Connect with us

Featured

รีวิว OPPO Watch เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ พร้อม Wear OS by Google และชาร์จไว ในราคา 5,999 บาท

Published

on

OPPO Watch 41mm สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกจาก OPPO ที่ให้เราได้เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ทันสมัย ใช้งานได้ไหลลื่น เชื่อมต่อได้เต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการ Wear OS จาก Google พร้อมหน้าจอที่มีความสวยงาม คมชัด และชาร์จได้ไวด้วย Watch VOOC Flash Charging โดยได้เปิดตัวมา 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น 41mm จำนวน 2 สี ได้แก่ สีชมพู Pink Gold และสีดำ Black และรุ่น 46mm สีดำ Black โดยรุ่นที่นำมารีวิวให้ชมในวันนี้คือรุ่น 41mm

 

สรุปสเปค OPPO Watch 41mm (Wi-Fi)

  • ขนาดตัวเครื่อง : 41.45 × 36.37 × 11.4 มม.
  • น้ำหนัก : 30.1 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Rigid AMOLED Screen ขนาด 1.6 นิ้ว ความละเอียด 360 x 320 พิกเซล สัดส่วนหน้าจอ 65.22%
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon Wear และ Apollo3
  • ระบบปฏิบัติการ Wear OS จาก Google
  • RAM 1GB
  • ความจุ 8GB
  • ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2, Wi-Fi 2.4G และ NFC
  • กันน้ำระดับ 3ATM (ลึกสูงสุด 30 เมตร)
  • แบตเตอรี่ความจุ 300 mAh รองรับชาร์จเร็ว Watch VOOC Flash Charging

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเรือน OPPO Watch
  • สายยาง Fluororubber
  • สายสำหรับรัดสายอีก 1 ชิ้น
  • แท่นชาร์จ Watch VOOC Flash Charging
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • คู่มือความปลอดภัย

 

ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย

เรื่องของดีไซน์ต้องบอกเลยว่า OPPO Watch 41mm ทำออกมาให้ดูมีความพรีเมี่ยมเบอร์ต้นๆ โดยขนาดที่ใส่ได้พอดีกับข้อมือทั้งผู้หญิงและผู้ชายครับ แถมความแข็งแรงก็มีการใช้เฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ซีรีส์ 6000 ทนต่อการกัดกร่อนสูง

 

สีสันของ OPPO Watch 41mm นั้นมีให้ 2 สีด้วยกัน ได้แก่ สีชมพู Pink Gold ที่เหมาะกับผู้หญิงสไตล์หวานๆ หรือสีดำเข้มที่ผู้ชายก็ใส่ได้แบบเท่ๆ หรือผู้หญิงก็ใส่ได้เช่นกัน

 

ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้ในมาตรฐาน 3ATM หรือลึก 30 เมตร สามารถใช้งานในตอนว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าเป็นรุ่น 46mm จะเป็น 5ATM หรือกันน้ำลึกสูงสุด 50 เมตร

 

การถอดสายของ OPPO Watch ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่มตรงกลางที่ด้านบนหรือด้านล่างบริเวณหลังเครื่อง เพื่อเปลี่ยนสายได้เหมือนกัน และรอดูกันเลยว่าจะมีสายแบบไหนออกมาให้ได้ลองใช้กันบ้าง

 

หน้าจอแสดงของ OPPO Watch 41mm ต้องบอกว่าให้ความคมชัดแบบจัดเต็มด้วยชนิด AMOLED ในขนาด 41 มม. หรือ 1.6 นิ้ว ความละเอียด 360 x 320 พิกเซล ซึ่งการใช้งานภายนอกสามารถสู้กับแสงสว่างกลางแจ้งได้เป็นอย่างดีที่สามารถปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,000 nits ซึ่งรุ่นนี้ใช้หน้าจอแบบแบน (Flat rectangular) เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วย

 

ในเรื่องของสีสันก็มาแบบ 100% DCI-P3 Color gamut และมีความหนาแน่นของพิกเซลที่ 301PPI

 

บริเวณรอบๆ เรือนของ OPPO Watch 41mm ที่ฝั่งขวามีปุ่ม Home ที่ด้านบน ตรงกลางเป็นไมโครโฟน ส่วนด้านล่างที่มีแถบเขียวเป็นปุ่ม Multi-Function

 

ส่วนด้านซ้ายจะมีลำโพง 2 ตัวอยู่ครับ

 

ขณะที่ด้านหลังจะมีเซ็นเซอร์ถึง 5 ตัวในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตรงกลาง โดยมีแถบแม่เหล็ก 4 ปุ่มไว้ยึดติดกับแท่นชาร์จ

 

OPPO Watch 41mm รันบนระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google ซึ่งใช้งานผ่าน Android  ที่สำคัญต้องบอกว่าการใช้งานจริงไหลลื่นกว่าที่คิด ต่างจาก Wear OS แบบเดิมๆ ที่อาจมีอาการกระตุก แต่ใน OPPO Watch กลับพบเจอน้อยมากๆ และรูปลักษณ์การใช้งานที่ดูสบายตาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ColorOS

 

วิธีการเชื่อมต่อ

  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Wear OS บนสมาร์ทโฟน Android
  • เปิดเครื่อง OPPO Watch ด้วยการกดค้างที่ปุ่ม Multi-Function ประมาณ 2 วินาที
  • ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
  • ใช้งานและเชื่อมต่อผ่าน Wear OS ได้ทันที หรือแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ทั้ง Google Fit หรือ HeyTap Health

 

การใช้งานปุ่มเบื้องต้น

  • กดปุ่ม Home 1 ครั้ง : เข้าหน้าหลัก หรือหน้าแอปพลิเคชั่นต่างๆ
  • กดปุ่ม Home ค้างไว้ : ใช้งาน Google Assistant
  • กดปุ่ม Multi-Function : เข้าโหมดที่ใช้งานบ่อยๆ (เลือกเองได้)
  • กดปุ่ม Multi-Function ค้างไว้ : เมนูการปิดเครื่อง / โหมดประหยัดพลังงาน

 

การควบคุมบนหน้าจอ

  • ปัดลง : เมนูการตั้งค่าต่างๆ
  • ปัดขึ้น : หน้าจอการแจ้งเตือน
  • ปัดซ้าย : เรียกใช้งาน Google Assistant
  • ปัดขวา : กิจวัตรประจำวัน

 

เปลี่ยนหน้าปัดให้เข้ากับธีมชุดได้ง่ายๆ ด้วยฟีเจอร์ AI Outfit

น่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ใครหลายคนต้องชอบแน่นอนสำหรับ AI Outfit ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันของหน้าปัดให้เข้ากันกับสีเสื้อในแต่ละวันของเราได้ ไม่หลุดธีมแน่นอน ซึ่งการทำก็ง่ายๆ ครับ เพียงแค่ถ่ายภาพของเราผ่านแอป HeyTap Health จากนั้นก็เข้าไปเลือกในส่วนของ “หน้าปัดนาฬิกาข้อมือ” และเลือก “AI Outfit” เมื่อกดแล้วก็ให้เราถ่ายรูปได้ทันที จากนั้นก็เลือกพื้นที่สีที่เราต้องการให้เข้ากับธีมสีของเรา และกด “จัดทำ” ก็เป็นอันเรียบร้อย

 

หรือใครที่อยากใช้ภาพหน้าปัดไปนานๆ ไม่เปลี่ยนเยอะ ก็สามารถเลือกรูปถ่ายในคลังบนสมาร์ทโฟนมาเป็นวอลเปเปอร์ได้เช่นกันครับ

 

ส่วนตัววอลเปเปอร์ปกติของ OPPO Watch ก็มีให้เลือกหลาย 10 แบบเลยทีเดียว หรือจะไปโหลดเพิ่มจาก Play Store ได้อีกเยอะมากๆ

 

แบตเตอรี่อึด มีชาร์จไว Watch VOOC Flash Charging มาให้อีกด้วย

ในเรื่องของแบตเตอรี่ แม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็กอย่างขนาด 41mm แต่การใช้งานในโหมดปกติถือว่าอยู่ได้ครบทั้งวันครับ แต่ถ้าใครออกกำลังหายมากหน่อยก็อาจได้ชาร์จกันสัก 1 ครั้ง

 

แต่ในการชาร์จ ใครจะไปคิดว่านาฬิกาจาก OPPO ก็มีเทคโนโลยีชาร์จไวมาให้เหมือนกับบนสมาร์ทโฟนเลยทีเดียวครับ ซึ่งเทคโนโลยี Watch VOOC Flash Charging ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 30% ในเวลาเพียง 15 นาที และเต็มในเวลาประมาณ 75 นาทีเท่านั้นครับ

 

ส่วนใครที่อยากให้โหมดประหยัดพลังงาน (Power Saving Mode) ก็สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 วันเลยทีเดียว ส่วนรุ่น 46mm ก็สามารถใช้งานได้นานสุงสุดถึง 21 วัน ซึ่งยังคงมีฟีเจอร์การนับก้าว, อัตรการเต้นของหัวใจ และการแจ้งเตือนให้อยู่เหมือนเดิม

 

รองรับใช้งาน Always- on Display

ในเรื่องของหน้าจอ OPPO Watch ก็ยังรองรับฟีเจอร์ Always on Display ที่จะแสดงเวลาตลอดการใช้งานแม้ว่าจะอยู่นิ่งๆ ก็ตาม ซึ่งจะเป็นการแสดงผลแบบจางๆ คล้ายกับที่เราล็อคหน้าจอในสมาร์ทโฟนครับ แต่ก็จะกินแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

 

การแจ้งเตือนดูได้สบายๆ ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟน

หลังจากที่เราเชื่อมต่อ OPPO Watch กับสมาร์ทโฟนแล้ว การแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งแอปพลิเคชั่นหรือการโทรศัพท์ก็จะแจ้งเตือนเราได้ทันทีครับ ไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู หรือหากใครที่จำเป็นต้องใช้งานบนสมาร์ทโฟน ก็เพียงแค่กดปุ่ม “เปิดในโทรศัพท์” ในสมาร์ทโฟนของเราก็จะเข้าแอปพลิเคชั่นนั้นให้ทันที แต่หากใครจะตอบกลับในแชททั้ง Line หรือ Messenger บน OPPO Watch ก็สามารถพิมพ์หรือพูดก็ได้เช่นกัน

 

ด้านสุขภาพ

เมื่อเป็น Smartwatch เรื่องของสุขภาพจึงสำคัญอย่างมากครับ โดยใน OPPO Watch สามารถตรวจจับคุณภาพของร่างกายเราได้หลายอย่าง ดังนี้

 

  • การวัดคุณภาพการนอน : จะเป็นการวิเคราะห์การนอนของเราในแต่ละวันว่านอนได้กี่ชั่วโมง รวมถึงเวลาที่เราหลับลึก, หลับตื้น และตื่นครับ ซึ่งสามารถดูสรุปได้ที่แอปพลิเคชั่น HeyTap Health หรือ Google Fit

 

  • วัดอัตราเต้นหัวใจเรียลไทม์ : ในส่วนนี้จะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถแจ้งเตือนได้ว่าหากหัวใจของเรานั้นเต้นเร็วกว่าปกติในขณะที่หยุดพัก

 

  • ช่วยลดความเครียดด้วยการหายใจ : ในการทำงานอาจมีความเครียดกันบ้าง OPPO Watch ก็มีตัวช่วยให้เราได้หายใจตามบทเรียน เพื่อให้เราผ่อนคลายได้มากขึ้นนั่นเอง

 

การอออกกำลังกาย

ด้านการออกำลังกายจะมีอีกแอปพลิเคชั่นที่ทำงานร่วมกันอย่าง HeyTap Health เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในการออกกำลังกายของเราไปวิเคราะห์ โดย OPPO Watch จะมีเซ็นเซอร์การตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ของร่างกายเราแบบเรียลไทม์ถึง 5 ตัว การออกกำลังกาย 5 แบบที่พัฒนาขึ้นเอง ได้แก่ การวิ่งเสริมสร้างสมรรถภาพ, การวิ่งเพื่อเผาผลาญไขมัน, เดินกลางแจ้ง, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง และว่ายน้ำ

 

สำหรับการว่ายน้ำ ระบบจะทำการปิดการสัมผัสหน้าจอเพื่อป้องกันน้ำไปโดนหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจครับ หากต้องการปลดล็อคเพียงแค่ให้กดปุ่มใดปุ่มหนึ่งค้างไว้ก็เรียบร้อย

 

นอกจากนี้ เมื่อเป็น Wear OS ก็ยังใช้งานแอปพลิเคชั่น Google Fit ที่สามารถตรวจจับการออกำลังกายได้หลายแบบมากๆ ครอบคลุมหลายชนิดกีฬาเกือบ 100 โหมดเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้ เมื่อเราออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหว ตัวหน้าจอตั้งต้นของ OPPO Watch ที่เป็นรูปตัว “X” จะมีการแบ่งเป็น 4 สี แต่ละสีจะเป็นกิจวัตประจำวัน 4 แบบ ได้แก่ ก้าว, เวลาออกกำลังกาย, แคลอรี่ และรอบการทำกิจกรรม ซึ่งหากยิ่งทำครบ สีก็จะถูกเติมเต็มเข้าไปอีกด้วย ถือว่าเป็นลูกเล่นที่ OPPO ได้ใส่เข้ามาครับ

 

ราคาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ OPPO Watch Series นั้นวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยครับ โดย OPPO Watch 41mm ในรีวิวนี้มีราคาอยู่ที่ 5,999 บาท และ OPPO Watch 46mm มีราคาที่ 7,999 บาท โดยสามารถหาซื้อได้ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมประกันตัวนาฬิกาสูงสุด 1 ปี สามารถตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่จุดจำหน่าย และยังมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 6 เดือนด้วย

กำลังฮอต

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured2 เดือน ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก