Connect with us

Featured

รีวิว Redmi Note 10S และ Note 10 5G สมาร์ทโฟน 2 สไตล์ กล้องระดับโปร, CPU ตัวแรง พร้อมแบตอึด 5000mAh

Published

on

กลับมาให้ได้เชยชมกันอีกครั้งสำหรับรีวิวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นที่หลายคนน่าจะกำลังรอคอยกันอย่าง Redmi Note 10S และ Redmi Note 10 5G โดยมีความแตกต่างกัน 2 สไตล์ชัดเจนมากๆ ซึ่งทีมงาน iphone-droid.net ของเราจะมาพูดถึงกันไปทีละรุ่นเลยครับ

Redmi Note 10S

เริ่มกันด้วยรุ่นตัวแรงอย่าง Redmi Note 10S ที่ชูโรงด้วยกล้อง 64 ล้านพิกเซล และความแรงด้วยหน่วยประมวลผลเกมมิ่ง Helio G95 ให้เราได้ผจญภัยไปกับกล้อง 64 ล้านพิกเซล ให้ Gen Z มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกมากขึ้น

สรุปสเปค Redmi Note 10S

  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.46  x 74.5 × 8.29 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 178.8 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล AMOLED DotDisplay กว้าง 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 1100 นิต, Contrast ratio 4,500,000:1
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio G95 Octa Core ความเร็ว 2.05GHz
  • GPU: ARM Mali-G76 MC4
  • RAM 8GB LPDDR4X
  • ROM 128GB UFS 2.2
  • ระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมมองกว้าง 118 องศา
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
    • เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
  • รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4G + 5G, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 33W Fast Charge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง Redmi Note 10S
  • อะแดปเตอร์ 33W Fast Charge
  • สาย USB Type-C
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • เคสใส
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า

ดีไซน์ของ Redmi Note 10S มาพร้อมกับความเรียบหรูดูสวยงามอละคลาสสิกไปในตัวครับ โดยมีถึง 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีเทา Onyx Gray, ขาว Pebble White และดำ Ocean Blue ซึ่งสีที่เราได้มาเป็นสี Onyx Gray ที่ฝาหลังเป็นแบบพลาสติกผิวด้านและเกิดรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างยากครับ

นอกจากดีไซน์ภายนอกที่สวยแล้ว Redmi Note 10S ยังมีมาตรฐานป้องกันละอองน้ำที่ระดับ IP53 ทำให้เรามั่นใจในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้ยิ่งขึ้น เช่น ช่วงฝนตกปอยๆ และยังคงต้องใช้งานอยู่ เป็นต้น 

Redmi Note 10S จัดหน้าจอแบบ AMOLED DotDisplay มาให้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ Redmi Note Series ที่ใช้ชนิดหน้าจอแบบนี้ ทั้งยังมีขนาดใหญ่ 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) ทำให้รับชมวิดีโอต่างๆ ได้สวยสดงดงามแน่นอนครับ

มาดูรอบเครื่องกันบ้างครับ เหนือหน้าจอจะมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ตรงกลาง และกล้องหน้าที่ฝังอยู่ถัดลงมา

ทางซ้ายจะมีเพียงช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM ที่ใส่ได้ 2 ซิม พร้อม MicroSD อีก 1 ช่อง รวมเป็น 3 ช่องครับ

ส่วนด้านขวาจะมีทั้งปุ่มเพิ่ม- ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้งานเป็นระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ด้วย ซึ่งตัวปุ่มนี้จะไม่ได้แนบและกดให้เด่นชัดเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่ทำให้เนียนเหมือนกับปุ่ม Power ทั่วไปที่นูนออกจากตัวเครื่องตามปกติ

ด้านล่างตัวเครื่องมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1 ครับ

ส่วนด้านบนจะมีทั้งลำโพงตัวที่ 2 และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR)

และสุดท้ายที่ด้านหลังจะมีกล้อง 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED ที่อยู่ในโมดูลกล้องทั้งหมดครับ

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

Redmi Note 10S แกะกล่องมาพร้อมทระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android 11 ที่ครอบทับด้วย UI ของแบรนด์ MIUI 12.5 ซึ่งการใช้งานต่างๆ ถือว่าไหลลื่นและเปิดแอปพลิเคชั่นได้เร็วขึ้นด้วย

ลำโพงคู่ Hi-Res

ใครที่ชอบชมภาพยนต์, วิดีโอต่างๆ หรือเล่นเกมจะต้องชอบแน่นอน เพราะ Redmi Note 10S มาพร้อมลำโพงคู่ในระบบ Hi-Res ที่แยกเสียงบนล่าง หรือซ้ายขวาให้อย่างชัดเจนมากๆ ครับ เติมเต็มอรรถรสในการด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่

ถนอมสายตาระหว่างใช้งานด้วย Reading mode 3.0

เรื่องการใช้งานในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืน ต้องบอกว่ารุ่นนี้ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ มีการตัดแสงสีฟ้าออกไปเพื่อให้เราใช้งานได้สบายตายิ่งขึ้นและไม่ทำร้ายดวงตามากเกินไป

โดยเราสามารถเลือกโหมดสีการอ่านได้ตามความต้องการครับ ได้แก่ สีเต็ม, สีของไฟ และสีขาวดำ

Always on Display

ด้วยความที่เป็นหน้าจอ AMOLED ก็ต้องมีฟีเจอร์หน้าจอแสดงผลแบบเปิดตลอด (Always on Display) มาให้ครับ โดยจะแสดงผลข้อมูลเบื้องต้น เช่น แบตเตอรี่คงเหลือ, เวลา, วันที่ และการแจ้งเตือนแอปต่างๆ ซึ่ง เราก็สามารถปรับแต่งรูปแบบได้ตามใจชอบด้วย

มี Dark Mode มาให้

Redmi Note 10S ยังมาพร้อมโหมดมืดหรือ Dark mode มาให้ครับ ซึ่งจะเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีขาวดำทั้งหมด โดยนอกจากจะช่วยให้ใช้งานได้สบายดวงตาแล้ว ด้วยความที่เป็นหน้าจอ AMOLED ก็ยิ่งทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นไปอีก

ระบบความปลอดภัย

Redmi Note 10S เพิ่มความสะดวกในการใช้งานการปลดล็อกได้ดีเลยทีเดียวด้วยการระบบการสแกนนิ้วที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง เช่น เมื่อเราหยิบขึ้นมาด้วยมือขวา นิ้วโป้งที่เราบันทึกเอาไว้ก็จะโดนพอดี ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องครับ

นอกจากนี้ ก็ยังสามารถใช้งานการสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำเช่นกัน

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ในเรื่องประสิทธิภาพความแรงต้องยกให้รุ่นนี้ครับ เพราะขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek Helio G95 Octa Core ความเร็ว 2.05GHz ที่เป็นชิพระดับเกมมิ่งที่ใช้งานได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 31% และมี GPU ARM Mali-G76 MC4 ใครที่ชอบเล่นเกมจะต้องไม่พลาดรุ่นนี้เด็ดขาดครับ

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

สำหรับเกม ROV เราได้ทดสอบด้วยการเปิดสุดในทุกอย่างเท่าที่จะเปิดได้ครับ ตั้งแต่การแสดงผล, ภาพ HD และเฟรมเรทสูง ซึ่งการเล่นในโหมด 5 VS 5 ก็ทำได้เป็นอย่างดี เฟรมเรทวิ่งคงที่มากๆ 59-61fps ตั้งแต่ต้นจนจบเกม

Call of Duty: Mobile

ต่อมาเป็นเกมแนว FPS กันบ้างอย่าง Call of Duty: Mobile ที่เราสามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงครับ (จะเป็นภาพ Very High + Frame Rate Very High หรือภาพ High + Frame Rate Max ก็ได้) ซึ่งการเล่นในเกมแบบ Battle Royale ก็เล่นได้ไหลลื่นมากๆ สัมผัสติดนิ้วเลยทีเดียว และยังไม่เกิดอาการหน่วงให้เห็นครับ

Genshin Impact

และสุดท้ายกับเกม Genshin Impact ที่ต้องบอกว่าทำได้ดีเกินคาด เล่นได้ไหลลื่น เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ในเกมก็ทำออกมาได้สวยงาม

แบตเตอรี่อึด พร้อมชาร์จเร็ว 33W

และในส่วนของแบตเตอรี่ก็ให้มาแบบอึดๆ 5000mAh ซึ่งพร้อมให้เราได้ใช้งานทั่วไปได้เต็มวันแน่นอนครับ หรือใครสายเกมหน่อยก็เล่นได้ประมาณ 6 – 7 ชั่วโมงแน่นอน

นอกจากนี้ Redmi Note 10S ยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W ซึ่งจากที่เราทดสอบชาร์จจาก 5% – 50% ทำได้ในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น และเต็ม 100% ในเวลารวมประมาณ 90 นาที

กล้องถ่ายรูป

มาถึงสิ่งที่ใครหลายคนรอคอยครับสำหรับ Redmi Note 10S ที่ให้เราได้พร้อมผจญภัยไปกับกล้องความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล พร้อมกับฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานเพียบครับ จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย!

กล้อง 64 ล้านพิกเซล

มาเริ่มฟีเจอร์แรกกันเลยครับอย่างการถ่ายด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล โดยซึ่งโหมดนี้ก็แน่นอนจะได้ความละเอียดมาสูง ซูมเห็นรายละเอียดต่างๆ ในภาพนิ่งได้ชัดเจนขึ้นแน่นอนครับ

มี AI ปรับแต่งสีสันได้ตามหมวดหมู่

รุ่นนี้ยังมาพร้อมความฉลาดด้วย AI ที่ระบุได้ว่าวัตถุที่เราโฟกัสนั้นคืออะไรครับ ซึ่งจะแสดงเป็นสัญลักษณ์ที่ส่วนบนของโหมด โดยสีสันของแต่ละวัตถุก็จะถูกปรับให้เหมาะสมแบบจบได้ในหลังกล้องเลยครับ

Ultra-Wide Angle ถ่ายมุมกว้าง 118 องศา

จัดมาให้ครบถ้วนด้วยเลนส์ถ่ายมุมกว้างถึง 118 องศาครับ ซึ่งเราจะได้ถ่ายภาพมุมกว้างครบองค์ประกอบไม่มีขาดแน่นอน ทั้งนี้ ระบบกล้องยังมีการปรับความบิดเบี้ยวของภาพได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ภาพดูธรรมชาติมากที่สุดครับ

ถ่ายใกล้สุดด้วยเลนส์ Macro

มีเลนส์ Macro มาให้ถ่ายระยะใกล้ๆ ด้วยสำหรับ Redmi Note 10S ซึ่งการโฟกัสระยะใกล้ๆและการปรับสีสันต่างถือว่าทำออกมาได้ดีครับ

ภาพถ่ายบุคคลสวยเนียนตา AI Portrait

ฟีเจอร์ที่ขาดไปไม่ได้เลยคือโหมดถ่ายภาพบุคคลครับ ซึ่งบอกเลยว่า Redmi Note 10S ทำออกมาได้ดีมากๆ ตัดขอบได้เนียนเลยทีเดียว แถมสามารถเลือกการปรับบิวตี้ให้ใบหน้าได้ด้วย

ทั้งนี้ เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ใครอยากให้เบลอฉากหลังเยอะขึ้นหรือน้อยลงก็สามารถปรับค่า f ได้เองอีกรอบในแอปคลังภาพ ซึ่งค่า f ยิ่งน้อยก็จะเบลอมาก (ได้น้อยสุดที่ f/1.0) ส่วนค่า f มาก จะเบลอน้อยลงครับ (ได้มากสุดที่ f/16)

หรือใครอยากถ่าย Portrait ให้สนุกยิ่งขึ้นก็ยังมีฟิลเตอร์ให้ใช้งานกันครับ โดยจะมีเลือกเยอะมาๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ, สีน้ำเงินท้องฟ้า, ความรัก, หวานฉ่ำ, วัยเด็ก, โซดา, รุ่งอรุณ, ท่องเที่ยว, ภาพยนตร์, ลิลท์, ฟิล์ม, สดใส, บรรยากาศ, มะนาว, ขาวดำ และคลาสสิก

Night Mode ถ่ายกลางคืนได้คมชัด

สำหรับโหมดถ่ายภาพกลางคืนถือว่าทำออกได้เป็นอย่างดีครับ ความสว่าง สีสัน และความคมชัดให้มาเต็มๆ ต่างจากโหมดปกติชัดเจน แต่ยังใช้งานได้แค่เลนส์หลักเท่านั้นครับ

กล้องหน้าคมชัด 13 ล้านพิกเซล

ในส่วนของกล้องหน้าถือว่าทำออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่ผิดหวังสำหรับสายเซลฟี่แน่นอนครับ ใบหน้าก็ได้ความสวยเนียนแน่นอน ทั้งยังใช้งานในโหมดบุคคลเพื่อเบลอหลังได้ด้วย

Redmi Note 10 5G

ต่อกันที่ Redmi Note 10 5G ที่มาในสโลแกน The Performance Racer ที่ถือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ในราคาที่ดีที่สุด ทำให้การใช้บนโลกโซเชียลทำได้แรงและรวดเร็วแน่นอน

สรุปสเปค Redmi Note 10 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.81  x 75.34 × 8.92 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 190 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล DotDisplay ชนิด IPS กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 90Hz AdaptiveSync และ Contrast Ratio 1500:1
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 700 Octa Core ความเร็ว 2.2GHz
  • GPU : Arm Mali-G57
  • RAM 4/8GB
  • ROM 128GB
  • ระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
    • เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
  • รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4G + 5G, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W Fast Charge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

  • ตัวเครื่อง Redmi Note 10 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
  • อะแดปเตอร์ 22.5W Fast Charge
  • สาย USB Type-C
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • เคสใส
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า

ดีไซน์ของ Redmi Note 10 5G จะคล้ายกับ Redmi Note 10S เล็กน้อยครับ ฝาหลังเป็นแบบพลาสติกที่ดูมีความแข็งแรงเลยทีเดียว ผิวสัมผัสก็เรียบเนียนมากๆ ติดรอยนิ้วมือได้ยาก หรือถ้าติดก็เช็ดออกได้ง่ายเหมือนกันครับ ถือว่าดีไซน์ทำออกมาได้ดูเรียบหรูและเกินราคา

โดยสีที่เราได้มาเป็นสีเทา Graphite Gray แต่ก็จะมีอีก 3 สีให้เลือก ได้แก่ เงิน Chrome Silver, น้ำเงิน Nighttime Blue และเขียว Aurora Green

ส่วนเรื่องการจับถือก็ถนัดมือมากๆ ด้วยความที่เป็นโค้งในฝาหลังแบบ 3D Curved เวลาใช้งานก็จะไม่เกิดรอยบาดแน่นอน

Redmi Note 10 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ชนิด IPS กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รับชมได้คมชัดเต็มตาเหมือนกันครับ

ที่สำคัญหน้าจอยังรองรับ Refresh Rate 90Hz แบบ AdaptiveSync ซึ่งจะปรับตามเนื้อหาบนหน้าจอเพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ได้แก่ การรับชมวิดีโอหรือ Social Media อยู่ที่ 30/60Hz และเล่นเกมจะอยู่ที่ 90Hz เพื่อให้ใช้งานได้ไหลลื่นมากขึ้น

เหนือหน้าจอจะเป็นกล้องหน้าที่ฝังในหน้าจอ และมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่

ด้านซ้ายมีเพียงช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง ซึ่งช่องที่ 2 เป็นแบบ Hybrid เลือกระหว่าง MicroSD หรือซิมที่ 2 ครับ ไม่ได้แยกมาให้

ส่วนทางขวามีทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้สแกนลายนิ้วมือได้เหมือนกัน

ด้านล่างตัวเครื่องจากซ้ายไปขวามีไมโครโฟนตัวที่ 2, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก ขณะที่ด้านบนมีเซ็นเซอร์อินฟราเรด และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

และที่ด้านหลังมีกล้อง 3 เลนส์ ที่เรียงเป็นแนวตั้งในแถบซ้าย ส่วนแถบขวาจะเป็นไฟแฟลช LED และสัญลักษณ์ AI VISION 48MP

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

Redmi Note 10 5G ก็แกะกล่องมาพร้อม Android 11 ที่ครอบทับด้วย MIUI 12 เหมือนกันครับ ซึ่งการใช้งานต่างๆ หรือ UI ก็สวยงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเวอร์ชั่นนี้

รองรับ 5G Dual Sim

ความพิเศษต้องพูดถึงแรกๆ เลยคือการรองรับ 5G ที่ใช้งานได้รวดเร็วและสเถียรมากๆ ครับ สัญญาณจับได้แม่นยำแม้อยู่ในตัวบ้าน แถม Redmi Note 10 5G ยังใช้งาน 5G+5G Dual SIM หรือทั้ง 2 ซิมใช้ 5G ได้พร้อมกัน

Reading mode 3.0 (โหมดการอ่าน)

ในโหมดนี้จะเป็นการถนอมสายตาไม่ให้เราเมื่อยล้าจนเกินไปเมื่อกำลังจ้องหน้าจอนานๆ ครับ ซึ่งเราสามารถปรับได้หลาย ได้แก่ แบบคลาสสิกที่เป็นการตัดแสงสีฟ้าออกไป หรือแบบกระดาษที่เพิ่มพื้นผิวกระดาษเข้ามา โดยที่เราจะปรับให้ยังมีสีสัน, สีไฟ หรือเป็นขาวดำเลยก็ยังได้ครับ

โหมดมืด

โหมดมืดก็มีให้ใช้งานครับ โดยเราสามารถตั้งกำหนดเวลาว่าจะให้เปิดหรือปิดตอนกี่โมงก็ได้ ทั้งนี้แอปพลิเคชั่นที่รองรับก็จะใช้โหมดมืดให้ในทันที ไม่ต้องเข้าไปเปิดในแอปอีกรอบ

ระบบความปลอดภัย

Redmi Note 10 5G มีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเหมือนกันครับ เพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการสแกนได้ดีมากๆ

หรือจะเป็นการสแกนใบหน้าก็ทำได้อย่างรวดเร็วและสเถียรเหมือนกันครับ

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

MediaTek Dimensity 700 ในสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร เป็นหน่วยประมวลผลที่เข้ามาขับเคลื่อนใน Redmi Note 10 5G ครับ โดยมีความเร็ว Clock สูงสุด 2.2GHz การใช้งานทั่วไปถือว่ารวดเร็วไม่ผิดหวังครับ พร้อมด้วย GPU Mali G57 ที่ช่วยให้เราเล่นเกมได้ไหลลื่นและได้ภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น

Game Turbo เพิ่มความแรงให้การเล่นเกม

Redmi Note 10 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Game Turbo ที่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น, การสัมผัสไวขึ้นและติดมือกว่าเดิม และระบบเสียงที่ทำได้ดังขึ้น

ทั้งนี้ เราสามารถปรับการตอบสนองการสัมผัสหรือความไวต่อการแตะของแต่ละเกมได้ด้วย ซึ่งจะเหมาะมากๆ กับเกมแนว FPS

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

เกม ROV เราสามารถเปิดภาพ HD ในระดับสูงสุด และการแสดงผลแบบสูงได้ แต่ไม่สามารถเปิดเฟรมเรทสูงได้ครับ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะเล่นในโหมดปกติก็วิ่งที่ 30fps ตลอดทั้งเกมครับ ไม่มีการกระตุก หน่วง หรือเฟรมเรทดรอปแต่อย่างใด

PUBG Mobile

ส่วน PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิก HD และเฟรมเรทสูงได้ครับ โดยการเล่นในโหมด 100 คน ก็ทำได้ดีเกินคาด หน้าจอสัมผัสไว ไม่มีช้าแน่นอนครับ ซึ่งตรงนี้ก็ได้จอ 90Hz เข้ามาช่วย

แบตเตอรี่ 5000mAh อยู่ได้เกินวันแน่นอน

Redmi Note 10 5G จัดแบตเตอรี่ให้ใช้แบบจุใจถึง 5000mAh ใครที่ใช้งานทั่วๆ ไป อย่างโซเชียลนิดๆ เล่นเกมหน่อยๆ ก็อยู่ได้รอดทั้งวันครับ แถมมีเหลือใช้รอชาร์จช่วงเช้าด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมการชาร์จเร็ว 18W Fast Charge ซึ่งการชาร์จก็ถือว่าเร็วพอสมควร ด้วยแบตถึง 5000mAh เราลองชาร์จจาก 20% – 100% ได้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที

กล้องถ่ายรูป

สำหรับ Redmi Note 10 5G จะมีกล้องหลังมาให้ 3 เลนส์ ซึ่งจะไม่มีเลนส์ Ultra-Wide Angle มาให้ครับ แต่ก็มีเลนส์ Macro กับ Depth มาให้เหมือนกัน ซึ่งแต่ละโหมดเราจะให้ดูเฉพาะภาพถ่ายหรือมีการอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยนะครับ เพราะการทำงานเหมือนกับ Redmi Note 10S ทั้งหมดจริงๆ

โหมด 48 ล้านพิกเซล

แม้ว่าความคมชัดจะอยู่ที่ 48 ล้านพิกเซล แต่การเก็บรายละเอียดยังคงทำได้ดีมากๆ

โหมด AI อัจฉริยะ

ถ่ายระยะใกล้ด้วยเลนส์ Macro

โหมด Portrait ละลายหลัง

ความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ คือ Redmi Note 10 5G จะสามารถปรับบิวตี้บนใบหน้าได้ครับ นอกนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด

Portrait ฟิลเตอร์

โหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night mode)

กล้องหน้าคมชัด 8 ล้านพิกเซล

สรุปการใช้งาน

สำหรับการใช้งานทั้ง 2 รุ่นถือว่าประทับใจพอสมควรเลยครับกับสเปค, กล้องหน้า กล้องหลัง และราคาวางจำหน่ายที่คุ้มค่ามากๆ โดยทั้งคู่จะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกแล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนเลย อย่างใครที่เน้นสายเกมหรือการถ่ายภาพก็จะไปทาง Redmi Note 10S ครับ

ส่วน Redmi Note 10 5G จะเน้นการใช้งาน 5G เป็นหลัก ใครเป็นสายโซเชียลที่ต้องการความรวดเร็วในการรับชมวิดีโอหรือการโหลดต่างๆ ก็ไม่ควรพลาด ทั้งยังเป็นรุ่นที่รองรับ 5G ที่คุ้มค่ามาก ได้ทั้งสเปคแรงๆ กล้องถ่ายได้สวยงาม แต่มาในราคาสบายกระเป๋าสุดๆ ไปเลยครับ

ราคาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ Redmi Note 10S (RAM 8GB + ROM 128GB) เปิดราคาในไทยที่ 7,499 บาท โดยวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

ส่วน Redmi Note 10 5G เปิดราคารุ่น RAM 4GB + ROM 128GB ที่ 5,999 บาท และรุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ที่ 6,999 บาทโดยวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ทั้งยังมีของแถมเป็น Box Set สุดพิเศษ ที่จะมีหูฟังไร้สาย Xiaomi Mi True Wireless Earbuds และเสื้อยืดลวดลายพิเศษอย่าง Redmi Note 10 5G

กำลังฮอต

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured24 ชั่วโมง ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News5 วัน ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก