IT News
แกะกล่องพรีวิว Mi 11 สมาร์ทโฟนเรือธง Snapdragon 888 รุ่นแรก
พรีวิว Mi 11 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Xiaomi ที่มาพร้อมสเปคจัดเต็มชิปเซ็ต Snapdragon 888 รุ่นแรกในไทย หน้าจอ AMOLED 10-bits ขนาด 6.81” แสดงผลได้ที่ความละเอียด QHD+ refresh rate 120Hz รองรับชาร์จไว 55W และมีกล้อง 108MP สุดทรงพลัง

วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้เครื่องมาอยู่ในมือเรียบร้อย ขอแกะกล่องพรีวิวให้ชมพร้อมตอบคำถามที่หลายคนสงสัยไว้ครบในบทความนี้ น่าสนใจแค่ไหน มาติดตามกันเลยครับ

แกะกล่อง
เริ่มต้นที่ตัวกล่องกันก่อนเลย ต้องบอกก่อนว่ากล่องของ Mi 11 เครื่องศูนย์ไทยนั้นจะแตกต่างจากเครื่องจีนนิดหน่อย ตรงนี้ขนาดยังไม่ถูกปรับให้เล็กลง มีขนาดเท่ากับของ Xiaomi รุ่นก่อน ๆ อยู่ครับ ที่ด้านหน้าระบุชื่อรุ่นชัดเจนว่า Mi 11
พร้อมสรรพคุณต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นกล้อง 108MP รองรับ 5G หรือรองรับระบบเสียง Harman/Kardon ก็ระบุไว้ที่หน้ากล่องครบหมด

ที่ด้านข้างจะมีระบุว่าเครื่องนี้มี Google Play Services สามารถใช้งานดาวน์โหลดแอปต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องชั้นแรกที่ภายในจะมีเอกสารคู่มือ, เข็มจิ้มถาดซิมและเคสซิลิโคนใส่ครับ ซึ่งตัวเคสนี้ก็จะเป็นเคสแบบกันแบคทีเรียด้วยนะ

อีกชั้นถัดลงไปเราจะเจอกับตัวเครื่อง Mi 11 ที่อยู่ในซองอย่างดี มีระบุฟีเจอร์เด่นแบบเพียบ ๆ ดังนี้
- 108MP กล้องยอดเยี่ยมที่ปรับปรุงในเรื่องโหมดกลางคืนพร้อมลำโพงจาก Harman Kardon
- WQHD+ 120Hz หน้าจอสุดใสเคลียร์ และดีไซน์ที่โดดเด่นน้ำหนักเบา
- Snapdragon 888 ชิปเซ็ตระดับเรือธงพร้อมเชื่อมต่อ 5G ได้ เร็วแรงเต็มสปีด
- ชาร์จไว 55W (แบบมีสาย) และ 50W (แบบไร้สาย) พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน

เปิดถัดลงไปอีกจะเจอกับอุปกรณ์เสริมอย่างสายชาร์จและที่ชาร์จไว 55W ที่เครื่องศูนย์ไทยยังคงแถมมาให้อยู่ ไม่ต้องไปซื้อแยกหรือแถมแยกนอกกล่องเหมือนเครื่องจีนนะครับ

ตัวอุปกรณ์ก็พร้อมใช้งานที่ชาร์จเป็นแบบ GaN ที่ให้ความเร็วในการชาร์จสูงแต่ขนาดของที่ชาร์จไม่ใหญ่เทอะทะ ส่วนสายชาร์จจะเป็นแบบ USB type-A to type-C ครับมีแถบสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ด้วย


เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ Mi 11 ก็มีด้วยกัน 6 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง Mi 11
- เคสซิลิโคนใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สายชาร์จ USB type-C to type-A
- ที่ชาร์จ 55W

ดีไซน์สวยทั้งรูป จูบก็หอม
มาเข้าเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องกันเลย Mi 11 เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นสีฟ้า Horizon Blue เรียกว่าเป็นสีไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ฝาหลังมีความสวยงามโดดเด่นด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ที่มีความโค้งพอให้จับได้พอดีมือไม่หนาจนเกินไป

ผิวสัมผัสทำได้ดีมากเพราะเป็นผิวด้าน ไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือเท่าไหร่ แถมยังเล่นกับแสงได้เป็นอย่างดีเวลาตกกระทบกับแสงฝาหลังก็จะไล่เฉดสีไปเรื่อย ๆ เป็นสีฟ้าอ่อนที่มีสีทองแทรกอยู่ในทุกมุมที่โดนแสงเลยล่ะครับ ดูดีมาก ๆ

เลนส์กล้องของ Mi 11 ออกแบบมาได้เด่นดีจริง ๆ วางกล้องทั้ง 3 ตัวไว้ในกรอบเลนส์ชุดเดียวกันที่มีหลายเลเยอร์ มีสกรีนคำว่า 108MP OIS ไว้ด้วย

ส่วนหน้าจอ Mi 11 ก็โดดเด่นมาก ๆ ด้วยจอ AMOLED โค้งขนาดใหญ่ถึง 6.81” แสดงผลได้เต็มตาเอามาก ๆ บนความละเอียด WQHD+ หรือ 2K พร้อม refresh rate 120Hz แบบ Adaptive ที่จะคอยปรับขึ้น-ลงไปตามการใช้งานเพื่อประหยัดแบตเตอรี่อย่างที่สุดอีกด้วย


ความโค้งของหน้าจอนั้นจะไม่ใช่แค่โค้งที่มุมซ้าย-ขวาเท่านั้น เพราะจอของ Mi 11 นั้นจะโค้งแบบ 4 ด้านเพิ่มมุมบน-ล่างเข้าไปอีก ไม่ใช่แค่ดูหรูหราอย่างเดียวแต่ในการใช้งานจริงก็ตอบโจทย์ดีมาก การปาดจากมุมจอหรือลากนิ้วลงมาจากด้านบนพอสัมผัสบนจอโค้งทุกมุมแบบนี้มันดีมากจริง ๆ ครับ

ที่มุมจอด้านซ้ายจะเห็นว่ามีรูกล้องหน้าความละเอียด 20MP วางอยู่ ขนาดเล็กมาก ไม่กวนสายตาเวลาใช้งานแน่นอนครับ

ส่วนบนจอจะมีระบบสแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่ด้วย ทำงานได้รวดเร็วดีจริง ๆ

กรอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุอลูมิเนียมผิวมันซึ่งตัดกับความด้านที่ฝาหลังได้เป็นอย่างดี ปุ่มกดจะวางไว้ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด ส่วนด้านซ้ายก็เรียบ ๆ มีเพียงเสาอากาศอย่างเดียวครับ


ส่วนด้านบน-ล่างตัวเครื่องจะมีการตัดมุมเหลี่ยมเข้าไป ไม่ให้ดีไซน์ดูโค้งมนไปซะทั้งหมด ด้านล่างมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB type-C, ไมโครโฟน, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง

และด้านบนของ Mi 11 ก็โดดเด่นกว่ารุ่นไหน ๆ เพราะมีโลโก้ของ Harman/Kardon สกรีนอยู่ข้างกับลำโพงอีกชุดที่สามารถใช้งานเป็นลำโพง Stereo ได้ด้วย พร้อมกันนี้ด้านบนยังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนและ IR Blaster ที่ใช้งานเป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ได้ด้วย

ช่องใส่ซิมของ Mi 11 จะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องถาดซิมเป็นแบบ DUAL-SIM ไม่รองรับ micro-SD ครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ Mi 11 ออกแบบมาได้น่าสนใจ มองแว้บแรกก็รู้สึกถึงความสวยและพรีเมี่ยม ยิ่งพอได้จับก็รู้สึกว่าตัวเครื่องจับได้ถนัดมืองานประกอบดูดีเอามาก ๆ ตัวหน้าจอโค้งที่มีขนาดใหญ่แบบจุใจ ตอบโจทย์การใช้งานในเรื่องการสัมผัสได้ดีอีกต่างหาก

ชิปเซ็ต Snapdragon 888 รุ่นแรก
สำหรับสเปคของ Mi 11 นั้นจัดเต็มมาก ๆ เพราะมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 888 ถ้าในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชิปตัวนี้เลย มาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบ 5nm ความเร็วแรงนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ทำคะแนน AnTuTu และ GeekBench 5 ไปได้สูงมาก ๆ


หรือจะเป็นการเล่นเกมจริง เราทดสอบกับ Call of Duty Mobile, Genshin Impact หรือ Asphalt 9 ก็เล่นได้ลื่นไหลไปซะทุกเกม ได้ Touch Sampling rate สูงถึง 480Hz อีก จะสัมผัส แตะ ก็ตอบสนองไวไม่มีสะดุดเลยครับ



กล้องหลัง 3 ตัวฟีเจอร์เพียบ ๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Mi 11 ก็คือเรื่องของกล้อง รุ่นนี้ได้กล้องมาทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- 108MP เลนส์หลัก f/1.9, PDAF, OIS
- 13MP เลนส์ Ultra Wide f/2.4 มุมกว้าง 123 องศา
- 5MP เลนส์ macro f/2.4

ตอบโจทย์ในเรื่องการถ่ายภาพทั้งมุมกว้าง ความละเอียดสูง หรือระยะใกล้ เท่าที่เราลองถ่ายภาพมาคร่าว ๆ ทุกเลนส์ใช้ประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน เลนส์หลัก 108MP ไฟล์คมชัด สามารถซูมแบบ Digital เข้าไปได้มากสุด 30x เลนส์ Ultra Wide ก็มุมกว้าง 123 องศา เก็บฉากได้ครบ หรือเลนส์ macro ที่ดูเหมือนเป็นกิมมิคใส่มาเฉย ๆ แต่พอใช้จริงก็รู้สึกว่าใช้ได้เลยดีเลย ระยะเข้าได้ใกล้มากและไฟล์ก็ออกมาดีกว่าที่คิดเยอะ







ส่วนโหมดวิดีโอก็เก่งขึ้นอีกเยอะ ด้วยโหมดวิดีโออัจฉริยะ 6 แบบ อาทิ โหมด Parallel World, โหมด Freeze Frame Video หรือ โหมด Magic Zoom นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการบันทึกภาพแบบ HDR10+ และ 8K อีกด้วย

ชาร์จไว 55W
ปิดท้ายที่เรื่องระบบชาร์จ Mi 11 ชาร์จได้ไวแบบมีสายได้สูงสุดถึง 55W แถมยังมีที่ชาร์จ GaN แถมมาให้ในกล่องเลยด้วย ไม่ต้องซื้อแยก ส่วนระบบชาร์จไร้สายก็ได้เร็วถึง 50W เรียกว่าเทคโนโลยีในการชาร์จของรุ่นนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ
สรุปสเปค Mi 11
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.81” ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล), 551ppi, refresh rate 120Hz, อัตราส่วน 20:9, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1500nits
- CPU : Snapdragon 888 Octa-core 2.84GHz (5nm)
- GPU : Adreno 660
- RAM : 8GB LPDDR5
- ROM : 128GB/256GB UFS 3.1
- แบตเตอรี่ : 4600mAh
- ระบบชาร์จ : 55W (แบบสาย) 50W (ไร้สาย)
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 108MP เลนส์หลัก f/1.9, PDAF, OIS
- 13MP เลนส์ Ultra Wide f/2.4 มุมกว้าง 123 องศา
- 5MP เลนส์ macro f/2.4
- กล้องหน้า : 20MP f/2.2
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 (MIUI 12)
คร่าว ๆ ประมาณนี้เนาะสำหรับ พรีวิว Mi 11 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Xiaomi ที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย สเปคดี รูปลักษณ์เด่น ทุกอย่างบอกได้เลยว่าจัดเต็มจริง ๆ จะเหลือที่หลายคนอยากรู้ก็คือ “ราคา” อันนี้คงต้องรอทาง Xiaomi ประเทศไทยอัปเดตอีกทีว่า Mi 11 นั้นจะเปิดตัวมาที่เท่าไหร่กันแน่
JD Central จองได้ที่นี่ https://bit.ly/3aPuNLF
IT News
เปิดตัว Redmi AirDots 3 หูฟังไร้สายใหม่ล่าสุด ราคาประมาณ 930 บาท
Xiaomi เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ Redmi AirDots 3 อย่างเป็นทางการในบ้านเกิดในงานเปิดตัว Redmi K40 Series ที่ผ่านมา และวางจำหน่ายแล้วในราคาสุดคุ้มค่าเหมือนเดิม

ตัวหูฟังใช้ชิปเซ็ต QCC3040 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 จากเดิมในรุ่นก่อนนั้นเป็น Bluetooth 5.0 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อและอัตราการส่งข้อมูลที่ดีขึ้น รวมไปถึงความเสถียรในการใช้งานไร้สายด้วย
ผู้ใช้งานสามารถแตะที่ตัวหูฟังเพื่อควบคุมและสั่งการทำงานได้ผ่านเซ็นเซอร์มัลติฟังก์ชั่น โดยผู้ใช้งานในจีนยังสามารถเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว XiaoAI ได้ด้วยคำสั่งเสียง และรองรับฟีเจอร์หน้าต่างป็อปอัพเพื่อดูข้อมูลการเชื่อมต่อปริมาณแบตเตอรี่ได้รวดเร็วมากขึ้นสำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ MIUI
นอกจากนี้แล้วยังมีเทคโนโลยีช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างด้วยเทคโนโลยี Environment Noise Reduction และสามารถทนน้ำได้มาตราฐาน IPX7 ส่วนตัวแบตเตอรี่ในหูฟังใช้งานได้นานสูงสุด 7 ชั่วโมงในการฟังเพลงต่อเนื่อง และใช้งานได้นาน 30 ชั่วโมงเมื่อรวมกับแบตเตอรี่ในเคสชาร์จ

ในประเทศจีน Redmi AirDots 3 วางจำหน่ายในราคา 199 หยวนหรือประมาณ 930 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว สีดำ และสีชมพู เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ายังคงเป็นดีไซน์แบบ True Wireless แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านเสียงให้ดีขึ้น
ที่มา : gizmochina
IT News
LINKSYS เอาใจสาวก APPLE ประกาศชัด VELOP TRI-BAND MESH รองรับ APPLE HOMEKIT

ลิงค์ซิส (Linksys) แบรนด์ชั้นนำเรื่องอุปกรณ์เชื่อมต่อภายในบ้าน (Connected Home) ของเบลคิน อินเตอร์เนชันแนล (Belkin International) และบริษัท ฟอกส์คอน อินเตอร์คอนเน็ค เทคโนโลยี (Foxconn Interconnect Technology: FIT) ที่ได้ควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน พร้อมประกาศอย่างเป็นทางการว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นที่อยู่ใน APPLE HOME KIT สามารถรองรับการทำงานของ Linksys Velop Tri-Band เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของอุปกรณ์เสริมอัจฉริยะภายในบ้านได้อีกด้วย
เมื่อใช้แอพพลิเคชั่น Home ที่มีบน iPhone, iPad และ Mac ลูกค้า Linksys ที่ใช้เราเตอร์ Linksys Velop Tri-Band Mesh จะสามารถจัดการการเข้าถึงอุปกรณ์เสริมที่เปิดใช้งาน HomeKit ได้อย่างปลอดภัย และสามารถกำหนดวิธีที่อุปกรณ์เสริมแต่ละชิ้นให้อนุญาตให้สามารถสื่อสารภายในบ้านและผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ HomeKit ได้รองรับการทำงานของ Linksys Velop Tri-Band Mesh ให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆใน HomeKit และป้องกันการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นจากการสื่อสารกับอุปกรณ์ที่ใช้ Wi-Fi อื่น ๆ และการให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางอินเทอร์เน็ต
นายชาคริต ศิริกุลประดิษฐ ผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคอาเซียน เบลคิน อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกยังคงใช้ชีวิต ทำงาน และเรียนรู้จากที่บ้าน เราเองในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อและขยายสัญญาณอินเทอร์เน็ตมาตรฐานระดับโลก ก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มอบประสบการณ์ที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้า โดย Linksys Velop Tri-Band สำหรับ APPLE HomeKit นี้มีคุณสมบัติให้ความเป็นส่วนตัวที่มีประสิทธิภาพแข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายในบ้าน และด้วย Linksys Router ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Intelligent Mesh เอกสิทธิ์เฉพาะของเรา ทำให้เราสามารถให้บริการผู้ใช้งานด้วยการเพิ่มมูลค่าด้วยความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ที่บริการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อาทิ Linksys Shield, Linksys Aware และอื่นๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้น” ลูกค้า Linksys สามารถเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน HomeKit ได้ โดยจะมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ฟรีให้กับเราเตอร์ Velop Tri-Band Mesh ซึ่งมีอยู่ใน Velop app สำหรับ iOS และiPadOS ทั้งนี้การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับทุกอุปกรณ์เสริมใน HomeKit สามารถทำได้ในแอพพลิเคชั่น Apple Home บน iPhone และ iPad
IT News
เตรียมปลดล็อคขุมพลังไปกับ realme narzo 30A สมาร์ทโฟนชิปเซ็ตเกมมิ่งทรงพลัง พร้อมผลิตภัณฑ์ AIoT ใหม่ล่าสุด พบกันวันที่ 10 มี.ค. นี้
realme แบรนด์สมาร์ทโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เตรียมมอบประสบการณ์เล่นเกมเต็มรูปแบบด้วย realme narzo 30A สมาร์ทโฟนซีรีส์สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ที่มาพร้อมการผสมผสานระหว่างความทรงพลังของชิปเซ็ต Helio G85 และประสิทธิภาพแบตเตอรี่ยักษ์ 6,000 mAh และผลิตภัณฑ์ AIoT ที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้ไลฟ์ไตล์ของคนรุ่นใหม่สนุกกว่าที่เคย

พลาดไม่ได้กับสมาร์ทโฟนขุมพลังแห่งเกมมิ่งและผลิตภัณฑ์ AIoT โดยรับชมความทรงพลังพร้อมกันทั่วประเทศผ่าน Live ถ่ายทอดสดในวันที่ 10 มีนาคมนี้ เวลา 18:00 น. ทางเพจ realme TH ทาง Youtube channel : realmeThailand และ Shopee สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/realmeTH
-
Apple News2 สัปดาห์ ago
อัปเดท ราคา iPhone 12 จาก AIS, dtac, TrueMove H เริ่มต้น 11,900 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2021
-
Android News1 สัปดาห์ ago
พรีวิว OPPO X 2021 สมาร์ทโฟนจอม้วนได้รุ่นแรก มิติใหม่ของการขยายหน้าจอจากสมาร์ทโฟนไปแท็บเล็ต
-
Apple News2 สัปดาห์ ago
เผยเรนเดอร์ iPhone 13 Pro ขอบเครื่องแบน รองรับ Touch ID ใต้จอ และรอยบากเล็กลง
-
Android News2 สัปดาห์ ago
เปรียบเทียบความเร็วการชาร์จ 5 เรือธง S21 Ultra vs Note20 Ultra vs iPhone 12 Pro Max, Mi 11 และ Mate40 Pro
-
Apple News1 สัปดาห์ ago
ราคาล่าสุด iPad ทุกรุ่น ช้อปไหนราคาดีสุด ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2021
-
Android News2 สัปดาห์ ago
มือถือราคาไม่เกิน 7,000 บาท ซื้อรุ่นไหนดี ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2021
-
IT News2 สัปดาห์ ago
ส่องโปรเน็ต ซิมเทพ จ่ายครั้งเดียว เล่นเน็ตไม่อั้นนาน 1 ปี
-
Android App2 สัปดาห์ ago
YouTube บน Android รองรับการเล่นวิดีโอ 4K แล้ว แม้หน้าจอยังไม่ถึงก็ตาม