Connect with us

Featured

รีวิว Vivo NEX 3 สมาร์ตโฟนสเปคเรือธง หน้าจอโค้งแบบ Waterfall FullView สเปคแน่น ไร้ปุ่มข้าง พร้อมฟีเจอร์กล้องที่จัดแบบเต็มๆ

Published

on

Vivo NEX 3 สมาร์ตโฟนระดับเรือธงรุ่นแรกของ Vivo ที่เข้ามาในประเทศไทย โดยชูโรงที่ความพิเศษมากมายทั้งหน้าจอแสดงผลแบบโค้ง Waterfall FullView Display ขนาด 6.89 นิ้ว ใช้ขุมพลังตัวแรง Snapdragon 855+ มีกล้องหลัง 3 เลนส์สูงสุด 64MP อีกเทคโนโลยีที่ขนเข้ามาไว้ในรุ่นนี้กันเพียบ

สรุปสเปค Vivo NEX 3

  • ขนาดตัวเครื่อง : 167.44 × 76.14 × 9.4 มม.
  • น้ำหนัก : 217.3 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Waterfall FullView Display ชนิด POLED ขนาด 6.89 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2256 × 1080 พิกเซล) มีพื้นที่หน้าจอ 99.6% และรองรับ HDR10
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855+ Octa Core ความเร็ว 2.96 GHz
  • GPU : Adreno 640
  • ความจุ RAM 8GB + ROM 128GB (UFS 3.0)
  • กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
    • เลนส์ Super Wide Angle 120 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
    • เลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.48
  • กล้องหน้า Pop-Up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.09 พร้อม Selfie lighting
  • ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.1
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh รองรับ Vivo FlashCharge 22.5W

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ลักษณะกล่องของ Vivo NEX 3 จะมาในดีไซน์แบบสี่เหลี่ยมสีดำคลาสสิคสะดุดตา โดยมีสัญลักษณ์ NEX 3 อยู่ด้านหน้าและมีรูปโมดูลกล้องหลัง 3 เลนส์อยู่ด้วย เมื่อเปิดเข้ามาก็จะเจอกับฝาปิดสีดำที่ใต้นั้นจะมีอุปกรณ์แบบครบครัน ดังนี้

  • ตัวเครื่อง Vivo NEX 3 พร้อมติดฟิล์มกันรอยให้เรียบร้อย
  • สาย USB Type-C
  • หัวชาร์จแบตเตอรี่
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • เคสโทรศัพท์
  • หูฟัง
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

 

อะแดปเตอร์ของ Vivo NEX 3 จะมาแบบชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี Vivo FlashCharge กำลังไฟ 22.5W

 

ดีไซน์ตัวเครื่อง Vivo NEX 3 มาแบบในรูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันในสีเดียว คือ Glowing Night ที่มีความคลาสสิกและดูเรียบง่าย แต่ก็มีความหรูหราในตัวเหมือนกัน

 

แม้ว่าตัวเครื่องจะดูเหมือนใหญ่แต่เรื่องของการจับถือด้วยมือเดียวก็ยังทำได้สบายมือมากๆ ไม่มีลื่นไหลหลุดออกจากมือขณะใช้งานแน่นอนจากการดีไซน์คล้ายแบบไร้รอยต่อ หรือที่เรียกว่า Unibody นั่นเองครับ

 

หน้าจอแสดงผลรุ่นนี้มาแบบ Waterfall FullView Display ที่ให้ความกว้างถึง 6.89 นิ้ว และมีพื้นที่การใช้งานถึง 99.6% กันเลย แถมยังใช้งานได้อย่างคมชัดระดับ FHD+ (2256 × 1080 พิกเซล) โดยใครที่เป็นสายภาพยนตร์ต้องหลงรักแน่นอนด้วยการมีค่าสี sRGB 100% และขอบเขตสี DCI-P3 ได้ 100% และยังรองรับ HDR10 อีกด้วย

 

ในเรื่องของความโค้งของหน้าจอนั้นก็แทบไม่ต้องห่วงว่าจะกดลั่นหรือนิ้วไปโดนอะไรหรือไม่ เพราะ AI จะรู้ว่าเรากำลังจับถือในลักษณะไหน ทำให้ไม่มีการกดโดยไม่ได้ตั้งใจแน่นอนครับ หายหวงเรื่องนี้ได้เลย

 

เรื่องความโค้งหน้าจอยังไม่หมด เพราะที่ฝั่งขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มสัมผัส Touch Sense ที่เวลากดจะมีการสั่นเล็กน้อยทำให้เหมือนกับกดปุ่มจริงๆ อยู่ซึ่งส่วนนี้จะทำงานควบคู่กับมอเตอร์สั่นสะเทือน X-Axis Haptic โดยเมื่อเราลองกดทั้งปุ่มล็อค, เพิ่มเสียง หรือลดเสียงมิเตอร์ก็จะสั่นให้เรารับรู้ได้

 

เหนือหน้าจอแสดงผลจะมีช่องสำหรับปล่อยเสียงออกมา (ยังไม่ใช่ตัวลำโพง)

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีกล้อง Pop-Up ที่เรียกใช้งานได้รวดเร็ว โดยมีตัวลำโพงอยู่ด้านบนสุด และถัดลงมาจะเป็นไฟแฟลช LED และกล้องหน้า ขณะที่ยังมีไมโครโฟนตัวที่ 2 และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้เหมือนเดิม

 

ทางขวาของตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะมีเพียง Touch Sense ที่ฝังมอเตอร์การสั่นตามที่อธิบายไว้ต้นต้นครับ

 

ทางด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง, ไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

 

และสุดท้ายที่ด้านหลังจะมีกล้องหลัง 3 เลนส์ ที่จัดเรียงอยู่ในทรงกลมแบบ Lunar Ring Camera System โดยถัดลงมาจะมีไฟแฟลช LED อยู่

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ

Vivo NEX 3 แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie โดยครอบทับด้วย UI ของตัวเองอย่าง FuntouchOS 9.1 ที่ให้ความลื่นไหลในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นกว่าเวอร์ชันก่อน ทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานพื้นหลังมีการจัดการที่ดีขึ้นด้วยครับ

 

การใช้งานคร่าวๆ แอปพลิเคชั่นที่โหลดจาก Google Play Store จะมาอยู่ที่หน้าจอหลักทั้งหมด โดยเมื่อเราปัดลงจากหน้าจอจะเป็นการดูการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งหมด และหากต้องการใช้งานการตั้งค่าด่วนก็ต้องปัดขึ้นจากหน้าจอครับ

 

เอฟเฟกต์แสงโดยรอบหน้าจอโค้ง

ด้วย UI อย่าง FuntouchOS 9.1 ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์สุดพิเศษใน Vivo NEX 3 ที่ใช้หน้าจอโค้งให้เป็นประโยชน์ คือ เอฟเฟกต์แสงโดยรอบหน้าจอโค้ง ที่เมื่อมีสายเรียกเข้า แสงเอฟเฟกต์จะปรากฏขึ้นให้เห็นทันที รวมไปถึงขณะเล่นเพลงและล็อคหน้าจอก็จะมีโทนเสียงกระพริบตามให้เห็นอย่างสวยงามมากๆ ครับ ยิ่งปิดไฟนอนฟังเพลงตอนกลางคืนก็จะยิ่งเห็นเอฟเฟกต์แสงนี้ชัดเจนมากๆ โดยเราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่การตั้งค่า > การตั้งค่าเพิ่มเติม > เอฟเฟกต์แสงโดยรอบ

 

ธีมโหมดมืด Dark Mode

ด้วย FuntouchOS 9.1 รุ่นล่าสุดนี้ก็มาพร้อมกับการใช้งาน Dark Mode ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลเกือบทั้งหมดเป็นสีดำเพื่อถนอมสายตาของเราเมื่อใช้ในที่แสงน้อยหรือในตอนกลางคืน ทั้งยังช่วยเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ที่กินจากหน้าจออีกด้วย

 

ส่วนใครที่ไม่ชอบใช้โหมดมืดก็ยังมีโหมดถนอมสายตาด้วยการตัดแสงสีฟ้ามาให้เหมือนกันครับ โดยเราสามารถปรับโทนสีได้ตามใจชอบเลย

 

ปรับความไวของปุ่มข้างเครื่อง

หน้าจอ Waterfall FullView Display ทำให้ปุ่มต่างๆ หายไปทั้งหมด ซึ่งจะใช้ปุ่มแบบซอฟต์แวร์แทน โดยเราก็สามารถปรับความไวต่อแรงกดบนหน้าจอได้เหมือนกัน เพื่อให้น้ำหนักเป็นไปตามความถนัดของมือเรา ทำให้ไม่มีการกดโดยไม่ตั้งใจแน่นอน ซึ่งจริงๆ จากที่ตั้งค่าเริ่มต้นในแบบมาตรฐานก็ถือว่าเป็นน้ำหนักมือของคนปกติแล้ว แถมใช้งานได้ดีอีกด้วย

 

ระบบความปลอดภัย

แน่นอนว่าเรื่องของระบบความปลอดภัย Vivo NEX 3 ก็จัดเต็มแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่ทำได้รวดเร็วและแม่นยำมากๆ เพียงแค่แตะปุ้บหน้าจอก็ติดปั้บ

ส่วนการสแกนใบหน้าก็สามารถทำงานได้รวดเร็วมากๆ จากกล้อง Pop-Up ที่เด้งขึ้นมาและสแกนทันทีอย่างรวดเร็ว แต่ระบบสแกนใบหน้าจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเราสแกนลายนิ้วมือไม่ผ่าน 3 ครั้งครับ ไม่สามารถปัดขึ้นเองแล้วให้สแกนใบหน้าทันทีได้

 

ลูกบอลเพิ่มความสะดวก “Easy Touch”

สำหรับฟีเจอร์ Easy Touch จะเป็นการช่วยเหลือทั้งเรื่องการเข้าแอปพลิเคชั่นที่เราใช้งานบ่อยได้ง่ายๆ รวมไปถึงฟังก์ชันพื้นฐานใน Vivo NEX 3 เช่น การจดบันทึก, บันทึกวิดีโอหน้าจอ, บันทึกภาพหน้าจอ หรือการล็อคหน้าจอ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถตั้งค่าทั้งหมดตามใจชอบจะปรับเปลี่ยนแอปหรือฟังก์ชันในเครื่องก็ทำได้ทั้งหมด ที่สำคัญเมื่อเราไม่ได้ใช้งาน Easy Touch เจ้าตัวลูกบอลที่บังบนหน้าจอก็จะเข้าไปแอบที่มุมหน้าจอ ทำให้ไม่มีการรบกวนสายตาหรือเนื้อหาต่างๆ ที่เรากำลังดูอยู่แน่นอน

 

การนำทางปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์

ด้วยหน้าจอที่มีพื้นที่การใช้งานมากถึง 99.6% แล้ว เรื่องของการนำทางก็เป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน ซึ่งเราสามารถปรับจากปุ่มปกติเป็นการใช้ท่าทางได้ ซึ่งจะไม่มีปุ่ม 3 ปุ่มปกติมาปิดพื้นที่การใช้งานส่วนล่างแล้ว โดยการใช้งานท่าทางก็ทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  • ปัดขึ้นจากทางซ้ายล่างหน้าจอเป็นการเข้าศูนย์ทางลัดหรือการตั้งค่าด่วน
  • ปัดขึ้นจากตรงกลางแล้วปล่อยทันทีเพื่อเข้าหน้าโฮม
  • ปัดขึ้นแล้วค้างไว้ที่กลางหน้าจอจะเป็นการเข้าหน้าแอปล่าสุด
  • ปัดขึ้นที่มุมขวาล่างหน้าจอ/ปัดซ้าย-ขวาที่ข้างหน้าจอจะเป็นการย้อนกลับ

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

เรื่องของสเปคภายในก็แทบไม่ต้องห่วงเลย เพราะตระกูล NEX นั้นเป็นตัวท็อปของ Vivo ซึ่ง Vivo NEX 3 มาพร้อมกับขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 855+ ควบคู่กับ RAM 8GB และความจุ ROM 128GB แบบ UFS 3.0 ด้วย ซึ่งทั้งหน่วยประมวลผลที่เป็นตัวท็อปสุดขณะนี้, RAM ที่ให้มาเยอะ และความจุชนิดที่มีอัตราการอ่านและเขียนเร็วที่สุดในสมาร์ตโฟนตอนนี้ ก็ทำให้การใช้งานทั้งหมดนั้นไหลลื่นเป็นอย่างมาก เพียงพอและเกินพอต่อการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม จะสลับแอปหรือสัมผัสบนหน้าจอก็จะรู้สึกถึงความลื่นได้เลยทันที ทั้งนี้ เทคโนโลยี Vivo VCAP ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทั้ง CPU, GPU, DSP และ NPU ทำให้มีการประหยัดแบตเตอรี่และใช้งานได้เร็วขึ้นด้วย

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำคะได้ไปได้ที่คะแนน 397,199

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 777 และคะแนน Multi-Core ที่ 2,592

 

ฟีเจอร์และทดสอบด้านการเล่นเกม

ก่อนที่เราจะไปทดสอบเกมให้ดูความแรงของเครื่องนั้น เทคโนโลยีและฟีเจอร์คร่าวๆ ที่เราควรรู้ของการเล่นเกมในรุ่นนี้คือระบบบการสั่นแบบ 4 มิติอย่าง 4D Vibration ที่เมื่อเราเล่นเกมก็จะให้ความรู้สึกของการสั่นในเครื่องดูสมจริงและมีมิติมากขึ้น

 

นอกจากนี้ ก็ยังมี Ultra Game Mode ที่เป็นศูนย์รวมของการเพิ่มประสิทธิภาพของเกมต่างๆ ตั้งแต่การจำกัดการใช้งานพื้นหลังทำให้เล่นได้ลื่นไหล, การปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ทำให้ไม่มีอะไรมาบังหน้าจอ และยังสามารถเรียกหน้าต่างลอย (Picture-in-Picture) เพื่อแชทกับเพื่อนหรือแฟนได้อย่างไม่มีปัญหา

 

โดยเทคโนโลยีทั้งหมดเราจะมาทดสอบให้ดูกันจริงๆ ข้างล่างนี้เลย

Call Of Duty: Mobile

สำหรับเกมใหม่มาแรงสุดๆ อย่าง Call Of Duty: Mobile เราเปิดภาพกราฟิกระดับสูงสุด (Very High) และเฟรมเรทระดับ Max โดยเราลองเล่นในโหมด FrontLine แบบ 5 VS 5 เพื่อเก็บจำนวนเป้าหมายให้ครบกำหนด ซึ่งภายในเกมเล่นได้ไหลลื่นมาก ระบบสัมผัสก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ จะเลื่อนหรือหันไปทางไหนก็สมูทสุดๆ ไม่มีกระตุกเลยแม้แต่น้อย หรือเฟรมเรทตกก็ยังไม่มีให้เห็นเหมือนกัน

 

ROV

ด้านเกมที่เปิดให้เห็นเฟรมเรทแบบชัดๆ อย่าง ROV เราปรับทุกอย่างสูงที่สุดทั้งหมด และทดสอบในโหมดปกติ 5 VS 5 พบว่าตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมเราจะเห็นความลื่นของเฟรมเรทและการสัมผัสมาก โดยเฟรมเรทส่วนใหญ่จะวิ่งทะลุไปถึง 61fps หรือน้อยที่สุดที่เห็นคือ 60fps เลยทีเดียว เรียกว่าเล่นได้แบบไม่ต้องกลัวเฟรมดรอปลงมาแม้แต่น้อย แถมยิ่งช่วงที่บวกใส่กันกลางอารีน่าก็ยิ่งให้ไม่มีอะไรขัด ทั้งการสัมผัสลื่น ไม่มีกระตุก และระบบเสียงที่ทำได้กระหึ่มมากๆ

 

Asphalt 9: Legends

และสุดท้ายสำหรับเกมแข่งรถภาพสวยสุดอย่าง Asphalt 9: Legends เราปรับภาพในค่าเริ่มต้น ซึ่งจริงๆ เราอยากลองปรับในคุณภาพสูงสุดแต่ตัวเกมไม่มีให้ปรับเสียอย่างนั้น ซึ่งในเกมก็แน่นอนว่าทุกฉาก ทุก Cut Scene ทำได้ลื่นสุดๆ กดเร่งไนโตร, กดดริฟ หรือกดหมุนรถก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ เลยครับ

 

นอกจากนี้ เมื่อเราลองเล่นเกมไปสักพักใหญ่ถึง 3 เกมรวดข้างต้น ซึ่งกินเวลาไปราวชั่วโมงกว่าๆ ตัวเครื่องด้านหลังของ Vivo NEX 3 กลับไม่ร้อนอย่างที่คิด เพียงแค่อุ่นๆ ตามการใช้งานจริงเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณส่วนสำคัญอย่างระบบระบายความร้อนด้วยไอน้ำหรือ Vapor Chamber Cooling System ที่ติดมาให้ด้วยครับ

 

แบตอึด 4500mAh พร้อมชาร์จไวด้วย Vivo FlashCharge

Vivo NEX 3 ให้แบตเตอรี่เรามาถึง 4500mAh ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแบบทั้งวันแน่นอน จะเล่นโซเชียล, Facebook, ดู YouTube หรือมีถ่ายรูปถ่ายวิดีโอบ้างก็ทำได้เต็มที่ครับ ส่วนใครที่เล่นเกม แบตเตอรี่ก็อาจจะลดไวหน่อย แต่ว่าไม่ต้องกลัวเพราะ Vivo NEX 3 นั้นรองรับการชาร์จเร็วผ่านเทคโนโลยี Vivo FlashCharge ที่ให้กำลังไฟถึง 22.5W จากแบตเตอรี่ที่อยู่ราวๆ 30% เราชาร์จเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงแบตเตอรี่ 4500mAh ก็เกือบเต็มแล้วครับ พร้อมใช้งานต่อได้อีกทั้งวัน

 

กล้องถ่ายรูป

Vivo NEX 3 จัดเต็มเรื่องกล้องมากๆ เหมือนกับสเปคทั้งหมดข้างต้น โดยมีกล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น

  • เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
  • เลนส์ Super Wide Angle 120 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์ Telephoto 2x ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.48

พร้อมด้วยกล้องหน้า Pop-Up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.09 ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ก็ให้มาเพียบ ดังนี้

ถ่ายคมชัดระดับ Super HD ด้วยกล้องหลัง 64 ล้านพิกเซล

Vivo NEX 3 มาพร้อมกับกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล ทำให้เราได้ภาพที่คมชัดสุดๆ สามารถนำภาพมาซูมดูในระยะไกลๆ ได้โดยภาพไม่แตกเพราะขนาดพิกเซลที่สูงสุด ทั้งยังทำให้เราเห็นรายละเอียดส่วนเล็กส่วนน้อยของภาพได้อย่างชัดเจนด้วย

 

ความฉลาดแยกแยะหมวดหมู่ภาพอัตโนมัติด้วย AI

ฟีเจอร์นี้ถือเป็นการแสดงความฉลาดของ AI ที่อยู่ใน Vivo NEX 3 ที่สามารถระบุสิ่งต่างๆ ได้หลายหมวดหมู่แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยทำการปรับแสงและสีให้เหมาะสมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรามากที่สุด

 

ใกล้สุดด้วยฟีเจอร์ Macro

สำหรับฟีเจอร์ Macro หรือการถ่ายใกล้วัตถุในรุ่นนี้สามารถทำได้ใกล้สุดถึง 2.5 เซนติเมตร เรียกว่าเห็นทุกรายละเอียดที่ตาปกติของเราแทบจะมองไม่เห็น ซึ่งความคมชัดและเฉดสีทั้งหมดก็ยังเก็บไว้ได้ดีมากๆ แทบไม่ต่างจากการถ่ายแบบปกติเลย

 

มุมกว้างสุดผ่านเลนส์ Super Wide Angle 120 องศา

ใครที่ชอบถ่ายภาพวิวหรือบรยากาศสวยๆ ที่ต้องเก็บให้ครบทั้งหมด เลนส์ Super Wide Angle ใน Vivo NEX 3 จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดีเพราะมีมุมกว้างถึง 120 องศา เก็บองค์ประกอบได้ครบ แถมเรื่องสีสันก็ยังจัดเต็มให้เราเหมือนเดิมครับ ได้ทั้งมุมกว้างได้ทั้งภาพสวยๆ กันไปเลย

นอกจากที่เลนส์ Super Wide Angle จะถ่ายบรรยากาศได้ครบแล้ว การใช้เลนส์นี้ถ่ายบุคคลก็ทำให้ดูสวยงามไปอีกแบบเช่นกัน

 

เปลี่ยนกลางคืนให้คมชัดผ่านฟีเจอร์ Super Night Mode 2.0

ใน Super Night Mode 2.0 ถือว่าทำออกมาได้ดีมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก เพราะเวลาที่ให้โหมดกลางคืนเราไม่ต้องถือให้นิ่งในระยะเวลาที่นาน แค่เพียง 2-3 วินาที ระบบก็ประมวลผลเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งภาพที่ได้ในตอนกลางคืนจะมีความสว่างมาก สว่างจนเห็นก้อนเมฆในฟ้าที่มืดๆ ได้ แถมรายละเอียดเล็กๆ น้อยก็เก็บมาให้ครบ เช่น ตัวอักษรหรือแสงสีในระยะไกลก็แทบไม่เบลอออกจากภาพเลย

 

ถ่ายบุคคลได้งามด้วย Portrait Master

เรื่องของการถ่ายภาพบุคคล Portrait ก็ทำได้อยากยอกเยี่ยมเช่นเคย โดยจะมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้งานกันเพียบ ตั้งแต่การเบลอฉากหลังที่ทำได้อย่างเนียนตา มีการตัดขอบรอบตัวบุคคลที่ยอดเยี่ยมไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเบลอหายไป

 

ทั้งนี้ ในโหมดบุคคลทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังยังมีการปรับใบหน้าสวยให้แบบอัตโนมัติด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นผิวนวล, โทนสีผิว, ตาโต หรือความขาว ซึ่งเราไม่ต้องกลัวเลยว่า AI จะปรับให้ดูเกินจริง แต่สิ่งที่ได้คือความเป็นธรรมชาติและความสวยงามของใบหน้าครับ

กล้องหน้า

กล้องหลัง

 

นอกจากนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์เอฟเฟ็กต์แสงถ่ายภาพบุคคลที่มีให้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยจะเป็นเอฟเฟ็กต์ให้เลือกประมาณ 5-6 แบบ ทำให้การถ่ายภาพนั้นดูมีมิติมากขึ้น แถมยังช่วยให้ถ่ายได้เพลินๆ ไม่มีเบื่อเลยด้วยครับ

กล้องหน้า

กล้องหลัง

 

เซลฟี่สุดน่ารักด้วย AR

มีมาให้แน่นอนสำหรับสติ๊กเกอร์สุดน่ารักแบบ AR ที่ใน Vivo NEX 3 มีให้เลือกกันหลาย 10 แบบเลยทีเดียว จะหน้าแมว, หน้าหมี, ติดดาว, ใส่แว่น, โชว์รวย ก็จัดมาแบบเต็มๆ เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะถ่ายสติ๊กเกอร์ AR แบบไหนก่อน

 

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอแบบใหม่ Waterfall FullView Display ให้ทั้งความกว้างถึง 6.89 นิ้ว และได้เฉดสีที่คมชัดสุดๆ ผ่านหน้าจอแบบ POLED
  • ใช้หน่วยประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 855+ ควบคู่กับ RAM 8GB และความจุ ROM 128GB ทำให้ใช้งานได้ลื่นและคล่องมากๆ
  • กล้องหลัง 3 เลนส์มีให้เลือกใช้งานหลายฟีเจอร์ทั้ง Macro, Super Night Mode 2.0, Super Wide Angle หรือ Portrait ที่ทำได้สวยงามมากๆ
  • กล้องหน้า Pop-Up ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม
  • แบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4500mAh ทำให้ใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน และยังชาร์จเร็วด้วย Vivo FlashCharge กำลังไฟ 22.5W

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้
  • การถ่ายวิดีโอยังไม่มีระบบกันสั่นไหว

 

สำหรับ Vivo NEX 3 มีให้เลือกเพียงสีเดียว คือ Glowing Night (สีดำ) ในราคา 24,999 บาท โดยสามารถซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือผ่านออนไลน์ที่ LAZADA

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News4 สัปดาห์ ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Android News4 สัปดาห์ ago

5 เหตุผลที่ Galaxy Z Flip5 ยังคงเป็นมือถือจอพับที่น่าใช้สุด ๆ

Galaxy Z Flip5 จัดว่...

Android News7 นาที ago

ใหญ่ขึ้นอีก! ลือ Galaxy S25 รุ่นเริ่มต้นปีหน้าจะมีหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 6.36″ เพื่อท้าชน iPhone 16 Pro!?

มีข่าวลือใหม่ของ Gal...

Android News36 นาที ago

HONOR เปิดตัว Magic 6 RSR | PORSCHE DESIGN รุ่นพิเศษสุด ดีไซน์หรู | กล้องสุดล้ำ!

นอกจาก Magic 6 Ultim...

Apple News46 นาที ago

Ross Young คาด iPad รุ่นใหม่อาจวางจำหน่ายเดือนเม.ย. นี้ หลังเตรียมเปิดตัวแล้วในอีกไม่นาน

หลังจากที่ MacBook A...

Android News1 ชั่วโมง ago

ต้องราคานี้ ! Galaxy Z Fold6 รุ่นราคาถูกอาจเปิดตัวปีนี้ พร้อมราคาราวๆ 28,000 บาท

มีข่าวลือมากมายว่า G...

Android News1 ชั่วโมง ago

แชมป์ใหม่อีกแล้ว! DXOMARK ปล่อยรีวิวกล้อง HONOR Magic 6 Pro ขึ้นเป็นที่ 1 ใหม่ด้วยคะแนน 158 พร้อมตราทองการันตีความเก่งอีกเหมือนเคย !

ในที่สุด DXOMARK ก็ป...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก