ได้มาแล้ว! iPhone 17 Pro Max เครื่องศูนย์ไทย มาถึงมือทีมงาน iphone-droid.net เรียบร้อย ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์แบบครั้งใหญ่ รวมถึงสีสันที่จัดจ้านกว่าเดิมมากด้วย แน่นอนเราได้สีใหม่อย่าง “สีส้ม Cosmic Orange” มาเลยแหละ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว เราก็ไม่พลาดทำบทความแกะกล่องให้ชมกันอีกเหมือนเคย!

อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่า iPhone 17 Pro Max สีใหม่นี่สวยแค่ไหน พร้อมแล้ว มาติดตามกันเล้ย!
แกะกล่อง iPhone 17 Pro Max
ก่อนจะไปชมตัวเครื่อง ก็ให้ชมตัวกล่องกันก่อนเหมือนเคยเนอะ รอบนี้ Apple กลับมาใช้กล่องโชว์ด้านหลังตัวเครื่องอีกครั้ง เพื่อจะได้เห็นสีสันชัดเจนไปเลยเนอะ และย้ำอีกครั้งเราได้สีส้ม Cosmic Orange ครับ

แพ็กเกจก็จะมาแลบรักษ์โลก มีแถบให้ฉีกกะนเช่นเคย อ๊ะ…ละก็ข้อมูลตัวเครื่องจะอยู่ที่ด้านหลังนี้ด้วยนะ รุ่นที่เราได้มาเป็น iPhone 17 Pro Max สีส้ม Cosmic Orange ความจุ 512GB แหละ

อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะให้มาเท่าเดิมแหละครับ 4 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง iPhone 17 Pro Max
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สายชาร์จ USB-C to C

ดีไซน์ iPhone 17 Pro Max
อย่าได้เสียเวลา แกะเครื่องมาให้ชมกันเลยดีกว่า ขอเริ่มที่สีสันกันก่อนเลยเนอะ เพราะรอบนี้เด่นจริง ๆ กับ สีส้ม Cosmic Orange ที่เราว่าจัดจ้านกว่าทุกสีที่เคยมีมาของ iPhone รุ่น Pro Max เลย โทนคือส้มตะโกนมาก แต่ก็ยังแฝงความพรีเมี่ยมไว้อยู่นะ

ส่วนดีไซน์รอบนี้จะเห็นความแตกต่างจากหลาย ๆ รุ่นก่อนหน้าชัดเจน เพราะ Apple ปรับทรงดีไซน์ใหม่จริง ด้วยการผสาน 2 วัสดุเข้าด้วยกันคือ อะลูมิเนียมกับกระจก Ceramic Shield 2 ทำให้งานประกอบดูมี 2 เลเยอร์ชัดเจนเลยล่ะ

อะ…มาเริ่มที่ตัวอะลูมิเนียมก่อน เป็นอีกครั้งที่ Apple เปลี่ยนวัสดุของ iPhone รุ่น Pro ใหม่ หลังจากที่ใช้ไทเทเนียมกันมา 2 รุ่น (15 Pro | 16 Pro) ปีนี้ iPhone 17 Pro Max เปลี่ยนมาใช้เป็นอะลูมิเนียมแทน และเป็นแบบ Unibody ด้วยนะ หมายความว่าเป็นโครงชิ้นเดียวเลย ไม่ได้แยกเป็นกรอบเครื่องชิ้นหนึ่ง ฝาหลังชิ้นหนึ่งแล้ว

ซึ่งเอาจริง ๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกของ iPhone รุ่น Pro เหมือนกันที่เลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียม เพราะก่อนหน้านี้ใช้กรอบสแตนเลสกันมาตั้งแต่ iPhone X นู่นแหละ (ที่ ใช้อะลูมิเนียมมาตลอดคือรุ่นไม่ Pro น่ะนะ) การเปลี่ยนวัสดุครั้งนี้ เราแอบคิดว่าช่วยให้การจับถือดีขึ้นพอสมควรนะ ไม่ลื่นมาก บวกกับการตัดมุมของฝาหลังที่โค้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้เวลาจับถือบนมือ มีความมั่นคงขึ้น

โมดูลกล้องที่ยกสูงขึ้นแบบเป็นเกาะแล้วจริง ๆ อย่างที่เห็นแหละเนอะ จากปกติเราจะเห็นแค่ส่วนฐานกล้องที่ยกขึ้นจากตัวเครื่องที่มุมซ้ายบน รอบนี้ก็ขยายมันให้เต็มส่วนบนซะเลย แม้ตำแหน่งกล้องยังเหมือนเดิมก็ตาม บริเวณนี้จะเป็นวัสดุอะลูมิเนียมไปหมดเลย ไม่ใช่กระจกเหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้วนะ

ที่เป็นกระจกจริง ๆ จะเป็นตรงแผ่นหลังนั่นแหละครับ ดูก็พอรู้แหละเนอะ เพราะสีสันนั้นต่างออกไป เหมือนเอาวัสดุอีกชิ้นมาแปะแทน ซึ่งเหตุผลที่ยังต้องใช้กระจกอยู่คือเพราะอยากให้รองรับ MagSafe กับชาร์จไร้สายนั่นแหละครับ แต่ผิวยังเป็นแบบด้านก็สัมผัสได้เนียนมือดี บวกกับ Apple อัปเกรดกระจกตรงนี้เป็น Ceramic Shield แล้วด้วย ทนทานขึ้น หายห่วง!

พลิกมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง iPhone 17 Pro Max ยังมาพร้อมหน้าจอ Super Retina XDR แบบ OLED ขนาด 6.9″ เท่ากับรุ่นก่อนเนาะ มี Dynamic Island ด้านบนขนาดเท่าเดิมด้วย สเปคจริง ๆ ก็แทบจะเหมือนเดิมเลยล่ะครับ

เพียงแต่ได้ความสว่างสูงสุดเพิ่มขึ้นมาเป็น 3000nits แทน ตัวกระจกก็อัปเกรดมาเป็น Ceramic Shield 2 ที่เคลมว่าทนทานรอยขีดข่วนได้มากขึ้น 3 เท่า และรอบนี้จะมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนเข้ามาด้วยนะ เวลาใช้งานกลางแจ้งหรือใต้แสงไฟมาก ๆ ก็จะให้ความรู้สึกที่สบายตาขึ้นจริง ๆ แหละ

ความลื่นไหลก็เป็นจอ ProMotion แบบ 120Hz ที่ปัดไป-มาได้อย่างลื่นไหลดีอยู่แล้ว ยิ่งพอมาใช้ร่วมกับ iOS 26 ใหม่ที่ลื่นไหลและมีความ Liquid Glass ก็ยิ่งสวย สมูทไปซะหมดจริง ๆ นะ

ส่วนตำแหน่งของปุ่มกดต่าง ๆ iPhone 17 Pro Max ยังวางไว้ที่ตำแหน่งเดิมเลย คือมีปุ่ม Power และปุ่ม Camera Control ที่มุมขวา ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายพร้อมกับปุ่ม Action ที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกหน่อย


มุมล่างของฝั่งซ้ายตัวเครื่อง ยังมีช่องใส่ซิมการ์ดมาอยู่สำหรับรุ่นนี้ เพราะ iPhone 17 Pro Max รุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเรายังเป็นแบบใส่ซิมจริง ๆ ได้อยู่นะครับ ไม่ใช่โมเดล eSIM Only

ด้านล่างก็จะมีพอร์ต USB-C และลำโพงกับไมโครโฟนรอบ ๆ ที่วางไว้ตำแหน่งเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างเช่นกันครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ก็ถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควร โดยเฉพาะสีสัน ที่รอบนี้ iPhone 17 Pro Max ได้สีที่จัดจ้านขึ้น พออยู่บนวัสดุอะลูมิเนียม Unibody ก็ขับสีออกมาชัดเจน ผิวสัมผัสตัวเครื่องก็มอบความกระชับมือยิ่งขึ้นเวลาจับถือ ไม่ลื่นหรือบาดมือแล้ว มีโมดูลกล้องขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกที่ใหม่ขึ้นทันที แม้ไม่ได้สัมผัส

กล้อง iPhone 17 Pro Max
มาดูที่กล้องกันต่อครับ อีกจุดที่ iPhone 17 Pro Max ได้รับอัปเกรดขึ้นมาอีก ก็คือกล้องหลังทั้ง 3 ตัวจะได้ความละเอียด 48MP มาทั้งหมด มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
- 48MP กล้องหลัก Fusion f/1.78, Sensor-Shift OIS
- 48MP กล้อง Ultra Wide Fusion f/2.2
- 48MP กล้อง Tele Fusion 4x f/2.8

อย่างที่เห็นครับ กล้องทั้ง 3 ตัวได้ความละเอียด 48MP เท่ากันหมด และมีคำว่า Fusion ที่ Apple ใช้โปรโมทกล้องที่สามารถซูม In-Sensor (ครอป) ได้ 2 เท่าของระยะนั้น ๆ ได้และมีความละเอียดขั้นต่ำคือ 12MP

ซึ่งทำให้การซูมนั้นทำได้ดีขึ้น แม้ระยะ Optical จะลดจาก 5x มาเป็น 4x แต่การที่สามารถครอปภาพจากเซ็นเซอร์ 48MP เข้าไปได้ 2 เท่า ก็เท่ากับเราจะสามารถซูมแบบที่ยังได้ความละเอียด 12MP ได้ถึงระยะ 8x เลยทีเดียว แถมการซูมไกลสุด (แบบ Digital Zoom) ก็ยังเพิ่มขึ้นเป็น 40x แล้วด้วยนะ จากเดิมที่สุดแค่ 25x ครับ

กล้องหน้าใหม่! นี่แหละไฮไลท์ที่เราว่าว้าวสุดของการอัปเกรดกล้องในรอบนี้ครับ เพราะ iPhone 17 Pro Max อัปเกรดกล้องหน้าจาก 12MP มาเป็น 18MP แบบ Center Stage แล้ว ได้มุมกว้างแบบกว้างมาก ๆ แบบเดียวกับที่อยู่บน iPad รุ่นใหม่ ๆ เลยล่ะครับ

แถมความดีงามอีกอย่างก็คือ เซ็นเซอร์ที่ใช้เป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วยนะ กว้างพอที่จะครอปเป็นหลายอัตราส่วน ทำให้เราสามารถถ่ายเซลฟี่ในแนวนอน ในขณะที่ถือเครื่องในแนวตั้งได้ เก็บภาพได้ครบ แบบที่ยังถือใช้งานได้ถนัดอีกต่างหาก

และด้วยกล้องหน้าที่ดีขึ้นนี้ Apple เลยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง Dual Capture เข้ามา ให้เราได้บันทึกวิดีโอหน้า-หลังได้พร้อมกันแล้วนะ บันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/30fps ด้วย

สเปค iPhone 17 Pro Max
ปิดท้ายที่สเปคละกันเนอะ iPhone 17 Pro Max อัปเกรดชิปเซ็ตใหม่เป็น A19 Pro ตามรอบ เป็น CPU 6-Core ร่วมกับ GPU 6-Core ซึ่งเคลมว่าคงประสิทธิภาพได้นานต่อเนื่องมากกว่าเดิมถึง 40% เลยทีเดียว

ซึ่งสาเหตุที่เคลมเรื่องการใช้งานต่อเนื่องได้ดีขึ้น เพราะว่าบน iPhone 17 Pro Max นั้นมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber เป็นครั้งแรกนั่นเองครับ ทำให้ใช้งานหนัก ๆ ได้นานขึ้น ความร้อนสะสมน้อยลง

ระบบปฏิบัติการ iOS 26
สำหรับระบบปฏิบัติการ iPhone 17 Pro Max ก็มาพร้อม iOS 26 ตั้งแต่แกะกล่องเลย ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ปล่อยให้เครื่องรุ่นก่อนได้อัปเดตไปนั่นเอง มีดีไซน์ UI แบบใหม่ Liquid Glass ที่เข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกแบบโฉมใหม่จริง ๆ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวหลังแกะกล่องของ iPhone 17 Pro Max เท่านั้น ยังมีเหลืออีกหลายอย่างที่ต้องไปลองก่อนจะเป็นรีวิวฉบับเต็ม ทั้งประสิทธิภาพตัวเครื่อง การจัดการความร้อน คุณภาพกล้องในหลาย ๆ สถานการณ์ หรือการใช้งานแบตเตอรี่และการชาร์จ เอาไว้ไปใช้งานเต็ม ๆ ก่อน เดี๋ยวมีรีวิวให้ติดตามกันแน่นอนครับ

ก่อนจากกันไปเราก็มีสรุปราคาของ iPhone 17 Pro กับ iPhone 17 Pro Max มาฝากกันสักหน่อยที่ด้านล่างนี้เลย!
