เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy A7 (2016) และ Apple iPhone SE

Samsung Galaxy A7 (2016) สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ระดับกลางที่มาพร้อมดีไซน์สวยหรู สเปคจัดเต็ม ในขณะที่ทางฝั่ง Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ที่จะมาลุยตลาดระดับกลางเช่นกัน ซึ่งวันนี้เราจะจับทั้งคู่มาเปรียบเทียบสเปคกันว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ตัวเครื่อง และดีไซน์

Samsung Galaxy A7 (2016) มีดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นเรือธงของค่ายคือกรอบเป็นโลหะแล้วด้านหลังเป็นกระจกที่ช่วยให้ดูพรีเมียมสวยงามขึ้นกว่าเดิมมาก โดยตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.3 มม. ในขณะที่ iPhone SE นั้นมีดีไซน์แบบเดียวกับ iPhone 5s คืออะลูมิเนียม จึงไม่ได้ให้ความรู้สึกใหม่ มีเพียงสีโรสโกลด์เท่านั้นที่แยกภายนอกให้เห็นชัดเจนว่าคือรุ่นใหม่ ไม่ใช่รุ่นเก่า

หน้าจอแสดงผล

Samsung Galaxy A7 (2016) มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ขอบกระจกขอบโค้งมนแบบ 2.5D เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยมีความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 401 ppi ส่วนทางด้าน iPhone SE ใช้หน้าจอเดิมแบบเดียวกับ iPhone 5s ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล โดยมีความหนาแน่นของจุดพิกเซลประมาณ 326 ppi

ในเรื่องของสีสันความคมชัดคงต้องยกให้ Galaxy A7 (2016) ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์สูง และจุดพิกเซลที่หนาแน่นมากกว่า iPhone SE

สัดส่วนหน้าจอของ Galaxy A7 (2016) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 74.3% ของตัวเครื่อง ในขณะที่ iPhone SE ให้สัดส่วนหน้าจอมาประมาณ 60.8% ของตัวเครื่อง ซึ่งตัวเลขสัดส่วนนี้จะเป็นตัวชี้ว่าขอบจอของเครื่องนั้นมีความบางหรือหนามากน้อยเท่าไหร่ ยิ่งสัดส่วนหน้าจอมากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าขอบจอนั้นมีความบางมาก

หน่วยประมวลผล และหน่วยความจำ

Galaxy A7 (2016) รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ใช้ชิปประมวลผล Exynos 7580 Octa-core 1.6 GHz, จีพียู Mali-T720 กับแรม 3GB และความจุตัวเครื่อง 16GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128GB

iPhone SE รันระบบปฏิบัติการ iOS 9.3 ใช้ชิปประมวลผล Apple A9 Dual-core 1.84 GHz Twister, จีพียู PowerVR GT7600 กับแรม 2GB และความจำตัวเครื่อง 16GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้

กล้องถ่ายรูป

กล้องถ่ายรูปด้านหลังของ Galaxy A7 (2016) มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ช่วยให้ถ่ายภาพได้สว่างขึ้น มีระบบกันภาพสั่นไหว OIS และแฟลช LED รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดระดับ Full HD 1080p

กล้องหลังของ iPhone SE มีค่ารูรับแสง f/2.2 และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K โดยความละเอียดระดับนี้ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น ซึ่งความจุ 16GB อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งตัวเครื่องเพิ่มความจำภายนอกไม่ได้

สำหรับกล้องหน้า Galaxy A7 (2016) มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 สำหรับคนชอบการเซลฟี่ ในขณะที่ iPhone SE มีกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล และค่ารูรับแสง f/2.4

แบตเตอรี่

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญคงหนีไม่พ้นแบตเตอรี่ โดยรุ่น Galaxy A7 (2016) มีแบเตตอรี่ 3,300 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว ในขณะที่ iPhone SE มีแบตเตอรี่ 1,560 mAh ซึ่งถือว่ามีประมาณที่ค่อนข้างน้อย

สำหรับการเปรียบเทียบสเปคระหว่าง Galaxy A7 (2016) และ iPhone SE น่าจะพอเป็นแนวทางสำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางสำหรับปีนี้