Connect with us

IT News

ความเหมือนที่แตกต่าง “Apple – Samsung” ยักษ์สมาร์ทโฟน !

Published

on

กลายเป็นคู่เปรียบเทียบที่น่าจับตาในสมรภูมิ “สมาร์ทโฟน” ระหว่าง “ซัมซุง” และ “แอปเปิล” แม้ทั้งคู่จะใช้กลยุทธ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ประสบความสำเร็จในตลาดได้ทั้งคู่
“เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล” ตั้งข้อสังเกตน่าสนใจว่า การแถลงผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2555 ของทั้งคู่ในอีกไม่นานนี้ หากนำยอดขายสมาร์ทโฟนของทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่มารวมกัน น่าจะกวาด
ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนโลกเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ขณะที่คู่แข่งรายอื่นไม่ว่าจะเป็นโนเกีย, เอชทีซี และรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ต่างเข้าสู่ช่วงขาลงทั้งสิ้น
“แอปเปิลและซัมซุง” ซึ่งไต่เต้าขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนในขณะนี้ นอกจากทั้งสองแห่งจะมีฐานที่มั่นห่างกันเกือบ 5,000 ไมล์ แต่ละรายยังใช้กลยุทธ์การทำธุรกิจที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

โดยฝั่ง “แอปเปิล” ซึ่งครองตำแหน่งบริษัทไอทีที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกควบคู่กันไปแล้ว และใช้วิธีขายผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เพียงตัวเดียวคือ “ไอโฟน” และให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการทำกำไรต่อเครื่องมากกว่ายอดขาย ทั้งลงทุนมหาศาลไปกับการทำแบรนดิ้ง
มีมาตรการควบคุมร้านค้าปลีกอย่างเข้มงวด และชูจุดเด่นจากเรื่องซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่นของตนเอง
ฟาก “ซัมซุง” บริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้สูงสุดในโลกปีที่ผ่านมา ใช้กลยุทธ์การจับตลาดแบบกว้าง เลือกที่จะเดิมพันกับการทำตลาดแบบหว่านแหด้วยการออกผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น เช่น สมาร์ทโฟนตระกูลกาแล็คซี่ เพื่อทำให้สินค้าตอบสนองความต้องการของพันธมิตรธุรกิจแทบทุกราย โดยเพิ่มศักยภาพการทำกำไรด้วยการควบคุมโรงงานผลิตของตนเอง
เส้นทางเดินที่แตกต่างกันของทั้งคู่ได้พิสูจน์แล้วว่า โมเดลธุรกิจที่ต่างกันสุดขั้วก็สามารถได้รับชัยชนะในสงครามธุรกิจได้ไม่ต่างกัน
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด “ไอดีซี” ระบุว่า ทั้งแอปเปิลและซัมซุงครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนโลกประมาณรายละ 25% ตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 219,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2555
นอกจากนี้ “แอปเปิลและซัมซุง” ยังเป็นบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเพียงแค่สองรายที่ชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งรายอื่นในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23.5% จาก 16%
ในปลายปี 2553 ส่วนซัมซุงครองส่วนแบ่งตลาด 22.8% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เพิ่มจาก 9.4% ในปลายปี 2553
ไม่ใช่แค่นั้น บริษัทวิจัยตลาดในอังกฤษอย่าง “สแตรทิจี อะนาไลติกส์” ยังรายงานว่า ทั้งแอปเปิลและซัมซุงรวมกันน่าจะทำกำไรผลประกอบการได้เป็นสัดส่วนถึง 91% จากยอดรวมกำไรผลประกอบการของแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์ในไตรมาส 4 ทั้งหมดเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของยักษ์ใหญ่ในตลาดสองรายเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย
ในเดือน เม.ย. 2554 แอปเปิลฟ้องร้องซัมซุงเรื่องการออกแบบสมาร์ทโฟนและการละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งซัมซุงก็ฟ้องกลับเช่นกัน ทำให้เกิดสงครามทางกฎหมายในศาลทั้งหมด 9 ประเทศ
ล่าสุดซัมซุงยังท้าชนกับแอปเปิลโดยตรง ด้วยการทำโฆษณาสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ในรูปแบบล้อเลียนแบรนด์แอปเปิล
แม้จะเปิดศึกใส่กันหลายด้านทั้งคู่ก็เรียนรู้ที่จะร่วมมือกันในบางกรณี เนื่องจากแอปเปิลเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของซัมซุงในธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ เช่น หน้าจอและชิปประมวลผล ส่วนการต่อสู้กันทางกฎหมายไม่ได้ทำให้ยอดขายหรือฐานะการเงินของทั้งสองบริษัทลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
“ราจีฟ ชานด์” หัวหน้าทีมวิจัย “รัทเบิร์ก แอนด์ ซีโอ” มองว่า แอปเปิลและซัมซุงคงไม่เป็นแบรนด์ไอทีแค่สองรายที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในตลาดสมาร์ทโฟนตลอดไป เพราะตลาดมีผู้เล่นรายเล็กกว่า เช่น หัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งกำลังเติบโตแม้ขณะนี้จะยังมีขนาดเล็ก
“เนล มอว์สตัน” ผู้อำนวยการบริหาร บริษัทสแตรทิจี อะนาไลติกส์มองว่า อุตสาหกรรมโทรศัพท์มีวัฏจักรคือการมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดและกินส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดสักพัก จากนั้นก็จะลดบทบาทลง สิ่งเหล่านี้เห็นได้จากการที่โมโตโรล่าเคยขึ้นเป็นเจ้าตลาดในปี 2523 จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นอีริคสัน และปี 2543 เปลี่ยนมาเป็นโนเกีย
วันนี้มาถึงคิวของแอปเปิลและซัมซุงอุตสาหกรรมก็ปรับตนเองเข้าสู่สถานะการตั้งรับ เพื่อรับมือกับการเติบโตแบบครองตลาดสมาร์ทโฟนของแอปเปิลและซัมซุง โดยโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ในอเมริกาอย่าง “เวอไรซัน คอมมิวนิเคชั่น” ซึ่งนักลงทุนไม่พอใจกับต้นทุนที่บริษัทต้อง
แบกรับในการทำตลาด “ไอโฟน” เนื่องจากโอเปอเรเตอร์ต้องออกค่าเครื่องให้ลูกค้าที่ใช้ไอโฟนถึง 400 เหรียญสหรัฐต่อเครื่อง ทำให้ต้องออกมาประกาศว่าจะสนับสนุนโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของไมโครซอฟท์ด้วย
“ฟรานซิส แชมโม” หัวหน้าฝ่ายการเงิน “เวอไรซันฯ” กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องดึงอีกรายเข้ามาในตลาดสมาร์ทโฟน และบริษัทก็จะสนับสนุนไมโครซอฟท์อย่างเต็มที่
ฟาก “เอทีแอนด์ที” ก็ไม่ต่างกัน บริษัทให้น้ำหนักกับสมาร์ทโฟน “ลูเมีย 900” ของ “โนเกีย” ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โดย “โนเกีย” ได้ออกมาประกาศว่า ยอดขาย
ในตลาดอเมริกายังแข็งแกร่ง แต่ยอดขายทั่วโลกยังค่อนข้างผสมปนเปกันไป อีกทั้งยังจะลดราคา “ลูเมีย” ลงมาอีกมากในอนาคต
สำหรับ “ซัมซุง” ปัจจุบันเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น บรรดานักวิจัยต่างคาดการณ์ว่าสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ของ “ซัมซุง” จะช่วยเพิ่มยอดขายสมาร์ทโฟนของบริษัทขึ้นเป็นเท่าตัวในปีนี้
ข้อมูลจาก “ไอดีซี” ระบุว่า ปีที่แล้วซัมซุงมียอดส่งสมาร์ทโฟน 94 ล้านเครื่อง เทียบกับแอปเปิลที่มียอดส่งสินค้าที่ 93.2 ล้านเครื่อง
“ซัมซุง” แซงอดีตผู้นำตลาดอย่าง “โนเกีย” ด้วยการทำให้สายผลิตภัณฑ์
สมาร์ทโฟนของตนรองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการ และทุ่มทุนไปกับการสนับสนุนสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากการที่บรรดาดีลเลอร์ต้องการหาผลิตภัณฑ์
ทางเลือกนอกเหนือไปจาก “ไอโฟน” เพื่อให้มีสินค้าหลากหลายระดับราคา ทั้งขนาดการทำตลาดของซัมซุงยังช่วยให้บริษัทลดต้นทุนค่าชิ้นส่วนได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่น
สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของ “ซัมซุง” แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 5 ระดับจาก “ราคาและฟังก์ชั่น” แต่ละระดับมีให้เลือก 2-3 รุ่น เพื่อรองรับโอเปอเรเตอร์และผู้จัดจำหน่าย
แต่ละราย นอกจากนี้ซัมซุงยังทำโทรศัพท์ที่รองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์และระบบปฏิบัติการ “บาดา” ของตนเองด้วย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของซัมซุงซึ่งเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.
ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 80% มีมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐ มีปัจจัยหลักมาจากยอดขายโทรศัพท์มือถือ, ยอดขายชิปประมวลผล และยอดขายส่วนธุรกิจโทรทัศน์ที่ฟื้นตัว
ฟากผลประกอบการของ “แอปเปิล” คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้น 57% มีมูลค่าประมาณ 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยอดขาย “ไอโฟน” ของแอปเปิลในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 37 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว แต่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบเดียวของแอปเปิลจะได้รับการทดสอบเมื่อสมาร์ทโฟนเริ่มเป็นสินค้าแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอย่างอินเดียและจีน
แอปเปิลอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่า จะวางจุดยืนบริษัทให้จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ต่อไป หรือจะเข้ามาเล่นในตลาดระดับกลางซึ่งเป็นแมสมาร์เก็ต

ที่มา : มติชน

กำลังฮอต

Featured2 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured5 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Apple News12 นาที ago

สรุปราคา HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini ในไทยที่เตรียมวางขาย 10 พ.ค. นี้เป็นต้นไป

วันนี้ Apple ได้ประก...

Apple News24 นาที ago

Apple เปิดตัว HomePod และ HomePod mini ในประเทศไทย มอบเสียงอันน่าประทับใจ, Siri ที่มีความสามารถมากยิ่งขึ้น และประสบการณ์การใช้งานบ้านอัจฉริยะที่ปลอดภัย

วันนี้ Apple ประกาศว...

Apple News37 นาที ago

Gurman เผย iOS 18 จะมีการ “ยกเครื่อง” แอประบบใหม่เพียบทั้ง โน้ต, เมล, รูปภาพ และฟิตเนส!

สร้างความคาดหวังให้ส...

Android News41 นาที ago

หลุดชิปเซ็ต OnePlus Nord 4 l Nord CE4 Lite เตรียมใช้ Snapdragon 7 และ 6 Series ตัวแรง !!

ก่อนหน้านี้ OnePlus ...

Apple News1 ชั่วโมง ago

มาอีก! เครื่องดัมมี่ iPhone 16 Series ทั้ง 4 รุ่นกับขนาดใหม่ที่น่าใช้ยิ่งขึ้น!?

ต่อเนื่องกันอีกสำหรั...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก