Android News
AnTuTu Android: 10 อันดับ มือถือ เร็วแรงที่สุด ในปี 2023
AnTuTu Android พบกับ 10 อันดับ มือถือแอนดรอยด์ ที่เร็วแรงที่สุด มีประสิทธิภาพดี ในปี 2023 (อัปเดทล่าสุดเดือนเมษายน 2023) จากการจัดอันดับ AnTuTu วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมมาให้แล้ว ไปดูกันว่ามีรุ่นใดที่ได้คะแนนรวมเฉลี่ยได้สูงสุด!

หัวข้อเนื้อหาในบทความ
- AnTuTu คืออะไร
- 10 อันดับ มือถือ เร็วแรงที่สุด AnTuTu Android 2023
- 1. ROG Phone 7 Ultimate (1,330,011 คะแนน) อันดับ 1 AnTuTu Android
- 2. Redmagic 8 Pro+ (1,304,757 คะแนน)
- 3. Xiaomi 13 Pro (1,280,444 คะแนน)
- 4. Xiaomi 13 (1,275,164 คะแนน)
- 5. iQOO 11 (1,273,371 คะแนน)
- 6. Samsung Galaxy S23 Ultra (1,227,159 คะแนน)
- 7. Samsung Galaxy S23+ (1,223,151 คะแนน)
- 8. Samsung Galaxy S23 (1,192,382 คะแนน)
- 9. OnePlus 11 (1,140,711 คะแนน)
- 10. Honor Magic5 (1,082,500 คะแนน)
AnTuTu คืออะไร

AnTuTu (เว็บไซต์) เป็นเครื่องมือเปรียบเทียบยอดนิยมที่ใช้วัดประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน ในบทความนี้ เราจะมาดูสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด 10 อันดับแรกประจำปี 2023 ตามการจัดอันดับของเว็บไซต์นี้ ตั้งแต่การวัดคะแนนพลังการประมวลผลที่ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจไปจนถึงกราฟิกที่เรนเดอร์ได้อย่างน่าทึ่ง
เกณฑ์มาตรฐานในวัดผลจะออกมาในรูปแบบคะแนนเฉลี่ยจากประสิทธิภาพในการดึงการทำงานหรือผลักดันฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์ให้ถึงขีดจำกัดโดยการกำหนดงานที่เข้มข้นของ CPU และตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ คะแนนยิ่งสูง อุปกรณ์ก็จะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพที่วัดผลออกมานั้นอาจแตกต่างกันไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การโหลดของ CPU รวมถึงปัจจัยตัวแปรอื่นๆ และผลคะแนนไม่สามารถวัดประสบการณ์ในการใช้งานจริงของผู้ใช้ได้
ทำความเข้าใจคะแนน AnTuTu Android
คะแนน AnTuTu Android เป็นค่าตัวเลขที่แสดงถึงประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ ยิ่งคะแนนสูงประสิทธิภาพยิ่งดี คะแนนจะคำนวณจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพของ CPU, ประสิทธิภาพของ GPU ประสิทธิภาพของหน่วยความจำ และประสิทธิภาพของพื้นที่เก็บข้อมูล ซึ่งคะแนนไม่ได้เป็นเพียงตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการระบุส่วนที่อาจต้องปรับปรุงของรุ่นนั้นๆ ด้วย
เหตุผลที่การวัดผลของอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาในรูปแบบคะแนน จะทำให้เราสามารถทราบถึงคุณภาพของส่วนประกอบที่ใช้ในอุปกรณ์รุ่นนั้น เพราะหากส่วนประกอบมีคุณภาพต่ำก็มักจะร้อนขึ้นภายใต้การทำงานผ่านโปรแกรมนี้ และคะแนนก็จะต่ำลง ในขณะที่อุปกรณ์ที่มีส่วนประกอบที่มีคุณภาพดีจะไม่ร้อนมากนักและสามารถทำงานได้ ซึ่งคะแนนก็จะทำออกมาได้ดีกว่า
นอกจากนี้ AnTuTu ยังให้คะแนนเกณฑ์มาตรฐานซึ่งผู้ใช้สามารถใช้เพื่อให้ทราบว่าอุปกรณ์ใดดีกว่ากันเท่าไหร่
ข้อดีของการใช้ AnTuTu Android
ข้อดีหลักประการหนึ่ง คือมีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของอุปกรณ์อย่างครอบคลุม สิ่งนี้มีประโยชน์ในการระบุส่วนที่สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นอาจยังทำได้ไม่ดี และยังใช้สำหรับการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของเรากับอุปกรณ์อื่นๆ ในตลาด นอกจากนี้ แอปยังสามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี ทำให้ทุกคนที่มีอุปกรณ์ Android สามารถเข้าถึงได้ ข้อดีอีกอย่างคือแอปได้รับการอัปเดตเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการล่าสุด
ข้อเสียของการใช้ AnTuTu Android
แม้ว่จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณาเช่นกัน ข้อกังวลหลักประการหนึ่งคือแอปอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องเสมอไป ผู้ใช้บางรายรายงานว่าแอปอาจไม่สอดคล้องกันในการวัด ซึ่งนำไปสู่ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ แอปอาจใช้แบตเตอรี่และพลังประมวลผลจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ สุดท้ายก็จะเป็นในเรื่องของข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับแอป เนื่องจากแอปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้นั่นเอง
10 อันดับ มือถือ เร็วแรงที่สุด AnTuTu Android 2023
1. ROG Phone 7 Ultimate (1,330,011 คะแนน) อันดับ 1 AnTuTu Android

ROG Phone 7 Ultimate ที่สุดของเกมมิ่งสมาร์ทโฟน ครั้งนี้กลับมาพร้อมการออกแบบใหม่ในรูปแบบทูโทน ผสานความแรงของหน่วยประมวลผลระดับเรือธง Snapdragon 8 Gen 2 ร่วมกับระบบระบายความร้อนแบบใหม่ GameCool 7 พร้อมด้วยการปรับค่าพิเศษ ROG tuning ให้เล่นเกมบนสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด
รุ่นนี้ยังมีจุดเด่นบริเวณจอแสดงผลด้านหลัง (ROG Vision) พร้อมระบบระบายความร้อน GameCool 7 พร้อมช่องระบายความร้อนด้านหลังตัวเครื่อง AeroActive Portal และหน้าจอ Samsung AMOLED มาพร้อมอัตรารีเฟรชเรท 165Hz
- หน้าจอ: 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2448 พิกเซล, AMOLED, 1 พันล้านสี, 165Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 16GB
- ความจุเครื่อง: 512GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล f/2.5
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W
2. Redmagic 8 Pro+ (1,304,757 คะแนน)

RedMagic 8 Pro+ หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.8″ ความละเอียด 2480 x 1116 พิกเซล Refresh rate 120Hz และใช้กล้องหน้าแบบใต้หน้าจอ 16MP จึงทำให้ทั้งด้านหน้านั้นเป็นจอไปทั้งหมด ใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X + ความจุ UFS 4.0
มาพร้อมระบบระบายความร้อนใหม่ VC Cooling Ice 11.0 ขนาดใหญ่ 2068mm³ ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Nubia เคยทำมาเลย ช่วยให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องโดยที่ตัวเครื่องไม่ร้อนสะสม นอกจากนี้ที่กรอบตัวเครื่องยังมีปุ่ม Shoulder มาให้ด้วยความเร็วสูง 540Hz เป็นปุ่มด้านข้างที่ตอบสนองได้ไวที่สุดเลยก็ว่าได้ ในส่วนของแบตเตอรี่ให้มาจุใจ 5000mAh ชาร์จเร็ว 165W
- หน้าจอ: 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1116 x 2480 พิกเซล AMOLED, 1 พันล้านสี, 120Hz
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย Redmagic OS 6
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 12GB/16GB
- ความจุเครื่อง: 256GB/512GB/1TB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 165W
3. Xiaomi 13 Pro (1,280,444 คะแนน)

อันดับ 3 ของ AnTuTu Android เป็นของ Xiaomi 13 Pro การอัปเกรดที่ใส่มาในรุ่นนี้คือความสว่างสูงสุดสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ 1,200 นิต ในขณะที่การเพิ่มความสว่างสูงสุดระหว่างการเล่นวิดีโอ HDR สามารถสูงถึง 1,900 นิต มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM LPDDR5X และที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องก็เป็นชนิด UFS 4.0 เจเนอเรชันใหม่ด้วย
จอแสดงผลของ Xiaomi 13 Pro ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับ Xiaomi 12 Pro คือมีหน้าจอขนาด 6.73 นิ้ว อัตราการรีเฟรชตัวแปร 120Hz เป็นแผงจอแบบ LTPO ความละเอียด 1440 x 3200 พิกเซล รองรับการแสดงผล HDR10+, Dolby Vision, HLG และการลดแสง DC 1920Hz โดยจอแสดงผลยังมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิสีโดยรอบที่ช่วยให้ปรับอุณหภูมิสีได้ทันที
- หน้าจอ: 6.73 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 3200 พิกเซล, LTPO OLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 12GB
- ความจุเครื่อง: 512GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50.3 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 4820mAh รองรับชาร์จเร็ว 120W
4. Xiaomi 13 (1,275,164 คะแนน)

จอแสดงผลของ Xiaomi 13 ตอนนี้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย คือ 6.36 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล อัตราการรีเฟรช 120Hz (ไม่ใช่ LTPO) รองรับการแสดงผล Dolby Vision, HDR10+ และรองรับ HLG มีเซ็นเซอร์อุณหภูมิสีโดยรอบ
กล้องหลังได้ Leica เช่นเดียวกัน โดยกล้องหลักมีขนาด 50 MP, f/1.8, เทียบเท่าเลนส์ 23 มม. และ Hyper OIS ในขณะที่กล้อง Telephoto มีขนาด 10MP มีระบบกันสั่น OIS พร้อมเลนส์ Leica รูรับแสง f/2.0 และซูม 3x ส่วนกล้อง Ultra-wide มีความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.2 ไม่รองรับออโต้โฟกัส
- หน้าจอ: 6.36 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, AMOLED, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 12GB
- ความจุเครื่อง: 256GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 4500mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W
5. iQOO 11 (1,273,371 คะแนน)

iQOO 11 5G สมาร์ทโฟนเกมมิ่งอันดับ 5 ของ AnTuTu Android ที่มาพร้อมชิปเซ็ตเรือธง Qualcommและได้จอแสดงผล E6 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2K ปัดจอลื่นสุดๆ ด้วยรีเฟรชเรทระดับสูงสุด 144Hz ตอบโจทย์สายเกมที่สุดสำหรับรุ่นนี้
ด้านดีไซน์ตัวเครื่องเรียกว่า Legend White ที่มาพร้อมแถบโลโก้ 3 สี อันเป็นเอกลักษณ์ของทาง BMW M Motorsport ค่ายรถแข่งระดับโลกที่พาร์ทเนอร์การออกแบบร่วมกับ iQOO แถมใส่ RAM มาให้ขนาด 16GB และความจุตัวเครื่อง 256GB ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับชาร์จไว FlashCharge 120W และกล้องหลักความละเอียด 50MP
- หน้าจอ: 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 3200 พิกเซล LTPO4 AMOLED, 1 พันล้านสี, 144Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย Funtouch OS 13
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 16GB
- ความจุเครื่อง: 256GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.5
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 120W
6. Samsung Galaxy S23 Ultra (1,227,159 คะแนน)

Galaxy S23 Ultra แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับลิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform ที่ปรับแต่งเองสำหรับ Galaxy โดยเฉพาะ และการปรับปรุงครั้งใหญ่ในเรื่องของกล้องหลักเป็นเซ็นเซอร์ ISOCELL HP2 ความละเอียด 200MP
ฟีเจอร์ด้านการถ่ายวิดีโอก็น่าสนใจ อย่างการมีโหมดวิดีโอ Astro Hyperlapse หรือการปรับปรุงความเสถียรของวิดีโอให้ดีขึ้นกว่ากล้องหลัก 108MP ตัวเก่าด้วยฟีเจอร์ Adaptive VDIS รวมไปถึงแบตใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 45W
- หน้าจอ: 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 3088 พิกเซล Dynamic AMOLED 2X, 120Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 8GB/12GB
- ความจุเครื่อง: 256GB/512GB/1TB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 4 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล f/1.7
- กล้อง Periscope ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/4.9
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 45W
7. Samsung Galaxy S23+ (1,223,151 คะแนน)

Galaxy S23 ทุกรุ่นจะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm ที่ผลิตโดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy คือเป็นชิปที่ออกมาให้มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นปกติ
สำหรับกล้องนั้นยังคงมีเซ็นเซอร์ 50MP ซึ่งก็ต้องขอบคุณชิปเซ็ตใหม่ที่ใส่มาให้เพราะทำให้สามารถบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30fps (เพิ่มขึ้นจาก 24fps ของปีที่แล้ว) กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP และกล้องเทเลโฟโต้ 10MP ซูมออปติคอลได้ 3x
- หน้าจอ: 6.6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล Dynamic AMOLED 2X, 120Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 8GB
- ความจุเครื่อง: 256GB/512GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 4700mAh ชาร์จเร็ว 45W
8. Samsung Galaxy S23 (1,192,382 คะแนน)

Galaxy S23 มือถือ Samsung รุ่นเล็กสุด อันดับที่ 8 ของ AnTuTu Android ก็มีสเปคเหมือนกับ S23+ รุ่นพี่ทุกอย่าง ยกเว้นขนาดหน้าจอที่ให้มา 6.1 นิ้ว กะทัดรัด พกพาง่าย โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปีนี้ ได้แก่ Vision Booster ซึ่งปรับสีและคอนทราสต์ให้เข้ากับสภาพแสงโดยรอบ และฟีเจอร์ Enhanced Comfort เพื่อลดอาการปวดตา
นอกจากนี้ก็ใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกับรุ่นพี่ และลำโพงเสียงสเตอริโอ Tuned by AKG สำหรับกล้องก็มีเซ็นเซอร์ 50MP และแบตเตอรี่ 3900mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W
- หน้าจอ: 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล Dynamic AMOLED 2X, 120Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 8GB
- ความจุเครื่อง: 128GB/256GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 3900mAh ชาร์จเร็ว 25W
9. OnePlus 11 (1,140,711 คะแนน)

OnePlus 11 5G สมาร์ทโฟนตัวท็อปสุดของ OnePlus ประจำต้นปีนี้ โดยมาแบบเลขเดียวๆ ไม่ต้องมีคำว่า “Pro” เพราะทุกอย่างนั้นจบในรุ่นนี้แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2, หน้าจอ 2K แบบ 120Hz พร้อมกล้อง 50MP ที่ร่วมพัฒนากับทาง Hasselblad
ด้วยความแรงที่จัดเต็มมาให้ใน OnePlus 11 5G ทำให้ระบบระบายความร้อนต้องอัปเกรดตามไปด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ก็มาพร้อม Cryo-velocity VC Cooling รุ่นใหม่ที่ใช้โครงสร้างโมเลกุลหกเหลี่ยมคู่กับวัสดุคริสตัลผลึกกราฟีนที่ใหญ่ที่สุดช่วยให้ระบายความร้อนได้เร็วกว่าเดิม
- หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 3216 พิกเซล LTPO3 Fluid AMOLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 8GB/16GB
- ความจุเครื่อง: 128GB/256GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 100W
10. Honor Magic5 (1,082,500 คะแนน)

ดีไซน์โดยรวมยังคล้ายรุ่น Pro ด้วยฝาหลังและโมดูลกล้องแบบ Star Wheel Triple Camera แต่ลดทอนสเปคบางส่วนลง หน้าจอเหลือขนาด 6.73″ มีความสว่างสูงสุดที่ 1600nits ชิปเซ็ตก็ยังเป็น Snapdragon 8 Gen 2, แบตเตอรี่ 5100mAh ชาร์จไว 66W (ไม่รองรับชาร์จไร้สาย) และความจุเหลือ 12GB + 256GB ครับ
- หน้าจอ: 6.73 นิ้ว ความละเอียด 1224 x 2688 พิกเซล OLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, HDR10+
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MagicOS 7.1
- ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU: Adreno 740
- RAM: 12GB
- ความจุเครื่อง: 256GB
- microSD card: ไม่รองรับ
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลักความละเอียด 54 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล f/2.4
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่: 5100mAh ชาร์จเร็ว 66W
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 อันดับ มือถือ เร็วแรงที่สุด AnTuTu Android ในปี 2023 และเพื่อนๆ ใช้งานรุ่นไหนกันอยู่บ้าง อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ