ฟีเจอร์แจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับบน Apple Watch และฟีเจอร์ใช้ AirPods Pro 2 เป็นอุปกรณ์ช่วยฟัง พร้อมให้ใช้งานแล้วในประเทศไทย

วันนี้ Apple ได้เพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่บน Apple Watch และ AirPods Pro ที่เข้ามาช่วยผู้ใช้งานในด้านการทำงานด้านสุขภาพมากขึ้นแล้วในประเทศไทย โดย Apple Watch มาพร้อมการแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ส่วน AirPods Pro 2 ได้มอบการดูแลสุขภาพการได้ยิน รวมถึงอุปกรณ์ช่วยฟังคุณภาพเดียวกับที่ใช้ในคลินิกที่สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องพบแพทย์หรือมีใบสั่งยาครับ

ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ บน Apple Watch
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะทางเดินหายใจที่ทำให้มีอาการหายใจติดขัดซ้ำๆ ขณะนอนหลับ โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะมีอาการหายใจติดขัดเพียงเล็กน้อยในแต่ละคืน สาเหตุเป็นไปได้ทั้งการบริโภคแอลกอฮอล์ โรคทางเดินหายใจส่วนบน และแม้แต่ยาบางชนิดก็อาจทำให้เกิดภาวะหายใจติดขัดเพิ่มขึ้นได้ เมื่อสวม Apple Watch เข้านอน นาฬิกาจะใช้เครื่องวัดความเร่งเพื่อตรวจหาภาวะหายใจติดขัดขณะนอนหลับ ภาวะเหล่านี้จะถูกจัดประเภทเป็น “หายใจดัง” หรือ “หายใจดังไม่ดัง” หากมีอาการหายใจติดขัด “หายใจดัง” อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 30 วัน ก็จะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้เราทราบว่าเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และหากยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็ควรปรึกษาแพทย์ครับ
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถส่งออกเป็นไฟล์ PDF ในช่วงเวลาที่อาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ข้อมูลการรบกวนการหายใจย้อนหลัง 3 เดือน และข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพูดคุยกับแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม

สุขภาพการได้ยินบน AirPods Pro 2
ใน AirPods Pro 2 มาพร้อมฟีเจอร์เครื่องช่วยฟังระดับคลินิกสำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยินที่รับรู้ได้เล็กน้อยถึงปานกลาง และยังมีฟีเจอร์ Media Assist ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของเพลง วิดีโอ และการโทรอีกด้วย
โดยภาวะสูญเสียการได้ยินมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่ ดังนั้น Apple จึงเปิดตัวแบบทดสอบการได้ยินระดับคลินิกที่ใช้งานได้ง่ายโดยอิงจากวิธีมาตรฐานทางการแพทย์ที่เรียกว่าการตรวจสมรรถภาพการได้ยินด้วยเสียงบริสุทธ์ (pure-tone audiometry) โดยผู้ใช้งานสามารถทำได้เองผ่าน AirPods Pro และ iPhone หรือ iPad ที่รองรับครับ
การทดสอบนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น โดยการทดสอบได้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ด้านเสียงขั้นสูง และเมื่อทำแบบทดสอบเสร็จ ก็จะได้ผลสรุปที่เข้าใจง่าย เป็นการแสดงตัวเลขระดับการสูญเสียการได้ยินของหูแต่ละข้าง การจำแนกประเภท คำแนะนำที่เหมาะสม ผลลัพธ์ของการทดสอบ รวมถึงภาพกราฟเสียงในแอปสุขภาพ ซึ่งผู้ใช้งานสารถนำข้อมูลนี้แชร์ให้กับแพทย์เพื่อใช้ประกอบการพูดคุยได้

นอกจากนี้ หากใครที่มีปัญหาด้านการได้ยินแล้ว AirPods Pro 2 ก็มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่มาเป็นอุปกรณ์ช่วยฟังโดยไม่ต้องพบแพทย์หรือมีใบสั่งยาสำหรับผู้ที่มีภาวะสูญเสียการได้ยินในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งจะมีโปรไฟล์การฟังเฉพาะบุคคล และหลังจากตั้งค่าแล้ว ฟีเจอร์นี้จะปรับเสียงแบบไดนามิกให้เหมาะกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติและช่วยขยายเสียงรอบตัวแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสนทนาได้ดีขึ้น และเชื่อมต่อกับผู้คนรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้อย่างไม่สะดุด ที่สำคัญ โปรไฟล์การฟังเฉพาะบุคคลจะถูกนำไปใช้กับเสียงเพลง ภาพยนตร์ เกม และการโทรบนทุกอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติมอีกด้วย

สำหรับฟีเจอร์อุปกรณ์ช่วยฟังเป็นการต่อยอดจากเครื่องมือดูแลสุขภาพการได้ยินที่ Apple มีให้กับผู้ใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น ผู้ใช้ Apple Watch สามารถเปิดการแจ้งเตือนได้เมื่อระดับเสียงรอบข้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพการได้ยินของตัวเอง ผู้ใช้สามารถตั้งค่าจำกัดระดับเสียงของหูฟังได้บน iPhone โดยเปิดคุณสมบัติการลดเสียงดัง แล้วเลื่อนแถบควบคุมไปยังระดับเดซิเบลที่ต้องการ และ Apple ยังมีคุณสมบัติด้านการช่วยการเข้าถึงเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ปรับแต่งการตั้งค่าให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการได้ยินของตัวเองได้อย่างเหมาะสมด้วย

และท้ายที่สุด จากผลการศึกษาด้านการได้ยินซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสาธารณะแบบเสมือนจริงในระยะยาวที่จัดทำร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน และองค์การอนามัยโลก พบว่า 1 ใน 3 คนต้องเจอกับเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมในระดับที่ดังอยู่เป็นประจำ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการได้ยิน เช่น การนั่งรถไฟใต้ดินในระหว่างเดินทาง ตัดหญ้าที่บ้าน เข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬา และอื่นๆ
และเพื่อช่วยลดการได้รับเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ AirPods Pro 2 ก็มีฟีเจอร์การลดเสียงดัง โดยจุกหูฟังจะช่วยลดเสียงรบกวนแบบพาสซีฟ รวมถึงการได้ชิป H2 ที่ช่วยลดเสียงดังแบบแอ็คทีฟได้ถึง 48,000 ครั้งต่อวินาที โดยนี่เป็นฟีเจอร์ที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในโหมดฟังเสียงภายนอกและโหมดเสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม ทั้งยังมีอัลกอริทึมมัลติแบรนด์แบบใหม่หมดที่มีช่วงไดนามิกสูง เสียงในกิจกรรมสดอย่างคอนเสิร์ตจะยังคงฟังเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นครับ