MediaTek เปิดตัว Dimensity 9200 ชิปเซ็ตเรือธงรุ่นใหม่ CPU ประหยัดพลังงาน 25% | GPU รองรับ Ray Tracing | รองรับ WiFi 7 และอีกเพียบ!

MediaTek เปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงรุ่นใหม่ Dimensity 9200 อย่างเป็นทางการในประเทศจีนเรียบร้อย มาพร้อมสเปคที่อัปเกรดหลายอย่าง ทั้ง CPU, GPU, APU รวมถึงการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นอีกด้วย รายละเอียดตามนี้เลยครับ

Dimensity 9200 ผลิตด้วยสถาปัตยกรรม TSMC 4nm รุ่นที่ 2 มี CPU Octa-Core แบบ 3 Cluster (1+3+4) มีสเปคดังนี้

• 1-Core Cortex-X3 ความเร็ว 3.05GHz
• 3-Core Cortex-A715 ความเร็ว 2.85GHz
• 4-Core Cortex-A510 ความเร็ว 2.0GHz

ด้าน CPU มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.7 หมื่นล้านตัว MediaTek เคลมว่าประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก 12% แต่จะประหยัดพลังงานลงกว่าเดิมถึง 25% เมื่อเทียบกับ Dimensity 9000 เลยทีเดียวครับ

ส่วน GPU หรือชิปกราฟิกรอบนี้อัปเกรดใหม่เปลี่ยนมาใช้เป็น Immortalis-G715 11-Core แรงขึ้น 32% ในขณะที่ประหยัดพลังงานลงกว่าเดิมอีก 41% ตัว GPU ใหม่นี้ยังรองรับ Ray Tracing ช่วยให้ภาพกราฟิกสวยขึ้น มีการสะท้อนที่สมจริงระดับเกมคอนโซลได้อีกด้วยครับ

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ HyperEngine 6.0 ที่จะมาช่วยประมวลผลด้านการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าทั้ง หน้าจอ, ระบบสัมผัส, เสียง, เครือข่าย รวมถึงอุณหภูมิขณะเล่นด้วย ทำให้เล่นได้อย่างราบรื่นต่อเนื่องกว่าเดิม MediaTek เคลมจากการเล่นเกม Genshin Impact ที่เฟรมเรตนิ่งขึ้น 15% และ Latency ดีขึ้นกว่า 63% เมื่อเล่นผ่าน 5G

ส่วน APU หรือการประมวลผล AI ชิป Dimensity 9200 ใช้ชิป AI ระดับเรือธงรุ่นที่ 6 เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ยอดเยี่ยมขึ้น จัดการในเรื่องของการถ่ายวิดีโอประสิทธิภาพสีดีขึ้น 30%, การซูม 10X ลด Noise ได้ดีขึ้น 20% และยังประหยัดพลังงานในการถ่ายวิดีโอ 4K/30fps แสงน้อยลงอีก 25%

RAM รองรับสูงสุดที่ LPDDR5X รองรับแบนด์วิท 8533Mbps สูงขึ้น 15% Storage รองรับถึง UFS 4.0 เลยด้วยครับ ส่วนเรื่องการถ่ายภาพมี ISP Imagip 890 เก็บภาพ RGBW ได้ดีขึ้น แถมยังประมวลผลร่วมกับ APU 690 ช่วยดึงประสิทธิภาพการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างขึ้น 30% คมชัดขึ้น 20%

Dimensity 9200 มาพร้อมเทคโนโลยี MediaTek MiraVision ที่ช่วยประมวลผลหน้าจอคอนเทนต์ระดับสูง HDR รวมถึงการจัดการ Refresh rate ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ ปิดท้ายที่เรื่องเครือข่าย Dimensity 9200 รองรับ Dual-5G และรองรับ WiFi 7 เป็นรุ่นแรกอีกด้วย!

ที่มา : MediaTek (Weibo)