รีวิว realme 15 Series 5G สมาร์ตโฟน “ใช้ชีวิตให้เรียลทุกช็อต” กล้องถ่ายสนุก AI Party Mode พร้อมดีไซน์เบาบาง

โดย Shine

มาตามนัด ! รีวิว realme 15 Series 5G สมาร์ตโฟนที่ให้เรา “ใช้ชีวิตให้เรียลทุกช็อต” มาด้วยกัน 2 รุ่น คือ realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G ที่มีความสนุกในการถ่ายภาพด้วย AI Party Mode พร้อมด้วยความคมชัด 50MP ทั้งยังได้ดีไซน์ตัวเครื่องที่เบาและบางเฉียบ แต่ยังใช้งานได้เต็มวันด้วยแบตเตอรี่ Titan ที่ใหญ่ถึง 7000mAh

สรุปสเปค realme 15 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.27 × 76.16 × 7.66 มม.
  • น้ำหนัก : 185 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล OLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2392 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 144Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, 3840Hz PWM Dimming, Contrast Ratio 5000000:1 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 94%, 100% DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 4500 นิต และแสดงผล 1.07 พันล้านสี
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 7300+ 5G Octa-core ความเร็ว 2.5GHz
  • GPU : Arm Mali-G615
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB UFS 3.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ดังนี้
    • เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX882 รองรับกันสั่น OIS
    • เลนส์ Ultra-Wide 8MP รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 112 องศา
  • กล้องหน้า 50MP รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ OV50D
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย realme UI 6.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ Titan ความจุ 7000mAh ชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge

สรุปสเปค realme 15 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.26 × 76.15 × 7.79 มม. (สี Flowing Silver) / 162.26 × 76.15 × 7.84 มม. (สี Velvet Green)
  • น้ำหนัก : 187 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล HyperGlow 4D Curve+ Display แบบ OLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2800 x 1280 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 144Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, 4608Hz PWM Dimming, Contrast Ratio 5000000:1 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 94%, 100% DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 6500 นิต และแสดงผล 1.07 พันล้านสี
  • หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 7 Gen 4 Octa-core ความเร็ว 2.8GHz
  • GPU : Adreno
  • RAM : 8GB/12GB LPDDR4X
  • ROM : 128GB/256/512GB UFS 3.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ดังนี้
    • เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX896 รองรับกันสั่น OIS
    • เลนส์ Ultra-Wide 50MP รูรับแสง f/2.0 มุมกว้าง 115.6 องศา เซ็นเซอร์ OV50D
  • กล้องหน้า 50MP รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ OV50D
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย realme UI 6.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ Titan ความจุ 7000mAh ชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ในกล่องให้มาครบ !

พามาดูสิ่งที่ให้มากล่อง realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นกันครับ ทั้งคู่มาในกล่องสีเหลืองตามสีแบรนด์ realme เด่นๆ มีชื่อรุ่นบอกครบที่หน้ากล่องชัดเจน

เปิดออกมาจะเจอกับตัวกล่องที่ใส่อุปกรณ์เสริมมาให้ครบ ตั้งแต่เคสใสแบบขุ่น คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และเข็มเปิดถาดซิม

มาอีกชั้นจะเจอตัวเครื่อง realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G ที่ทั้ง 2 รุ่นติดฟิล์มกันรอยไว้ให้เรียบร้อยครับ

และท้ายสุดจะให้หัวชาร์จ 80W Ultra Charge และสาย USB Type-A to Type-C มาให้ครับ

ดีไซน์บางบางพร้อมไฟ Pulse Light แบบใหม่

พามาดูดีไซน์ของ realme 15 Series 5G กันครับ รอบนี้ใช้ดีไซน์ที่เน้นและชูโรงเรื่องความบางและเบามากๆ โดย realme 15 Pro 5G ที่เราได้มาเป็นสีเขียว Velvet Green โดยมีความบางเพียง 7.84 มม. พร้อมความเบาแค่ 187 กรัมเท่านั้น

ความพิเศษของดีไซน์สี Velvet Green จะเป็นผิวสัมผัสแบบผ้าระดับพรีเมียมจากสตูดิโอออกแบบชั้นสูงของปารีส มีความเป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบมากๆ ผิวสัมผัสมีความนุ่มนวล รู้สึกถึงความลึกของกำมะหยี่ ให้ความเป็นแฟชันระดับสูงจริงๆ ในรอบนี้

สำหรับฝั่งของ realme 15 5G มีดีไซน์ต่างกันชัดเจนมาในสี Suit Titanium ที่มีความสวยงามพรีเมียม แฝงความคลาสสิกในตัวได้ ขณะที่ผิวสัมผัสที่ฝาหลังมีความลื่นในผิวด้านที่ให้การสัมผัสได้ถนัดมือมากขึ้น

ความบางของ realme 15 5G บางกว่าอยู่ที่ 7.66 มม. เท่านั้น พร้อมด้วยน้ำหนักแค่ 185 กรัมเท่านั้นเอง และขอบตัวเครื่องทั้ง 4 ด้านจะเป็นแบบแบนเรียบชัดเจน ต่างจากรุ่น Pro ที่มีขอบด้านข้างที่บางเพราะมีความโค้งทั้งฝาหลังและหน้าจอแสดงผลครับ

realme 15 Pro 5G (ซ้าย) / realme 15 5G (ขวา)

Pulse Light ไฟแจ้งเตือนแบบใหม่ ใช้งานได้หลายสถานการณ์

สำหรับ Pulse Light เป็นไฟสถานะที่เข้ามาใช้งานในคู่หูคู่นี้ครับ โดยเป็นการแจ้งเตือนในสถานการณ์ต่างๆ ที่เราสามารถปรับแต่งสีสันและการกะพริบได้ด้วยตามความชอบ ซึ่งไฟ Pulse Light จะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการแจ้งเตือน, สายเรียกเข้า, สัญญาณเตือน, จังหวะเพลง, การแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำและการชาร์จ, การแจ้งเตือนนับถอยหลังด้วยภาพถ่าย, การเปิดใช้งานโหมด GT, Gemini หรือจะเปิดตลอดเวลาก็ได้เช่นกันครับ

ระบายความร้อนด้วย Super VC ขนาดใหญ่ 7000 ตร. มม.

อีกจุดเด่นในรุ่นนี้ยังมีระบบระบายความร้อนขั้นสูงด้วยแผ่น Super Vapor Chamber (VC) ที่มาในขนาดใหญ่ 7000 ตารางมิลลิเมตรเลยทีเดียว ทำให้การระบายความร้อนดีขึ้นในการเล่นเกมหนักๆ การถ่ายรูปต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้เราใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่าเดิมโดยไม่มีอาการหน่วงหรือจอหรี่แสงลงมาครับ

ทนน้ำทนฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP68/69

realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นให้ความทนทานตัวเครื่องในมาตรฐาน IP68/69 ซึ่งป้องกันได้ทั้งฝุ่นและน้ำแบบจัดเต็ม โดยมาตรฐานระดับนี้ทำให้เครื่องทนการอยู่ใต้น้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร นานถึง 30 นาทีครับ

หน้าจอ HyperGlow 4D Curve+ Display จัดเต็ม ไหลลื่น 144Hz

พลิกมาดูด้านหน้าจอกันหน่อย realme 15 Pro 5G จะได้เป็นหน้าจอโค้ง HyperGlow 4D Curve+ Display พาเนลแบบ OLED ขนาด 6.8 นิ้ว ได้ความคมชัดถึง 1.5K+ (2800 x 1280 พิกเซล) ทำใหใช้งานได้ชัดเจน แสดงผลสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี พร้อม Contrast Ratio 5000000:1, 100% DCI-P3 และด้วยความที่เป็นหน้าจอโค้งก็ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลต่อสัดส่วนหน้าจอมากถึง 94% เลยทีเดียว รวมถึงยังใช้งานได้นานแบบไม่เมื่อยล้าหน้าจอเพราะมีความถี่สูง 4608Hz PWM Dimming

ความไหลลื่นของหน้าจอก็จัดมาให้ลื่นๆ ที่ Refresh Rate 144Hz รองรับ Touch Sampling Rate 240Hz ทำให้เกมเมอร์ได้เล่นเกมแบบจุใจ ตอบสนองได้ไวแน่นอนครับ ทั้งยังเล่นใบที่กลางแจ้งได้สบายๆ เพราะรองรับความสว่างสูงสุด 6500 นิต และในรุ่น Pro ก็ยังมีการครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass ที่แข็งแกร่งกว่าหน้าจอแสดงผลแบบปกติ ทนทานต่อรอบขีดข่วนได้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับหน้าจอแบบธรรมดา

สำหรับ realme 15 5G ได้หน้าจอแบบแบนเรียบ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ถนัดการใช้งานหน้าจอโค้ง โดยรุ่นนี้ก็ให้หน้าจอพาเนล OLED มาให้ มีขนาดใหญ่ 6.77 นิ้ว ใช้งานได้เต็มตาเช่นกัน มีความคมัชด Full HD+ โดยยังแสดงผลสีได้เหมือนกับ realme 15 Pro 5G ทั้งหมดเลยด้วย

ที่สำคัญ Refresh Rate ก็ยังให้มาสูงถึง 144Hz รวมถึงความสว่างหน้าจออยู่ที่ 4500 นิต สู้แสงกลางแจ้งได้แน่นอน

พาชมรอบเครื่อง

มาดูรอบๆ เครื่องกันต่ออีกนิดครับ ด้านบน realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นได้กล้องหน้าแบบ Punch Hole และลำโพงด้านบนก็เป็นแบบสเตอริโอ

ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power จะอยู่ที่ฝั่งขวาเครื่อง

ฝั่งด้านล่างเครื่องเหมือนกันเลย คือ ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ช่องพลิกหน้า-หลัง ตามด้วยไมโครโฟน พอร์ต USB-C และลำโพงสเตอริโออีกตัว

ด้านบนจะได้ไมโครโฟนในการตัดเสียงรบกวน รวมถึงเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Baster)

ด้านหลังจะมีโมดูกล้องเหมือนกัน มีเลนส์หลักที่ด้านบน ขณะที่ฝั่งขวาจะมีเลนส์ Ultra Wide-Angle ที่ถูกล้องรอบด้วยไฟ Pulse Light และยังได้ไฟแฟลชคู่ที่ด้านบนและล่างขวาด้วยครับ

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

รันบน realme UI 6.0 พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ฉลาดมากขึ้น !

realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นแกะกล่องมาบน Android 15 ที่มีการครอบทับด้วย realme UI 6.0 ด้วย ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานก็ฉลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง AI ที่มีให้ใช้งานเยอะพอสมควร

AI Multi-Tasker รุ่นแรกในอุตสาหกรรม

มาดูฟีเจอร์ AI ตัวแรกกันอย่าง AI Multi-Tasker ซึ่งจะเป็นการใช้งาน AI ที่ทำให้เราเปิดแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยๆ 3 แอปให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 วินาที ซึ่งหากเราใช้งานแบบ Multi-Tasking อยู่ ฟีเจอร์นี้ก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลังโดยไม่ส่งผลถึงการใช้งานปัจจุบันและไม่รู้สึกถึงความหน่วงด้วยครับ

ลำโพงสเตอริโอเพิ่มเสียงได้สูงสุงถึง 300%

จริงๆ แล้วลำโพงของทั้งคู่ก็รองรับแบบสเตอริโอคู่ที่ใช้งานได้แบบจัดเต็ม มีความกระหึ่ม เสียงชัดมีมิติมากๆ แต่ก็ยังไปได้สุดกว่านั้นคือเพิ่มระดับเสียงพิเศษได้สูงสุดถึง 300% ทำให้ได้เสียงที่จุใจได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ

ลากเนื้อหาข้ามแอปได้ด้วย AI Smart Loop

ฟีเจอร์นี้จะเป็นการให้เราลากเนื้อหา รูปภาพ ข้อความต่างๆ ได้แบบข้ามแอปได้ง่ายมาก เพียงแค่กดค้างสิ่งที่ต้องการย้ายไปที่ขอบหน้าจอ จากนั้น AI Smart Loop จะแสดงผลขึ้นมา จากนั้นเราก็ลากไปยังแอปที่ต้องการได้เลย ซึ่งความพิเศษคือเราสามารถเลื่อนขึ้น-ลงเพื่อดูแอปต่างๆ ได้มากหลาย 10 แอปเลยทีเดียว

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ชิปเซ็ตระดับ Mid-Range ทรงพลัง ใช้งานได้ไหลลื่น

realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมหน่วยประมวลผลตัวกลางของทั้ง Qualcomm และ MediaTek เลย โดยมาดูกันที่ realme 15 5G กันก่อนครับ รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7300+ 5G แบบ Octa-core ความเร็ว 2.5GHz ซึ่งมาในขนาดเล็กแค่ 4nm ทำให้มีการประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าชิปตัวกลางรุ่นอื่นๆ ทำใหใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมก็ทำได้ลื่นๆ ไม่มีสะดุดจริงๆ ครับ

ส่วนฝั่งของ realme 15 Pro 5G ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 7 Gen 4 ความเร็ว Clock สูงสุด 2.8GHz ซึ่งนี่เป็นชิปขนาด 4nm รุ่นใหม่ของ Qualcomm ได้คะแนน AnTuTu มากกว่า 1 ล้านแต้ม เล่นเกมปรับสุดได้จัดเต็ม ใช้งานทั่วไปก็สบายๆ หายห่วงเลยครับ

ผลการทดสอบคะแนนด้วยโปรแกรมต่างๆ ของ realme 15 5G

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.5.2 ได้มาที่ 746,046 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,000 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,957 คะแนน

ผลการทดสอบคะแนนด้วยโปรแกรมต่างๆ ของ realme 15 Pro 5G

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.5.2 ได้มาที่ 1,086,831 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,199 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,562 คะแนน

GT Boost เสริมแกร่งเรื่องการเล่นเกม !

แน่นอนว่าชิปตัวกลางที่เน้นการรเล่นเกมเป็นหลักก็มาพร้อมฟีเจอร์ realme GT Boost ที่รีดประสิทธิภาพทั้งหมดของเครื่องในการเล่นเกมทั้งหมด ช่วยให้เฟรมเรทนิ่งและคงที่ตลอดทั้งเกม รวมถึงช่วยการจัดการการใช้พลังงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม และเรนเดอร์ภาพกราฟิกของเกมต่างๆ ก็สวยงามมากขึ้นด้วยครับ

เหมือนมีผู้ช่วยเล่นเกมข้างกายด้วย AI Gaming Coach

ไม่ใช่แค่มี GT Boost ที่เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมแล้ว เราก็ยังมีฟีเจอร์ AI Gaming Coach ที่เป็นเหมือนโค้ชอยู่ข้างตัวเลย โดยจะเป็น AI ที่บอกถึงสถานการณ์ภายในเกมตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างในเกม PUBG Mobile ที่ทดสอบจะมีการบอกสถานะขึ้นมาว่ามีเสียงเดิน/วิ่งในทิศต่างๆ หรือบอกประสิทธิภาพของเกราะในตัวครับ

ทดสอบการเล่นเกมให้ชม !

ROV

พามาดูการทดสอบการเล่นเกมกันหน่อย ในเกม ROV ทั้ง realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G สามารถเปิดภาพกราฟิกและเฟรมเรทสูงสุดทั้งหมดตามเครื่องของตัวเอง ซึ่งรุ่น Pro มีความพิเศษตรงที่สามารถเปิดเฟรมเรท 120fps ได้ด้วยครับ แต่ทั้ง 2 รุ่นก็เล่นได้ลื่นๆ เฟรมเรทวิ่งเต็มที่ ไหลลื่น และไม่เหวี่ยงเลย

Honkai: Star Rail

ขณะที่เกม Honkai: Star Rail ก็สามารถเปิดทุกอย่างได้สูงสุดเหมือนกัน ได้คุณภาพของภาพสวยงามมากๆ การเคลื่อนที่และการสัมผัสหน้าจอทำได้ดีทั้ง 2 รุ่น ตอบสนองได้ดี และก็เล่นช่วง Battle ก็ทำได้สบายๆ เลยครับ

PUBG Mobile

ท้ายสุดเป็น PUBG Mobile ที่สามารถเปิดภาพ Ultra HDR และเฟรมเรท Ultra ได้เลย การเล่นจริงๆ ก็ยอดเยี่ยมมาก ตอบสนองได้ไวในการกดต่างๆ ไม่มีกระตุก และยังได้ AI Gaming Coach เข้ามาช่วยเสริมแกร่งอีกแรงด้วย

แบตเตอรี่ Titan ความจุใหญ่สุดของ realme ที่ 7000mAh

realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นจัดแบตเตอรี่ Titan มาให้ใช้งานกันด้วยความจุสูงถึง 7000mAh ซึ่งแม้ว่าตัวเลขนี้จะสูงมาก แต่ก็เป็น 2 รุ่นที่บางที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกันด้วยครับ ทั้งนี้ ความจุ 7000mAh ยังช่วยให้ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน หรือถ้าเล่นเกมหนักๆ ก็อยู่ได้ 6 – 7 ชั่วโมง หรือจะดูวิดีโอก็ได้มากกว่า 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ส่วนความเร็วในการชาร์จก็เท่ากันที่ 80W Ultra Charge ที่ชาร์จจาก 0% – 50% ในเวลาเพียง 25 นาที และเต็ม 100% ในเวลารวมแค่ 61 นาทีเท่านั้น !! นอกจากนี้ แม้ว่าจะได้สเปคแบตเตอรี่ขนาดนี้ ก็ยังมาพร้อมแบตฯ ที่ทนทานมากๆ เพราะรองรับการมีสุขภาพแบตฯ เหลืออย่างน้อย 80% ในการชาร์จ 1,600 ไซเคิลครับ

อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ก็เน้นการเล่นเกมเหมือนกัน ก็ยังมาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบบ Bypass ที่ให้ชาร์จไปเล่นเกมไปได้ โดยเครื่องไม่ร้อน และแบตฯ ไม่ลดด้วย เพราะจะเป็นการจ่ายไฟไปยังเมนบอร์ดของเครื่องโดยตรงไม่ผ่านแบตเตอรี่ครับ

กล้อง Ultra-Clear ถึง 3 เลนส์ คมชัดสูงสุด 50MP

พามาปิดท้ายเรื่องกล้องที่เป็น AI Party Phone จริงๆ ด้วยฟีเจอร์แบบจัดเต็ม ฟีเจอร์ใหม่ที่เสริมเข้ามาเพียบ โดย realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นได้รับการอัปเกรดกล้องให้ถ่ายสวยงามากขึ้น และลูกเล่นที่สนุกกว่าเดิมจริงๆ ครับ แต่ก่อนอื่นเราขอสรุปสเปคกล้องให้อีกรอบสั้นๆ ดังนี้

realme 15 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.8, IMX882 รองรับกันสั่น OIS
  • เลนส์ Ultra-Wide 8MP, f/2.2
  • กล้องหน้า 50MP, f/2.4

realme 15 Pro 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.8, Sony IMX896 รองรับกันสั่น OIS
  • เลนส์ Ultra-Wide 50MP, f/2.0
  • กล้องหน้า 50MP, f/2.4

กล้องหลัก 50MP ถ่ายคมชัด เก็บแสงยอดเยี่ยม ถ่ายย้อนแสงได้ !

ในเลนส์หลักของทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมความละเอียด 50MP เหมือนกัน ซึ่งจะแตกต่างกันที่เซ็นเซอร์ที่ใช้งาน การถ่ายภาพก็ให้ความสวยงามทั้ง 2 รุ่น แต่ก็อาจจะมีโทนสีและเฉดการประมวลผลของ AI ที่ต่างกันอยู่ ซึ่งในรุ่น realme 15 5G ที่ใช้ IMX882 จะให้ภาพรวมที่สว่างกว่าและความสดใสที่มากกว่า แต่ realme 15 Pro 5G ที่ใช้ IMX896 จะได้ความ Contrast ที่สูงขึ้นมา เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า และภาพรวมจะดูสมจริงกว่าครับ ซึ่งเราก็ขอเทียบให้ชมกันตามภาพด้านล่างนี้เลย !

ถ่าย Portrait สวยเนียนตา พร้อมความสนุกขึ้นด้วย AI Party Mode

ในเรื่องการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ทำได้เก่งขึ้นทั้งคู่ มีระยะ 1x และ 2x ให้ใช้งานเหมือนกันเลย การตัดขอบทำได้เนียนมากขึ้นกว่าเดิม ปรับความสวยความบิวตี้ของใบหน้าทำได้ธรรมชาติอีกด้วย โดยที่การละลายฉากหลัง realme 15 Pro 5G จะดูละลายมากกว่าแม้เป็นค่ารูรับแสงเท่ากันครับ แต่ถ้าดู realme 15 5G ก็จะได้ความละลายพอกัน แต่ก็จะมีการละลายและเห็นฉากหลังมากกว่าครับ

รอบนี้ realme 15 Series 5G ไม่ได้ให้มาแค่โหลด Portrait ทั่วไปเท่านั้น แต่ก็ยังมี AI Party Mode ที่เข้าให้ถ่ายภาพได้สนุกมากขึ้นกว่าเดิม มีการปรับโทนสีผิวให้เหมาะสมในสภาพแสงน้อยให้ดีกว่าเดิม ดูนุ่มนวลมากขึ้น และปรับโทนสีให้เหมือนเราอยู่ในงานปาร์ตี้จริงๆ ที่สำคัญก็ยังมาพร้อมกับเอฟเฟ็กต์ Glowing Light Effect ที่เพิ่มแสงโบเก้ให้แตกต่างจากปกติถึง 2 แบบ ได้แก่ Starburst Effect จะเป็นเอฟเฟ็กต์แสงดาว และ Heart Effect ที่เป็นเอฟเฟ็กต์หัวใจ

นอกจากจะมีโหมดถ่ายภาพ AI Party Mode แล้ว ก็ยังให้ภาพถ่ายดูสนุกไปให้สุดด้วยลายน้ำพิเศษ Party Watermarks ที่เป็นกรอบลายน้ำช่วงเวลาแห่งการปาร์ตี้ที่ได้กรอบสีสันสดใสที่ปรับแต่งได้หลากหลายเลยทีเดียวครับ

และด้วยความที่ realme 15 Series 5G จัดไฟแฟลชคู่มาให้ใช้งานแล้ว ก็เข้ามาช่วยในเรื่องการเพิ่มความสว่างในการถ่ายภาพมากขึ้นกว่าเดิม 40% เมื่อเทียบกับ realme 14 Pro+ ช่วยให้สีผิวมีความตรง ดูเป็นธรรมชาติขึ้น ชัดเจน และสว่างมากขึ้นด้วยครับ ที่สพคัญ แสงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ภาพดูแข็งเหมือนแฟลชทั่วไป แต่มีแสงที่มีความนุ่มนวลจริงๆ

แก้ไขภาพด้วย AI Edit Genie ครั้งแรกในอุตสาหกรรม

บอกเลยว่านี่คือไม้ตายของการแก้ไขภาพที่อยู่ใน realme 15 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นเท่านั้น คือ AI Edit Genie ที่ปกติเราต้องกดบนหน้าจอเพื่อเลือกว่าจะแก้ไขอะไรในภาพบ้าง แต่ใน AI Edit Genie ให้เราได้พูดเพื่อสั่งให้ AI แก้ไขได้ตามคำพูดเลยครับ (ที่สำคัญ รองรับภาษาไทยด้วยนะ !) ซึ่งจุดนี้ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ให้เราได้สร้างสรรค์และแก้ไขภาพได้แบบเหนือๆ จริงๆ หากเราต้องการเปลี่ยนเสื้อหรือเพิ่มวัตถุอะไรในภาพก็สามารถพูดออกไปได้เลย เช่น “เพิ่มหมวกบนหัวของคนนี้” หรือ “เปลี่ยนเสื้อเป็นสีชมพูและเพิ่มรถยนต์เข้าไปให้หน่อย” เป็นต้น

และไม่ใช่แค่การพูดคำสั่งเสียงเพื่อให้ AI ปรับแต่งภาพให้เท่านั้น แต่ยังมีปุ่มกดให้อัลกอริทึม AI วิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อแก้ไขแสง ความคมชัด ความสว่าง และสีสันหรือโทนสีภายในภาพได้ในคลิกเดียวเลยครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Edit Genie (ขวา)

Ultra Wide-Angle มุมกว้างถ่ายคมชัดสูงสุด 50MP

ใครที่ชอบถ่ายภาพมุมกว้าง Ultra Wide-Angle ใน realme 15 Pro 5G ให้ความคมชัดมาสูงถึง 50MP เลยทีเดียว ให้ภาพแบบเดียวกับเลนส์หลักเลย แต่จะเก็บองค์ประกอบในภาพนี้ได้ครบและกว้างมากๆ อยู่ที่ 115.6 องศา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ขอบภาพมีการบิดเบี้ยวจนเกินไปครับ ขณะที่ realme 15 5G ก็ให้มาที่ 8MP ยังถ่ายได้สวยงามเหมือนกันครับ

หยุดภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย AI Snap Mode

realme 15 Series 5G ยังมาพร้อมโหมด AI Snap Mode ที่ให้เราได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็วได้เหมือนหยุดเวลาไว้เลย ซึ่งถ่ายภาพต่อเนื่อง 1 วินาที และ 27 เฟรม และจำกัดการถ่ายภาพต่อเนื่องถึง 50 เฟรม

AI Landscape จัดและปรับแต่งภาพทิวทัศน์ให้สวยงามขึ้น

ฟีเจอร์นี้นี้จะช่วยให้เราได้ภาพถ่ายบรรยากาศหรือทิวทัศน์ตอนไปเที่ยวได้สวยงามมากขึ้น เพิ่มความคมชัดของภาพในช่วงที่มีหมอกลงเยอะๆ เพิ่มสีสันและความอิ่มสีให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังสามารถปรับองค์ประกอบในภาพให้เป็นเส้นตรงได้ แม้ว่าเราจะถือเครื่องเอียงๆ อยู่ก็ตามครับ

กล้องหน้าคมชัดสูง 50MP ถ่ายสวย ภาพคม !

realme 15 Series 5G เอาใจสายเซลฟี่ไม่ว่าจะใช้งานรุ่นไหนก็ตามเพราะให้ความละเอียดกล้องมาถึง 50MP เท่ากัน อย่างแรกเลยคือเราจะได้ภาพเซลฟี่ที่คมชัด ไม่เบลอ ไม่ขัดใจแน่นอน รวมถึงการปรับแต่งความบิวตี้หรือความสวยงามก็ทำได้ธรรมชาติ และถ่ายย้อนแสงได้เก่งด้วยล่ะครับ

ถ่ายวิดีโอคมชัดสูงสุด 4K @60FPS ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

realme 15 Series 5G ให้เราได้ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K แบบ 60fps เลย ทำให้ได้วิดีโอที่มีความคมชัดสูง คุณภาพวิดีโอที่ได้มีความนุ่มนวลและถ่ายได้ไหลลื่นมากที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกันด้วยครับ

สรุปการใช้งาน realme 15 Series 5G

realme 15 Series 5G ทั้ง realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G เป็นรุ่นที่ใช้งานได้สนุกสมกับการเป็น “AI Party Phone” จริงๆ โดยเฉพาะฟีเจอร์กล้องหลังที่มี AI Party Mode ที่เพิ่ม Glowing Light Effect เสริมวความสนุกในการถ่ายภาพให้ดูสนุกมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงยังมีฟีเจอร์ AI Edit Genie ที่ให้เราได้พูดเพื่อแก้ไขภาพหรือเปลี่ยนแปลงภาพตามที่ต้องการได้ง่ายๆ เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมเลยทีเดียว

ส่วนอื่นๆ ยังได้ชิปประมวลผลที่ใช้งานได้ไหลลื่น คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ ทั้งชิป Dimensity7300+ 5G ใน realme 15 5G และ Snapdragon 7 Gen 4 ใน realme 15 Pro 5G รวมถึงยังได้กล้อง 50MP ในทุกเลนส์ (realme 15 Pro 5G) และ 50MP Dual Lens (realme 15 5G) ได้แบตเตอรี่ Titan ขนาดใหญ่ 7000mAh ชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge และหน้าจอแสดงผลแบบไหลลื่นสุดถึง 144Hz

ราคาไทย realme 15 Series 5G

realme 15 5G (12GB + 256GB) มีให้เลือก 2 สี คือ Suit Titanium และ Suit Pink โดยมีราคาอยู่ที่ 12,999 บาท

realme 15 Pro 5G มี 2 สี ได้แก่ Flowing Silver และ Velvet Green พร้อม 2 ความจุ ดังนี้

  • realme 15 Pro 5G (12+512GB) : 16,999 บาท
  • realme 15 Pro 5G (12+256GB) : 14,999 บาท

ช่องทางการวางจำหน่าย

  • ช่องทางออนไลน์ : realme 15 Pro 5G (12+512GB) Exclusive เฉพาะที่ Shopee เท่านั้น
  • realme Brand shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
  • AIS 5G : พิเศษ! เป็นเจ้าของ realme 15 Series 5G ที่ AIS ราคาเครื่องพร้อมแพคเกจสุดคุ้ม ดังนี้
    • realme 15 Pro 5G (12+256GB) เริ่มต้นเพียง 10,399.-
    • realme 15 Pro 5G (12+512GB) เริ่มต้นเพียง 12,299.-
    • realme 15 5G (12+256GB) เริ่มต้นเพียง 8,499.-

พรีออเดอร์เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 26 ก.ย. 68 รับฟรีของพิเศษ ดังนี้

  • realme Special Backpack
  • realme Premium Fruit Mix
  • ประกันจอแตก 1 ครั้งใน 180 วัน
  • ขยายประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี

เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 68 ทั่วประเทศ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More