รีวิว vivo X Fold5 สมาร์ตโฟนจอพับ “So Light, So Strong” บางเบาอย่างมีคลาส ทนทาน เหนือระดับ

โดย Shine

มาแล้ว !! รีวิว vivo X Fold5 สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นแรกของ vivo ที่เข้ามาในประเทศไทย บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน รุ่นนี้มาในสโลแกน “So Light, So Strong” บางเบาอย่างมีคลาส ด้วยตัวเครื่องที่มีทั้งความเบาและบางมากๆ สเปกจัดเต็ม ประสบการณ์การใช้งานหลากหลาย และให้ความรู้สึกแรกในการสัมผัสที่ยอดเยี่ยมครับ

สรุปสเปก vivo X Fold5

  • ขนาดตัวเครื่อง (สี Titanium Gray) : 159.68 x 142.29 x 4.3 มม. (ตอนกาง) / 159.68 x 72.60 x 9.2 มม. (ตอนพับ)
  • น้ำหนัก (สี Titanium Gray) : 217 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลด้านใน AMOLED LTPO 8T ขนาด 8.03 นิ้ว ความละเอียด (2K) 2480 × 2200 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 120Hz อัตราส่วน 4:3.55 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 92%, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500nits
  • หน้าจอแสดงผลด้านนอก AMOLED ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2748 × 1172 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 120Hz อัตราส่วน 21.1:9 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 92.06%, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500nits
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 8 Gen 3 Octa-core ความเร็วสูงสุด 3.3GHz
  • GPU : Adreno 750
  • RAM : 16GB LPDDR5X
  • ROM : 512GB UFS 4.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์จาก ZEISS ดังนี้
    • เลนส์หลัก Ultra Sensing VCS Bionic 50MP, รูรับแสง f/1.57, ระยะ 23 มม. เซ็นเซอร์ Sony IMX921, 1/1.56″ และรองรับกันสั่น OIS
    • เลนส์ Ultra Wide-Angle 50MP มุมกว้าง 120 องศา รูรับแสง f/2.05, เซ็นเซอร์ JN1 รองรับ AF
    • เลนส์ ZEISS Telephoto Camera 3x 50MP รูรับแสง f/2.55, ระยะ 70 มม. เซ็นเซอร์ Sony IMX882, 1/1.95″ ซูมสูงสุด 100x และรองรับกันสั่น OIS
  • กล้องหน้าด้านในและด้านนอก 20MP รูรับแสง f/2.4
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Funtouch OS 15
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ BlueVolt Silicon Anode Gen 4 ความจุ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge และ 40W Wireless FlashCharge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

มาแกะกล่อง vivo X Fold5 กันเลย !

หรูหราตั้งแต่ตัวกล่องกันเลยทีเดียวสำหรับ vivo X Fold5 มาในกล่องสีดำทรงสี่เหลี่ยม มีชื่อรุ่น X Fold5 ตรงกลางแบบชัดเจน

เปิดออกมาจะเจอกับตัวเครื่อง โดยที่หน้าจอด้านนอกมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยครับ

เปิดมาอีกชั้น มีอะแดปเตอร์ชาร์จไว 90W และสาย USB Type-A to Type-C

และท้ายสุดจะมีกล่องดำที่ข้างในใส่อุปกรณ์เสริมอื่นๆ มาให้ ตั้งแต่เคสหนังเทียมที่มีลายตัดอย่างสวยงาม พร้อมด้วยเข็มเปิดถาดซิม และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ดีไซน์บางเบาแบบมีคลาส หลงรักตั้งแต่สัมผัสแรก

นับตั้งแต่ที่ได้สัมผัส vivo X Fold5 บอกเลยว่านี่คือสมาร์ตโฟนจอพับที่ทำให้เราหลงรักในการใช้งานได้ไม่ยากเลยครับ ด้วยตัวเครื่องที่มีความเบาและบางมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไปเลย ซึ่งตอนพับขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 159.68 x 72.60 x 9.2 มม. เท่านั้น ไม่หนา น้ำหนักตัวเครื่อง 217 กรัม สมดุลมากๆ ในการจับถือ

ขณะที่ตอนกางเครื่องออกมาก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่ดีมากขึ้นไปอีก เพราะความบางตัวเครื่องเพียง 4.3 มม. เท่านั้น การจับถือก็ยังถนัดมือมาก ใช้งานได้อย่างลงตัวสุดๆ

ทั้งนี้ ตัวขอบก็ไม่ได้เหลี่ยมจนเกินไป มองเผินๆ นึกว่าใช้งานเรือธงรุ่นปกติจาก vivo เลยล่ะครับ

สีที่เราได้มาจะเป็นสีเทา Titanium Gray บอกเลยว่าเป็นสีเทาที่เสริมความมีคลาสและความหรูหราขึ้นไปอีก สัมผัสดี ไม่ลื่นมือ โดยสีนี้ให้แรงบันดาลใจจากโลหะไทเทเนียมที่ทรงพลัง ให้ความล้ำสมัยและนวัตกรรมแห่งอนาคต

บานพับแข็งแรงขั้นสูงด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่

เมื่อเป็นรุ่นจอพับ เรื่องของบานพับก็เป็นส่วนสำคัญมากๆ โดย vivo X Fold5 ใช้บานพับ Armor Architecture 2 ที่เสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่เป็นมาตรฐานใหม่ที่เป็นแบบหมุน-เลื่อน ทำให้รอยพับตรงกลางหน้าจอน้อยลง และไม่ได้มองเห็นชัดเจนระหว่างการใช้งานครับ แถมยังรองรับการพับได้มากถึง 600,000 ครั้งเลยทีเดียว

ทนทานเหนือระดับทั้งน้ำและฝุ่นรวมถึง 4 มาตรฐาน

แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนจอพับ แต่ vivo X Fold5 ก็มีความทนทานทั้งทนน้ำในระดับ IPX8 ซึ่งเป็นมาตรฐานทนน้ำที่สามารถลงน้ำสะอาดได้ 3 เมตร สูงสุด 30 นาที ใช้งานต่อได้แม้โดนฝนตกหนักหรือละอองน้ำทั่วไปได้แบบสบายๆ มี IPX9 ที่ทนน้ำร้อนและน้ำแรงดันสูง และ IPX9+ ที่ทำให้สามารถพับใต้น้ำได้มากถึง 1,000 ครั้ง

ขณะที่การทนฝุ่นก็อยู่ที่มาตรฐาน IP5X สามารถกันละอองฝุ่นได้ โดยไม่ทำให้เครื่องเสียหายหรือเข้าไปภายในเครื่องแน่นอนครับ ที่สำคัญ นอกเหนือจาก 2 มาตรฐานนี้แล้วก็ยังสามารถทนต่อความเย็นในระดับ -20 องศาเซลเซียสได้ด้วย

หน้าจอแสดงผลด้านนอก ใช้งานเหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไป

มาดูที่หน้าจอแสดงผลกันเลยครับ ขอเริ่มที่การใช้งานด้านนอกกันก่อน vivo X Fold5 ให้จอนอกมาที่ 6.53 นิ้ว พาเนล AMOLED ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป โดยมีอัตราส่วนแบบ 21.1:9 ใช้งานจริงก็ทำได้ยอดเยี่ยม ด้วยขอบหน้าจอที่บาง มีความละเอียดสูง 2748 x 1172 พิกเซล แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี จอสว่างสุด 4500nits และยังใช้งานไหลลื่น 120Hz ด้วย

กระจกหน้าจอด้านนอกยังให้มาเป็นแบบ Armor Glass 2 ที่มีความทนทานมากขึ้น ทนแรงเจาะได้สูงขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 30%

กางหน้าจอใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแบบ ZEISS Master Color Display

มาดูหน้าจอด้านในกันต่อเลย จะได้เป็นหน้าจอ LTPO 8T AMOLED ขนาดใหญ่ 8.03 นิ้ว มีขนาดที่ใหญ่ใช้งานเต็มตาแน่นอน ยิ่งใครที่ชอบดูวิดีโอก็เหมือนได้แท็บเล็ตขนาดย่อมๆ มาใช้งานเลย ขณะที่ความละเอียดก็สูงอยู่ที่ 2480 × 2200 พิกเซล แถมรองรับ Refresh Rate 120Hz มีอัตราส่วน 4:3.55 แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500nits เช่นกัน

ทั้งนี้ยังรองรับ 1920Hz High PWM Dimming ที่เป็นความถี่สูงเพื่อถนอมสายตาในการใช้งานนานๆ โดยเฉพาะใช้งานในที่แสงน้อยครับ

พาชมรอบเครื่องกันสักหน่อย

พามาดูรอบเครื่องกันต่อว่ามีอะไรมาให้กันบ้าง ซึ่งเราขอพามาดูตอนแบบกางเครื่องแล้วกันครับ ที่หน้าจอแสดงผลจะเป็นหน้าจอแบบเต็ม โดยจะมีกล้องหน้าแบบ Punch Hole 20MP มาให้ตรงมุมขวาบน

ทางด้านซ้ายเครื่องจะมีปุ่มลัดเพื่อการใช้งานด่วนที่สามารถตั้งค่าได้ ซึ่งเราจะมีพูดถึงในพาร์ทด้านการใช้งานครับ

ฝั่งขวาจะได้ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง พร้อมด้วยปุ่ม Power ที่จะเป็นการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ให้

ขอบด้านล่างจะมีลำโพงสเตอริโอตัวที่ 1 และถัดมาอีกฝั่งจะเป็นไมโครโฟน พอร์ต USB-C ที่มีการตัดขอบให้เว้าเข้าไปเพราะความบางของเครื่อง แต่การใช้งานตอนเสียบชาร์จก็ปกติมากๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรให้น่ากังวลครับ

ด้านบนจะให้ลำโพงสเตอริโออีกตัว พร้อมกับมีไมโครโฟนอีก 2 ตัว (รวม 3 ตัว)

พลิกมาที่ด้านหลังจะเป็นฝาหลังที่มีโมดูลกล้องขนาดใหญ่ตามสไตล์ของ vivo ที่มีการร่วมการพัฒนากับ ZEISS เช่นเคย ซึ่งกล้องให้มา 3 เลนส์ และไฟแฟลช 2 ดวงครับ ขณะที่หน้าจอด้านนอกจะมีกล้องหน้า Punch Hole 20MP มาให้เหมือนกัน

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

มาพร้อม Funtouch OS 15 ใช้งาน Multi-Tasking ได้แบบจัดเต็ม

vivo X Fold5 ในครั้งนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 15 มีการครอบทับด้วย Funtouch OS 15 ซึ่งนอกเหนือจากการใช้งานเหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไปแล้ว ก็ยังเสริมพลังของการใช้งานสำหรับสมาร์ตโฟนจอพับที่ต้องใช้หลายแอปพลิเคชั่นพร้อมกันด้วย เพิ่มความสะดวกมากๆ ส่วนเรื่องความไหลลื่นก็ไม่ต้องห่วงเลยล่ะ

Origin Workbench เปิดพร้อมกัน 5 แอป สลับได้ในหน้าเดียว

ฟีเจอร์นี้จะเป็นการเปิดแถบงานที่สามารถทำงานในหน้าจอเดียวได้สูงสุด 5 แอป ซึ่งจะมีหน้าจอหลัก 1 จอฝั่งขวาเพื่อใช้งาน และแอปสำรองอีกถึง 4 แอป โดยเราสามารถใช้งานได้แบบเต็มประสิทธิภาพของแอปหลักที่ใช้งาน และหากต้องการสลับแอปก็เพียงแค่กดแอปแถบด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว แล้วแต่ละแอปที่อยู่ในหน้าจอแถบงานทั้งหมดยังคงทำงานอยู่ครับ ใครที่อยากฟังเพลงหรือดูวิดีโอเป็นจอเล็กๆ ไปพลางๆ ก็ทำได้เลยครับ

Multi-Tasking เปิดแอปแยกหน้าจอก็ได้เหมือนกัน

หรือใครที่ต้องการใช้งานแบบ 2 แอปหลักที่ให้หน้าจอเต็มเหมือนกันก็สามารถเปิดแอปแยกจอได้เลย มีการแบ่งซ้าย-ขวาชัดเจน ที่สำคัญหากใช้งานแอปที่ 3 และ 4 ก็สามารถใช้เป็นหน้าต่างเล็กได้ด้วย ทำให้เราเปิดหลายแอปได้มากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนถ้าจะเปิดแอปมากกว่า 4 แอป หรือต้องการซ่อนแอปบางตัวก็สามารถซ่อนไว้ที่ขอบหน้าจอ ซึ่งสามารถกดเพื่อเปิดอีกครั้งได้เลยเหมือนกัน

รวมถึงการทำงานระหว่างแอปก็ยังใช้งานได้เช่นกันครับ จะลากไฟล์ไปมาก็ทำได้เลย

ปุ่มลัดด้านข้างกดใช้งานได้ดวกมากขึ้น

ในรุ่นนี้ได้ใส่ปุ่มลัดด้านข้างมาให้ใช้งานด้วย ซึ่งจะเป็นการเปิดการทำงานด่วนตามที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ ใช้งานได้ทั้งการกดค้างและการกด 2 ครั้งติด ดังนี้

  • สลับโหมดระหว่างเสียงเรียกเข้า สั่น และเงียบ สำหรับสายเรียกเข้าและการแจ้งเตือน
  • ไฟฉาย
  • กล้อง
  • โน้ต
  • การบันทึกเสียง
  • AI แคปชั่น
  • การเข้าถึงแอปต่างๆ

ระบบความปลอดภัยครบครัน

สำหรับ vivo X Fold5 ได้ใส่ระบบการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างมาให้ตามที่บอกไป ซึ่งการทำงานก็รวดเร็วและสะดวกมากๆ หรือการสแกนใบหน้าก็ทำได้เหมือนกัน ลงทะเบียนสแกนใบหน้าครั้งเดียวก็ใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าในจอและนอกจอ

ระบุหมายเลขที่โทรเข้ามาได้ทันทีเพิ่มความปลอดภัย

vivo X Fold5 ยังเพิ่มการป้องกันสายโทรเข้าที่เป็นเบอร์แปลกหรือเบอร์ที่ไม่รู้จัก โดยสามารถระบุได้ว่าเป็นเบอร์อะไรที่โทรเข้ามา ซึ่งทำให้เราป้องกันตัวเองได้มากขึ้นกว่าเดิมจากการโดนหลอกครับ

ผู้ช่วยการโทรสุดอัจฉริยะ Smart Call Assistant

อีกอย่างที่มีเข้ามาในการโทร คือผู้ช่วยแปลเสียงระหว่างการโทรได้แบบเรียลไทม์เลย ทำให้คุยระหว่างภาษาอื่นได้ง่ายขึ้น รองรับภาษาหลักๆ เช่น อังกฤษ ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกเพียบ ซึ่งการแปลจะเป็นการแสดงข้อความที่แปลบนหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ด้วย รวมถึงสามารถสรุปประเด็นที่คุยได้อัตโนมัติหลังการโทรเลยครับ

แปลวิดีโอหรือระหว่างการประชุมได้ผ่าน AI Captions

นอกเหนือจากการแปลระหว่างการโทรแล้ว ก็ยังสามารถแปลได้ง่ายๆ ผ่านการรับชมวิดีโอหรือประชุมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Zoom, Teams, Google Meet หรือ WhatsApp รองรับหลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกเพียบ ซึ่งการแปลจะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอทันทีแบบเรียลไทม์ มีความแม่นยำพอสมควร ทั้งนี้ เราก็ยังสามารถสรุปทุกอย่างได้ผ่าน AI

แปลงข้อความที่เห็นผ่านกล้องเป็นตัวอักษรได้ทันทีผ่าน Snap Text

ผู้ช่วยเรื่องการทำงานอีกอย่างที่ให้ใช้งานคือ Snap Text หรือการจับภาษาบนแอปพลิเคชั่นโน้ตที่ติดตั้งมากับเครื่อง โดยเครื่องจะอ่านข้อความจากกล้องและแสดงผลบนโน้ตทันที รองรับทั้งการใช้งานแบบนามบัตร ใบเสร็จ โน้ตเขียนมือ และข้อความสั้นๆ ซึ่งเราสามารถกดแทรกเพื่อให้ข้อความที่แสดงเป็นข้อความดิจิทัลทันที รองรับทั้งไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี

แปลภาษาบนหน้าจอได้ผ่าน AI Screen Translation

เรื่องการแปลยังมีมาให้ใช้อีก นั่นคือฟีเจอร์การแปลหน้าจอ หรือ AI Screen Translation ที่เข้าถึงได้ที่แถบด้านข้างของหน้าจอ โดยการแปลนี้จะแปลสิ่งที่อยู่บนหน้าจอทั้งหมดทันทีด้วย Google Lens ทำให้ใช้งานได้ง่ายในการอ่านเว็บไซต์ต่างประเทศหรือบทความต่างๆ ครับ

Google Gemini มือขวาอัจฉริยะ

แน่นอนว่า vivo X Fold5 มาพร้อม Gemini ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google ที่สามารถใช้งานได้ผ่านการกดปุ่ม Power ค้างไว้ โดยเราสามารถถามสิ่งที่อยากรู้ กำหนดการเที่ยวต่างๆ ที่ Gemini สามารถแพลนให้เราได้เลย หรือจะเป็นการสั่งให้ตั้งนาฬิกาปลุกหรือจดข้อบันทึกใปฏิทินได้เหมือนกันครับ

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 8 Gen 3

vivo X Fold5 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 แบบ Octa-core ความเร็วสูงสุด 3.3GHz และมาในขนาดเล็ก 4nm ผลิตจาก TSMC ซึ่งชิปตัวนี้เป็นชิปเรือธงของปี 2024 แต่บอกเลยว่าการใช้งานจริงยังคงเร็วและแรง เรื่องความร้อนก็จัดการได้ดีเลยทีเดียว ใช้งานหรือถ่ายรูปกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ก็สบาย ระบายความร้อนได้ดี และไม่มีการตัดการทำงานของแอปเลย ทั้งนี้ Snapdragon 8 Gen 3 ยังได้ GPU Adreno 750 ที่ทำให้เราเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ได้ไหลลื่นเหมือนเดิมด้วย

จัด RAM แบบ 16GB เสริมได้อีก 16GB

RAM พื้นฐานที่ให้มาในรุ่นนี้ถึง 16GB แบบ LPDDR5X แล้วด้วย เอาจริงๆ RAM ขนาดนี้เพียงพอต่อการใช้งานหลายแอปพร้อมกันอยู่แล้ว แต่ vivo X Fold5 ยังสามารถมี RAM เสมือนเพิ่มได้อีก 16GB รวมเป็น 32GB ทำให้เราสามารถเปิดแอปในพื้นหลังได้มากขึ้นหลาย 10 แอปเลยทีเดียวครับ

ผลการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu v10.3.6 ได้มาที่ 2,004,261 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 2,169 คะแนน และ Multi-Core ที่ 6,539 คะแนน

ทดสอบการเล่นเกมกันหน่อย

ROV

มาเริ่มกันที่เกม ROV แน่นอนว่าด้วยชิปเรือธงก็สามารถเปิดทุกอย่างได้สูงสุดทั้งหมด การเล่นภายในเกมก็ไหลลื่น มีเฟรมเรทที่นิ่งมาก ไม่มีกระตุก และเฟรมไม่เหวี่ยงด้วย ถ้ายิ่งเล่นด้วยหน้าจอด้านในที่กางออกมาก็ทำให้แสดงผลแผนที่ได้แบบเต็มที่ เห็นเยอะกว่าเดิมแน่นอนครับ

PUBG Mobile

มาต่อที่ PUBG Mobile ก็สามารถเปิดกราฟิกในระดับ Ultra HD และเฟรมเรท Ultra ได้เหมือนกัน ทำให้เล่นได้ลื่นๆ ไม่มีสะดุดเลย การตอบสนองหน้าจอก็ทำได้รวดเร็วครับ

Asphalt Legends

ท้ายสุดมาที่เกม Asphalt Legends เปิดกราฟิกสวยๆ ได้สูงสุด ภาพที่ได้ไหลลื่นสุดๆ ทั้งตอนเล่นและตอน Cut Scene บอกเลยว่าภาพงามหยดแบบเต็มตาเลยล่ะ !

แบตเตอรี่ BlueVolt 6000mAh สูงที่สุดในสมาร์ตโฟนจอพับ

เห็นบางๆ แบบนี้แต่ vivo X Fold5 ให้แบตเตอรี่แบบ BlueVolt Silicon Anode Gen 4 มาถึง 6000mAh ซึ่งเป็นความจุที่ใหญ่ที่สุดของสมาร์ตโฟนจอพับในตอนนี้ เป็นเทคโนโลยีแบตฯ ที่ล้ำที่สุดของ vivo จากที่ใช้งานทั่วไปคืออยู่ได้ทั้งวัน หรือถ้าเล่นเกม เปิดกล้องบ่อยๆ ก็ชาร์จเพิ่มแค่ครั้งเดียวก็ใช้งานได้เต็มที่ทั้งวัน

ที่สำคัญคือรองรับการชาร์จไวถึง 80W FlashCharge ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ชาร์จแบตได้เต็มแล้ว

สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างอิสระด้วยกล้อง ZEISS Professional Imaging

แม้ว่าฟังก์ชันการทำงานต่างๆ จะเน้นไปในเรื่องของหน้าจอที่พับได้เป็นหลัก แต่ vivo ก็ยังไม่ทิ้งพลังกล้อง ZEISS ใน vivo X Fold5 บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ เช่นเคย และให้เราได้สัมผัสพลังของกล้องหลังระดับดับท็อป โดยสเปคของกล้องทั้งหมดเราขอสรุปสั้นๆ ไว้ให้ตามนี้ครับ

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.57, IMX921 และรองรับกันสั่น OIS
  • เลนส์ Ultra Wide-Angle 50MP, 120 องศา
  • เลนส์ Periscope Telephoto 3x 50MP, IMX882, 1/1.95″ ซูมสูงสุด 100x
  • กล้องหน้าด้านในและด้านนอก 20MP

กล้องหลักถ่ายสวยระดับเรือธงด้วยเซ็นเซอร์ Sony

ใน vivo X Fold5 กล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX921 คมชัดสูง 50MP ทั้งยังได้รูรับแสงที่กว้าง f/1.57 ทำให้เก็บแสงได้เยอะขึ้น ถ่ายภาพได้คมชัด มีความสว่าง สีสันมีความสดและอิ่มมากๆ แถมยังเก่งทั้งเรื่องการถ่ายในทุกสภาพแสงด้วย เอาจริงๆ ยังไม่หมดเท่านี้เพราะยังมีโหมดปรับแต่งสีให้เลือกถึง 4 แบบหลัก คือ B&W (ขาวดำ), TEXTURE, VIVID และ ZEISS ครับ

รวมไปถึงยังได้โหมดภาพถ่ายสไตล์วินเทจอีก 3 แบบที่ช่วยเข้ามาเสริมความสร้างสรรค์จาก 3 โทนฟิล์มในตำนานให้เราสนุกกับการถ่ายภาพจาก vivo X Fold5 ขึ้นไปอีกขั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์ม NC เนกาทีฟคลาสสิก (Classic Negative), ฟิล์ม CC ฟิล์มโพสิทีฟ (Positive Film) และฟิล์ม VB ฟ้าใส (Clear Blue)

เปลี่ยนภาพนิ่งให้มีชีวิตด้วย Live Photo

อีกฟีเจอร์ที่เข้ามาในโหมดกล้องหลักคือ Live Photo ที่จะเป็นการถ่ายภาพก่อน-หลังเรากดชัตเตอร์เอาไว้เพื่อให้เราสามารถกลับมาแก้ไขหรือเลือกช็อตใหม่ได้ทีหลังด้วย ทั้งนี้หากใครที่มีภาพช็อตเด็ดแล้ว ก็ยังสามารถกดค้างที่ภาพเพื่อให้เล่นเป็นวิดีโอสั้นประมาณ 3 วินาทีได้ด้วย ทำให้เราย้อนดูความทรงจำในแบบเคลื่อนไหวได้

รวมโหมดทิวทัศน์และกลางคืน พร้อมเปลี่ยนประเทศไทยให้มี 4 ฤดู

vivo X Fold5 ยังทำให้เราถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นด้วยการรวมโหมดทิวทัศน์และกลางคืน มีทั้งการถ่ายภาพโหมดกลางคืน โหมดเปิดรับแสงนาน (Long Exposure) รวมถึงการแก้ไขมุมมองของ ZEISS ทั้งนี้ ในโหมดนี้ก็ยังมีอีก 2 ฟิลเตอร์พิเศษเข้ามาให้ใช้งานกันอีก คือ บรรยากาศ และนุ่มนวล รวมถึงการเปลี่ยนให้ประเทศไทยมี 4 ฤดูได้แล้ว ซึ่งจริงๆ นี่คือสิ่งที่ vivo จัดมาให้ตามคำเรียกร้องของผู้ใช้งานโดยเฉพาะเลย เป็นการถ่ายภาพที่สามารถเปลี่ยนฤดูกาลได้ถึง 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบได้ร่วง และฤดูหนาว บอกเลยว่าแต่ละภาพที่ AI เข้ามาช่วยแต่งนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยม และเหมือนจริงมากๆ เรียกว่า “ต่างประเทศเหมือนอยู่แค่ปากซอย” เลยล่ะครับ

พอร์ตเทรต ZEISS Multifocal Portrait และ AI Four-Season Portrait

พามาดูเรื่องการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ vivo มาเสมอ ในรุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมกับ ZEISS Multifocal Portrait ที่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้หลายระยะและมีสไตล์โบเก้ให้ใช้งานเพียบและหลายระยะ ดังนี้

  • ระยะ 23mm Landscape Portrait + ZEISS Distagon Style Bokeh
  • ระยะ 35mm Street Portrait + ZEISS B-Speed Style Bokeh
  • ระยะ 50mm Classic Portrait + ZEISS Biotar Style Bokeh
  • ระยะ 85mm Black & White Portrait
  • ระยะ 85mm Figure + ZEISS Sonnar Style Bokeh
  • ระยะ 100mm Close-Up + ZEISS Planar Style Bokeh

นอกจากนี้การใช้งาน AI Four-Season Portrait ที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศในภาพพอร์ตเทรตให้เหมือนเราอยู่ในฤดูกาลทั้ง 4 ฤดู ได้แบบเนียนตาและสุดยอดมากๆ ครับ เอาเป็นว่าถ่ายยังไงก็สวยจริงๆ

ใช้ดีไซน์จอพับให้เต็มประสิทธิภาพด้วย Dual Display Preview และ Flex Mode

ก่อนจะไปโหมดอื่นกันต่อ การที่เราใช้สมาร์ตโฟนจอพับก็ต้องมีอะไรที่พิเศษมาให้ใช้งานกันครับ vivo X Fold5 มาพร้อม Dual Display Preview ดูภาพพรีวิวของตัวเองผ่านหน้าจอด้านนอก (เมื่อเราใช้งานหน้าจอด้านใน) ทำให้บุคคลที่ถูกถ่ายสามารถจัดท่าทางได้ดีกว่าเดิม หรือปรับท่าโพสได้ดีขึ้นด้วย หรือใครจะใช้งานเซลฟี่จากกล้องหลังก็ทำได้เหมือนกันล่ะครับ

ขณะที่ Flex Mode จะเป็นการใช้งานหน้าจอด้านในเมื่อพับครึ่ง โดยครึ่งบนจะเป็นการแสดงภาพที่จะถ่าย ขณะที่ส่วนครึ่งล่างจะเป็นภาพตัวอย่างที่ถ่ายออกมาแล้ว และเมนูกล้องเพิ่มเติมครับ ทำให้เวลาเดินทางคนเดียวก็สามารถได้ภาพสวยๆ แค่ตั้งเครื่องแล้วกดถ่ายได้แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องอีกไป

Telephoto ไกลสูงสุดถึง 100 เท่า

แน่นอนว่าเลนส์ Telephoto ก็เป็นอีกตัวชูโรงของ vivo X Fold5 ที่ถ่ายในระยะออปติคอลได้ที่ 3x แต่ยังมาพร้อมอัลกอริทึม AI Ultra Clear Image ผสานกับกล้องที่คมชัดสูง 50MP ช่วยให้เราซูมไปได้ไกลกว่านั้นและคมชัดเหมือนเดิม เห็นรายละเอียดของวัตถุชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเราสามารถซูมได้ไกลสูงสุดถึง 100x เลยทีเดียว

Telephoto Macro ถ่ายได้ใกล้อย่างชัดเจนขั้นสุด

ใครที่ชอบถ่ายภาพในระยะใกล้ๆ vivo X Fold5 ก็เป็นอีกรุ่นที่ตอบโจทย์เหมือนกันครับ การถ่ายภาพระดับ Macro ทำให้เราเห็นรายละเอียดของสิ่งเล็กๆ ได้แบบชัดเจน เช่น แมลง ใบไม้ หรือวัตถุต่างๆ ที่ต้องการได้เลย ซึ่งนอกจากจะเห็นรายละเอียดใกล้ๆ แล้ว ยังทำให้ราไม่ต้องเข้าไปใกล้สิ่งที่ต้องการจะถ่ายอีกด้วย

แต่งเติมหรือแก้ไขภาพได้ง่ายด้วย AI Image Studio

vivo X Fold5 มาพร้อมกับ AI Image Studio ที่เป็นสตูดิโอแก้ไขภาพที่ให้เราแก้ไขหรือแต่งเติมภาพถ่ายให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยจะมีหลักๆ 4 แบบ ดังนี้

  • AI Erase : สามารถลบภาพและมีการแต่งเติมให้ส่วนที่ถูกลบถูกเติมอย่างสมบูรณ์และก็มีความเนียนสุดๆ ด้วยครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Erase (ขวา)

  • AI Image Expander : เป็นการขยายภาพที่ถ่ายให้กว้างกว่าเดิม หรือเติมแต่งส่วนที่คิดว่าขาดหายไปให้ครบถ้วนด้วยครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Image Expander (ขวา)

  • AI Reflection Erase : ลบแสงสะท้อนที่เกิดขึ้น เช่น การถ่ายผ่านกระจก หรือแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Reflection Erase (ขวา)

  • AI Magic Move : สามารถย้ายวัตถุที่ต้องการในภาพให้อยู่ในจุดที่เราต้องการ หรือเพื่อให้ภาพได้องค์ประกอบที่ดีกว่าเดิม

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Magic Move (ขวา)

Stage Mode ถ่ายภาพบนเวที มินิคอนเสิร์ตหรืองาน Event ต่างๆ ได้ดีขึ้น

ในโหมดนี้ทำมาเพื่อการถ่ายภาพที่อยู่บนเวทีโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแสงสีที่เยอะกว่าสภาวะปกติ ทำให้ vivo นำ AI เข้ามาช่วยเสริมให้เราถ่ายภาพบนเวทีในโหมดนี้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ปรับจูนการทำงาน 3A (โฟกัสอัตโนมัติ แสงอัตโนมัติ สมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติ) รวมถึงสามารถซูมภาพนิ่งได้สูงสุด 20 เท่า หรือวิดีโอสูงสุด 15 เท่า ทั้งยังปรับรายละเอียดให้คมชัดด้วยครับ

Ultra Wide-Angle ถ่ายกว้าง 120 องศา พร้อมความคมชัด

ในเลนส์ Ultra Wide-Angle ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมด้วยความคมชัดสูง 50MP รวมถึงยังได้ความกว้างถึง 120 องศา ได้ภาพที่ครบองค์ประกอบแน่นอน มีความสว่างและชัดเจนด้วย

เซลฟี่สวยงามตามสไตล์ vivo เหมือนเดิม

กล้องหน้าของ vivo X Fold5 ทั้งที่อยู่หน้าจอด้านนอกและหน้าจอด้านในให้มาเหมือนกันที่ 20MP ความคมชัดอาจจะไม่ได้สูงเท่ากล้องหลัง แต่ยังคงมีการปรับแต่งที่ยอดเยี่ยม ถ่ายได้คมชัด ใบหน้ามีความบิวตี้แบบเป็นธรรชาติเลยครับ และการละลายฉากหลังก็สามารถมีโบเก้ให้เลือกหลายแบบด้วย

สรุปการใช้งาน vivo X Fold5

บอกตามตรงเลยว่านี่คือสมาร์ตโฟนจอพับที่เข้าไทยมาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ สำหรับ vivo X Fold5 ทุกอย่างดูลงตัวมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของดีไซน์ที่เบาบางแบบมีคลาส ตอนกางออกมาอยู่ที่ 4.3 มม. และตอนพับก็อยู่แค่ 9.2 มม. เท่านั้น ถ้าไม่ได้สังเกตจริงๆ มองแล้วนึกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปเลยล่ะครับ หน้าจอด้านนอกใช้งานได้เต็มที่ในขนาด 6.53 นิ้ว ไหลลื่น 120Hz ด้วย ส่วนหน้าจอด้านในก็ใหญ่เต็มตา คมชัดสูงในขนาด 8.03 นิ้ว พร้อม 120Hz โดยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 ก็มองว่ายังใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและมีความเร็วแรง การใช้งานแบบ Multi-Tasking ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง เพิ่มความสะดวกในการทำงานแบบหลายหน้าจอ ยิ่งมีฟีเจอร์ Origin Workbench เข้ามาก็ทำให้ลงตัวมาก นอกจากนี้ เรื่องกล้องก็ยังคงทำงานร่วมกับ ZEISS ที่แม้ว่าจะเน้นเรื่องการใช้งานจอพับและดีไซน์ แต่จุดนี้ทำใช้ได้ขั้นสุดตามแบบฉบับของ vivo เลยด้วยครับ

ราคาและวันวางจำหน่าย vivo X Fold5

vivo X Fold5 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Feather White และสีเทา Titanium Gray โดยมีความจุเดียวคือ RAM 16GB + ROM 512GB ที่ราคา 59,999 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More