Smart Review
รีวิว iPhone 8 Plus ตัวเครื่องกระจก เร็วแรงกว่าเดิม และชาร์จเร็ว ไร้สาย
iPhone 8 Plus เป็นรุ่นสมาร์ทโฟนตัวท็อปในซีรีส์ 8 ซึ่งเป็นปีที่ 10 ของการเปิดตัว iPhone มาพร้อมกับการเลือกใช้วัสดุกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อให้รองรับเทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย ในขณะที่ซีรีส์ใหม่อย่าง iPhone X จะเป็นรุ่นพรีเมียมของ iPhone เป็นรุ่นแรกจาก Apple
สรุปสเปค iPhone 8 Plus เปรียบเทียบ iPhone 7 Plus
iPhone 7 Plus | iPhone 8 Plus | |
เครือข่าย | GSM / CDMA / HSPA / EVDO / LTE | GSM / CDMA / HSPA / EVDO / LTE-A |
เทคโนโลยี | HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE-A (3CA) Cat9 450/50 Mbps, EV-DO Rev.A 3.1 Mbps | HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE-A (4CA) Cat16 1024/150 Mbps, EV-DO Rev.A 3.1 Mbps |
ขนาดตัวเครื่อง | 158.2 x 77.9 x 7.3 มม. | 158.4 x 78.1 x 7.5 มม. |
น้ำหนัก | 188 ก. | 202 ก. |
วัสดุ | อะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 | อะลูมิเนียมและฝาหลังกระจก |
มาตรฐาน | - กันน้ำกันฝุ่น IP67 - Apple Pay | - กันน้ำกันฝุ่น IP67 - Apple Pay |
หน้าจอ | - 5.5 นิ้ว Retina Display - 1080 x 1920 พิกเซล - 3D Touch - Display Zoom | - 5.5 นิ้ว Retina HD - 1080 x 1920 พิกเซล - 3D Touch - True Tone Display - Display Zoom |
ระบบปฏิบัติการ | อัปเกรด iOS 11 | iOS 11 |
ชิปเซ็ต | Apple A10 Fusion โปรเซสเซอร์ร่วม M10 สำหรับ ประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว | A11 Bionic 64-bit Neural engine โปรเซสเซอร์ร่วม M11 สำหรับ ประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว |
หน่วยความจำ | - ความจุ 32/128/256 GB - แรม 3GB | 64GB/256 GB RAM ไม่ระบุ |
กล้องหลัง | เลนส์คู่ 12 MP (28mm, f/1.8 และ 56mm, f/2.8), OIS, 2x Optical Zoom, Quad-LED flash Portrait mode | เลนส์คู่ 12 MP (28mm, f/1.8 และ 56mm, f/2.8), OIS, 2x Optical Zoom, Quad-LED flash Portrait mode Portrait Lighting (beta) |
บันทึกวิดีโอ | - ระดับ 4K ที่ 30 fps - HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps - วิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps และ 720p ที่ 240 fps | - ระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps - HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps - วิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps |
กล้องหน้า | 7 MP, f/2.2 Retina Flash | 7 MP, f/2.2 Retina Flash |
ฟีเจอร์เสียง | Stereo Speakers | Stereo Speakers |
WLAN | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot |
Bluetooth | 4.2, A2DP, LE | 5.0 |
GPS | GPS, A-GPS, GLONASS | GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS |
NFC | (เฉพาะ Apple Pay) | พร้อมโหมดตัวอ่าน |
Infrared port | ||
USB | 2.0, reversible connector | 3.0, reversible connector |
เซ็นเซอร์ | Fingerprint (ด้านหน้า), Accelerometer, Gyro, Proximity, Compass, Barometer | Fingerprint (ด้านหน้า), Accelerometer, Gyro, Proximity, Compass, Barometer |
ฟีเจอร์อื่นๆ | - Siri - iCloud | - Siri - iCloud |
แบตเตอรี่ | Li-Ion 2900 mAh | Li-Ion 2691 mAh การชาร์จแบบไร้สาย (ใช้ร่วมกับแท่นชาร์จ Qi) |
สรุปสเปค iPhone 8 Plus เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note8
iPhone 8 Plus | Galaxy Note8 | |
ราคา | เริ่มต้น $799 | เริ่มต้น ฿33,900 |
เครือข่าย | GSM / CDMA / HSPA / EVDO / LTE-A | GSM / HSPA / LTE-A |
ขนาดตัวเครื่อง | 158.4 x 78.1 x 7.5 มม. | 162.5 x 74.8 x 8.6 มม. |
น้ำหนัก | 202 ก. | 195 ก. |
วัสดุ | กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กรอบอะลูมิเนียม | กระจกขอบโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กรอบโลหะมันเงา |
มาตรฐาน | - กันน้ำกันฝุ่น IP67 - Apple Pay | - กันน้ำกันฝุ่น IP68 - S Pen - Samsung Pay |
หน้าจอ | - 5.5 นิ้ว Retina HD - 1080 x 1920 พิกเซล - HDR10 - True Tone display - 3D Touch - Display Zoom | - 6.3 นิ้ว Super AMOLED - ขอบจอโค้ง 2 ข้าง - 1440 x 2960 พิกเซล - HDR10 - 3D Touch (ปุ่มโฮม) - Always-on display |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 11 | Android 7.1.1 (Nougat) |
ชิปเซ็ต | A11 Bionic 64-bit Neural engine โปรเซสเซอร์ร่วม M11 สำหรับ ประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว | Exynos 8895 Octa Quad-core 2.3 GHz + Quad-core 1.7 GHz |
หน่วยความจำ | 64GB/256 GB RAM ไม่ระบุ | ความจุ 64 GB แรม 6GB MicroSD card สูงสุด 256GB |
กล้องหลัง | เลนส์คู่แนวนอน 12 MP (28mm, f/1.8 และ 56mm, f/2.8), OIS, 2x Optical Zoom, Quad-LED flash Portrait mode Portrait Lighting (beta) | เลนส์คู่แนวนอน 12 MP (26mm, f/1.7 และ 52mm, f/2.4), OIS, 2x Optical Zoom, Dual-LED (dual tone) flash Live Focus Dual Capture |
บันทึกวิดีโอ | - ระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps - HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps - วิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps | - ระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps - HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps - วิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 720p ที่ 240 fps |
กล้องหน้า | 7 MP, f/2.2 Retina Flash | 8 MP, f/1.7 Autofocus ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.6" ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน บันทึกวิดีโอ 1440p@30fps Dual Video call Auto HDR |
ฟีเจอร์เสียง | - Stereo Speakers - ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน - ตัวแปลง Lightning to 3.5 mm | - ลำโพงเดี่ยว - 32-bit/384kHz audio - AKG - ช่องหูฟัง 3.5mm - ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน |
WLAN | Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อม MIMO | Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อม MIMO |
Bluetooth | Bluetooth 5.0 | Bluetooth 5.0 |
GPS | GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS | GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS |
NFC | พร้อมโหมดตัวอ่าน | พร้อมโหมดตัวอ่าน |
Infrared port | ||
USB | 2.0, reversible connector | 3.0, Type-C 1.0 reversible connector |
เซ็นเซอร์ไบโอเมตริก | Touch ID เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือรุ่นที่ 2 ติดตั้งอยู่ในปุ่มโฮม | Iris Scanner สแกนม่านตา และ Fingerprint เซ็นเซอร์ลายนิ้วมืออยู่ด้านหลัง |
ฟีเจอร์อื่นๆ | - Siri (รองรับภาษาไทย) - iCloud | - Bixby (ไม่รองรับภาษาไทย) - Samsung Cloud - Samsung DeX - รองรับ ANT+ |
แบตเตอรี่ | Li-Ion 2691 mAh การชาร์จแบบไร้สาย (ใช้ร่วมกับแท่นชาร์จ Qi3) | Li-Ion 3300 mAh การชาร์จแบบไร้สาย (Qi/PMA) ชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0 |
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
iPhone 8 Plus มีขนาดตัวเครื่อง 158.4 x 78.1 x 7.5 มิลลิเมตร มีขนาที่ใหญ่ขึ้น 0.2 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ iPhone 7 Plus แต่ในการใช้งานจริงแล้วแทบจะแยกขนาดไม่ออก อาจจะเรียกว่าเท่ากันก็ได้ ซึ่งสามารถใส่เคสที่เป็นพลาสติกนิ่มหรือซิลิโคนนิ่มๆ ร่วมกันได้ด้วยสำหรับ 2 รุ่นนี้ ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 14 กรัมก็ไม่ได้ทำได้รู้สึกว่าหนักขึ้นกว่าเดิมสำหรับผู้ที่ใช้งาน iPhone 7 Plus มาก่อน
หน้าตาของของ iPhone 8 Plus ไม่ต่างไปจาก iPhone 7 Plus แต่วัสดุกระจกของรุ่นใหม่นี้ที่จะให้ความรู้สึกในการสัมผัสแตกต่างไปจากเดิมที่เป็นอะลูมิเนียม และเฉดสีของตัวเครื่องก็จะเปลี่ยนไปด้วยผิวของกระจกที่สะท้อนแสง โดยเฉพาะในตัวเครื่องสีทองเมื่อใช้งานกลางแจ้งหรือในที่สว่างก็จะมีโทนสีที่เป็นทองอ่อนๆ ในขณะที่กรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่จะเห็นเป็นโทนสีทองที่เข้มกว่า
กระจกเป็นวัสดุที่ทำให้ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนมีความพรีเมียมมากขึ้น โดยใน iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็เลือกใช้กระจกแบบขอบโค้งมน 2.5D ที่โค้งพอดีกับกรอบตัวเครื่อง แต่ด้วยความเงานี่เองที่ต้องแลกมาด้วยคราบรอยนิ้วมือที่เกิดได้ง่ายมากกว่าวัสดุที่เป็นโลหะ ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องหาเคสมาใส่กันรอยอยู่แล้ว ^^
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงเมื่อตัวเครื่องเป็นกระจกคือเส้นเสาอากาศที่อยู่ด้านหลัง iPhone 8 Plus จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว โดยตัวอยู่กรอบตัวเครื่องด้านซ้ายกับขวาทั้ง 4 มุม ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามมากขึ้น เหมือนเป็นการย้อนกลับไปในรุ่น iPhone 4 ซึ่งเป็นรุ่นที่เป็นกระจกเหมือนกัน แต่ชนิดของกระจกและการดีไซน์โค้งเว้าในรุ่นใหม่นั้นช่วยให้การจับใช้งานถนัดมือมากกว่า
หน้าจอแสดงผลของของ iPhone 8 มีขนาด 5.5 นิ้ว เป็นหน้าจอ LED-backlit IPS LCD ที่ทาง Apple เรียกว่า Retina HD ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล รองรับเทคโนโลยี 3D Touch และเพิ่มเทคโนโลยี True Tone แบบเดียวกับหน้าจอ iPad Pro ที่สามารถปรับไวท์บาลานซ์ของหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ ข้าง และให้สีสันระดับมาตรฐานเทียบเท่ากับภาพยนตร์ดิจิตอล โดย Apple ระบุชัดเจนว่าหน้าจอของ iPhone 8 Plus รองรับการแสดงผล Dolby Vision และ HDR10 สำหรับการเล่นวิดีโอ
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียดละเอียด 7 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา ซึ่งลำโพงตัวนี้สามารถใช้เป็นลำโพงตัวที่ 2 สำหรับเสียงแบบสเตอริโอด้วย
บริเวณล่างหน้าจอมีปุ่มโฮมเหมือนกับในรุ่น iPhone 7 Plus ใช้การกดลงเบาๆ เพื่อกลับสู่หน้าโฮม ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Taptic Engine หรือตัวสั่นเบาๆ เพื่อตอบสนองคำสั่ง และมีการฝังตัวอ่านลายนิ้วมือ Touch ID ไว้ที่ปุ่มโฮมนี้ด้วย
ขอบด้านล่างหน้าจอเริ่มจากทางซ้ายจะเป็นไมโครโฟน ถัดมาลงตรงกลางจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Lightning สำหรับใช้ชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล รวมไปถึงใช้งานกับหูฟังด้วย ส่วนทางขวาสุดจะเป็นช่องสำหรับเสียงลำโพง โดยในนี้จะมีไมโครโฟนฝังอยู่ข้างในด้วยอีกหนึ่งตัว และไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm. แต่หากต้องการใช้งานก็สามารถใช้ตัวแปลงพอร์ตเป็นแบบ Lightning ที่แถมในกล่องได้
ด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดตัวเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอก็ได้ และถัดลงมาจะมีช่องถาดใส่ซิมขนาด Nano SIM
ด้านซ้ายตัวเครื่องมีปุ่มสำหรับปิดเสียง และปุ่มปรับระดับเสียง
ตัวเครื่องด้านหลังเป็นกระจก ไม่มีเส้นเสาอากาศคาดหลังให้เห็นอีกต่อไปแล้ว ซึ่งจะต่างไปจาก iPhone 7 Plus สีเจ็ทแบล็คที่เป็นอะลูมิเนียมที่มีความมันเงาสูง และยังคงมีเส้นเสาอากาศคาดหลัง โดยกล้องหลังของ iPhone 8 Plus เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน แต่ขนาดของเลนส์ไม่เท่ากัน โดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นกล้องมุมกว้างและอีกตัวเป็นกล้องเทเลโฟโต้สำหรับการซูม ซึ่งโมดูลกล้องหลังจะนูนขึ้นมาเหนือฝาหลังค่อนข้างเยอะพอสมควร อาจต้องระวังรอยขีดข่วนเมื่อวางเครื่องลงกับพื้นหรือถูลากกับพื้น และถัดจากเลนส์จะมีไมโครโฟนอีกตัว พร้อมกับแฟลชแบบ Dual tone จำนวน 4 ดวง
iPhone 8 Plus มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 คือกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที แต่ก็ไม่ควรนำไปจุ่มหรือดำน้ำเล่น เนื่องจากไม่อยู่ในการรับประกันหากเครื่องเสียหายจากน้ำเข้า
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
iPhone 8 Plus มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 11 ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมแทบจะทั้งหมดเมื่อเทียบกับ iOS 10 ที่เป็นเวอร์ชั่นก่อนหน้า โดยจะเน้นที่การปรับแต่งฟีเจอร์ใหม่ๆ และตัวซอฟต์แวร์มีความฉลาดในการเรียนรู้จากการใช้งานมากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เห็นชัดเจนมากที่สุดคือในส่วนของศูนย์ควบคุมหรือ Control Center มีไอคอนขนาดใหญ่ และสามารถแตะค้างเพื่อใช้งานด้วยฟีเจอร์ 3D Touch เพื่อให้แผงในส่วนที่เลือกเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ แล้วแตะควบคุมหรือสั่งงานได้ทันที เช่น แตะค้างที่ไอคอนปรับแสงหน้าจอ จะเด้งเลือกโหมดหน้าจอได้ เป็นต้น และ Notification Center สามารถดูรายการแจ้งเตือนได้จากการลากแถบบาร์ด้านบนหน้าจอลงมา และสามารถปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าถึงรายการแจ้งเตือนได้ด้วย
App Store เองก็ปรับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เนื่อหาภายใน Store มีความโดดเด่น เต็มตา และสวยงามมากขึ้น โดยมีการเพิ่มแท็บวันนี้เพื่อนำเสนอรายการแอปและเกมแบบรายวัน และปุ่มดาวน์โหลดหรือปุ่มซื้อจะอยู่ด้านล่างสุดของหน้าแสดงรายละเอียด ในขณะที่ปุ่มปิดหน้าจอจะมีไอคอน X ลอยอยู่บริเวณมุมขวาของหน้าจอ
ใน iOS 11 แถบสถานะด้านบนหน้าจอปรับไอคอนแถบสัญญาณมือถือเป็นแบบ 4 ขีด เมื่อเทียบกับ iOS 10 จะเป็นแบบจุดกลม 5 จุด และไอคอนแบตเตอรี่บริเวณมุมขวาบนใน iOS 11 จะแสดงปริมาณในขอบที่เด่นชัดกว่า
เมนูการตั้งค่าหรือ Settings มีชื่อเมนูที่มีขนาดใหญ่ ตัวหนังสือมีความหนาโดดเด่นมาก แสดงแบบชิดขอบซ้าย และแถบช่องค้นหามีความโค้งมนบนพื้นสีเทา โดยในหน้าแรกของเมนูการตั้งค่ายังได้นำรายการเมนูใหม่มาไว้ในหน้าแรกนี้ด้วย ได้แก่ เสียงและการสั่ง (Sound & Haptics), Emergency SOS, บัญชีและรหัสผ่าน (Accounts & Passwords)
ฟีเจอร์การกลับสี (Invert Colours) มีโหมดที่เรียกว่าการกลับสีอัจฉริยะ (Smart Invert) ที่ช่วยให้การใช้งานในโหมดที่หลายคนอาจจะเรียกว่า Dark Mode มีความฉลาดในการกลับสี โดยจะยกเว้นการกลับสีรูปภาพ สื่อวิดีโอ และแอพบางตัว
การบันทึกวิดีโอหน้าจอหรือ Screen Recording ก็สามารถทำได้แล้วใน iOS 11 โดยการเพิ่มปุ่มสำหรับบันทึกไว้ที่ Control Center ซึ่งรองรับการบันทึกเสียงภายนอกได้ด้วยไมโครโฟนของ iPhone
สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายของ iPhone 8 Plus จะมีรุ่นที่เป็นโมเด็ม Qualcomm ซึ่งรองรับ LTE Cat.16 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1Gbps และอัปโหลดสูงสุด 150Mbps ส่วนบางรุ่นจะเป็นโมเด็มของ Intel ที่รองรับ LTE Cat.12 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 600Mbps และอัปโหลดสูงสุด 150Mbps (สำหรับเครื่องศูนย์ไทยคงต้องรอทดสอบดูกันต่อไป) ซึ่ง iPhone 8 Plus ทุกโมเดลรองรับ VoLTE, HD Voice และ Wi-Fi Calling โดยในส่วนของ WiFi- ก็รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0
เทคโนโลยี NFC ที่มีอยู่ใน iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาพร้อมตัวอ่านด้วย Core NFC API เวอร์ชันใหม่ของ iOS 11 แต่สามารถอ่าน NFC Tag ได้เฉพาะผ่านตัวแอพที่รองรับเท่านั้น จากเดิมที่ทำได้เพียงสำหรับ Apple Pay
สำหรับการชาร์จไร้สาย iPhone 8 Plus ใช้ได้กับแทนชาร์จไร้สายที่เป็นมาตรฐาน Qi จาการทดสอบชาร์จ iPhone 8 Plus ด้วยแท่นชาร์จไร้สาย Samsung Fast Charge Wireless Charging Stand โดยเริ่มชาร์จที่ 30% ไปจนถึง 50% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone 8 Plus ที่มีขนาดความจุ 2,691 mAh ซึ่งลดลงจากเดิมเมื่อเทียบ iPhone 7 Plus ที่มีขนาด 2,900 mAh แต่จากการใช้งานจริงก็แทบจะไม่แตกต่างกัน ไม่ได้หมดเร็วหรือหรือหมดช้าไปกว่ากันชัดเจน โดยรุ่นใหม่จะได้เปรียบที่รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟที่สูงกว่า โดยสามารถใช้อะแดปเตอร์ของ MacBook ขนาด 29 วัตต์กับสาย USB-C to Lightning ทำให้ชาร์จได้ไวมากขึ้นได้เช่นกัน
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
iPhone 8 Plus ใช้ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic SoC ซีพียู Hexa-core (2 Monsoon + 4 Mistral) กับจีพียู Tri-core และแรม 3GB พร้อมหน่วยประมวลผลร่วม M11 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวใส่มาให้ด้วย โดยผลการทดสอบ AnTuTu V6.3 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 206,315 คะแนน
อันดับคะแนนจากฐานข้อมูลของ AnTuTu จะเห็นว่า iPhone 8 Plus มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 217,210 คะแนน ซึ่งทำได้มากกว่า iPhone 7 Plus
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ iPhone 7 Plus ทำคะแนน Single-Core ได้ 4,229 และ Multi-Core ทำได้ 10,294 คะแนน
สำหรับผลคะแนน Single-Core และ Multi-Core ของ iPhone 8 Plus ทำได้ดีกว่า iPhone ทุกรุ่นที่ผ่านมา รวมถึง iPad Pro ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของ Multi-Core ที่ทำคะแนนได้มากกว่า iPhone 7 Plus เกือบ 2 เท่า
กล้องถ่ายรูป
iPhone 8 Plus มีกล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์มุมกว้าง ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 ที่มีขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน และเลนส์เทเลโฟโต้ รูรับแสง f/2.6 ที่มีขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน ด้วยชิปเซ็ตประมวลผล A11 Biomic ตัวใหม่ล่าสุด ทำให้กล้องมีความสามารถที่เพิ่มขึ้น ทั้งการจับภาพได้แบบทันที สามารถตรวจจับตัวคนและใบหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น ส่วนฟีเจอร์ด้านวิดีโอก็สามารถถ่ายความละเอียด 4K ที่ความเร็ว 60fps ได้แล้วด้วย หรือ 1080p ที่ความเร็ว 240fps
โหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait Mode) ใน iPhone 8 Plus ที่เรียกว่า Portrait Lighting ซึ่งเป็นการดึงความสามารถของเลนส์กล้องคู่ในการเข้ามาช่วยเก็บรายละเอียดของภาพถ่ายบุคคลหรือวัตถุที่ต้องการด้วยรูปแบบองค์ประกอบแสงต่างๆ ได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ แสงไฟสตูดิโอ แสงไฟคอนทัวร์ แสงไฟเวที และแสงไฟเวทีขาวดำ โดยภาพถ่ายของจริงจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอดูเมื่อทำการกดถ่ายไปแล้ว และสามารถปิดการเบลอของฉากหลังได้หลังจากถ่ายไปแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย Portrait Mode ในโหมดแสงธรรมชาติ (Natural Light) เปรียบเทียบระหว่างปิดและเปิดการเบลอฉากหลัง
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode เปรียบเทียยระหว่างเอฟเฟ็กต์แสงไฟเวที (Stage Light) และแสงไฟเวทีขาวดำ (Stage Light Mono)
สำหรับใน iOS 11 สามารถเลือกรูปแบบ (Formats) ในการบันทึกรูปภาพและวิดีโอโดยการเข้ารหัสวิดีโอประสิทธิภาพสูง (HEVC) และรูปแบบไฟล์ภาพประสิทธิภาพสูง (HEIF) จะช่วยให้ขนาดของไฟล์นั้นมีขนาดเล็กลงเกือบครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 50% เมื่อเทียบกับรูปแบบเดิม แต่คุณภาพยังคงเท่าเดิม หรือถ้าไม่อยากเก็บไฟล์ในรูปแบบใหม่นี้ก็สามารถเลือกไปที่ ‘เข้ากันได้มากที่สุด’ (Most Compatible)
การแชร์ไฟล์รูปแบบใหม่นี้ระบบจะทำการแปลงไฟล์ให้อัตโนมัติ แต่หากถ่ายโอนไฟล์ผ่านสายกับ macOS macOS High Sierra ขึ้นไป จะได้รูปแบบไฟล์ต้นฉบับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 8 Plus
สรุปจุดเด่น
- เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก Apple ที่เปลี่ยนดีไซน์ไปเป็นวัสดุตัวเครื่องเป็นกระจก เพื่อรองรับการชาร์จไร้สาย และรองรับชาร์จเร็วด้วย
- หน้าจอแสดงผล True Tone และรองรับ HDR10
- iPhone 8 Plus มีซีพียูที่เร็วแรงกว่าเดิม
- กล้องหลังคู่มีการปรับปรุงใส่ฟีเจอร์ใหม่และถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ความเร็ว 60fps
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- การถ่ายภาพในโหมด Portrait Light ยังเป็นตัว Beta ซึ่งเอฟเฟ็กต์แสงเงา และการเบลอยังไม่ค่อยเนียน
- ตัวเครื่องกระจกเกิดคราบรอยนิ้วมือได้ง่าย และตกแตกได้ง่ายกว่าตัวเครื่องอะลูมิเนียม