นั้นลื่นไหลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอ เลื่อนหน้าฟีดในแอปโซเชี่ยลต่าง ๆ แถมความเป็นจอ AMOLED ก็จะมีความบางของกระจกทำให้เวลาเราสัมผัสนั้นติดนิ้วมาก รู้สึกได้เลยว่าการตอบสนองดี ไวติดนิ้วไปหมด

ตัวเครื่องบาง จับถือได้ถนัด

ขอเสริมเรื่องบอดี้ตัวเครื่องกันอีกนิด แม้ฝาหลังของรุ่นนี้จะเป็นพลาสติก แต่กรอบเครื่องก็ยังใช้เป็นอลูมิเนียมผิวด้าน ที่ช่วยให้ความพรีเมี่ยมอยู่ เวลาใช้งานในที่เย็นหรือห้องแอร์จะรับรู้ถึงความเย็นที่ขอบได้ชัดเจน ขอบเครื่องก็ใช้พื้นที่ได้เต็มด้านข้างมาก ทำให้เวลาจับถือนั้นกระชับ แม้ความบางของรุ่นนี้จะบางเพียง 7.9 มม. ก็ตามครับ

ตำแหน่งปุ่มกดของรุ่นนี้จะอยู่ที่มุมขวามือเหมือน Galaxy รุ่นใหม่ ๆ วางตำแหน่งได้ดี แตะกดได้ง่าย ไม่สูงหรือต่ำเกินไปครับ

ตำแหน่งอื่น ๆ ก็วางไว้ตามมาตรฐานหมดที่ด้านล่างมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C ข้าง ๆ เป็นไมโครโฟนสนทนาและลำโพงหลักของตัวเครื่อง ช่องหูฟังก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ตัดออกไปเนาะ

ช่องใส่ซิมจะอยู่ที่ด้านล่างนี้เช่นกัน รุ่นนี้เป็นแบบ Dual-Slot ใส่ได้ 2 ซิมแล้ว คือไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้นั่นเองครับ เพราะฉะนั้นตอนซื้อก็เลือกความจุกันดี ๆ ก่อนเนาะ

ระบบรักษาความปลอดภัยครบ

Galaxy S21 FE มีระบบรักษาความปลอดภัยมาให้เราเลือก 2 แบบคือระบบสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ ตัวสแกนนิ้วเป็นแบบ Optical ที่ทำงานได้รวดเร็ว เมื่อเราแตะสแกนก็จะมีไฟขึ้นมาด้วย ใช้งานได้ดีทั้งคู่ไม่ว่าจะสแกนนิ้ว สแกนหน้า เหมาะกับทุกสถานการณ์ครับ

กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68

อีกหนึ่งมาตรฐานที่มีมาให้บนรุ่นนี้ก็คือความสามารถกันน้ำครับ Galaxy S21 FE กันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 เลย คือสามารถลงน้ำได้ที่ระดับ 1.5 เมตร นาน 30 นาที หมดห่วงถ้าเราเผลอทำเครื่องตกน้ำหรือหากเลอะคราบสกปรกมาก็ยังล้างทำความสะอาดตัวเครื่องได้แบบไม่เสียหายครับ

โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ Galaxy S21 FE ทำได้ดีมาก แม้วัสดุฝาหลังอาจจะดูไม่หรูหราแบบพวกกระจกหรืออลูมิเนียม แต่เชื่อว่าการใช้งานจริงเราก็คงต้องหาเคสที่เป็นพลาสติกมาคลุมเครื่องอยู่ดี ความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน แต่ได้ในเรื่องน้ำหนักที่เบากว่าเป็นทุนเดิมด้วย แต่ถ้าไม่ได้ใส่เคสใช้งานเพียว ๆ ก็ยังได้ความน่าสัมผัสในแบบที่ควรจะเป็นแถมมีกรอบเครื่องเป็นแบบด้านที่ทำให้เราจับถือได้แบบไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ด้วยครับ

ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด One UI 4

มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ Galaxy S21 FE มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย One UI 4 ก็คือเวอร์ชั่นล่าสุดของ Samsung ตอนนี้แล้วครับ เทียบได้กับรุ่นพี่ทั้ง S21+ หรือ S21 Ultra ตอนนี้เลยครับ เรียกว่าแกะกล่องมาก็พร้อมใช้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเลย

ในเรื่องความลื่นไหลทำได้ดีมากครับ เหมือนปรับจูนมาให้เข้ากับหน้าจอ 120Hz ได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเราใช้งานร่วมกับรูปแบบ Navigation Gesture แล้วด้วย ยิ่งทำให้ตอบสนองดีไปหมด

ในเรื่องการปรับแต่งก็ฟีเจอร์ Theme มาให้เลือกเปลี่ยนตามใจมากมาย หรือจะเป็นฟีเจอร์ใหม่อย่าง Material You ที่ Samsung ใช้ชื่อเรียกว่า Color Palete ให้เราเลือกเปลี่ยนธีมสีของทั้งเครื่องให้เข้ากับ Wallpaper ที่ใช้ก็มีด้วย อย่าง Wallpaper สีเขียวของเครื่องเราก็อยากให้โทนของไอคอนหรือ Toggle เป็นเขียวด้วยถูกไหมครับ ฟีเจอร์นี้จะช่วยปรับแต่งสีตามได้อย่างฉลาดเลย

ระบบสั่นที่นุ่มนวลไม่แพ้รุ่นไหน

ในเรื่องการสั่นตอบสนอง Galaxy S21 FE ก็มีระบบสั่นที่นุ่มนวลสมกับเป็นเรือธง ไม่แข็งกระด้าง เวลาใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเลื่อนแถบ Navigation Gesture, พิมพ์คีย์บอร์ด, กดชัตเตอร์กล้อง ใด ๆ ล้วนให้ประสบการณ์ที่ดีทั้งหมด ทำให้เราใช้งานได้อย่างแฮปปี้ไปด้วย

ประสิทธิภาพระดับเรือธง

มาเข้าเรื่องสเปคกันเลย อย่างที่บอกว่า Galaxy S21 FE นั้นให้สเปคมาระดับเรือธงเพราะใช้ชิปเซ็ต Exynos 2100 แบบ 5nm ตัวเดียวกับที่ใช้บน Galaxy S21+ หรือ S21 Ultra ที่เราเคยใช้เลย ในเรื่องประสิทธิภาพแน่นอนว่าใช้งานทั่วไปมอบประสบการณ์ได้ดีมากอยู่แล้ว ลื่นไหลเอามาก ๆ ไม่ต่างจากรุ่นพี่เลย

แต่ถ้าจะให้เห็นภาพขั้นมาอีกหน่อยเราลองทดสอบผ่านแอป Benchmark ยอดฮิตทั้ง AnTuTu และ GeekBench 5 ผลก็ออกมาสูงมากครับ AnTuTu Benchmark ได้ไป 702851 คะแนนเลย ใกล้เคียงกับ Galaxy S21+ ที่เราได้ทดสอบได้ราว ๆ 73xxxx เลยล่ะ

ส่วน GeekBench 5 ก็ได้คะแนน Single-Core ไปที่ 1033 และ Multi-Core 3295 คะแนน อยู่ระดับเดียวกับรุ่นพี่จริง ๆ ครับ

เห็นตัวเลขมาแล้วก็ยังไม่วายต้องลองกันจริง ๆ ด้วยการเล่นเกมล่ะเนาะ สำหรับเกมที่เราจะใช้ทดสอบ Galaxy S21 FE รอบนี้มี 3 เกมฮิตอย่าง Asphalt 9, Pokemon Unite และ Call of Duty นั่นเองครับ

เล่น Asphalt 9 บน Galaxy S21 FE

เริ่มที่เกมแข่งรถภาพสวยอย่าง Asphalt 9 ก่อนเลย แน่นอนว่าเกมนี้รองรับชิปเซ็ต Exynos 2100 อยู่แล้ว เราสามารถปรับระดับกราฟิกไปที่สูงสุด High Quality และเปิด 60fps ควบกันไปได้ด้วย ซึ่งเท่าที่เราลองเล่นก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ กราฟิกสวยงามแบบที่ควรจะเป็นบนหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X เฟรมเรตก็ลื่นไหลเล่นได้อย่างเพลิน ๆ เลย

เล่น Pokemon Unite บน Galaxy S21 FE

มาต่อที่เกมแนว Moba อย่าง Pokemon Unite ก็เลือกตั้งค่าเริ่มต้นมาที่ระดับสูงสุดทั้งเฟรมเรตและกราฟิกครับ เท่าที่เราลองเล่นและดูตัวเลข fps ด้านบนตลอด Galaxy S21 FE ทำได้ดีมากครับ เฟรมเรตนิ่งที่ 59fps ตลอดทั้งเกม แม้จะมีจังหวะที่ปล่อยท่ากันเยอะ วางบอลกันหลาย ๆ แต้มก็ยังไม่เจออาการกระตุกเลย พื้นที่หน้าจอขนาด 6.4″ ของรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์การเล่นเกมแนวนี้เป็นอย่างดีเลยด้วย

เล่น Call of Duty บน Galaxy S21 FE

ปิดท้ายด้วยเกมยิงสุดโหดอย่าง Call of Duty ค่าเริ่มต้นก็เลือกกราฟิกมาให้ระดับ Very High คู่กับเฟรมเรต Max อยู่แล้ว ถือว่าสูงสุด ๆ เลย ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน ภาพกราฟิกสวยงามเอามาก ๆ ความติดนิ้วของจอก็ทำให้เราปาดหน้าจอ เล็ง หรือแตะยิงได้แบบแม่นยำ แถมได้ลำโพงคู่ Stereo มาด้วย ช่วยให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าหรือกระสุนชัดเจนยิ่งขึ้นครับ

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพก็อย่างที่พิสูจน์ให้เห็นครับ ทั้งการ Benchmark หรือทดสอบเล่นเกมจริงตัวเครื่อง Galaxy S21 FE ตอบสนองได้ดีมาก เหมือนกับที่เราเคยเล่นบน Galaxy S21+ เลยครับ ส่วนเรื่องความร้อนก็มีให้เห็นบ้าง ถ้าเราเล่นเกมหนัก ๆ จริงจะรู้สึกได้พอสมควร และอาจจะมีเฟรมเรตดรอปบ้างเล็กน้อยถ้าเล่นเกมติดต่อกันนาน ๆ ครับ แต่ก็ถือว่าในการใช้งานแบบทั่วไปถ้าไม่ได้เล่นหวัง eSport จริง ๆ ก็ถือว่ารับได้เลยครับชิป Exynos 2100 ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน ข้อดีของรุ่นนี้ก็คือตัวชิปนั้นเปิดตัวมาสักพักแล้วเกมก็รองรับไปหมด มีการปรับจูนให้เข้ากันดีมากด้วย ใครที่เป็นห่วงเรื่องประสิทธิภาพก็บอกเลยว่า หายห่วงครับ!

แบตเตอรี่ 4500mAh พร้อมชาร์จไว 25W

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ Galaxy S21 FE มาพร้อมความจุ 4500mAh ถือว่ากำลังพอดีกับสเปคนี้ เท่าที่เราลองใช้งานมาก็ตามสไตล์ Samsung ครับ อาจจะไม่ถึงกับอึดมาก ในช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนแบตฯไหล แต่หลังจากระบบเริ่มปรับตัวเข้ากับการใช้งานเราได้สักวัน – 2 วันก็เข้าเกณฑ์กำลังดีเลยครับ ใช้งานอยู่ได้ทั้งวันโอเคครับ

ระบบชาร์จของ Galaxy S21 FE ก็ให้มาที่ 25W เหมือนกับของรุ่นพี่ S21+ และ S21 Ultra เลย ซึ่งเท่าที่เราใช้งานแล้วความเร็วระดับนี้ก็เพียงพอครับ ไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าดนัก แต่ก็ไม่ได้ช้าจนหงุดหงิด รองรับชาร์จไร้สายและ Wireless PowerShare ที่ใช้ฝาหลังเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์เสริมอย่างหูฟังหรือสมาร์ทโฟนที่รองรับชาร์จไร้สายได้ด้วย

กล้องหลัง 3 ตัวระดับโปร

ปิดท้ายด้วยเรื่องกล้อง Galaxy S21 FE รุ่นนี้ได้กล้องหลังมา 3 ตัวและเป็นระดับโปรซะด้วย มีมาให้ครบทั้ง 3 ระยะมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

  • 12MP กล้องหลัก f/1.8 Dual-Pixel, OIS
  • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123º
  • 8MP กล้อง Tele f/2.4 Optical 3X, Hybrid Zoom 30X

อย่างที่เห็นจากตัวเลขด้านบนครับ ช่วงเลนส์ของ S21 FE ถือว่าให้มาครบจริง ๆ ตั้งแต่มุมกว้าง 123º – ซูม 30X เรียกว่าให้มาพร้อมใช้งานในชีวิตประจำวันมาก ๆ จะระยะไหนก็เอาอยู่ แถมเซ็นเซอร์และความละเอียดก็ให้มาสูงไม่ใช่แค่ให้มาเอาเยอะไว้ก่อนครับ ในเรื่องซอฟต์แวร์ก็มีฟีเจอร์ Scene Optimiser ที่จะมาปรับภาพให้สวยด้วย AI ด้วย

ไฟล์ที่คงเอกลักษณ์ของ Samsung ไว้ได้เต็มเปี่ยม

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องหลักของ Galaxy S21 FE ก็บอกเลยว่าดีมาก ๆ จุดที่เราชอบมาก ๆ ก็คือ Dynamic Range ที่ได้ Auto HDR มาช่วยปรับภาพให้แสงสมดุลกันอย่างลงตัวดึงรายละเอียดภาพขึ้นมาให้สวยทั่วกันทั้งหมด และโทนสีที่ใสเคลียร์แบบที่ Samsung ถนัด ถ่ายออกมาสวยมากและพร้อมแชร์แบบทันที ไม่ต้องมาคอยปรับเพิ่มเลยครับ

Ultra Wide มุมกว้าง 123º เก็บภาพวิวสวย

กล้อง Ultra Wide ของ Galaxy S21 FE มีมุมกว้าง 123º กว้างเพียงพอต่อการเก็บภาพวิวให้อลังการ หรือถ่ายคนให้ขายาวแบบมีคุณภาพ ฟีเจอร์ Scene Optimizer หรือ Auto HDR ก็ยังใช้งานได้อยู่ เพราะงั้นสีสันหรือ Dynamic Range ก็ดีตามสไตล์ Samsung เลยครับ สีที่ได้ถือว่าใกล้เคียงกับกล้องหลักเลยด้วย

Tele 3X ซูมดี สูงสุด 30X

และใครที่ชอบซูม Galaxy S21 FE มีกล้อง Tele 3X มาให้ทำให้เวลาอยากซูมแบบคม ๆ หายห่วงได้เลยครับ แม้ความละเอียดของกล้องจะให้มาเพียง 8MP แต่ก็ถือว่าคุณภาพดีเลย แถมตัวกล้องยังมีระบบ Hybrid Zoom หรือที่ Samsung เรียกว่า Space Zoom สูงสุดถึง 30X ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานมาในระดับ 3X – 5X เรียกว่ายอดเยี่ยมเลย แต่ถ้าไปถึงระดับ 10X – 30X ก็อยู่ในระดับพอใช้ได้ครับ

Portrait ได้ 2 ระยะ สกินโทนดี

ส่วนภาพถ่ายบุคคลหรือ Portrait ก็ยังเก่งมีลูกเล่นการละลายฉากหลังที่หลากหลาย การตัดขอบถือว่าเนียนตาเลยและด้วยความที่มีกล้องมาหลายระยะ ทำให้ในโหมดนี้เราสามารถใช้ได้ทั้งกล้องหลักและกล้อง Tele เป็นระยะ 1X หรือ 3X ซึ่งก็ช่วยให้เราได้มิติภาพที่หลากหลาย ซึ่งคุณภาพก็ดีทั้ง 2 ระยะเลยจะเป็นภาพแสงปกติหรือแสงน้อยก็เอาอยู่ครับ

Night mode ในทุกกล้อง

ความเก่งอีกอย่างของ Galaxy S21 FE ก็คือเราสามารถใช้งาน Night mode ได้ในทุกกล้อง ย้ำนะครับ “ทุกกล้อง” รวมถึงกล้องหน้าด้วย ซึ่งการประมวลผลของกล้องทำได้ดีมาก ใช้เวลาประมาณ 1 – 4 วินาที (ขึ้นอยู่กบัสภาพแสง) การเก็บรายละเอียดของภาพ ส่วนมืด-ส่วนสว่างถือว่าให้มิติที่ดีเลย แถมการที่เราใช้ได้ทุกกล้องเลยก็ยิ่งเติมเต็มภาพกลางคืนได้มากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กล้องหลักเท่านั้น

กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวยเนียน

กล้องหน้าของ Galaxy S21 FE ก็ยอดเยี่ยมด้วยความละเอียดสูงถึง 32MP เซลฟี่ได้ถูกใจแน่นอน ตัวสกินโทนจะไปทางสวยเคลียร์ออกธรรมชาติตามสไตล์ Samsung คือไม่ได้เนียนใสเว่อนัก ยังมีความจริงอยู่เพียงแต่ปรับให้สวยใสแบบเป็นธรรมชาติ จะใช้งานคู่กับโหมด Portrait หรือ Night mode ก็ได้ด้วย เรียกว่าครบเลยล่ะกล้องของหน้ารุ่นนี้

วิดีโอ 4K/60fps ทั้งหน้า-หลัง

ภาพนิ่งก็ดีสุด ๆ แล้ว วิดีโอก็คงน้อยหน้าไม่ได้ Galaxy S21 FE รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงถึง 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลังเลยด้วย แถมเรายังสามารถกดสลับกล้องขณะถ่ายได้ด้วย เผื่อใครอยากถ่ายวิดีโอ Vlog ที่ใช้กล้องหน้าพูดคุยและสลับกลับไปที่กล้องหลังเพื่อเห็นรายละเอียดจากกล้องหลังก็ได้ บันทึกวิดีโอได้ต่อเนื่องไปเลยบนความละเอียดสูงเท่า ๆ กัน

หรืออยากได้วิดีโอแบบหน้า-หลังพร้อมกัน รุ่นนี้เขาก็มีโหมด Dual Recording ให้เราบันทุกวิดีโอไปพร้อมกันทั้งกล้องหน้า-หลัง จะเลือกแบบเป็นจอเล็กลอย ๆ อยู่ หรือจะให้แบ่งเท่ากันซ้าย-ขวาก็ได้ แต่ในโหมดนี้จะถูกจำกัดความละเอียดไว้ที่ FHD/30fps เท่านั้นเนาะ

ถ่ายสวย แต่งง่าย พร้อมจบในเครื่อง ไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม

เหนือสิ่งอื่นใด Galaxy S21 FE นั้นมาพร้อมกับ Gallery ที่พร้อมตกแต่งใช้งานได้ดีมาก เราสามารถจบภายในเครื่องได้โดยไม่ต้องโหลดแอปเพิ่มเลย อาทิ ถ้าอยากใส่ลายน้ำของตัวเครื่องก็ไปเลือก Stickers ได้ อยากลบคนที่ไม่ต้องการออกจากภาพก็เลือก Object Eraser ลบซะ หรืออยากได้ภาพแบบคุมโทนก็มี My Filters ที่ให้เราเลือกภาพต้นฉบับมาเป็น Ref แล้วปรับสีให้เข้าโทนเดียวกันได้ง่าย ๆ ทั้งหมดนี้อยู่ในแอป Gallery เลยครับ ถือว่าทำการบ้านมาดีมาก Samsung รอบนี้

วางจำหน่ายแล้ววันนี้เริ่มต้น 22,900 บาท

Galaxy S21 FE ตอนนี้ก็เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วมีให้เลือก 2 รุ่นความจุคือ 8GB + 128GB ราคา 22,900 บาท และ 8GB + 256GB ราคา 25,900 บาท มี 4 สีคือ สีเขียว Olive, สีเทา Graphite, สีม่วง Lavender และสีขาวครับ

สรุปแล้ว “นี่คือเรือธงราคาดีที่คุ้มที่สุดในช่วงต้นปีนี้”

สรุปให้เลยละกันครับ Galaxy S21 FE ก็เปรียบเหมือนลูกหลงที่ตามพี่ ๆ อย่าง S21+ หรือ S21 Ultra มาได้ทันใช้ในปี 2022 พอดี หลายอย่างถูกส่งต่อมาจากรุ่นพี่จากปีที่แล้วมาอย่างครบถ้วน ทั้งหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหล สีสันสวยงามสมกับเป็นเรือธงของ Samsung มีชิปเซ็ต Exynos 2100 แบบ 5nm ที่ตอบโจทย์ในการใช้งานไม่ว่าจะทั่วไปหรือจะเล่นเกมหนัก ๆ ก็เอาอยู่ มีกล้องหน้า-หลังระดับโปรที่ใช้งานง่ายได้ภาพสวยถูกใจ มอบประสบการณ์การใช้งานแบบเรือธงที่ครบถ้วน แต่มาในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น แฟน Samsung หรือใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน Galaxy S ในราคา 20,000 ต้น ๆ Galaxy S21 FE คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในนาทีนี้เลยก็ว่าได้ครับ สมกับชื่อรุ่น Fan Edition จริง ๆ !!

จุดเด่น

  • ดีไซน์ตัวเครื่องสวยน่าสัมผัส ขนาดน้ำหนักเหมาะมือ
  • หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X 120Hz แสดงผลสวยและลื่นไหลมาก
  • ชิปเซ็ต Exynos 2100 เร็ว แรง ระดับเรือธงจริง ๆ
  • กล้องหลัง 3 ตัวระดับโปร ใช้งานง่ายและผลลัพธ์ยอดเยี่ยม
  • กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ดี พร้อมชาร์จไว 25W

จุดสังเกต

  • วัสดุเป็นพลาสติกอาจไม่หรูหรานัก แต่ให้สัมผัสที่ดีใช้ได้
  • ไม่รองรับการเพิ่ม micro-SD

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News4 สัปดาห์ ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Android News4 สัปดาห์ ago

5 เหตุผลที่ Galaxy Z Flip5 ยังคงเป็นมือถือจอพับที่น่าใช้สุด ๆ

Galaxy Z Flip5 จัดว่...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก