Smart Review
พรีวิว “LINE CHARACTER Mascot Strap Part 2” ที่ห้อยพร้อมจุกหูฟังของเหล่าสติ๊กเกอร์ LINE สุดน่ารัก
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักแอพ LINE โดยเฉพาะตัวสติ๊กเกอร์สุดน่ารักที่ทยอยออกมายั่วเหล่านักแชทกันอยู่บ่อย ๆ นอกจากจะมีสติ๊กเกอร์ให้ดาวน์โหลดใช้งานกันแล้ว ยังมีตุ๊กตาหลากหลายแบบ และนี่คือคอลเลคชั่นล่าสุด “LINE CHARACTER Mascot Strap Part 2” เป็นที่ห้อยพร้อมจุกหูฟังสำหรับมือถือทุกรุ่น สุดน่ารักเวอร์ชั่น 2 ครับ ในเช็ตนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 8 ตัว เหมาะที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ ไปดูกันว่ามีแบบไหนกันบ้าง
Moon – A กำลังทำหน้าตกใจสุดขีด ไม่รู้กำลังตกใจอะไรอยู่น่ะ ขนาดตัวตุ๊กตามีความสูง 35 มิลลิเมตร
Moon – B ยกนิ้วที่สื่อว่า “รักทุกคน” ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
James – A หนุ่มผมยาวสีทอง กำลังวิ่ง ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
James – B ผมผมยาวสีทอง กับเหยือกเบียร์ ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
Brown – A เจ้าหมีสุดน่ารัก กำลังยืนทรงตัวอยู่บนลูกบอล ไม่ว่าจะทำอะไรหน้าจะนิ่งตลอด ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
Brown – B รับบทบาทเป็นนักมวยกางเกงน้ำเงิน น่ารักจริง ๆ แต่หน้าก็ยังนิ่งอยู่ ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
Cony – A กระต่ายเจ้าบทบาท กำลังขำอะไรอยู่น่ะ ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
Cony – B รับบทเศร้า เหนื่อยและท้อแท้ คงจะสิ้นหวังกับเรื่องอะไรแน่ ๆ เลย เห็นแล้วน่าสงสาร ขนาดตัวมีความสูง 35 มิลลิเมตร
ทุกตัวทำมาจากพลาสติกเข็งคุณภาพดี ของแท้ส่งตรงจากญี่ปุ่น เห็นแล้วน่ารักทุกตัวเลย แฟน ๆ ขาแชท LINE ไม่ควรพลาด เนื่องจากสินค้ามีจำนวนจำกัด สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อได้ที่ www.casedeedee.com
Smart Review
บราเดอร์ สะท้อน DNA แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำตัวจริงด้านคุณภาพงานบริการหลังการขายหลังได้รับการรับรองคุณภาพการให้บริการระดับ Gold จากสถาบัน SQI

บราเดอร์รุกหน้าด้านคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผ่านการรับรองคุณภาพการให้บริการระดับ Gold จากสถาบัน Service Quality Institution (SQI) เพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าอีกระดับ พร้อมเตรียมเสริมพัฒนาการต่อยอดงานบริการด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าบราเดอร์ทุกคน

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา บราเดอร์ ได้ให้ความสำคัญต่อการบริการหลังการขายมาโดยตลอด บริษัทฯ ไม่เพียงแค่เพิ่มทักษะให้แก่ทีมบริการเท่านั้นแต่เรายังเสริมด้านการปรับ mindset เข้าไปด้วย ซึ่งเชื่ออย่างยิ่งว่าการได้รับการรับรองคุณภาพการให้บริการระดับ Gold จากสถาบัน SQI ในครั้งนี้ จะเป็นอีกส่วนที่ช่วยต่อยอดการบริการหลังการขายของบราเดอร์ให้สามารถพัฒนาต่อเนื่องสู่อนาคต
“at your side คือหลักในการปฏิบัติหรือ motto ที่บราเดอร์ยึดถือมาโดยตลอด เราพร้อมเสมอที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม ซึ่งหลักในการดำเนินธุรกิจของบราเดอร์จะมุ่งไปที่ 2 ส่วน คือ การมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าเสมอ” นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กล่าวเสริม
ด้าน ดร.รัชชุมา หุตายน ผู้อำนวยการสถาบันคุณภาพการให้บริการ SQI (Service Quality Institution)กล่าวถึงภาพรวมการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของ บราเดอร์ ว่า บราเดอร์ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่ระดับผู้บริหารที่กำหนดนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติที่ต้องรับนโยบายดังกล่าวมาสานต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมแห่งการบริการที่เต็มไปด้วยศักยภาพ และถือเป็นที่แรกที่ใช้เวลาในการทดสอบตามเกณฑ์การรับรองคุณภาพงานบริการได้รวดเร็วกว่าที่สถาบันกำหนดเนื่องจากความพร้อมของระบบการให้บริการที่ได้วางรากฐานมาดีแล้ว ยังประกอบกับความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างจริงจัง ทำให้การก้าวไปอีกหนึ่งขั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดต่อบราเดอร์

นายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า ปัจจุบัน บราเดอร์ มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ดังนั้นการสร้างมาตรฐานการบริการที่เป็นหนึ่งเดียวจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ดังนั้น บราเดอร์ จึงได้พัฒนามาตรฐาน Service Excellence ขึ้น เพื่อวางกรอบการบริการให้แก่พนักงานฝ่ายบริการทุกคนให้ได้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยชูความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยหลักในการส่งมอบงานบริการเพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า นอกจากนี้ บราเดอร์ ยังได้จัดฝึกอบรมทีมบริการอยู่เสมอเพื่อพัฒนาศักยภาพความพร้อมในการส่งมอบบริการอันเป็นเลิศสู่ลูกค้า และเพื่อการพัฒนาอีกขั้น บราเดอร์ จึงได้ขอรับการประเมินการรับรองคุณภาพโดยเกณฑ์การรับรองของสถาบัน SQI ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกที่มีหน้าที่ตรวจสอบงานบริการที่ได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรชั้นนำมาร่วมประเมินคุณภาพ เพื่อเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการของบราเดอร์
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บราเดอร์ ได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้า จึงได้มีการพัฒนาคุณภาพงานบริการมาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บราเดอร์ จึงได้ขอเข้ารับการประเมินการรับรองคุณภาพเกณฑ์การรับรองจาก สถาบัน SQI โดยเกณฑ์ดังกล่าวได้ให้ความสำคัญต่อแนวนโยบายคุณภาพการให้บริการลูกค้าตั้งแต่ภายในองค์กรไปจนถึงการมอบประสบการณ์เชิงบวกให้แก่ลูกค้าภายนอก” นายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล กล่าวเพิ่มเติม

นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวนิชย์ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวถึงแนวทางและแผนการพัฒนางานบริการของบราเดอร์จากปัจจุบันสู่อนาคตว่า เป้าหมายของทีมบริการหลังการขายของบราเดอร์ คือการมอบบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ หลักในการทำงานแบบ outside in จึงเป็นอีกหนึ่งหลักที่บราเดอร์ยึดถือมาโดยตลอดเพราะความต้องการของลูกค้าคือหัวใจหลักในการส่งมอบบริการ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในทุกวันส่งผลโดยตรงต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงความหลากหลายของ generation ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่บราเดอร์ต้องนำมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คำนึงถึงในทุกครั้งที่เราต้องการพัฒนางานบริการ นอกจากนี้ บราเดอร์ ยังได้พัฒนา product ด้านงานบริการเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ลูกค้า อาทิ Brother Care Pack บริการเสริมพร้อมดูแลหลังการขาย เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการขยายเวลาการรับประกัน บริการซ่อมนอกสถานที่ บริการติดตั้งเครื่อง บริการบำรุงรักษา บริการตรวจเช็คบำรุงรักษารายปี และ Brother Care Express บริการรับส่งซ่อมพร้อมส่งคืน เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า มอบบริการพิเศษรับส่งซ่อมพร้อมส่งคืนแบบรับเร็วถึงที่ ส่งไวถึงมือ ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทาง
“บราเดอร์ พร้อมนำความแข็งแกร่งของทีมบริการมาพัฒนาควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยล่าสุด บราเดอร์ได้พัฒนา Brother Live Chat และ bot เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วแก่ลูกค้า เสริมทีม contact center ที่พร้อมให้บริการอยู่แล้ว” นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวนิชย์ กล่าวถึงแนวทางในการพัฒนางานบริการของบราเดอร์ในอนาคต
Smart Review
รีวิว Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W แผ่นชาร์จไร้สายแบบคู่ ชาร์จไวพร้อมกัน 2 อุปกรณ์
Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W แผ่นชาร์จไร้สายแบบคู่ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับใครที่มีอุปกรณ์หลายอุปกรณ์เพราะสามารถชาร์จได้ถึง 2 อุปกรณ์พร้อมกัน แถมยังเร็วสุดถึง 10W อีกต่างหาก วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะมารีวิวให้ชมกันว่าน่าสนใจแค่ไหน

แกะกล่อง
ก่อนอื่นเรามาดูอุปกรณ์ในกล่องกันก่อน แพ็กเกจของ Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W จะมาในทรงเรียบ ๆ ใช้โทนสีขาว-เขียวตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ Belkin ที่หน้ากล่องจะมีบอกชื่อรุ่นและคุณสมบัติคร่าว ๆ ส่วนที่มุมกล่องด้านขวาจะมีชื่อรุ่นที่รองรับอยู่สำหรับรุ่นนี้ก็เน้นไปที่สมาร์ทโฟน Apple และ Samsung เป็นหลักครับ

อุปกรณ์ภายในกล่องก็มี 3 อย่างหลัก ๆ ไม่มีอะไรมากครับ
- แผ่นชาร์จ
- อะแดปเตอร์
- คู่มือการใช้งาน



ดีไซน์เรียบง่าย รองรับตัวเครื่องอย่างดี
มาดูดีไซน์ของตัวแผ่นชาร์จกันต่อเลยดีกว่า Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W มาในทรงแผ่นชาร์จขนาดกำลังดีที่มาตัววงกลมบอกตำแหน่งของตัวขดชาร์จและช่วยลดความลื่นเมื่อวางอุปกรณ์ลงไปด้วย ที่ตัวแผ่นชาร์จจะมีโลโก้ Belkin และไฟ LED แจ้งสถานะการชาร์จอยู่ด้วยครับ

ส่วนด้านหลังของตัวแผ่นชาร์จก็จะมีรายละเอียดกำลังไฟคร่าว ๆ และที่รองตัวแผ่นชาร์จไว้ 4 มุมกันลื่นเวลาวางไว้บนโต๊ะด้วยครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อของ Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W ตัวนี้จะเป็นแบบรูกลมเฉพาะของรุ่นนี้ ใช้เสียบเข้ากับตัวแผ่นชาร์จได้โดยตรงไม่ยุ่งยากครับ


ชาร์จดี เกาะหนึบไม่เคลื่อนง่าย ๆ
ได้เวลาใช้งานจริงกันแล้ว วิธีการใช้งานก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เสียบสายแล้วนำอุปกรณ์ที่รองรับมาวางได้เลย ในที่นี้เราลองทดสอบด้วยสมาร์ทโฟน iPhone 12 Pro Max และ Galaxy S20 FE 5G ครับ


ตัวที่รองวงกลมช่วยในเรื่องความหนึบของตัวเครื่องกับแผ่นชาร์จอย่างดี กันไม่ให้เครื่องลื่นไปได้ง่าย เวลามีการแจ้งเตือนหรือสั่นเตือนก็ไม่เคลื่อนที่ออกจากแผ่นชาร์จครับ

เมื่อมีการชาร์จไฟ LED สถานะการชาร์จจะขึ้นมาบนแผ่นตามฝั่งที่ชาร์จครับ ถ้าเราวางชาร์จไป 2 เครื่องพร้อมกันไฟจะติดคู่เลย

หรือถ้าเราลองวางแบบผิดวิธีจะวางเครื่องทับไป 2 วงเลย หรือวางเครื่องคว่ำหน้าไฟ LED ก็จะขึ้นเป็นสีส้มเพื่อเตือนเราว่าแบบนี้ไม่ชาร์จนะ ให้สลับวางแบบถูกต้องแทน


ใส่เคสก็ชาร์จได้ สำหรับใครที่กังวลว่าแผ่นชาร์จไร้สายบาง ๆ แบบนี้ ถ้าเราใส่เคสหนาหน่อยจะชาร์จได้ไหม อันนี้ไม่ต้องกังวลครับ จากที่เราลองใช้เคสที่มีความหนาพอสมควรชาร์จดู ก็ขึ้นชาร์จได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไรครับ

ชาร์จไวสูงสุด 10W
ความเร็วในการชาร์จของ Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W นั้นสูงสุดที่ 10W สำหรับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy เมื่อวางชาร์จจะขึ้นเลยว่า Fast Wireless Charging ครับ แต่ถ้าเป็น iPhone ก็จะได้ 7.5W

ซึ่งความเร็ว 10W นี้ก็สามารถชาร์จได้เร็ว 10W พร้อมกันเลยด้วย (ถ้าอุปกรณ์รองรับ) ไม่ใช่ 10W แล้วต้องเฉลี่ย 5W + 5W นะครับ

ชาร์จได้ทุกอุปกรณ์ที่รองรับ Qi
เห็นที่กล่องระบุว่าสำหรับ Apple กับ Samsung แต่จริง ๆ แล้ว Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W นี้รองรับอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สาย Qi ทั้งหมดเลยครับ สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่รรองรับชาร์จไร้สาย Qi หรือพวกหูฟังก็ได้ ในที่นี้เราลองใช้หูฟัง Galaxy Buds Live มาวางชาร์จก็ได้เช่นกัน

สรุปแล้ว สะดวกดี ใช้งานได้คุ้ม
เรียกว่าเป็นแผ่นชาร์จไร้สายที่สะดวกสบายดีทีเดียวสำหรับ Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W รุ่นนี้ ความเร็วในการชาร์จทำได้ถึง 10W พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ ใครที่มีสมาร์ทโฟนหลายเครื่องหรืออุปกรณ์ที่รองรับระบบชาร์จไร้สาย Qi ก็เหมาะเลย ตั้งไว้ตัวเดียวจะชาร์จอะไรก็วางเอา วัสดุงานประกอบก็ดีมีมาตรฐานอย่างมาก สมกับแบรนด์ Belkin ใครที่กำลังมองหาแผ่นชาร์จไร้สายแบบใช้ได้หลายอุปกรณ์อยู่ตัวนี้แนะนำเลยครับ

ราคา Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W
Belkin BOOST↑CHARGE Dual Wireless Charging Pads 10W แผ่นชาร์จไร้สายแบบคู่ตัวนี้วางจำหน่ายแล้วในราคา 2,490 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่ Belkin Official Store เลยครับผม
Smart Review
รีวิว Galaxy Buds Pro หูฟังไร้สายที่ดีที่สุดจาก Samsung

Galaxy Buds Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ ANC แบบอัตโนมัติตามสถานการณ์ และเสียงดังกระหึ่มสมจริงด้วยการปรับจูนโดย AKG
ดีไซน์
Galaxy Buds Pro เปิดตัวมาทั้งหมด 3 สี โดยสีที่ใช้รีวิวครั้งนี้ Phantom Silver โดยอีก 2 สีที่มีวางจำหน่ายคือ Phantom Black และ Phantom Violet ซึ่งแต่สีก็จะจับคู่กับสีตัวเครื่องของ Galaxy S21 Series ได้อย่างลงตัว

ตัวหูฟังมาพร้อมกับเคสชาร์จที่เป็นสีเดียวกัน ซึ่งมีขนาดเล็กพกพาได้ง่าย ดีไซน์ของเคสยังมีความโค้งเว้าทำให้เวลาหยิบจับกระชับมือ ใส่กระเป๋ากางเกงก็ทำได้ง่ายด้วยขนาดและดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อการพกพาติดตัวไปได้ทุกที่

เมื่อเปิดฝาเคสออกมา จะพบกับหูฟังทั้ง 2 ข้าง ตอนเห็นครั้งแรกต้องบอกเลยว่าดูหรูหรามากๆ เพราะวัสดุที่ตัวหูฟังนั้นเป็นแบบมันเงา สะท้อนแสงสวยงามมากๆ และที่ตัวเคสด้านในก็จะมีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่ด้วย

สำหรับด้านนอกของตัวเคสก็มีไฟบอกสถาะนะแบตเตอรี่ของตัวเคสว่าเหลือประมาณมากหรือน้อยเช่นเดียวกัน ส่วนด้านหลังจะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับชาร์จไฟให้กับตัวเคส

เมื่อเก็บหูฟังเข้าไปในเคสก็จะเป็นการชาร์จไฟอัตโนมัติและตัวหูฟังจะลงล็อกทันทีด้วยแม่แหล็กที่ช่วยดูดเก็บ ไม่ได้ร่วงหล่นโดยไม่ตั้งใจนั้นเอง ส่วนพอร์ตที่ชาร์จไฟจากตัวเคสมายังหังฟังจะเป็นหัวแบบ Pogo pin

มาดูกันต่อที่ตัวหูฟังจะมีตัว L และ R เพื่อบอกว่าด้านไหนเป็นด้านซ้าย และด้านขวา ตามลำดับ โดยมีจุดสำหรับเชื่อมต่อเพื่อชาร์จไฟ และจุดดำๆ ที่เห็นนั้นเป็นเซ็นเซอร์การสัมผัส


ด้านนอกตัวหูฟังอย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นวัสดุที่มันเงา ทำให้ดูหรูหรามากๆ บริเวณนี้เป็นพื้นที่สำหรับแตะสัมผัสเพื่อสั่งงานได้ด้วย และมี 2 ไมโครโฟนสำหรับช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก

จุดยางของตัวหูฟัง (Earbud tip) มีให้ทั้งหมด 3 คู่ในกล่อง สามารถเลือกเปลี่ยนขนาดให้เหมาะกับหูของแต่ละคนได้ ความรู้สึกของการใส่หูฟัง ด้วยรูปทรงของหูฟังทำให้ใส่ได้สบายมากขึ้น ไม่รู้สึกปวดหู แม้จะใส่ติดต่อยาวนานหลายชั่วโมง และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการไหลเวียนของอากาศทำให้ไม่รู้สึกร้อนหูหรือเหงื่อออกระหว่างการใช้งานทั่วไป

การเชื่อมต่อและฟีเจอร์การใช้งาน
การเชื่อมต่อครั้งแรกระหว่างตัว Galaxy Buds Pro กับสมาร์ทโฟน ให้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable ให้เรียบร้อย สามารถดาวน์โหลดได้จาก Galaxy Store หรือ Play Store โดยรองรับการทำงานบน Android 7.0 ขึ้นไป
เปิดฝาเคสเพื่อให้หูฟังเข้าสู่โหมดการจับคู่ด้วย Bluetooth โดยการใส่หูฟังที่หูแล้วแตะค้างที่ตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน และที่ตัวแอปพลิเคชั่นก็ทำการค้นหาแล้วเลือกเชื่อมต่อหูฟัง ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอแอปได้เลย


ฟีเจอร์การใช้งานการสัมผัส Touch Pad
- แตะ 1 ครั้ง : เป็นการเล่นเพลง และเมื่อแตะอีก 1 ครั้งก็จะเป็นการหยุดเล่นเพลง
- แตะ 2 ครั้งติดต่อกัน : เป็นการเล่นเพลงถัดไป, รับสาย/วางสาย, พักสายสนทนาเพื่อรับสายซ้อน, สลับสายสนทนา
- แตะ 3 ครั้งติดต่อกัน : เป็นการเล่นเพลงก่อนหน้า, เริ่มเล่นเพลงปัจจุบันใหม่
- แตะแล้วค้างไว้ : ปรับแต่งฟังก์ชั่นการทำงานได้ในแอปพลิเคชั่น

ด้านการฟังเพลง ต้องบอกว่ารอบนี้ Samsung ทำออกมาได้ดีมาก โดยการเพิ่มลำโพงแบบ 2 ทาง คือ Woofer ขนาด 11 มม. และ Tweeter ขนาด 6.5 มม. ทำให้เสียงเพลงที่ได้ยินมีรายละเอียดเสียงแหลมที่ชัดเจนและเสียงเบสที่หนักแน่น ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ ของ Samsung ตัวใหม่นี้ทำได้ดีกว่าและน่าประทับใจมากครับ

ตัวหูฟังสามารถปรับตั้งค่า EQ ได้อิสระ และเสียงจากภายนอกแทบไม่เข้ามารบกวนขณะสวมใส่หูฟังตัวนี้เลย ถ้าเทียบกับ Galaxy Buds Live ในรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวพร้อม Galaxy Note20 Series

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าจะถูกใจทุกคนคือ 360 Audio ความเจ๋งของฟีเจอร์นี้จะมีตัวติดตามศรีษะของเราด้วยเทคโนโลยี Dolby Head Tracking ไม่ว่าจะขยับศรีษะหรือหันไปทางไหน ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ได้ยินก็จะปรับทิศทางใหม่ให้อัตโนมัติ เพื่อให้สมจริง ถ้าใครชอบดูหนังหรือคอนเสิร์ตต้องประทับกับฟีเจอร์นี้แน่นอน

สำหรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC ของหูฟัง ต้องบอกทำได้ดีมากๆ เพราะใช้ไมโครโฟนทั้งด้านในและด้านนอกในการจับเสียงรบกวน และปรับค่าให้อัตโนมัติตามเสียงรบกวนที่อยู่รอบๆ เช่น ริมถนนที่เสียงดังก็จะปรับค่าให้สูง หรือถ้าอยู่ในห้องค่อนข้างเงียบก็จะปรับค่าให้ต่ำ

เสียงคุยโทรศัพท์ในที่ที่มีเสียงดังรบกวนมากๆ เช่น ริมถนน เป็นต้น พบว่าปลายทางได้ยินเสียงคุยของเราชัดเจนมาก แทบไม่ได้ยินเสียงรบกวนอื่นๆ เลย และลองทดสอบคุยในห้องที่เปิดเพลงดังๆ ก็พบว่าปลายทางได้ยินเสียงเพลงเบามาก ในขณะที่เสียงคุยชัดเจนมากๆ

Voice Detect ที่ตัวหูฟังจะสลับจากโหมด ANC ไปเป็นโหมดรับเสียงรอบข้างหรือ Ambient Mode อัตโนมัติ เมื่อหูฟังตรวจจับเสียงขณะที่เราพูดคุยกับคนอื่น เช่น พูดสั่งแฟ เป็นต้น โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกเพื่อฟังเสียงผู้ที่เรากำลังคุยด้วย ซึ่งเสียงที่ได้ยินแทบไม่ดีเลย์เลย
ตัวหูฟังสามารถเปิด Ambient Mode ได้ด้วยตนเอง เพื่อฟังเสียงรอบข้างได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกเมื่อต้องพูดคุยกับเพื่อนข้างๆ หรือใส่วิ่งริมถนนก็เปิดโหมดนี้ได้เพื่อฟังเสีงรอบๆ เพื่อความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของ Samsung หลายเครื่อง และใช้งานบน One UI 3.1 ขึ้น ถ้าล็อกอิน Samsung Account เดียวกันไว้ จะสามารถใช้งาน Auto Switching สลับการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่นอัตโนมัติเมื่อมีสายโทรเข้าที่อุปกรณ์นั้น เพื่อให้รับสายและคุยได้ทันทีผ่าน Galaxy Buds Pro พอวางสายก็จะสลับไปเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เลือกไว้ตามเดิม
Galaxy Buds Pro รองรับการใช้งาน Bixby ด้วยคำสั่งเสียงได้ เช่น สั่งให้เล่นเพลง ถามปริมาณแบตเตอรี่ของหูฟัง สั่งเปิด/ปิด ANC และ Ambient Mode ได้ เป็นต้น

สำหรับคนขี้ลืมหรือทำหูฟังหาย สามารถค้นหาได้ง่ายๆ ด้วยแอปพลิเคชั่น SmartThings โดยกดให้หูฟังส่งเสียงแจ้งเตือนเพื่อให้หาไ้ด้ง่ายขึ้น และสามารถค้นหาแบบออฟไลน์ได้ ดูตำแหน่งล่าสุดที่ถูกใช้งานแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ตาม

นอกจากนี้แล้ว สามารถแชร์เพลงที่เรากำลังฟังไปยัง Galaxy Buds Pro ของเพื่อนได้ด้วยฟีเจอร์ Buds Together โดยที่เราไม่ต้องถอดหูฟังเราไปใส่หูเพื่อน ซึ่งอันนี้ดีมากๆ และถูกสุขลักษณะที่ดีอีกด้วยสำหรับของใช้ส่วนตัว

อายุการใช้งานของแบตเตอรี่
Samsung Galaxy Buds Pro ที่ตัวหูฟังมีแบตเตอรี่ 61mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 4-5 ชั่วโมงในโหมด ANC และถ้ารวมกับเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่ 472mAh ก็ชาร์จใช้งานได้อีกประมาณ 12-13 ชั่วโมง ก็ถือว่าได้งานได้ยาวๆ ทั้งวันเลย
นอกจากนี้แล้วยังรองรับการชาร์จผ่าน Wireless PowerShare ชาร์จไฟได้ทุกที่อย่างสะดวกเพียงวาง Galaxy Buds Pro บนด้านหลังของสมาร์ทโฟน Galaxy ที่รองรับฟีเจอร์นี้

สรุป Samsung Galaxy Buds Pro
สำหรับแฟนๆ Samsung ที่มีใช้งานสมาร์มโฟน Galaxy กันอยู่แล้ว การเลือกหูฟังไร้สายดีๆ สักอันต้องเป็น Galaxy Buds Pro ตัวนี้เลย เพราะในครั้งนี้ Samsung ทำออกมาได้ดีมาก ทั้งดีไซน์ที่สวยหรู พรีเมี่ยม และฟีเจอร์ระบบเสียงจัดเต็มจริงๆ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ ออกกำลังกายก็กันน้ำได้ อีกทั้งยังรองรับ SmartThiang Find ซึ่งมีประโยชน์มากๆ ในการแสดงตำแหน่งและค้นหาหูฟังทั้ง 2 ข้าง ไม่ว่าหูฟังจะถูกปิดหรือเปิดอยู่ก็ตาม
จุดสังเกตเพิ่มเติมสำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung เจ้าหูฟัง Galaxy Buds Pro ก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกเดียวที่มี เพราะบางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ เช่นการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assisant หรือ Siri สำหรับ iPhone
Samsung Galaxy Buds Pro วางจำหน่ายแล้วในราคา 6,990 บาท เป็นเจ้าของกันได้ที่ Samsung Brand Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ด้านล่างนี้
- Samsung : https://bit.ly/2NkBbRL
- Shopee : https://bit.ly/2ZcvgRq
- Lazada : https://bit.ly/3jLOKpo
-
Android Tips1 สัปดาห์ ago
How-To วิธี AirDrop จาก iPhone ไป Android หรือคอมง่าย ๆ ด้วย Snapdrop
-
Apple News1 สัปดาห์ ago
อัปเดท! ราคาล่าสุด iPhone SE, iPhone XR เริ่มเพียง 2,800 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2021
-
Apple News7 วัน ago
อัปเดท ราคา iPhone 12 จาก AIS, dtac, TrueMove H เริ่มต้น 11,900 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2021
-
Android News2 สัปดาห์ ago
ชมภาพเรนเดอร์ Mi Mix 4 ดีไซน์ชิดขอบ พร้อมกล้องใต้หน้าจอสุดงาม
-
IT News2 สัปดาห์ ago
Clubhouse ฮิตหนัก คนไทยแห่ขาย Invite ออนไลน์เพียบ!
-
How To2 สัปดาห์ ago
How-To วิธีเปลี่ยนชื่อ ตั้งชื่อเล่นและ Username บน Clubhouse
-
Apple News2 สัปดาห์ ago
ลือล่าสุดเผย iPhone 13 จะมาพร้อมสี Matte Black จอ 120Hz และมีฟีเจอร์ Always On Display ด้วย
-
Apple News6 วัน ago
เผยเรนเดอร์ iPhone 13 Pro ขอบเครื่องแบน รองรับ Touch ID ใต้จอ และรอยบากเล็กลง