รีวิว OPPO Find X9 Pro เรือธงกล้องเทพ คุณภาพระดับโลกด้วย 200MP Hasselblad Telephoto | ชิป Dimensity 9500 | แบตฯ 7500mAh

โดย Map

รีวิว OPPO Find X9 Pro สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ OPPO ที่รอบนี้ยกเครื่องขึ้นมาจากรุ่นก่อน มาเป็นระดับ New-Generation ทั้งหมด ตั้งแต่ดีไซน์, กล้อง, ขุมพลัง, แบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์เลยจริง ๆ สปอยก่อนเลยว่ารอบนี้มีการแก้จุดบกพร่องของรุ่นก่อนมาได้ครบถ้วนสุด ๆ จนเป็นรุ่นที่หลายคนจะต้องตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย!

และแน่นอนว่าหลังจากที่เราได้ลองใช้งานมาเกือบสัปดาห์ วันนี้ก็จะมารีวิวเต็ม ๆ ให้เห็นเลยว่า OPPO Find X9 Pro นี่เจ๋ง สมการรอคอยสักแค่ไหน พร้อมแล้ว ติดตามครับ!

สรุปสเปค OPPO Find X9 Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.26 x 76.46 x 8.25 มม.
  • น้ำหนัก : 224 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″
  • ความละเอียด : 1.5K (2772 × 1272 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 3600nits
  • Refresh rate : 1-120Hz
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 9500 Octa-core 4.21GHz (3nm)
  • RAM : 16GB (LPDDR5X)
  • Storage : 512GB (UFS 4.1)
  • แบตเตอรี่ : 7500mAh
  • ระบบชาร์จไว : แบบสาย 80W SUPERVOOC | ไร้สาย 50W AIRVOOC
  • กล้องหน้า : 50MP f/2.0 AF
  • กล้องหลัง : 4 ตัว
  • 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-828 1/1.28″) f/1.6 พร้อม OIS
  • 50MP กล้อง Ultra Wide Angle (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 1/2.75″) f/2.0
  • 200MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์​ ISOCELL HP5 1/1.56″) f/2.1 พร้อม OIS
  • กล้อง True Color
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68/69
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 16 (ColorOS 16)
  • สีสัน : สี Silk White, สี Titanium Charcoal

แกะกล่อง OPPO Find X9 Pro

ก่อนจะไปเริ่มดูดีไซน์ตัวเครื่อง เราขอมาเช็กแพ็กเกจและอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องซะก่อนเนอะ รอบนี้ตัวกล่องยังมาในสีขาว ที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่นและเลข 9 เด่น ๆ พร้อมโลโก้ OPPO | Hasselblad ที่ยืนยันการร่วมมือของ 2 แบรนด์เหมือนเดิม

อุปกรณ์ภายในกล่องยังให้มาครบพร้อมใช้เหมือนเดิม ทั้งหมด 6 อย่างตามนี้เลย

  • OPPO Find X9 Pro
  • เคสซิลิโคน
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไว
  • 80W SUPERVOOC
  • สายชาร์จ USB-A to USB-C
  • เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์ใหม่แบบ New Generation

เอาล่ะ! ได้เวลามายลโฉมดีไซน์ตัวเครื่องของ OPPO Find X9 Pro กันแล้วครับ รอบนี้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์แบบใหม่หมดจริง ๆ ปรับให้ทุกอย่างดูเหลี่ยมขึ้น Flat กว่าเดิม ได้ความ minimal ตามสมัยนิยม แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความพรีเมี่ยมลงไปเลย

เพราะสีสัน OPPO Find X9 Pro ก็ใช้สีไฮไลท์เป็น Titanium Charcoal สีเทาโทนเข้มที่ดูสุขุม มีพื้นผิวเรียบแบบด้าน ถูกออกแบบมาเพื่อสื่อถึงการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ที่ทั้งเรียบง่าย สง่างาม และทนทาน

โมดูลกล้องที่ออกแบบอย่างประณีต

เจาะเข้าไปที่ดีไซน์กล้องกันอีกหน่อย จากที่เคยใช้เป็นกลม ๆ ขนาดใหญ่กินพื้นที่ด้านหลังส่วนบน ก็ปรับมาใช้แบบมุมซ้ายบนแทน แต่ความอลังการของกล้องที่ให้มายังอยู่ครบนะ สร้างความกลมกลืนทางเรขาคณิตที่เป็นธรรมชาติ พร้อมโลโก้ H ที่สื่อถึง Hasselblad ไว้ด้วย ส่วนสเปคกล้อง ไว้เดี๋ยวเราอธิบายในหมวดกล้องอีกทีละกันเนอะ

ข้อดีของการวางกล้องแบบนี้ OPPO บอกว่าช่วยลดความเทอะทะเวลาใช้งานแนวนอน ให้นิ้วมือไปเผลอไปโดนง่าย ๆ อย่างการเล่นเกมหรือดูคอนเทนต์ นิ้วจะไม่ติดหรือเผลอไปโดนง่ายเท่าแบบเก่า

หน้าจอแบนราบ ขอบจอบางเฉียบ

พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง OPPO Find X9 Pro ก็มีการปรับดีไซน์เช่นกัน รอบนี้ใช้หน้าจอแบบแบนราบไปเลย แทนที่กระจกโค้ง 4 ด้าน มอบความ minimal มากขึ้นกว่าเดิม ถูกใจคนที่ชอบหน้าจอแบบเต็ม ๆ แน่นอน

ส่วนขนาดก็ยังให้มาที่ 6.78″ เท่าเดิม ให้การแสดงผลระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งความละเอียดระดับ 1.5K (2772 × 1272 พิกเซล) มีความลึกของสี 10-bit รองรับมาตรฐานครบทั้ง Dolby Vision, HDR10+, HDR Vivid และยังได้ความสว่างสูงสุดถึง 3600nits อีกต่างหาก

นอกจากนี้การแสดงผลก็ยังให้ความเต็มตายิ่งขึ้นไปอีกในรอบนี้ เพราะขอบจอมีความบางเฉียบลงมาก มีขอบสีดำแค่ 1.15 มม. แบบเท่ากันทุกด้านอีกด้วย ให้ทั้งความสมมาตร และพรีเมี่ยมสมกับเป็นเรือธงจาก OPPO จริง ๆ นะ

สัมผัสบางเบา แต่มั่นคง

ด้านความบางและน้ำหนัก OPPO Find X9 Pro ก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะแม้สเปคจะระดับสูงสุด แต่ตัวเครื่องยังบางแค่ 8.25 มม. และกรอบเครื่องเป็นแบบเหลี่ยมที่ออกแบบใหม่ ก็ช่วยให้การจับถือเข้ามือมากขึ้น ให้ความรู้สึกที่เต็มไม้เต็มมือกว่าที่เคย

ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 224 กรัม อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของเรือธงยุคใหม่ แต่ด้วยการดีไซน์ที่ลงตัว ก็มอบสัมผัสที่เบา แต่ยังรู้สึกถึงความมั่นคงแบบเต็มเปี่ยมจริง ๆ

มีปุ่มเสริม ที่ช่วยให้เข้าถึงได้มากขึ้น

รอบ ๆ ตัวเครื่องของ OPPO Find X9 Pro ยังมีปุ่มกดวางไว้ในตำแหน่งมาตรฐานเหมือนกับรุ่นก่อน ๆ อย่างปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่ม Power อยู่ด้านขวามือของตัวเครื่องทั้งหมด และรอบนี้ก็ยังมีปุ่ม Quick Button มาให้เราเข้าถึงกล้องได้แบบด่วน ๆ เหมือนเดิม

ซึ่งตัวปุ่มมีการปรับให้กดได้ง่ายขึ้น ด้วยความที่เว้าลึกลงไปเล็กน้อย พอดีกับการวางนิ้วลงไป ทำให้เราเข้าถึงกล้องได้ง่ายขึ้นกว่าแบบพอดีกรอบเครื่องของรุ่นก่อน เราสามารถกด 2 ครั้งเพื่อเข้าโหมดกล้องได้ทันที ช่วยให้พร้อมในการถ่ายภาพได้ตลอดเวลา

และอีกปุ่มฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ก็จะมีการปรับใหม่ OPPO ตั้งชื่อว่า Snap Key อีกปุ่มทางลัดที่ให้เราเข้าถึงการทำงานได้หลากหลาย เช่น สลับโปรไฟล์เสียง, การเปิด-ปิดไฟฉาย, เปิดใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, การเรียกใช้ฟีเจอร์แปลภาษา หรือจับภาพหน้าจอ

แต่ในค่าเริ่มต้น OPPO Find X9 Pro จะถูกตั้งค่ามาให้เป็นฟีเจอร์ AI Mind Space ของ ColorOS 16 แบ่งเป็นหารทำงาน 2 รูปแบบคือ

  • กด 1 ครั้งเพื่อแคปภาพหน้าจอไปสู่ Mind Space
  • กด 2 ครั้งเพื่อเข้าสู่ Mind Space โดยตรง

ส่วนด้าน-บนล่างของตัวเครื่องก็จะมีตำแหน่ง ก็จะปรับให้เรียบง่ายขึ้น ลดในส่วนของช่องต่าง ๆ ลง ด้านบนเหลือเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ในขณะที่ด้านล่างจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ไมโครโฟนและช่องใส่ซิม (แบบ Dual-SIM) ครับ

มั่นใจ! ทั้งความปลอดภัยและความทนทาน

ระบบรักษาความปลอดภัยของ OPPO Find X9 Pro นั้นให้มาครบทั้งระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D ที่รวดเร็ว และยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic ที่แม่นยำขึ้น มีตำแหน่งที่แตะสแกนได้ง่าย ไม่ติดขัด

ในเรื่องความทนทาน OPPO Find X9 Pro มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นครบทั้ง IP66 & IP68 & IP69 ป้องกันครอบคลุม ทั้งการแช่น้ำเป็นเวลานาน หรือน้ำแรงดันสูง น้ำอุณหภูมิสูง ก็หายห่วง เรียกว่าถ้าเผลอทำตกน้ำหรือโดนน้ำฉีดใส่แบบไม่ตั้งใจ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะครับ มาตรฐานระดับนี้!

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Find X9 Pro ก็ถือว่าปรับโฉมให้ทันสมัยมากขึ้น เน้นในเรื่องความเรียบง่าย และ minimal กว่าที่ผ่านมา หน้าจอที่แบนราบใช้งานง่าย ความบางและน้ำหนักที่สมดุลกันอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นดีไซน์ที่ได้สัมผัสจริง ๆ แล้วจะรู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยมทันที เป็นการปรับเปลี่ยนแบบ New Generation อย่างแท้จริง!

ระบบกล้อง Hasselblad Master ที่อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น!

มาต่อกันที่ไฮไลท์กันเลยกับเรื่อง “กล้อง” OPPO Find X9 Pro ได้ระบบกล้อง Hasselblad Master ระดับมืออาชีพที่พัฒนาใหม่ทั้งหมด จัดเต็มมาให้ทั้งกล้องหลัก Ultra XDR ใหม่ล่าสุด และยังมีกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ด้วย สำหรับสเปคกล้องคร่าว ๆ ของรุ่นนี้จะมีดังนี้เลยครับ

สเปคกล้อง OPPO Find X9 Pro

  • 50MP กล้องหลัก 23มม. (เซ็นเซอร์ LYT-828 ขนาด 1/1.28″) f/1.5 พร้อม OIS
  • 50MP กล้อง Ultra-Wide 15มม. (เซ็นเซอร์ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75″) f/2.0 พร้อม AF
  • 200MP กล้อง Periscope 70มม. (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP5 ขนาด 1/1.56″) f/2.1 พร้อม OIS
  • กล้อง True Color 21มม. 9-Channel Multispectral f/2.4

ครั้งแรกของ OPPO กับกล้อง Hasselblad ซูมชัด 200MP

เราขอมาเริ่มพูดถึงเรื่องกล้องด้วยกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ของ OPPO Find X9 Pro ก่อนเลย เพราะนี่ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดของรุ่นนี้ ได้ความละเอียดสูงถึง 200MP เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1/1.56″ และยังมีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.1 อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดผ่านการพัฒนาร่วมกับ Hasselblad ตั้งแต่ต้นเลยด้วย!

สำหรับระยะ Optical ของกล้องตัวนี้จะอยู่ที่ 70มม. หรือ 3x และแน่นอนว่าพอความละเอียดมากขึ้น (มากกว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า) ก็ทำให้มาทดแทนระยะได้มากขึ้น เพราะสามารถซูมได้แบบคุณภาพสูงในระยะ 3.6x > 6x > 10xโดยที่คุณภาพยังคมชัด

คุณภาพโดยรวมในระยะที่บอกมานั้นสุดยอดจริง ๆ ครับ ทั้งคุณภาพของแสงและสีที่เก็บได้ หรือจะเป็นความคมชัดในการซูม ก็เก็บมาได้หมด ความดีงามของระยะ Optical 3x คือไม่ทำให้ช่องว่างของแต่ละกล้องนั้นหายไป เราสามารถเก็บภาพแบบคมชัดตั้งแต่ระยะซูมใกล้ไปจนถึงระยะไกลมาก ๆ ได้ด้วยกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto นี้จริง ๆ ครับ

นอกจากนี้ OPPO ยังพัฒนาโหมด Hasselblad Hi-Res เข้ามาใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการเก็บภาพได้อย่างเหนือชั้น ทุกกล้องจะสามารถบันทึกภาพได้ความละเอียดสูงถึง 50MP+ และสำหรับกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto นี่ซูมในระยะ 3x ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 200MP เลยด้วย

ซูมไกลสุด 120x Super Zoom ไปไกลมาก ๆ

แม้จะบอกว่ากล้อง 200MP Hasselblad Telephoto นั้นมีระยะซูมแบบไม่เสียรายละเอียดสูงสุดที่ 13.2x แต่ในระยะที่มากกว่านั้น OPPO Find X9 Pro ก็ยังจัดการได้ดี เพราะมีการทำงานร่วมกับ AI ทำให้ซูมได้สูงสุดถึง 120x ด้วยฮาร์ดแวร์ที่จัดเต็มขนาดนี้ บวกกับความเก่งกาจของ OPPO AI จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคมชัดตามตัวอย่างด้านล่างนี้เลยล่ะ!

120x

ซูมคอนเสิร์ตชัดมากด้วย Stage mode

และแน่นอนว่าสายคอนเสิร์ตก็คงไม่ผิดหวังกับกล้อง OPPO Find X9 Pro เช่นกัน เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์กล้อง 200MP Hasselblad Telephoto แล้ว ตัวเครื่องยังมี Stage mode ที่เข้ามาเติมเต็มในเรื่องของการถ่ายภาพและวิดีโอบนเวทีให้ด้วย แค่เลื่อนตรงคำว่า Photo ขึ้นมา จะมีโหมด Stage รอให้เรากดอยู่แบบนี้เลย

ซึ่งจะช่วยให้เราเก็บภาพบนเวทีได้สวยงาม ซูมไกลก็ชัด หรือแสงสีบนเวทีก็ถูกจัดแจงมาให้อย่างลงตัว ง่ายต่อสายคอนเสิร์ตจริง ๆ เพราะเราแทบไม่ต้องจัดแจงการตั้งค่าเพิ่มเติมแล้ว ไม่ต้องคอยลดแสงลงเพื่อให้คนบนเวทีชัด หรือเร่งความสว่างขึ้นอีกหน่อยไม่ให้ภาพบนหน้าจอเป็นเส้น ๆ ระบบจะคำนวณมาครบให้เรา แค่จัดองค์ประกอบภาพให้ถูกใจเป็นพอ!

มีชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad

สำหรับสายซูมที่ต้องการคุณภาพมากกว่าระยะทั่ว ๆ ไป OPPO ก็มีทางเลือกของชุดเลนส์เสริมอย่าง OPPO Hasselblad มาให้ใช้งานร่วมด้วย (แต่ซื้อแยกนะ) ทีนี้จะเพิ่มความสามารถในการซูมขึ้นไปอีกขั้น เหมือนมือถือที่ติดอาวุธหนักแบบจัดเต็ม

ในชุดจะมีเคสและตัวเลนส์ให้เราประกอบร่าง เพิ่มพลังซูมให้ได้ไกลกว่าเดิมด้วยกำลังซูมเพิ่มขึ้น 3.28x เป็นระยะ Optical 230มม. (10x) ช่วยให้เราซูมได้ไกลขึ้นมาก และพอรวมเข้ากับกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.56″ และ f/2.1 นี่ก็คือครบเครื่องมาก ๆ

และในการเชื่อมต่อกับเลนส์จะทำให้เราซูมเพิ่มได้อีกหลายระยะ ตั้งแต่ 10x – 200x กันเลย ในระยะที่หวังผลได้จริง ๆ คือ 10x/20x/40x นี่แหละครับ ลองคิดดูว่ามือถือยุคนี้ซูม 40x ได้แบบชัด ๆ แล้วอะ น่าทึ่งมาก OPPO กับ Hasselblad เขาทำถึงจริง ๆ

Hasselblad Portrait ถ่ายคนสวย มอบโทนเป็นธรรมชาติ

หรือใครที่เป็นสาย Portrait เน้นถ่ายคน OPPO Find X9 Pro ที่พัฒนาระบบกล้องร่วมกับ Hasselblad ก็ยังจัดเต็มให้เหมือนเดิม เพราะถ่ายได้มากถึง 5 ระยะ 1x/1.5x/2x/3x/3.6x ซึ่งเปรียบเสมือนระยะเลนส์ของ Hasselblad ระดับมืออาชีพ

ซึ่งคุณภาพจากโหมด Hasselblad Portrait นี้ต้องยอมรับเลยว่า ให้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ โทนสีผิวมีความสวยเนียนเป็นธรรมชาติ การละลายหลังมีมิติ สร้างโบเก้ได้สมจริง อีกทั้งระยะของภาพที่ใช้ได้จากกล้องหลัก (1x/1.5x/2x) และกล้อง Telephoto (3x/3.6x) ก็ช่วยยืดหยุ่นการใช้งานในหลายระยะขึ้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระยะ 6x ให้ได้ถ่ายแบบ Close-Up เข้าไปอีกเหมือนรุ่นก่อน ถ้าเพิ่มเข้ามาได้ น่าจะครบช่วงกว่านี้เนอะ

กล้องหลักตัวใหม่ LYT-828 เก็บแสงได้ระดับ Ultra XDR

อัปเกรดมาใหม่ทั้งที จะเด่นแค่กล้อง Telephoto ก็กระไรอยู่เนอะ กล้องหลักของ OPPO Find X9 Pro ก็ถูกอัปเกรดใหม่เช่นกัน ด้วยเซ็นเซอร์ LYT-828 ตัวใหม่ ความละเอียด 50MP ขนาด 1/1.28″ และมี f/1.5 ซึ่งกล้องตัวใหม่นี้ยังเก่งในเรื่องการเก็บ Dynamic Range ที่กว้าง ช่วยให้เราถ่ายภาพแบบ Ultra XDR ได้แบบครบถ้วน เก็บทั้งย่านสว่าง มืด และพอดี มาประมวลผลให้เป็นภาพสวย ๆ แบบที่ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป ดั่งตัวอย่างด้านล่างนี้เลยครับ

กล้อง Ultra Wide ก็ 50MP ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ส่วนกล้อง Ultra Wide ของ OPPO Find X9 Pro นั้นได้ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 ขนาด 1/2.75″ ตัวเดิมกับรุ่นก่อน ซึ่งคุณภาพก็ยังเหลือ ๆ ในปีนี้ครับ เก็บรายละเอียดได้ดี ความกว้างก็มากพอ ส่วนสีสันก็มีความใกล้เคียงกับกล้องหลัก ใครที่ชอบภาพมุมกว้างแบบที่โทนภาพสวย ๆ เหมือนกล้องหลักน่าจะถูกใจครับ

Macro ใช้ได้หลายระยะนะ มี Tele Macro แล้วด้วย

เชื่อว่าโหมด Macro ก็เป็นอีกเรื่องที่บางคนสนใจ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณภาพไม่ดี ก็เหมือนใส่มางั้น ๆ แต่ไม่ใช่กับ OPPO Find X9 Pro แน่นอน เพราะรอบนี้เขาจัดเต็มให้ ใช้ได้จากกล้อง Ultra Wide และจากกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto เลยด้วย ใช่แล้วครับ ใช้ Tele Macro ได้แล้วนะ โฟกัสได้ที่ระดับ 10 ซม.เท่านั้น ใครสายเจาะ อยากได้ภาพใกล้ ๆ คม ๆ รอบนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

กล้องหน้า 50MP แล้ว พร้อม AF มุมมองกว้าง

ที่กล้องหน้า OPPO Find X9 Pro ก็อัปเกรดขึ้นมาได้ถูกใจแน่นอน เพราะได้กล้องตัวใหม่ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 ที่รองรับ Autofocus ด้วย ช่วยให้เก็บภาพได้คมชัด และกว้างเพียงพอสำหรับเก็บใบหน้าและวิวไปพร้อม ๆ กัน และความเนียนใสของใบหน้าก็ยังอยู่ในเกณฑ์เป็นธรรมชาติด้วยนะ

LUMO Imaging Engine การพัฒนาร่วมกันของหลายฝ่าย

อย่างที่เห็นว่าคุณภาพกล้องของ OPPO Find X9 Pro ที่เราได้โชว์ให้ดูไปนั้น ทำได้ยอดเยี่ยมไปซะหมด ทั้งการซูมไกล ๆ Portrait สวย ๆ การเก็บ Dynamic Range ที่ยอดเยี่ยม หรือสีสันที่แม่นยำ ทั้งหมดนี้ผ่านการพัฒนาร่วมกับของหลายฝ่ายมาก ๆ เพราะนอกจาก OPPO กับ Hasselblad รอบนี้ OPPO ยังมี LUMO Imaging Engine ของตัวเองที่พัฒนาร่วมกับ MediaTek และ Sony โดยตรงอีกหนึ่งอย่าง ด้วยการถ่ายโอนขั้นตอนการประมวลผลหลัก จากเซนเซอร์ไปยังชิปประมวลผล เพื่อลดการทำงานหลายขั้นตอน จึงให้ได้ภาพที่คุณภาพเยี่ยม และจัดการพลังงานได้ดี ถ่ายได้มากขึ้น โดยที่ร้อนน้อยลง พร้อมเทคโนโลยี RAW Multi-Frame Fusion ที่รวมหลายเฟรมความละเอียดสูงเพื่อให้ได้รายละเอียดและพื้นผิวคมชัดยิ่งขึ้น, Low-Light Denoising ลดรอยส์ในสภาพแสงน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ และ True-to-Life Color ที่เก็บสีสันได้แม่นยำ สมจริงดั่งตาเห็นอีกด้วย!

วิดีโอก็ให้สุดที่ 4K/120fps พร้อมรองรับ Dolby Vision

ปิดท้ายเรื่องกล้องด้วยโหมดวิดีโอเนาะ OPPO Find X9 Pro ได้อัปเกรดใหม่ ให้รองรับการถ่ายวิดีโอก็ได้สูงสุดที่ 4K/120fps ลื่นไหลแบบ Dolby Vision ด้วย และเท่าที่ลองใช้งานจริง ๆ ก็ถูกใจในเรื่องการสลับกล้องหรือซูมเข้า-ออกมาก ๆ เพราะทั้งสมูธและต่อเนื่องกันมาก ๆ สีสันในแต่ละกล้องก็เนียนใกล้เคียงกันทั้งหมดด้วย!

โดยรวมในเรื่องกล้องของ OPPO Find X9 Pro ก็ถือว่ายอดเยี่ยม ถือว่าเป็นการอัปเกรดที่ยกระดับขึ้นมากจากรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad Master ใหม่ ทั้งกล้องหลักเซ็นเซอร์ใหญ่ กล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ที่ซูมได้ดีขึ้นมาก มีชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad ให้ใช้งานร่วมด้วย ยกระดับการถ่ายภาพไปอีกขั้น หรือจะเป็น LUMO Imaging Engine ที่ปรับจูนให้ทุกอย่างลงตัวอีก สรุปเลยคือ “ประทับใจ” มาก ๆ ครับ

ระบบปฏิบัติการล่าสุด ColorOS 16

มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ OPPO Find X9 Pro มาพร้อม ColorOS 16 เวอร์ชั่นล่าสุดบนพื้นฐาน Android 16 มาตั้งแต่แกะกล่องเลย มีการปรับปรุง UI แบบครั้งใหญ่ รวมถึงความสามารถด้าน AI ด้วยเช่นกัน บอกก่อนเลยว่าน่าใช้ขึ้นมากจริง ๆ ครับ

อย่างเรื่องรูปลักษณ์ของ UI ก็มีการปรับให้สวยงามขึ้น ใช้รูปแบบ Light Field คือนำมาเล่นกับแสง และการสะท้อนมาใช้เป็นหัวใจหลัก ทำให้มีมิติมากขึ้นในการใช้งาน สวยงามขึ้น และมีการปรับแต่งที่หลากหลายกว่าเดิมมาก ๆ อย่างในหน้าจอล็อคก็จะมีรูปแบบใหม่ ๆ ให้เลือก ปรับแต่งกันสนุก ไม่รู้จบเลยล่ะ

หรือในด้านความลื่นไหลที่เป็นหัวใจสำคัญของ ColorOS มาโดยตลอด รอบนี้ก็ปรับให้อนิเมชั่นมีความลื่นไหลขึ้นเอง ทุกการใช้งาน มีการตอบสนองที่นุ่มนวลกว่าที่เคย พร้อม Trinity Engine ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องมากขึ้น แต่ยังจัดการพลังงานได้ดีเหมือนเดิม

AI Mind Space ฟีเจอร์ใหม่สุดชาญฉลาด

และไม่ใช่แค่รูปลักษณ์หรือความลื่นไหลที่เพิ่มขึ้น แต่ฟีเจอร์ด้าน AI ทาง OPPO เขาก็มีเพิ่มมาให้บน ColorOS 16 ด้วยเช่นกัน อย่าง AI Mind Space ศูนย์รวมความทรงจำ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราบันทึกไว้ในที่เดียว เพียงแค่กดปุ่ม Snap Key ปุ่มใหม่ที่อยู่ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง (ที่เราอธิบายคร่าว ๆ ไว้ตอนดีไซน์)

เมื่อเราจัดเก็บไว้ใน AI Mind Space แล้ว พอเข้ามาดูระบบจะทำการจำแนกข้อมูลที่บันทึกมาเป็นส่วน ๆ ซึ่งทีเด็ดอีกอย่างคือ เราสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมต่อด้วย Gemini ได้ต่อเลย ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นบทความ ย่อหน้า รูปภาพ หรือเสียง – ทุกความจำถูกจัดระเบียบอย่างชาญฉลาดเพื่อการใช้งานที่ง่ายและรวดเร็ว

AI Portrait Glow ยกระดับภาพพอร์ตเทรตด้วย AI

อีกหนึ่งฟีเจอร์สำหรับการตกแต่งภาพของ OPPO AI รอบนี้ ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาภาพบุคคลที่ถ่ายออกมาแล้วมืดเกินไป ปกติถ้าจะปรับ ก็อาจจะเพิ่มแสงทั้งภาพ ซึ่งก็คงไม่ตอบโจทย์สักทีเดียว ฟีเจอร์นี้จะมาช่วยแก้ปัญหาได้ ด้วย AI segmentation ที่จะคอยจำแนกตัวบุคคลกับฉากหลังออกจากกัน และจัดการเรื่องแสงเฉพาะที่ตัวบุคคลเท่านั้น

ให้ภาพสวยสว่างกว่าเดิม ในแบบที่ยังมีมิติ ไม่ว่าจะถ่ายในแสงน้อย ย้อนแสง หรือแสงแรง ก็ให้โทนผิวสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดไฟหลากหลาย เช่น Natural Light, Flash, Studio, Rim Light และ Base Light เพื่อสร้างแสงแบบมืออาชีพได้ทุกที่ ทุกเวลากันเลยล่ะ แบบนี้ทีหลังถ่ายมาแล้วมืดไป ย้อนแสงเกิน ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะ

หรือจะเป็นฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เคยทำได้แล้วบน ColorOS เวอร์ชั่นก่อน รอบนี้ก็ทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น AI Eraser ลบคน ลบวัตถุในภาพ, AI สำหรับงานเอกสาร หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ Apple ด้วยแอป O+ Connect ส่งไฟล์หา iPhone ได้ง่าย ๆ ทั้งหมดยังทำได้อย่างไร้รอยต่อครับ

ประสิทธิภาพทรงพลังกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500

มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพของ OPPO Find X9 Pro กันเนาะ รุ่นนี้ได้อัปเกรดชิปเซ็ตใหม่เป็น MediaTek Dimensity 9500 ที่สร้างขึ้นบนกระบวนการ 3nm ของ TSMC มี CPU แบบ All Big Core ความเร็วสูงสุด 4.21GHz เคลมว่า ประสิทธิภาพทั้ง CPU, GPU และ NPU สูงขึ้นแถมยังประหยัดพลังงานลงกว่าเดิมอย่างมากดังนี้

  • CPU เร็วขึ้น 32% | ประหยัดพลังงานลง 55%
  • GPU แรงขึ้น 33% | ประหยัดพลังงานลง 42%
  • NPU ไวขึ้น 111% | ประหยัดพลังงานลง 56%

ซึ่งผลทดสอบที่เราลองทดสอบดูจากแอป AnTuTu Benchmark v11 และ Geekbench 6 ก็ออกมาสูงมาก ๆ เรียกว่าเป็นรุ่นท็อปสุด ๆ ของสมาร์ตโฟน Android ในปีนี้แล้วก็ว่าได้ ด้วยคะแนน…

  • AnTuTu Benchmark v11 = 3,496,664 คะแนน
  • Geekbench v6 = Single-Core 3283 | Multi-Core 10004

แบตเตอรี่จุใจ 7500mAh พร้อมชาร์จไว 80W SUPERVOOC

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ OPPO Find X9 Pro ก็ยังให้มาแบบอัดแน่นด้วยแบตเตอรี่ Silicon-Carbon รุ่นที่ 3 ความจุสูงถึง 7500mAh เยอะกว่ารุ่นก่อนถึง 26.9% และอย่างที่เราเห็นตัวเครื่องไม่ได้หนามากมายเลย ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานแบบจริงจัง ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นแบตเตอรี่ที่อึดอันดับต้น ๆ เท่าที่เราเคยทดสอบมาเลยล่ะครับ ใช้งานได้แบบเหลือ ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดเอาง่าย ๆ เลย ใช้งานได้เต็มที่แบบไร้กังวล จะถ่ายรูปเน้น ๆ เล่นเกมบ้าง หรือโซเชี่ยลหนัก ก็เอาเถอะ ไหว!

ส่วนระบบชาร​์จไวรุ่นนี้ได้มาที่ 80W SUPERVOOC ที่รวดเร็วและปลอดภัยครับ สามารถชาร์จกลับมาได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้งานต่อได้นานหลายชม.แม้จะชาร์จเพียงไม่กี่นาที แถมรอบนี้ก็ยังรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 55W ด้วยอุปกรณ์ชาร์จ PD มาตรฐานด้วย เรียกว่าถ้าไม่ได้พกที่ชาร์จ SUPERVOOC ไปด้วย แต่มีที่ชาร์จ PD อื่น ๆ ก็ให้ความเร็วที่เพียงพอเหมือนกันนะ

ราคาและโปรโมชั่น

OPPO Find X9 Series เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ OPPO Find X9 ที่มี 2 ความจุ และ OPPO Find X9 Pro (รุ่นที่รีวิว) มีให้เลือกความจุเดียว กับราคาดังนี้เลยครับ

  • OPPO Find X9 (12GB+256GB) = 29,999 บาท
  • OPPO Find X9 (16GB+512GB) = 35,999 บาท
  • OPPO Find X9 Pro (16GB+512GB) = 42,999 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือเรือธงกล้องเทพ คุณภาพกล้อง Hasselblad ระดับโลกอย่างแท้จริง”

สรุปแล้ว OPPO Find X9 Pro ก็ถือเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงกล้องเทพ ที่มีคุณภาพกล้อง Hasselblad ระดับโลกอย่างแท้จริงเลยล่ะครับ ด้วยการอัปเกรดกล้องใหม่ที่จัดเต็มขั้นสุด ทั้ง 200MP Hasselblad Telephoto ที่มาแก้ทุกปัญหาการซูมได้ครบถ้วน ทั้งในการซูมใกล้ไปจนถึงไกลมาก โหมด Portrait ที่ตราตรึงด้วยโทนที่สวยเป็นธรรมชาติ ระบบกล้อง LUMO Imaging Engine ที่จัดการประมวลผลได้เป็นอย่างดี ใช้ซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง ColorOS 16 ที่ลื่นไหล และลูกเล่นเยอะมาก ๆ มีประสิทธิภาพที่อัดแน่นด้วยชิปประมวลผลสูงสุด แบตเตอรี่ที่จุใจขึ้นอย่างมาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือดีไซน์ที่ดูสวยพรีเมี่ยมตามสมัยนิยมมากขึ้น พอรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ๆ เชื่อว่าใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเรือธงที่ครบเครื่องทั้งในด้านกล้อง ประสิทธิภาพ ดีไซน์อยู่ ถ้าได้ลองสัมผัสตัวจริงของ OPPO Find X9 Pro แล้วละก็จะตอบได้ทันทีว่านี่แหละ คือรุ่นที่คุณกำลังตามหา!

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More