Connect with us

Featured

รีวิว OnePlus 7T Pro สมาร์ทโฟนนักฆ่าที่จัดเต็มด้วยหน้าจอสุดลื่น Fluid Display 90Hz, ขุมพลัง S855+ และกล้อง 3 เลนส์ครบครันเรื่องฟีเจอร์

Published

on

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ OnePlus 7T Pro สมาร์ทโฟนเรือธงจากแบรนด์ FlagShip Killer ที่จัดเต็มทั้งด้านสเปค, ฟีเจอร์ และเป็นรุ่นแรกที่แกะกล่องออกมาเป็นระบบปฏิบัติการ Android 10 อีกด้วย ซึ่งส่วนต่างๆ จะมีอะไรบ้าง เรามาลองดูกันทีละส่วนเลยครับ

สรุปสเปค OnePlus 7T Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.6 x 75.9 x 8.8 มม.
  • น้ำหนัก : 206 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3120 x 1440 พิกเซล) มี Refresh Rate 90Hz, อัตราส่วน 19.5:9 และรองรับ HDR10+
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855+ Octa Core ความเร็ว 2.96 GHz
  • GPU : Adreno 640
  • ความจุ RAM 8GB + ROM 256GB (UFS 3.0)
  • กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับ OIS + EIS
    • เลนส์ Ultra Wide Angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า Pop-Up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4085mAh รองรับ Warp Charge 30T

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

ตัวกล่องของ OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับสีแดงสุดสะดุดตาแบบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านข้างตัวกล่องมีชื่อรุ่น OnePlus 7T Pro ระบุชัดเจน เมื่อเปิดออกมาชั้นแรกจะเจอกับซองกระดาษแข็งที่ใส่คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, สติ๊กเกอร์ OnePlus และข้อความจาก Pete Lau หรือซีอีโอบริษัทนั่นเองครับ

ถัดไปอีกชั้นก็จะมีตัวเครื่อง OnePlus 7T Pro, อุปกรณ์เปิดถาดซิม, อะแดปเตอร์ Warp Charge 30T, สาย USB Type-C และเคสใสกันกระแทก

 

ดีไซน์ตัวเครื่องของ OnePlus 7T Pro บริเวณฝาหลังจะสีเพียงสีเดียว คือ Haze Blue หรือสีฟ้าธารน้ำแข็งที่จะมีความเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ผสมสีเขียวเล็กๆ เมื่อสะท้อนแสง ทำให้มีความงามของฝาหลังเป็นอย่างมากแถมยังทำออกมาให้ดูพรีเมียมเกินราคาด้วยครับ

 

แถมเรื่องการจับถือก็ทำได้สะดวกมาก เพราะรุ่นนี้มีความโค้งที่ด้านหลังตัวเครื่อง ทำให้เราจับได้นานไม่บาดมือขณะเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไป

 

มาในส่วนหน้าจอแสดงผลที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญเลยก็ว่าได้ใน OnePlus 7T Pro เพราะมาแบบขอบโค้ง Fluid Display ขนาด 6.67 นิ้ว และมี Refresh Rate ถึง 90Hz เรียกว่าใช้งานได้ลื่นมากๆ ลองสัมผัสและใช้งานไปตามนิ้วมือทันที ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน Android ที่ระบบสัมผัสลื่นอันดับต้นๆ จากที่เคยสัมผัสมาเลยครับ

 

นอกจากความลื่นไหลด้วย Refresh Rate ถึง 90Hz แล้ว หน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้ยังมีความคมชัดระดับ QHD+ (3120 x 1440 พิกเซล) ควบคู่กับรองรับเนื้อหาแบบ HDR10+ และขอบเขตของสี DCI-P3 ถึง 100% ทำให้เวลาเราดู Youtube หรือ Netflix จะได้เข้าถึงอรรถรสแบบเต็มรูปแบบทั้งความสดของสีและความสว่างก็ได้มาเต็มๆ แน่นอน

 

มาดูรอบๆ เครื่องกันบ้าง โดยเหนือหน้าจอมีเพียงลำโพงตัวที่ 2 อยู่เท่านั้น โดยกล้องหน้า Pop Up จะไปอยู่ด้านบน พร้อมไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน

 

ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนทางขวามีปุ่มสำหรับเลื่อนขึ้น-ลงเพื่อปรับโหมดเสียงดัง, เงียบหรือสั่นครับ ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Power

 

ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง, ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1

 

และที่ด้านหลังมีกล้องหลัง 3 เลนส์จัดเรียงในแนวตั้ง โดยมีไฟแฟลช Dual LED อยู่ด้านล่าง และมี Laser Focus อยู่ข้างซ้ายถัดจากเลนส์หลักเพื่อใช้การตรวจจับวัตถุได้ดีขึ้น

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

สำหรับ OnePlus 7T Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่แกะกล่องออกมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 และครอบทับด้วย OxygenOS 10 ของตัวเอง โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น พร้อมด้วยความไหลลื่นที่มีการจัดการระบบภายในให้ดีขึ้นด้วยครับ

 

ถนอมสายตาด้วย Reading Mode

Reading Mode หรือโหมดการอ่านจะเป็นการลดแสงสีฟ้าลงเพื่อให้เราใช้งานได้สบายตามากขึ้น ช่วยให้เราอ่านข้อความต่างๆ ได้นานและไม่ทำร้ายดวงตามากเกินไป

 

ธีมเข้ม หรือ Dark Mode

หากใครที่ไม่อยากใช้ Reading Mode ก็สามารถปรับเป็นธีมเข้มหรือ Dark Mode ได้เหมือนกันครับ โดยให้ไปที่การตั้งค่า > การกำหนดเอง > ธีมที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า และเลือก “สีเข้ม” ซึ่งแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่รองรับก็จะกลายเป็นพื้นดำทั้งหมด

 

ลำโพงเสียงสเตอริโอคู่แบบ Dolby Atmos

มาถึงเรื่องของระบบเสียงใน OnePlus 7T Pro ก็จัดเต็มด้วยลำโพงคู่แบบ Dolby Atmos ทำให้ได้ยินเสียงออกจากลำโพงทั้ง 2 ฝั่ง มีการแยกเสียงซ้าย-ขวาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูภาพยนตร์ หรือฟังเพลงก็ได้อรรถรสเรื่องการฟังเพลงไปเต็มๆ แถมเสียงที่ได้ยังกระหึ่ม เสียงหนักแน่นมากๆ ด้วยเช่นกัน

 

ระบบความปลอดภัย

OnePlus 7T Pro มีระบบความปลอดภัยขั้นสูงทั้งเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่ใช้เวลาปลดล็อคเพียง 0.21 วินาที เพียงแค่แตะแล้วปล่อยก็จะเข้าใช้งานได้ทันทีครับ โดยการจดจำลายนิ้วมือ ยังจดจำได้มากสุด 5 ลายด้วย

 

ทั้งนี้ ระบบสแกนใบหน้าเพื่อเข้าใช้งานก็ทำได้รวดเร็วไม่แพ้กัน โดยเมื่อเราลงทะเบียนใบหน้าแล้ว เราสามารถปัดขึ้นที่หน้าจอล็อคเพื่อให้สแกนใบหน้าได้ทันที ซึ่งความเร็วของส่วนนี้ตัวกล้องหน้า Pop Up เด้งขึ้นมาสุดเมื่อไหร่ ระบบก็ปลดล็อคให้เรียบร้อยแล้วครับ ไวมากๆ

 

ท่าทางการใช้งานแบบใหม่

ในระบบปฏิบัติการ Android 10 ก็มีการใช้งานท่าทางแบบใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทดแทนปุ่มแบบเดิมๆ ซึ่งส่วนตัวก็ได้เลือกใช้แบบใหม่ เพราะหน้าจอจะได้มีพื้นที่แบบเต็มๆ แถมการควบคุมก็ง่ายมากๆ ด้วย ได้แก่ ปัดซ้ายหรือขวาที่ขอบจอเพื่อย้อนกลับ, ปัดขึ้นแล้วปล่อยเพื่อไปหน้าโฮม และปัดขึ้นแล้วค้างไว้เพื่อเข้าสู่หน้าแอปล่าสุด

เพิ่มความสงบ งดใช้สมาร์ทโฟนด้วย Zen Mode

สำหรับ Zen Mode จะเป็นการให้เราใช้งานสมาร์ทโฟนน้อยลงเพื่อดูแลสุขภาพ ซึ่งเราสามารถปรับได้ตั้งแต่ 20 นาที ถึง 60 นาที ครับ โดยเมื่อเราเปิดใช้งาน จะไม่สามารถยกเลิกได้ และจะไม่ใช้งานสมาร์ทโฟนในส่วนต่างๆ ได้ยกเว้นกล้องเท่านั้น

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

OnePlus 7T Pro ต้องมาพร้อมกับสเปคระดับท็อปแน่นอน ตั้งแต่หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855+ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz ควบคู่กับ RAM 8 GB และ ROM 256 GB ชนิด UFS 3.0 ที่ให้ความรวดเร็วในการเปิดแอปพลิเคชั่นต่างๆ, อัตราการอ่าน-เขียนเพิ่มขึ้น และในช่วงที่สลับแอปพลิเคชั่นไปมา ก็แทบไม่มีอาการกระตุกหรือต้องมาคอยโหลดแอปใหม่ด้วยครับ

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำคะแนนได้ไปได้ที่คะแนน 391,019

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 758 และคะแนน Multi-Core ที่ 2,698

 

สำหรับ OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ให้เราเล่นเกมได้ไหลลื่นไม่มีสะดุดไม่ว่าจะเป็น Game Space ที่เป็นการรวบรวมเกมทั้งหมดที่เราโหลดไว้ในที่เดียว ทั้งยังสามารถตั้งค่าให้ปิดกั้นการแจ้งเตือนได้อย่างง่ายๆ

 

นอกจากนี้ก็ยังมี Fnatic Mode ที่จะดึงประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นและจำกัดการทำงานของพื้นหลัง ซึ่งจริงๆ แค่โหมดปกติ OnePlus 7T Pro ก็เล่นได้ลื่นแล้วครับ

 

Call Of Duty: Mobile

เริ่มกันที่เกม Call Of Duty: Mobile ที่เราปรับกราฟิกและเฟรมเรทระดับสูงที่สุด โดยเราลองเล่นทั้งโหมด FrontLine และ Battle Royale 100 คน ทุกโหมดเล่นได้แบบสบายๆ ซึ่งทั้งตัวเกมและหน้าจอ Refresh Rate 90Hz มีความลื่นไหลแบบสัมพันธ์มากๆ ครับ โดยเวลาขยับหรือเคลื่อนที่จะได้ภาพที่สมูทสุดๆ

 

ROV

มาต่อที่เกมที่คุ้นเคยอย่าง ROV เราก็ปรับทุกอย่างสูงสุดเช่นกัน โดยในเกมโหมดปกติ 5 VS 5 ก็เล่นได้ลื่นตั้งแต่ต้นเกม โดยเฟรมเรทจะวิ่งที่ประมาณ 59-60fps ตลอดทั้งเกมครับ ไม่ว่าจะตอนบวกแบบทีม ตีป้อมเล็กหรือป้อมใหญ่ ก็ไม่มีตกไปจากนี้เลย

 

Asphalt 9: Legends

และสุดท้ายในเกมแข่งรถ Asphalt 9: Legends เราได้ปรับเป็นคุณภาพปกติ (ตัวเกมไม่มีให้เลือกคุณภาพสูง) เรียกได้ว่าเล่นได้แบบลื่นหัวแตกกันไปเลย แล้วภาพกราฟิกที่ได้ก็สวยและเฉดสีชัดเจนมากๆ ยิ่งตอนที่รถมีการเร่งหรือใช้ไนโตร ภาพจะยิ่งสวยขึ้นไปอีก

 

นอกจากนี้ จากประสบการณ์การเล่นทั้ง 3 เกม สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งเลยคือมอเตอร์การสั่นอย่าง Haptic แบบใหม่ที่ไม่รุนแรงจนเกินไปและเงียบลงกว่าเดิมแม้ว่าจะสั่นด้วยครับ โดยเฉพาะกับเกม Asphalt 9: Legends ที่จะมีระดับการสั่นตามการเร่ง การชน ทำให้เราสนุกไปกับการเล่นมากขึ้น แถมเมื่อเล่นเกมไปสักพักก็สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งคืออาการร้อนของตัวเครื่องก็มีไม่มาก ยังแค่อุ่นๆ ปกติเท่านั้น โดย OnePlus 7T Pro มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำหรือ Liquid cooling ที่มาช่วยในเรื่องนี้ครับ

 

และที่สำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยคือระบบเสียงสเตอริโอคู่ผ่านลำโพงแบบ Dolby Atmos ก็อย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่ามีการแยกเสียงลำโพง 2 ฝั่งชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับเกมแนว FPS อย่าง Call Of Duty: Mobile ที่เราไม่ต้องใส่หูฟังก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งได้ชัดเจนครับ

 

แบตอึด 4085mAh พร้อมชาร์จไว Warp Charge 30T

สำหรับ OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาเป็น 4085mAh ทำให้เราใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในที่เล่นโซเชียลเน้นๆ ไม่มีเล่นเกมถือว่าอยู่ได้ตลอดวันแน่นอนครับ ส่วนใครที่เล่นเกมบ่อยๆ สลับกับโซเชียล ก็อาจจะอยู่ได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง

 

อย่างไรก็ตาม แม้แบตใกล้หมดก็ยังชาร์จเร็วได้ด้วยเทคโนโลยี Warp Charge 30T เร็วกว่า Warp Charge 30 ถึง 23% โดยเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 16% เวลา 14.33 น. โดยความเร็วเวลาต่อมามีดังนี้

  • 14.41 น. ได้แบตเตอรี่ 27%
  • 14.52 น. ได้แบตเตอรี่ 44%
  • 15.02 น. ได้แบตเตอรี่ 60%
  • 15.19 น. ได้แบตเตอรี่ 84%
  • 15.41 น. ได้แบตเตอรี่ 100%

จากเวลาที่เห็น Warp Charge 30T ถือว่าชาร์จเร็วมาก จาก 16% – 79% ใช้เวลาไปประมาณ 45 นาทีเท่านั้น แต่หลังจากเลย 80% มาแล้ว ก็จะชาร์จช้าลงเพราะตัวอะแดปเตอร์จะลดกำลังไฟเพื่อรักษาความร้อนและไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมไว ซึ่งเป็นปกติของทุกรุ่นครับ

 

กล้องถ่ายรูป

สำหรับ OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับ 3 เลนส์สุดอัจฉริยะ ได้แก่

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับ OIS + EIS
  • เลนส์ Ultra Wide Angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ที่สำคัญในรุ่นนี้จะมี Laser Focus อยู่ข้างเลนส์หลักเพื่อให้ใช้การตรวจจับระยะวัตถุได้ดีขึ้น ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ มีดังนี้

 

ตรวจจับฉากและปรับความงามอัตโนมัติด้วย AI Scene Detection

OnePlus 7T Pro แม้ว่าจะไม่ได้ระบุแยกแยะหมวดหมู่มาแบบให้เห็นตรงๆ แต่ก็สามารถถ่ายภาพได้สวยงามมากๆ จากการที่ใช้เทคโนโลยี UltraShot Engine ที่เป็นซอฟต์แวร์เพื่อช่วยในการถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะแสงเยอะ, แสงน้อย, กลางคืน หรือย้อนแสง AI ก็จะเข้ามาช่วยปรับภาพให้ถ่ายได้อย่างเหมาะสมทันทีครับ แทบไม่ต้องไปกดอะไรให้ยุ่งยากเลย

 

ถ่ายคมชัดขั้นสุดด้วยความละเอียด 48 ล้านพิกเซล

ใครที่ต้องการความคมชัดระดับสูงในการถ่ายภาพอย่างความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล (8000 x 6000 พิกเซล) ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปในโหมดโปร และเลือก “JPG 48MP” ก็สามารถถ่ายได้ทันที โดยภาพที่ได้ออกมาจะมีความละเอียดมากกว่าแบบปกติ (12 ล้านพิกเซล) ช่วยให้เราเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และสามารถซูมภาพหลังถ่ายเสร็จได้ไกลขึ้นกว่าเดิมด้วย

ที่สำคัญในการถ่ายความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล เราจะได้ภาพที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อทำออกมาเป็นภาพบิลบอร์ดขนาดใหญ่ๆ ได้ด้วยเพราะความคมชัดนั้นยังคงอยู่แม้ว่าจะจะขยายภาพไปไกลๆ ตามภาพด้านล่างนี้เลยครับ

 

ถ่ายมุมกว้าง Ultra Wide Angle 117 องศา

ใครที่ชอบเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ และอยากได้ภาพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดแบบง่ายๆ OnePlus 7T Pro กับเลนส์ Ultra Wide Angle 117 องศาคือคำตอบชั้นดีเลยครับ เพราะได้ทั้งมุมกว้างแบบขั้นสุดและเฉดสีที่ยังคงให้มาแบบเต็มที่ แทบไม่เห็นการดรอปของเฉดสีแม้ว่าจะไม่ใช่เลนส์หลักครับ จะย้อนแสงหรือช่วงกลางคืนก็ยังคงเก็บได้เหมือนกัน

เปิด Ultra Wide Angle / ปิด Ultra Wide Angle

เลนส์ Ultra Wide Angle จะใช้ถ่ายบุคคลก็ได้ ก็ยังคงสวยไปอีกแบบเช่นกัน

 

Portrait เบลอสะใจ

เรื่องของการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ก็ยังทำได้สวยงามเหมือนเช่นเคย มีการตัดขอบรอบตัวบุคคลได้ดี ไม่ค่อยเห็นส่วนไหนของร่างกายโดนเบลอไปด้วย ทั้งนี้ เรื่องการประมวลผลการเบลอฉากหลังก็ทำได้ดีและรวดเร็วมาก ซึ่งตรงนี้ได้ตัวช่วยที่สำคัญอย่าง Laser Focus เพื่อมาตรวจจับวัตถุด้วยครับ ทั้งนี้ เราก็ยังสามารถปรับใบหน้าสวยได้ ซึ่งตรงนี้ AI จะช่วยประมวลผลให้อัตโนมัติครับ เราไม่ต้องไปปรับอะไรเองเลย

ปิด Portrait / เปิด Portrait

 

เปลี่ยนกลางคืนให้เป็นกลางวันด้วย Nightscape 2.0

สำหรับ Nightscape 2.0 แน่นอนว่าก็ต้องเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพกลางคืนให้สว่างยิ่งขึ้น โดยภาพที่เราได้มาไม่ใช่แค่สว่างอย่างเดียว แต่เรื่องของเฉดสีและความสดของสีก็ยังมีมาครบเช่นกัน และที่สำคัญระยะเวลาการนับถอยหลังเพื่อประมวลผลภาพตอนกลางคืนก็ยังรอไม่นานอีกด้วย แค่ประมาณ 2-3 วินาทีก็ได้ภาพสวยๆ ออกมาแล้ว

 

นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่เลนส์หลักเท่านั้นที่ถ่าย Nightscape 2.0 แต่เลนส์ Ultra Wide Angle ก็สามารถทำได้เหมือนกัน ทำให้เราได้มุมดีๆ ที่อยากได้ในช่วงกลางคืนเพิ่มขึ้นด้วย

 

ซูมออปติคอล 3x เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด

เป็นอีกสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน OnePlus 7T Pro อย่างเลนส์ Telephoto ที่ซูมแบบออปตอลได้ 3 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด ทำเราได้เก็บภาพในระยะไกลในสถานที่ที่เราไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆ ได้ดีมากครับ

ระยะ 1x / ระยะซูม 3x


ระยะ 1x / ระยะซูม 3x


ระยะ 1x / ระยะซูม 3x

 

เจาะลึกถึงรายละเอียดด้วยความใกล้กับฟีเจอร์ Macro 2.5 เซนติเมตร

เพิ่มมาอีก 1 ฟีเจอร์อย่าง Macro ที่ช่วยให้ถ่ายได้ใกล้สุดๆ ถึง 2.5 เซนติเมตร ทำให้เราเห็นรายละเอียดในส่วนที่สายตาของมนุษย์แทบจะมองไม่เห็นได้คมชัดมากขึ้น โดยเรื่องสีและความอิ่มของสีนั้นยังทำได้ดีอีกด้วย ไม่มีอาการสีซีดหรือจางไปกว่าเลนส์ปกติเลย

 

หมดกล้องหลัง 3 เลนส์ไป ก็มาถึงกล้องหน้าแบบ Pop-up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลกันบ้าง โดยมีฟีเจอร์หลักๆ คือการถ่ายแบบใบหน้าสวยหรือบิวตี้ที่สามารถปรับได้ 3 ระดับด้วยกัน ใครที่ชอบแบบเรียลๆ ดูเป็นธรรมชาติก็ปรับได้ที่เบอร์ 1 ส่วนใครที่ชอบหน้าใสไร้สิวแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ก็ต้องเบอร์ 3 ไปเลยครับ

ปิด AI Beauty / AI Beauty ระดับ 1


AI Beauty ระดับ 2 / AI Beauty ระดับ 3

 

นอกจากนี้ เราก็ยังสามารถปรับให้มีการเบลอฉากหลังได้เหมือนกันครับ ซึ่งภาพที่ได้ออกมาจะทำให้เราดูโดดเด่นมากขึ้นจากการที่ไม่มีฉากหลังมาแย่งซีนไป แถมเรื่องการเบลอก็ทำได้เนียนตามากๆ เช่นกัน

 

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผล Fluid Display ที่มี Refresh Rate 90Hz ทำให้เล่นได้ไหลลื่นมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
  • กล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ถ่ายได้คมชัด มีหลากหลายฟีเจอร์ทั้ง Nightscape 2.0, Ultra Wide Angle และ Macro 2.5 ซม.
  • ใช้งานได้เร็วแรงด้วยหน่วยประมวลผลระดับท็อป Snapdragon 855+ ควบคู่กับ RAM 8GB และ ROM 256GB แบบ UFS 3.0
  • มีแบตเตอรี่ความจุเยอะที่ 4085mAh พร้อมเทคโนโลยี Warp Charge 30T ที่ชาร์จได้รวดเร็วมาก
  • มีระบบเสียงผ่านลำโพงสเตอริโอคู่แบบ Dolby Atmos
  • แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 รุ่นแรกของโลก

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้
  • ไม่มีหูฟังแถมมาในกล่อง

 

สำหรับ OnePlus 7T Pro มีให้เลือกเพียงสีเดียว คือสีน้ำเงิน Haze Blue สนนราคาอยู่ที่ 26,990 บาท โดยสามารถซื้อได้ผ่านทาง AIS, JD Central และ LAZADA โดยมีโปรโมชั่นในแต่ละพาร์ทเนอร์ต่างกันไป

กำลังฮอต

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured1 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News5 วัน ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

IT News50 นาที ago

เสียวหมี่ต้อนรับ  Payday  จัดโปรโมชันพิเศษที่ Shopee กับส่วนลดสูงสุดถึง 50%

“เสียวหมี่” (Xiaomi)...

IT News1 ชั่วโมง ago

ซัมซุงพาเจาะลึกนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ภายในงานสัมมนาเทคโนโลยีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2024 จัดเต็มพร้อมเจาะลึกไลน์อัป Neo QLED 8K, OLED และ Lifestyle TV ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จากซัมซุง

ซัมซุง ผู้นำตลาดทีวี...

IT News1 ชั่วโมง ago

70mai จัดเต็มส่งมอบโปรสุดพิเศษกับ 70mai Pay Day มอบโค้ดลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท พร้อมจัดเต็มโปรสุดคุ้ม วันที่ 25 เม.ย. นี้เท่านั้น!

70mai  แบรนด์กล...

IT News1 ชั่วโมง ago

First Sale! “realme 12 5G” และ “realme 12X 5G”สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor ตัวแรกในระดับราคาเดียวกัน ราคา 7,999 บาท

จัดไปไม่ต้องรอ! real...

IT News1 ชั่วโมง ago

ASUS ส่ง Vivobook S 14 / S 16 OLED ปรับโฉมใหม่รุ่นล่าสุด วางจำหน่ายแล้ววันนี้! ชูดีไซน์มินิมอล บางเบา พร้อมยกระดับการทำงานด้วยโปรเซสเซอร์ใหม่ และเทคโนโลยี AI

เอซุส(ประเทศไทย) เปิ...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก