รีวิว vivo X100 Series 5G สู่นิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพอีกครั้งด้วยกล้อง ZEISS APO Telephoto ทรงพลัง | ชิป Dimensity 9300 | ดีไซน์พระจันทร์-พระอาทิตย์ทรงกลด!

รีวิว vivo X100 Series 5G เรือธงกล้องเทพรุ่นล่าสุดที่ขนเอาทุกเทคโนโลยีความเทพมาให้ครบเหมือนเคย รอบนี้ยังมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G พร้อมสโลแกน “Photography. Redifined.” สู่นิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพอีกครั้ง! ด้วยกล้อง ZEISS APO Telephoto สุดทรงพลัง, ชิปเซ็ต Dimensity 9300 ใหม่, หน้าจอสว่างสูงสุด 3000nits และดีไซน์สุดงดงามแรงบันดาลใจจากพระจันทร์-พระอาทิตย์ทรงกลด!

หลังจากเราได้ใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์เต็ม วันนี้ก็จะมารีวิวแบบครบทุกมุมของทั้ง vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ว่าน่าสนใจขึ้นแค่ไหน และรุ่นไหนเหมาะกับใคร ติดตามกันได้เลย!

สรุปสเปค vivo X100 5G

• ขนาดตัวเครื่อง : 164.05 x 75.19 x 8.49 มม.
• น้ำหนัก : 206 กรัม
• หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″, อัตราส่วน 20:9
• ความละเอียด : FHD+ (2800 x 1260 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 3000nits
• Refresh rate : 120Hz
• CPU : Dimensity 9300 Octa-core 3.25GHz (4nm)
• GPU : Arm Immortalis-G720 MC12
• RAM : 12GB (LPDDR5X)
• ROM : 256GB (UFS 4.0)
• แบตเตอรี่ : 5000mAh
• ระบบชาร์จเร็ว : 120W FlashCharge
• กล้องหน้า : 32MP f/2.0
• กล้องหลัก : 3 ตัว
  • 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ IMX920 ขนาด 1/1.49″) f/1.57
  • 50MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.0
  • 64MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์​ OV64B ขนาด 1/2″) f/2.57
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, Wi-Fi 7, WLAN 2.4 GHz/5 GHz/6 GHz, Wi-Fi Display, 2 x 2 MIMO, MU-MIMO, Bluetooth 5.4 และพอร์ต USB-C (USB 2.0)
• มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
• ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14
• สีสัน : Startrail Blue, Asteroid Black

สรุปสเปค vivo X100 Pro 5G

• ขนาดตัวเครื่อง : 164.05 x 75.28 x 8.91 มม.
• น้ำหนัก : 225 กรัม
• หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″, อัตราส่วน 20:9
• ความละเอียด : FHD+ (2800 x 1260 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 3000nits
• Refresh rate : 120Hz
• CPU : Dimensity 9300 Octa-core 3.25GHz (4nm)
• GPU : Arm Immortalis-G720 MC12
• RAM : 16GB (LPDDR5X)
• ROM : 512GB (UFS 4.0)
• แบตเตอรี่ : 5400mAh
• ระบบชาร์จเร็ว : 100W FlashCharge, 50W Wireless FlashCharge
• กล้องหน้า : 32MP f/2.0
• กล้องหลัก : 3 ตัว
  • 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ IMX989 ขนาด 1/0.98″) f/1.75
  • 50MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.0
  • 50MP กล้อง Periscope 4.3x (เซ็นเซอร์​ขนาด 1/2″) f/2.5
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, Wi-Fi 7, WLAN 2.4 GHz/5 GHz/6 GHz, Wi-Fi Display, 2 x 2 MIMO, MU-MIMO, Bluetooth 5.4 และพอร์ต USB-C (USB 3.2 Gen 1)
• มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
• ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14
• สีสัน : Asteroid Black

แกะกล่อง vivo X100 Series 5G

ก่อนจะไปเริ่มรีวิวเต็ม ๆ เราขอแวะมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์และดูแพ็กเกจของ vivo X100 Series 5G กันก่อนดีกว่า รุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกล่องขนาดใหญ่ตามสไตล์เรือธงของ vivo เหมือนเดิมครับ สีกล่องใช้เป็นสีดำเพื่อความหรูหราด้วย Texture คล้ายหนัง ด้านหน้าก็ระบุชื่อรุ่นของทั้ง 2 รุ่นไว้พร้อมคำว่า Co-Engineered with ZEISS

ที่ด้านข้างกล่องจะมีสติกเกอร์ที่มีโลโก้ vivo | UEFA EURO 2024 อยู่ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าปีนี้ vivo จะเป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันในครั้งนี้ และ vivo X100 Series 5G จะเป็น Official Smartphone เลยด้วยครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองอย่างดีที่เดี๋ยวเราพาชมตัวเครื่องแบบชัด ๆ กันอีกทีเนาะ และชั้นถัดไปจะเจอกับกล่องที่แยกส่วนของอุปกรณ์เสริมไว้ดังนี้ครับ

เอกสารคู่มือและใบรับประกันและเข็มจิ้มถาดซิม เคสซิลิโคนที่จะแบ่งไปตามสีเครื่องอย่าง vivo X100 5G สี Startrail Blue จะเป็นเคสใส ส่วน vivo X100 Pro 5G สี Asteroid Black จะเป็นสีดำไปเลยครับ

ส่วนชุดชาร์จทั้งคู่ก็ยังให้มาเป็นชุดเดียวกันเลยคือสายชาร์จแบบ USB-C to C และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W FlashCharge แม้จะรองรับความเร็วสูงสุดไม่เท่ากันก็ตามครับ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ vivo X100 Series ก็ให้มาครบชุดพร้อมใช้งานเลยประกอบด้วย

• ตัวเครื่อง vivo X100 5G | X100 Pro 5G
• อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W FlashCharge
• สายชาร์จ USB-C to USB-C
• เคสซิลิโคนใส
• เอกสารคู่มือ
• เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์แรงบันดาลใจจากท้องฟ้า สง่างามอย่างมีเรื่องราว

เอาล่ะ! ได้เวลามายลโฉม vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G กันแบบเต็ม ๆ แล้วครับ รอบนี้ทั้งคู่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้า, พระจันทร์และพระอาทิตย์ ที่ส่งต่อมาถึงสีสันและดีไซน์กล้องได้อย่างมีเรื่องราวทีเดียวครับ

vivo X100 5G ดีไซน์ Moon Halo

รีวิว vivo X100 5G จะมาพร้อมดีไซน์กล้องหลังแบบ Moon Halo หรือพระจันทร์ทรงกลด จะเห็นว่าวงแหวนสแตนเลสของรุ่นนี้จะไม่ได้วางแบบสมมาตรซะทีเดียว มุมขวาจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย เหมือนพระจันทร์เสี้ยวแบบไม่เต็มดวงนั่นเองครับ

ส่วนสีสัน vivo X100 5G จะมีให้เลือก 2 สีคือ Asteroid Black และ Startrail Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสวยงามของแสงและเงาเมื่อเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา เราจะได้เห็นลวดลายวงแหวนพาดผ่านไปที่ฝาหลังผิวด้านได้อย่างมีมิติ

vivo X100 Pro 5G ดีไซน์ Sun Halo

มีพระจันทร์แล้วก็ต้องมีพระอาทิตย์ด้วย ใช่แล้วครับ vivo X100 Pro 5G จะใช้ดีไซน์กล้องหลังแบบ Sun Halo หรือพระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งจะมีพื้นที่ของกรอบสแตนเลสเด่นที่ด้านล่างของตัวกล้องแทน เป็นดีไซน์ที่เสริมตัวกล้องได้อย่างชัดเจนดีจริง ๆ ครับ

ส่วนสีสันของ vivo X100 Pro 5G ที่ขายในบ้านเราจะมีแค่สีเดียวคือ Asteroid Black ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้าที่มีดวงดาวยามค่ำคืน เพราะผิวสัมผัสของฝาหลังจะเป็นแบบด้านที่มีความระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสง มอบความรู้สึกน่าค้นหาและสุขุมรวมเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ที่ตัวกรอบเลนส์ของทั้งคู่ยังมีการแทรกรายละเอียดเล็ก ๆ เข้าไปอีก อย่าง วงแหวนทรงกลดแบบเงาที่ดีไซน์มาโดยเรียบง่าย แต่ก็ยังมอบความรู้สึกหรูหรา ผลิตจากสแตนเลสเกรดการแพทย์แบบเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ เพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อรอยขีดข่วน หรือที่รอบ ๆ วงแหวนก็จะมีดีไซน์แบบ Sunburst Texture เหมือนนาฬิกาหรู และที่ตัวกระจกเลนส์เองก็ยังใช้เป็นกระจกแบบ 2.5D ที่มีการเคลือบพิเศษ โดยท่ีรุ่น X100 Pro 5G ใช้การเคลือบ AR Coating แบบแข็งพิเศษ ในขณะท่ีในรุ่น X100 ใช้การเคลือบ AR Coating แบบมาตรฐานด้วยครับ

หน้าจอ AMOLED โค้ง สว่างสูงสุด 3000nits

พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G รอบนี้ได้จอมาเหมือนกันเลย คือจอ AMOLED โค้งขนาด 6.78″ อัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ FHD+ (2800 x 1260 พิกเซล) พร้อมความสว่างสูงสุดถึง 3000nits อีกต่างหาก!

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังมี Refresh rate สูงสุดที่ 120Hz แบบ LTPO ที่สามารถปรับขึ้น-ลงตามการใช้งานจริงตั้งแต่ 1 – 120Hz ได้ด้วย นอกจากจะลื่นไหลแบบสุด ๆ แล้ว ในเรื่องการจัดการพลังงานก็ทำได้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ

ให้สเปคมาสูงสุดแบบนี้ก็ทำให้ประสบการณ์การใช้งานที่หน้าจอของ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ไม่ต่างกันเลย เราจะได้ทั้งหน้าจอความละเอียดสูงที่ดูคอนเทนต์ได้อย่างจุใจ ความสว่างสูงสุดที่ใช้งานกลางแจ้งได้อย่างไม่ต้องกังวล แถมพอเป็นจอโค้งก็ได้ความเซ็กซี่ในการแสดงผลรวมถึงการใช้งานร่วมกับ Gesture Navigation อีกด้วย

งานประกอบระดับสูง สัมผัสได้ชัดเจน

นอกจากดีไซน์ภายนอกจะสวยเอาเรื่องแล้ว เมื่อได้จับสัมผัสก็จะรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมเข้าไปอีก เพราะ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G นั้นมีงานประกอบระดับสูงมาก ทั้งกรอบเครื่องโลหะคุณภาพสูงที่ผสานเข้ากับกระจกโค้งหน้า-หลังได้แบบไร้รอยต่อ เวลาเราถือเครื่องแบบไม่ใส่เคสก็รู้สึกถึงความกระชับมือและจับได้ถนัดมือมากครับ

ส่วนขนาดและน้ำหนักก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน vivo X100 5G จะมาพร้อมความบาง 8.49 มม.เบาแค่ 206 กรัม และ vivo X100 Pro 5G จะบางที่ 8.91 มม. หนัก 225 กรัม เป็นน้ำหนักมาตรฐานของเรือธงในยุคนี้พอถืออยู่บนมือแล้วจะรู้สึกถึงการกระจายน้ำหนักที่ดีครับ ยิ่งบนรุ่น Pro พอไม่ได้บางมาก เวลาถือก็ให้ความรู้สึกที่แน่นมือเข้าไปอีก

ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ที่ลงตัว

ปุ่มกดต่าง ๆ ของ vivo X100 5G และ X100 Pro 5G ก็วางไว้เหมือนกันแทบทุกจุด อย่างปุ่มกดก็อยู่ที่มุมขวามือของตัวเครื่องตามมาตรฐานของ vivo ครับ

และด้านบนก็จะยังมีคำว่า Professional Photography ระบุไว้เด่น ๆ อีกเช่นเคย เพื่อเป็นการเสริมให้รู้ว่ารุ่นนี้มีดีที่กล้องไม่แพ้ใครนะ พร้อมกันนี้ข้าง ๆ ก็ยังมี IR Infrared มาให้ด้วยนะ ตรงนี้สามารถใช้งานตัวเครื่องเป็นรีโมทสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลากหลายเลย

ด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C, ไมโครโฟน, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และถาดใส่ซิมครับ โดยถาดใส่ซิมของ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G จะเป็นแบบ Dual-SIM ทั้งคู่ครับ

มีมาตรฐาน IP68 กันน้ำได้ทั้งคู่

เห็นดีไซน์หรู ๆ แบบแต่ในเรื่องความทนทาน vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ก็ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 มั่นใจได้เลยว่าหากเครื่องเปียกหรือเกิดอุบัติเหตุตกน้ำจริง ๆ ก็จะไม่เสียหายไปดื้อ ๆ อย่างแน่นอนครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ รีวิว vivo X100 Series 5G ก็ถือว่าทำได้ลงตัวขึ้นในทุกมิติ ตั้งแต่ความอลังการของฝาหลังและโมดูลกล้องที่แรงบันดาลใจจากท้องฟ้า Moon Halo และ Sun Halo ที่มองเผิน ๆ ก็เหมือนดีไซน์กล้องวงกลมทั่วไป แต่ถ้าเราลงลึกไปที่รายละเอียดก็จะพบความประณีตและเสริมให้รู้ว่ากล้องของ 2 รุ่นนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ รวมไปถึงหน้าจอโค้งที่ดูสวยลงตัวกับกรอบเครื่องได้เป็นอย่างดีอีก พรีเมียมแบบครบเครื่องล่ะครับ

กล้องที่พัฒนากับ ZEISS สู่นิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพอีกครั้ง!

มาต่อที่เรื่องไฮไลท์เลย vivo X100 Series 5G ได้อัปเกรดระบบการถ่ายภาพร่วมกับ ZEISS Co-engineered Imaging System อีกครั้ง ทั้ง vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ได้กล้องหลังมา 3 ตัว มาดูสเปคเบื้องต้นของแต่ละรุ่นก่อนเลยครับ

สเปคกล้อง vivo X100 5G

• 50MP กล้องหลัก VCS True Color (เซ็นเซอร์ IMX920 ขนาด 1/1.49″) f/1.57
• 50MP กล้อง Super Wide-angle f/2.0
• 64MP กล้อง ZEISS Telephoto Camera 3x (เซ็นเซอร์​ OV64B ขนาด 1/2″) f/2.57

สเปคกล้อง vivo X100 Pro 5G

• 50MP กล้องหลัก ZEISS (เซ็นเซอร์ IMX989 ขนาด 1/0.98″) f/1.75
• 50MP กล้อง Super Wide-angle f/2.0
• 50MP กล้อง ZEISS APO Floating Telephoto Camera 4.3x (เซ็นเซอร์​ขนาด 1/2″) f/2.5

จะเห็นว่ากล้องของ vivo X100 Series 5G นั้นยกระดับชุดกล้องมาได้อย่างน่าสนใจมาก อย่างกล้องหลักที่ vivo X100 5G ใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่ IMX920 ส่วน vivo X100 Pro ยังใช้เซ็นเซอร์ตัวท็อป IMX989 ขนาด 1/0.98″ ที่ทรงพลังเหมือนเดิม แต่ไฮไลท์จริง ๆ ของรอบนี้จะอยู่ที่กล้อง Telephoto ใหม่ด้วย! โดยทั้ง X100 5G และ X100 Pro 5G จะได้กล้อง Periscope มาทั้งคู่มีระยะ 3x และ 4.3x ตามลำดับ

และสำหรับ X100 Pro 5G จะมาพร้อมกับกล้องเทเลโฟโต้ ZEISS APO Floating Telephoto Camera ที่มาพร้อมกับมาตรฐานใหม่ของ Vario-Apo-Sonnar จาก ZEISS สามารถช่วยให้ผู้ใช้ได้ถ่ายภาพอันน่าทึ่งจากระยะใกล้ไปจนถึงระยะไกลได้อย่างง่ายดาย

UI ที่ปรับแต่งมาเพื่อการถ่ายภาพอย่างแท้จริง

นอกจากเรื่องฮาร์ดแวร์ระดับสูงแล้ว UI กล้องของ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ก็มีการปรับแต่งมาใหม่ให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะนอกจากระยะ 1x, 2x, 3x, 4.3x หรือ 10x ที่มีตัวเลขระบุไว้แล้ว ในแต่ละเลขนั้นเรายังสามารถแตะเพื่อปรับระยะได้อีก เช่นแต่ที่ไอคอน 1x ก็จะขยับไป 1.2x > 1.5x | 2x > 2.2x หรือในระยะซูมเยอะ ๆ ก็สามารถกดได้เช่นกัน 4.3x > 5.8x แถมตัวเลขนอกจากจะเป็น x แล้วก็ยังแสดงเป็น mm ด้วยครับ ได้ฟิลช่างภาพมากขึ้น ง่ายต่อการปรับระยะไม่ต้องมาเลื่อนแถบทีละนิด ๆ

กล้องหลักระดับสูงที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS

สำหรับกล้องหลัก อย่างที่บอกไปว่าทั้งคู่ได้สเปคฮาร์ดแวร์ระดับสูงมาทั้งคู่ แถมยังพัฒนาระบบกล้องร่วมกับ ZEISS อีกเหมือนเดิม ในเรื่องความคมชัดทั้ง vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ เก็บรายละเอียดและ Dynamic Range ได้ดีสุด ๆ มี AI คอยช่วยจัดการเรื่องสีสันและมิติของภาพให้ดีขึ้นไปอีก แถม UI ที่ออกแบบมาดี เรายังสามารถแตะสลับระยะสัก 1.2x หรือ 2x ได้สะดวก ในแบบที่ภาพยังคมชัดทั้งคู่ แต่จุดที่แตกต่างกันนิดหน่อยก็การละลายฉากหลังด้วยฮาร์ดแวร์จริง ๆ เพราะ X100 Pro 5G จะมีเซ็นเซอร์ใหญ่กว่า (1/0.98″ vs 1/1.49″) ทำให้ถ่ายเราถ่ายในมุมเดียวกันรุ่น Pro จะได้ฉากหลังที่ละลายเนียนตากว่าระดับหนึ่งครับ

กล้อง Wide Angle กว้างกำลังดีคมชัดระดับ 50MP

ส่วนกล้อง Super Wide-angle บน vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ได้กล้องมุมกว้างความละเอียด 50MP ตัวเดียวกันเลย ซึ่งคุณภาพที่ได้ก็สมกับเป็นตัวท็อปครับ เก็บรายละเอียดได้ดี ความกว้างกำลังพอดีจนไม่เกิดความเบี้ยวที่มุมภาพ ถ้าถ่ายคนก็ยื่นขาได้อีกหน่อย ส่วนสีสันก็มีความใกล้เคียงกับกล้องหลัก ใครที่ชอบภาพมุมกว้างแบบที่โทนภาพสวย ๆ เหมือนกล้องหลักน่าจะถูกใจครับ

ซูมดีด้วยกล้อง ZEISS APO Floating Telephoto Camera

มาต่อที่กล้อง Telephoto อย่างที่บอกไปว่าปีนี้ vivo เน้นไปที่กล้องซูมอย่างชัดเจน อัปเกรดกล้องซูมมาเป็นกล้อง Periscope ครบทั้งคู่ แต่จะมีระยะที่ต่างกันอย่างที่บอกไปก่อนหน้าคือ X100 5G ได้ระยะ 3x (70มม.) ส่วน X100 Pro 5G จะได้ช่วง 4.3x (100มม.) แถมยังใช้เลนส์ ZEISS APO-Sonnar (เฉพาะ X100 Pro 5G) ที่เคลือบมาอย่างดีอีกด้วย

รีวิว vivo X100 Series 5G ทำให้รอบนี้เราสามารถซูมได้ถึงใจขึ้นในระยะที่ควรจะเป็นบนเรือธงปี 2024 และคุณภาพที่ได้ก็ต้องบอกเลยว่ายอดเยี่ยมสุด ๆ บน X100 5G ในระยะ 3x > 3.6x > 5.8x ทำได้ดีหมด หรือจะเขยิบไป 10x ในแสงมากก็ใช้งานได้เลย ส่วน X100 Pro 5G นี่ไม่ต้องพูดเยอะครับได้ระยะ Optical มาที่ 4.3x ซึ่งเราว่าพอดิบพอดีมาก ๆ อยู่ระหว่าง Medium Tele กับ Long Tele พอดี จะกดไปอีกหน่อยสัก 5.8x > 8.6x > 10x > 12.9x หรือกระทั่ง 25.8x ก็ยังเอาอยู่ เป็นไฮบริดซูมที่ดีงามมาก ๆ สมแล้วที่ vivo โปรโมทเรื่องการซูมของ X100 Pro 5G ขนาดนี้ครับ

Sun Shot ก็มาด้วย ถ่ายพระอาทิตย์แจ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะ!

แต่แค่ซูมโหดอย่างเดียวก็คงไม่พอ รอบนี้ vivo เพิ่มลูกเล่นการถ่ายพระอาทิตย์ให้คมชัดขึ้นอีกด้วย ปกติแล้วการถ่ายพระอาทิตย์ด้วยสมาร์ทโฟนจะเป็นเรื่องยากถ่ายออกมาก็จะฟุ้ง ๆ เก็บแสงได้ไม่ดีนัก แต่บน vivo X100 5G และ X100 Pro 5G ที่ผ่านการเคลือบ AR Coating มาอย่างดี ทำให้ลดแสงแฟลร์และจัดการแสงได้ดีขึ้น แถมได้ช่วงซูมที่เข้าใกล้ได้อีกเยอะ ทำให้เราสามารถถ่ายพระอาทิตย์ได้คมชัดกว่ารุ่นไหน ๆ

Super Macro อีกของดีที่ไม่ควรพลาด

ยัง…ยังไม่หมดที่ซูมไกล เพราะกล้อง Periscope ของทั้ง vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G นั้นรองรับความสามารถโฟกัสระยะใกล้หรือ Tele Macro ด้วย ทำให้เราถ่ายวัตถุใกล้ ๆ ได้สมจริงยิ่งขึ้น มิติของภาพไม่บวมจนเกินไป อยากเจาะดอกไม้, แมลง, ดวงตา หรือของกินต่าง ๆ ก็เข้าใกล้ได้แบบคมชัด และหากเราเลือกเปิดโหมด Super Macro ด้วย ตัวซอฟต์แวร์จะช่วยในเรื่องการล็อกโฟกัสให้แม่นยำ แถมเพิ่มเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังเข้าไปอีกด้วย สุดมาก!

Portrait แบบ ZEISS ที่ครบทุกระยะกว่าที่เคย

ปิดท้ายที่โหมด Portrait รอบนี้ก็อัปเกรดขึ้นกว่าเดิม ด้วย ZEISS Portrait lens package ที่มีระยะให้ใช้งานได้มากถึง 5 ระยะคือ 24มม. > 35มม. > 50มม. > 85มม. > 100มม.และในแต่ละระยะก็จะฟิลเตอร์พร้อม ZEISS Portrait Style มาให้เลือกปรับโบเก้ด้านหลังสวย ๆ อีกเหมือนเดิม ทำให้ภาพ Portrait ที่ได้จาก รีวิว vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ดูโปรมืออาชีพขึ้นอีกเยอะเลย

และเท่าที่เราลองก็ถือว่าเป็นกล้องที่ถ่าย Portrait ได้สวยอันดับต้น ๆ ของวงการตอนนี้เลย ทั้งโทนของภาพที่ดูเป็นมืออาชีพเหมือนกล้องโปรจริง ๆ หรือ Portrait Style ที่เสริมความเป็น ZEISS เข้าไปได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้งการที่มีกล้องคุณภาพสูงครบระยะก็เหมือนเรามีเลนส์หลาย ๆ ตัวมาใช้งานเลย ประทับใจมาก ๆ ครับ

วิดีโอที่ลื่นไหลที่สุด พร้อมความละเอียดสูงสุด 8K

มาต่อในเรื่องวิดีโอกันบ้าง vivo X100 Pro 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ 8K/30fps ด้วยกล้องหลัก แต่ถ้าอยากใช้งานแบบครบทุกกล้องก็ปรับไปที่ 4K/60fps ได้ครับ รอบนี้เราสามารถสลับกล้องระหว่างถ่ายได้แล้ว และที่สำคัญคือการสลับกล้องไป-มา ลื่นไหลมากกกกกก! แทบไม่เห็นจังหวะกระตุกเลย แถมยังได้โทนสีที่ใกล้เคียงกันแบบสุด ๆ อีกต่างหาก แต่ทั้งนี้บน vivo X100 5G จะถ่ายได้สูงสุดที่ 4K/30fps แบบสลับกล้องได้ครับ

Cinematic Portrait วิดีโอ Portrait ก็ดีสุด ๆ

หรือใครที่ชอบงานวิดีโอแบบหน้าชัด-หลังเบลอไว้ถ่ายคนสวย ๆ บน vivo X100 Pro 5G ก็สามารถถ่ายได้แบบเนียน ๆ เช่นกันที่ความละเอียดสูงสุด 4K/30fps ให้เราได้ภาพที่สวยคมและละลายหลังได้เนียนตามาก ๆ พร้อม Styles ให้เลือกปรับโทนอีก 5 แบบคือ Natural portrait > Summer sea breeze > Classic movies > Retro soft focus และ HK night

นอกจากนี้ทีเด็ดอีกอย่างก็คือขั้นตอนการปรับแต่งหลังถ่าย ที่เราสามารถไปเลือกจุดโฟกัสได้ใหม่ หรือปรับแต่งความเบลอใส่ ZEISS Bokeh หรือ Color LUTs ปรับโทนสีแบบเบ็ดเสร็จหลังกล้องเลยก็ได้ด้วย ยอดมาก!

ชิป V3 เบื้องหลังความเทพของ Cinematic Portrait

เบื้องหลังความเทพของโหมด Cinamtic Portrait ระดับ 4K นี้ก็ไม่ได้มาจากฮาร์ดแวร์กล้องอย่างเดียว เพราะบน vivo X100 Pro 5G นั้นได้ชิป vivo V3 แบบ 6nm ที่ออกแบบเองโดย vivo เสริมความเก่งกาจเข้าไปอีก ด้วยการออกแบบใหม่ของ Multi-current AI cognitive-ISP และระบบ Frame Info Tunneling (FIT) รุ่นที่สองช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของอัลกอริทึมอย่างมีนัยสําคัญ ในขณะที่ลดการใช้พลังงาน โดยยังมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวยระดับเรือธง

มาปิดท้ายที่กล้องหน้า vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ให้ความละเอียดมาที่ 32MP วางตำแหน่งกล้องหน้าไว้ตรงกลางเหมาะกับการเซลฟี่เหมือนรุ่นก่อน มีฟีเจอร์ AI Beauty รวมถึง Portrait ที่มี ZEISS Portrait Style คุณภาพของไฟล์ก็สวยถูกใจสาว ๆ แน่นอน ผิวสวย ใบหน้าเนียน หรือจะการละลายฉากหลังก็โปรขึ้นไปอีกครับ ส่วนวิดีโอเหมือนเดิมที่รุ่นนี้ยังคงบันทึกได้สูงสุด 1080p/60fps อยู่ ถ้าได้สัก 4K น่าจะแจ่มกว่านี้แหละเนอะ

โดยรวมเรื่องกล้องก็บอกเลยว่า vivo X100 Series 5G นั้นเป็นนิยามใหม่ของการถ่ายภาพตามสโลแกน “Photography. Redifined.” ได้จริง ๆ เพราะทั้งฮาร์ดแวร์ที่อัปเกรดมาแบบถึงขั้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลักเซ็นเซอร์ 1″ กล้อง ZEISS APO Float Telephoto Camera บน X100 Pro 5G ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในการถ่ายภาพจากมือถือได้อีกครั้ง ไฟล์ดี AI เก่ง ช่วยให้เราได้ภาพสวยแบบง่าย ๆ มีโหมดและลูกเล่นรองรับครบตั้งแต่ภาพทั่วไป Portrait, Super Macro หรือ Cinematic Portrait เป็นอีกรุ่นที่ทำให้เราประทับใจเรื่องกล้องมาก ๆ ถ่ายได้สวยและสนุกสมการรอคอยจริง ๆ ครับ

ชิปเซ็ตเรือธงกับความแรงขั้นสุด!

มาต่อกันที่เรื่องประสิทธิภาพ รีวิว vivo X100 Series 5G มาพร้อมชิปเซ็ตระดับแถวหน้าของวงการอย่าง Dimensity 9300 จาก MediaTek ที่ผลิตแบบ 4nm มอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลไม่แพ้รุ่นไหน ๆ และอย่างที่บอกไปว่าบน X100 Pro 5G จะได้ชิป vivo V3 มาช่วยประมวลผลเกี่ยวกับการถ่าย Cinematic Video 4K ส่วน X100 5G จะยังคงใช้ชิป vivo V2 แบบเดียวกับรุ่นก่อนอยู่ครับ

ในเรื่องหน่วยความจำ vivo X100 Series 5G ในบ้านเราจะมีให้เลือกรุ่นละความจุเลยคือ

• vivo X100 5G ความจุ 12GB + 256GB
• vivo X100 Pro 5G ความจุ 16GB + 512GB

โดยทั้ง 2 รุ่นจะใช้ RAM แบบ LPDDR5X พร้อมฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 ที่สามารถจำลอง RAM เพิ่มได้อีก 16GB รวมกันเป็น 32GB ส่วน Storage ก็ให้มาแบบ UFS 4.0 ทั้งคู่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไร้กังวลแน่นอนครับ

ผลทดสอบสูงถูกใจแน่นอน!

สำหรับใครที่อยากรู้ตัวเลขผลทดสอบของ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G ให้เห็นภาพถึงความแรงของชิป Dimensity 9300 เราก็ลองทดสอบมาให้ชมกันชัด ๆ เลย คะแนน AnTuTu Benchmark ออกมาสูงตามนี้เลยครับ

• vivo X100 5G = 2071826 คะแนน
• vivo X100 Pro 5G = 2095902 คะแนน

ส่วนฝั่ง Geekbench 6 ก็ได้คะแนนออกมาสูงไม่แพ้กัน ดังนี้เลยครับ

• vivo X100 5G = Single-Core 2212 คะแนน | Multi-Core 7345 คะแนน
• vivo X100 Pro 5G = Single-Core 2154 คะแนน | Multi-Core 7321 คะแนน

ลองเล่นเกมล่ะเป็นไง ?

เห็นผลทดสอบไปเรียบร้อยต่อมาก็เป็นการลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมสักหน่อย อย่างที่เห็นคะแนนไปประสิทธิภาพระดับนี้ไม่ว่าเกมอะไรบน Play Store ก็เชื่อว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลแน่นอน และด้วยความที่รอบนี้สเปคหลัก ๆ ของ vivo X100 Series 5G นั้นให้มาเหมือนกัน ประสบการณ์การเล่นจึงเรียกว่าไม่แตกต่างเลยก็ว่าได้ครับ และเกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้มี 3 เกมคือ Asphalt 9, Call of Duty และ Genshin Impact ผลเป็นไงมาดูกันเลย

เล่น Asphalt 9 บน vivo X100 Series 5G

เริ่มที่เกมแข่งรถภาพสวยสักหน่อย ถือเป็นเกมขึ้นชื่อเรื่องกราฟิกสวยอยู่แล้ว เราลองเล่นบน vivo X100 Pro 5G นั้นก็สามารถเปิด 60fps ได้ พร้อมภาพระดับสูงสุด เท่าที่ลองเล่นก็พบว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลระดับ 60fps เลยครับ ความหน้าจอใหญ่เต็มตาระดับ 6.78″ ก็เสริมความอลังการได้อย่างมากทีเดียวล่ะ

เล่น Call of Duty บน vivo X100 Series 5G

ส่วนเกม Call of Duty เกมยิงที่เราเล่นเป็นประจำ เกมนี้เราปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้ 2 แบบคือ Very High + Max หรือ Medium + Ultra พร้อมเอฟเฟกต์อื่น ๆ ได้หมด เท่าที่เราเล่นก็เพลิดเพลินไปกับกราฟิกที่สวยงามและเฟรมเรตที่ลื่นไหลเป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเปิดเฟรมเรตเป็น Ultra ก็ทำได้ลื่นระดับ 120fps จริง ๆ ครับ

เล่น Genshin Impact บน vivo X100 Series 5G

ปิดท้ายที่ Genshin Impact เกมสุดฮิตในการทดสอบประสิทธิภาพยุคนี้ บน vivo X100 Series 5G เราสามารถปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุด 60fps เช่นกัน ทำให้เราเล่นได้อย่างลื่นไหล และภาพกราฟิกก็สวยมาก ๆ ด้วย สมกับเป็นรุ่นท็อปที่สามารถเล่นเกมสุดโหดแบบนี้ได้อย่างราบรื่น แม้จะเล่นกันต่อเนื่องก็ไม่เจออาการกระตุกจนขัดใจเลยล่ะครับ

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ พร้อมชาร์จเร็วระดับ 120W

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ vivo X100 Series 5G ให้ความจุแบตฯมาเยอะพร้อมระบบชาร์จเร็วสุด ๆ แต่ความจุแบตเตอรี่กับระบบชาร์​จเร็วจะแตกต่างกันนิดหน่อยดังนี้ครับ

• vivo X100 5G แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh | ชาร์จเร็ว 120W FlashCharge
• vivo X100 Pro 5G แบตเตอรี่ความจุ 5400mAh | ชาร์จเร็ว 100W FlashCharge | รองรับชาร์จไร้สาย 50W

เรียกว่าให้มาเยอะเพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ อย่างบน vivo X100 Pro 5G เท่าที่เราลองใช้งานเป็นเครื่องหลักกว่า 2 สัปดาห์ ก็รู้สึกพอใจมาก เราแทบไม่ต้องกังวลในเรื่องแบตเตอรี่เลย จะเล่นเกม ถ่ายรูป หรือโซเชี่ยลแบบจัด ๆ ทั้งวัน ก็เอาอยู่ หรือถ้าบังเอิญใช้หนักจนเหลือน้อยจริง ๆ ก็มีระบบชาร์จเร็วระดับ 100W มาให้เราชาร์จกลับแป๊บเดียวก็เต็มแล้วครับ

สรุปแล้วในเรื่องประสิทธิภาพ ในเรื่องประสิทธิภาพและความแรงเราว่า vivo X100 Series 5G สบายใจได้เลย ชิป Dimensity 9300 รอบนี้ทำมาดีมาก ๆ ทั้งการรองรับเกมหรือการจัดการความร้อน ก็ถือว่าหายห่วง เราแทบไม่เจอปัญหาเรื่องการประมวลผลหนัก ๆ เลย แบตเตอรี่ที่เยอะเพียงพอพร้อมชาร์จเร็วที่แทบไม่ต้องรอนาน ๆ

FunTouch OS 14 ระบบใหม่ล่าสุดจาก vivo

ปิดท้ายกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับด้วย FunTouch OS 14 เหมือนกัน หมายความว่านี่คือรุ่นล่าสุดของ vivo แล้วนั่นเองครับ มาพร้อมอนิเมชั่นที่ลื่นไหล การปรับแต่งที่หลากหลาย และฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพียบ อาทิ…

Smooth Performance

สามารถลดกระบวนการที่อยู่ภายในระบบโดยอัตโนมัติผ่าน RAM Saver และเพิ่มพื้นที่ RAM ที่มีอยู่ รวมทั้ง ฟีเจอร์ App Retainer ใหม่ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแอปที่ใช้งานจะถูกเปิดกลับมาหน้าล่าสุดเสมอ X100 Series ยังรองรับ Motion Blur ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลของจอแสดงผลด้วยอัตราการรีเฟรช 60Hz ที่น่าประทับใจ ถึง 18.7%

Multitasking

เปิดตัว Mini Window ใหม่สําหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน ผู้ใช้ยังสามารถสลับระหว่าง โหมดหน้าต่างเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

Personalization

X100 Series 5G อัปเดตการปรับแต่งรูปแบบนาฬิกาบนหน้าจอล็อกได้แล้ว และยังมีคุณสมบัติ AOD Styles ที่หลากหลายและการปรับระดับเสียงต่อแอป ทําให้เราสามารถปรับแต่งและควบคุมได้ดียิ่งขึ้น

ราคาเปิดตัวและโปรโมชั่น

vivo X100 Series 5G เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นมีให้เลือกความจุเดียวในแต่ละรุ่นมีราคาดังนี้

• vivo X100 5G (12GB + 256GB) ราคา 26,999 บาท
• vivo X100 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 37,999 บาท

มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ซื้อภายในวันที่ 31 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2567 จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวม 10,798 บาท ประกอบด้วย

• รับหูฟัง TWS 3e สีขาวมูลค่า 1,799 บาท
• EVIP Card มูลค่า 8,999 บาท (รวมประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก)

วางจำหน่ายแล้วที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ Shopee และ Lazada

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนที่มาเปลี่ยนนิยามของการถ่ายภาพของจริง!”

สรุปแล้ว รีวิว vivo X100 Series 5G ก็ถือว่าเป็นสองเรือธงที่เกิดมาเพื่อเปลี่ยนนิยามของการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนจริง ๆ ครับ เพราะทั้งฮาร์ดแวร์ชั้นสูงที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก ซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนมาดีจนถ้าได้ลองหยิบมา Snap ภาพแล้วจะไม่อยากวาง อยากจะถ่ายอีกไปเรื่อย ๆ มอบประสบการณ์ถ่ายภาพที่สนุกและถูกใจแน่นอน ส่วนด้านอื่น ๆ X100 5G ทั้ง 2 รุ่นก็ไม่น้อยหน้าเรือธงรุ่นอื่น ๆ แน่นอนด้วยสเปคที่สูงสุดทั้งหน้าจอ AMOLED 3D สว่างสุด 3000nits, ชิป Dimensity 9300 ที่ปรับจูนมาดีประมวลผลหนัก ๆ สบาย, แบตเตอรี่ที่ให้มาจุใจพร้อมชาร์จเร็วจนเราไม่ต้องกังวลไปเลย และที่ขาดไม่ได้คือดีไซน์แรงบันดาลใจจากท้องฟ้าที่สวยตั้งแต่มองจนหลงใหลเมื่อได้สัมผัส

ส่วนรุ่นที่มีให้เลือก 2 รุ่นเราว่า vivo วางกลุ่มเป้าหมายมาดีมาก ใครที่ต้องการความเพรียวบางพร้อมกล้องที่ครบทุกระยะและเพียงพอในงบที่ไม่ถึง 27,000 บาท vivo X100 5G คือตัวจบที่คุณจะหาได้ ณ ตอนนี้แล้ว แต่ถ้ามีงบไม่จำกัดอยากได้สุดทุกด้าน กล้องหลักละลายหลังโหด ๆ ซูมไกลขึ้น คมขึ้น เราว่า X100 Pro 5G ก็คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดครับ!