Connect with us

ข่าวประชาสัมพันธ์

Xiaomi รายงานผลประกอบการ รายได้และกำไรโตขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564

Published

on

ผลการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ ส่งสัญญาณเติบโตในระยะยาว
ขึ้นแท่นเป็นสมาร์ทโฟนอันดับ ของโลก จากการทุ่มเทการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง

ปักกิ่งฮ่องกง, 26 สิงหาคม 2564 – เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (เสียวหมี่” หรือ “กลุ่มธุรกิจ”; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานก่อนตรวจสอบในช่วงสามเดือนและหกเดือนจนถึง 30 มิถุนายน 2564

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้กว่า 87.8 พันล้านหยวน นับว่าเติบโตขึ้น64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่ารายได้รวมและกำไรหลังการปรับปรุงสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ แสดงให้เห็นถึงโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและการปรับตัวที่ดีของการดำเนินงาน

ตัวเลขไฮไลต์ของช่วงไตรมาสที่ ของปี 2564 มีดังนี้

  • รายได้รวม 87,789 ล้านหยวน เติบโต 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15,148.1 ล้านหยวน เติบโต 96.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6,321.5 ล้านหยวน โตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ตัวเลขไฮไลต์ครึ่งปีแรกของ 2564 มีดังนี้

  • รายได้รวม 164,671.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น59.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29,309.4 ล้านหยวน เติบโต 92.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 12,390.8 ล้านหยวน โตขึ้น 118.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เสียวหมี่ กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 กลยุทธ์ ‘Smartphone x AIoT’ ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ต่อจากนี้ เสียวหมี่จะเดินหน้าไปกับกลยุทธ์แบรนด์ควบคู่ (Dual Brand Strategy) และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง อีกทั้งจ้างงานและพัฒนากลุ่มผู้มีทักษะทั้งหลาย ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย และยกระดับการให้บริการพรีเมียมสมาร์ทโฟนรวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้งาน เราจะยังยึดถือกลยุทธ์หลักของเรา ‘Smartphone x AIoT’ โดยทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อพัฒนานวัตกรรมชั้นสูงรวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยในทุกกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ เสียวหมี่จะพัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและสินค้า AIoT เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างสมบูรณ์ในทุกกลุ่มสินค้าและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนบนโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้น

ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2

การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกส่งผลให้เสียวหมี่ขึ้นแท่นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ และด้วยนวัตกรรมและคุณภาพที่ดีของสินค้า เสียวหมี่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง 

ผลจากการที่เสียวหมี่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง มีการจ้างงานและพัฒนาทักษะพนักงาน รวมถึงพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จึงเติบโตขึ้นอย่างมากในไตรมาสที่สองของปี 2564 โดยจะเห็นได้จากรายได้และยอดการส่งมอบที่ทุบสถิติ ซึ่งรายได้รวมจากการขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 59.1 พันล้านหยวน แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโต 86.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เสียวหมี่ส่งมอบสมาร์ทโฟนกว่า 52.9 ล้านเครื่อง เพิ่มสูงขึ้น 86.8% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และตามรายงานของ Canalys พบว่า การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ได้ไต่ขึ้นไปอยู่อันดับสอง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไตรมาสนี้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 16.7%

ในขณะเดียวกัน การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีนก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน จากการรายงานของ Canalys พบว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นเป็น 16.8% จาก 10.3% เมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 จึงทำให้เสียวหมี่ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 3 ด้วยการเติบโตขึ้น 35.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในด้านการส่งมอบสมาร์ทโฟน นับได้ว่าเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดในหมู่บรรดาผู้เล่นหลักในตลาด

ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ยังคงดำเนินกลยุทธ์การทำแบรนด์ควบคู่ หรือ Dual Brand Strategy โดยภายใต้แบรนด์เสียวหมี่ บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม เสียวหมี่ประสบความสำเร็จอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2564 จากที่มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Xiaomi 11 Pro, Xiaomi 11 Ultra และ Xiaomi MIX FOLD ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเมื่อ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi MIX 4 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีกล้องใต้จอแสดงผลอย่างเต็มรูปแบบ

จากข้อมูลของแหล่งอ้างอิงภายนอก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีน ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ในช่วง 3,000 หยวนถึง 4,000 หยวน และ 4,000 หยวนถึง 5,000 หยวน รวมถึงกลุ่ม 5,000 หยวนขึ้นไป ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในครึ่งแรกของปี 2564 การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่มีราคาจำหน่ายมากกว่า 3,000 หยวนขึ้นไปในประเทศจีน และ 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศ ได้มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 12 ล้านเครื่อง ซึ่งเกินกว่ายอด 10 ล้านเครื่องในปี 2563 ทั้งปีที่ได้เคยส่งมอบไป

แบรนด์ Redmi ยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 ยอดการส่งมอบ Redmi Note Series ทั่วโลกได้ทะลุไปกว่า 200 ล้านเครื่อง แสดงให้เห็นถึงการตอบรับแบรนด์ Redmi อย่างดีจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ รวมถึงยังสะท้อนคุณภาพที่ดีของสินค้าอีกด้วย โดยในวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ได้เปิดตัว Redmi    Note 10 Series ในประเทศจีน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งาน

การดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมขับเคลื่อนด้วยกลยุทธหลัก “Smartphone x AIoT” เพื่อยกระดับการเชื่อมต่อในทุกอุปกรณ์อัจฉริยะ

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 สินค้าไลฟ์สไตล์และ ผลิตภัณฑ์ AIoT ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างมั่นคง โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือที่ 20.7 พันล้านหยวน

ในส่วนของสมาร์ททีวี  ได้มีการส่งมอบไปกว่า 2.5 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนับได้ว่าเสียวหมี่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้ จากการรายงานของ All View Cloud (“AVC”) การส่งมอบทีวีของเสียวหมี่ครองอันดับหนึ่งในประเทศจีนติดกันเป็นไตรมาสที่สิบ และยังรั้งอยู่ในห้าอันดับแรกของโลก

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์และ AIoT ของเสียวหมี่ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดต่างประเทศ โดยรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในช่วงปีก่อน สินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดนี้มี อาทิ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สมาร์ททีวี สมาร์ทแบนด์ และ สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เสียวหมี่มีจำนวนผลิตภัณฑ์ IoT (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) กว่า 374.5 ล้านเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับแพลทฟอร์ม AIoT ซึ่งเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนของผู้ใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ 5 เครื่องหรือมากกว่ากับแพลทฟอร์ม (ซึ่งไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ได้แตะ 7.4 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย สะท้อนให้เห็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 44.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในเดือนมิถุนายนนี้เอง มีจำนวนผู้ใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ  AI Assistant (“小愛同學”) เกินกว่า 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนถึง 102 ล้านคน และจำนวนผู้ใช้งานที่เชื่อมต่อกับ Mi Home App เพิ่มขึ้นถึง 56.5 ล้านคน นับเป็นการเติบโตกว่า 38.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

รายได้รวมจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณื จำนวนผู้ใช้งานในต่างประเทศยังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 7 พันล้านหยวน นับได้ว่าสูงเป็นประวัติกาลและเติบโตเพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

จะเห็นได้ว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและได้เติบโตสูงสุดอย่างไม่เคยมี     มาก่อน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 โดยในเดือนมิถุนายน จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ คิดเป็น 453.8 ล้านคน โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 124 ล้านคน เติบโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 5.3 ล้านคนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายน เสียวหมี่มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนสำหรับสินค้าสมาร์ททีวีและ Xiaomi Box เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวนผู้ใช้บริการแบบชำระเงินเพิ่มสูงถึง 4.7 ล้านคน หรือกว่า 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการโฆษณาของเสียวหมี่เองก็เพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาสนี้เช่นเดียวกัน คิดเป็นเม็ดเงิน 4.5 พันล้านหยวน หรือเติบโตขึ้น 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 1.1 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 96.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาสนี้ รายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 15.6% จากรายได้รวมของการให้บริการอินเทอร์เน็ต รายได้และสัดส่วนดังกล่าวนับได้ว่าจุดสูงสุดในประวัติกาล ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ เกิดจากความพยายามในการขยายฐานผู้ใช้งานในตลาดสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การขยายตัวของผู้ใช้งานรายเดือน MIUI ในยุโรปตะวันตก และแถบลาตินอเมริกา โดยคิดเป็นสัดส่วน 60% และ 125% เมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อนตามลำดับ

สินค้าและบริการเป็นที่ยอมรับในตลาดหลายประเทศ ส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นอันดับ เป็นครั้งแรกในยุโรป

ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่ยังสามารถเติบโตได้ดีในตลาดต่างประเทศ โดยสามารถส่งมอบสินค้าได้มากที่สุดเป็นประวัติกาลในตลาดหลักทั่วโลก ในไตรมาสนี้ เสียวหมี่มีรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 81.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็น 43.6 พันล้านหยวน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากและยังคิดเป็น 49.7% จากรายได้รวม ตามรายงานของ Canalys พบว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ในไตรมาสนี้ติดห้าอันดับสูงสุดในกว่า 65 ประเทศทั่วโลก และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน 22 ประเทศ โดยใน 10 ประเทศเหล่านั้น เสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก

เสียวหมี่ยังคงพยายามเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดสำคัญ จากการรายงานของ Canalys พบว่ากลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28.5% ในไตรมาสที่ 2 สำหรับโซนยุโรปตะวันตก ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ขึ้นไปถึง 22.2% และยังติดอยู่ในสามอันดับแรก ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันในโซนยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 36.4% นอกจากนี้ ในประเทศสเปน เสียวหมี่ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดกันกว่า 6 ไตรมาส มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 41.2% สำหรับในประเทศอิตาลีและประเทศฝรั่งเศส เสียวหมี่ได้ขึ้นอับดับหนึ่งเป็นครั้งแรกโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35% และ 29.7% ตามลำดับ ในส่วนของประเทศเยอรมนี เสียวหมี่ยังสามารถรั้งสามอันดับแรกไว้ได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15.2%

นอกจากนี้ สินค้าที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพของเสียวหมี่นั้นยังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่ด้วย โดยจะเห็นได้จากการเติบโตที่รวดเร็วของสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน จากการรายงานของ Canalys การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในตลาดลาตินอเมริกาช่วงไตรมาสที่2 ของปี 2564 ได้เพิ่มขึ้น 324.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเสียวหมี่ได้ติดอยู่สามอับดับแรก ในขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของสินค้าเสียวหมี่ในตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เพิ่มขึ้น 20.9% และ 8.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ เสียวหมี่เองยังสามารถทำการส่งมอบสินค้าให้แก่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 28.2%

กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ยังคงมีความพยายามที่จะยกระดับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เสียวหมี่ได้จำหน่ายสมาร์ทโฟนไปแล้วกว่า 10 ล้านเครื่องผ่านช่องทางการขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ ยกเว้นประเทศอินเดีย  ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกันกับช่วงเดียวของปีที่แล้ว 

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกิดจากความพยายามอย่างไม่ลดละในการคิดค้นนวัตกรรมสินค้าเทคโนโลยีและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ

เสียวหมี่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้เสียวหมี่ได้ทุ่มงบวิจัยและพัฒนาไปกว่า 3.1 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 56.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ในเดือนกรกฎาคม 2564 กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ได้ลงทุนในโรงงานอัจฉริยะ Changping Smart Factory ในเขต Changping กรุงปักกิ่ง นอกจากจะมีใช้เพื่อการผลิตสินค้าแล้ว บริเวณนี้จะยังถูกสร้างเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้า ควบคู่ไปกับโรงงานอัจฉริยะ Yizhuang Smart Factory โดยเสียวหมี่ตั้งเป้าให้ Changping Smart Factory ผลิตสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมกว่า 10 ล้านเครื่องต่อปี และยังเชื่อมั่นว่าโรงงานอัจฉริยะนี้จะสามารถยกระดับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดจนสามารถยกระดับความสามารถในการผลิต และปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว 

นับตั้งแต่วันที่ก่อตั้งเสียวหมี่ กลุ่มธุรกิจได้ยึดถือการพัฒนาบุคคลากรเป็นสำคัญ ทั้งในแง่ของการดูแลและสร้างแรงบันดาลใจ โดยในเดือนกรกฎาคม 2564 เสียวหมี่ได้ประกาศมอบรางวัลสองประเภทให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่มากความสามารถ ซึ่งจะมอบให้เนื่องในวาระการเปลี่ยนผ่านไปสู่ศตวรรษใหม่ของเสียวหมี่ โดยบริษัทมีความตั้งใจที่จะแต่งตั้งผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีทักษะการบริหารงานที่เป็นเลิศ โดยจะมอบรางวัลดังกล่าวให้กับบุคคลากรเหล่านั้นเพื่อเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของเสียวหมี่โดยมีจิตวิญญาณและแนวคิดประดุจเจ้าของธุรกิจ

กำลังฮอต

Featured2 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured5 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Android News40 นาที ago

โหดจัด! ฟีเจอร์ AIGC ของ vivo X100s สามารถเปลี่ยนบรรยากาศในภาพ เป็นฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาวได้ด้วย!?

เทรนด์การตกแต่งภาพด้...

Apple News1 ชั่วโมง ago

สรุปราคา HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini ในไทยที่เตรียมวางขาย 10 พ.ค. นี้เป็นต้นไป

วันนี้ Apple ได้ประก...

Apple News1 ชั่วโมง ago

Apple เปิดตัว HomePod และ HomePod mini ในประเทศไทย มอบเสียงอันน่าประทับใจ, Siri ที่มีความสามารถมากยิ่งขึ้น และประสบการณ์การใช้งานบ้านอัจฉริยะที่ปลอดภัย

วันนี้ Apple ประกาศว...

Apple News1 ชั่วโมง ago

Gurman เผย iOS 18 จะมีการ “ยกเครื่อง” แอประบบใหม่เพียบทั้ง โน้ต, เมล, รูปภาพ และฟิตเนส!

สร้างความคาดหวังให้ส...

Android News2 ชั่วโมง ago

หลุดชิปเซ็ต OnePlus Nord 4 l Nord CE4 Lite เตรียมใช้ Snapdragon 7 และ 6 Series ตัวแรง !!

ก่อนหน้านี้ OnePlus ...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก