
รีวิว Infinix Note 50 Pro+ สมาร์ทโฟนที่มาในสโลแกน “เร็วแรงในทุกการใช้งาน” ที่ให้ฟีเจอร์มาแต่ละอย่างที่จัดเต็ม ขุมพลัง Dimensity 8350 Ultimate ใช้งานได้สะดวกด้วย Infinix AI แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ชาร์จเร็วขั้นสุด 100W All-Round FastCharge3.0 และอีกมากมายที่ให้เราได้ใช้งานกันแบบจัดเต็มมากๆ ครับ
สรุปสเปค Infinix Note 50 Pro+
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.36 x 74.53 x 7.99 มม.
- น้ำหนัก : 209 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2436 × 1080 พิกเซล), พื้นที่หน้าจอแสดงผลต่อตัวเครื่อง 93.4% รองรับ Refresh Rate 144Hz แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, 2304Hz PWM Dimming และความสว่างสูงสุด 1300 นิต
- CPU : MediaTek Dimensity 8350 Ultimate Octa-core ความเร็วสูงสุด 3.35GHz
- GPU : ARM Mali G615-MC6
- RAM : 12GB LPDDR5X
- ROM : 256GB UFS 4.0
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ดังนี้
- เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.9 เซ็นเซอร์ IMX896 ขนาด 1/1.56″ รองรับกันสั่น OIS
- เลนส์ Ultra-Wide 8MP รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 112 องศา
- เลนส์ Periscope Telephoto 3x 50MP รูรับแสง f/2.4 ระยะ 70 มม. ซูมสูงสุด 100x รองรับกันสั่น OIS
- กล้องหน้า 32MP รูรับแสง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย XOS 15
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, 5.5G, NFC และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5200mAh ชาร์จเร็ว 100W All-Round FastCharge3.0 และชาร์จไร้สายที่ 50W Wireless MagCharge
มาเริ่มแกะกล่องกัน !!
ตัวกล่องของสมาร์ทโฟน Infinix ยังคงมาในรูปแบบที่เน้นความเป็นเกมมิ่งเหมือนเดิม รอบนี้มีการจับมือกับเกม PUBG Mobile ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนในส่วนครึ่งล่างของกล่องที่จะมีตัวละครในเกมมาด้วย ขณะที่ส่วนบนจะเป็นชื่อรุ่น “50” และสัญลักษณ์ Infinix AI และ SOUND BY JBL ที่ลำโพงได้ร่วมการพัฒนากับ JBL นั่นเอง

ตัวกล่องจะถูกแยกออกเป็น 2 กล่อง คือ กล่องสมาร์ทโฟน ที่มีอุปกรณ์มาให้ครบถ้วน เปิดมาจะเจอกับกล่องอุปกรณ์เสริม ทั้งเคสซิลิโคนที่ฝังแม่เหล็กมาให้ เข็มเปิดถาดซิม S-VIP Card คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และกระจกสำหรับติดหน้าจอมาให้เลย อีกชั้นจะเป็นตัวเครื่อง Infinix Note 50 Pro+ และท้ายสุดจะเป็นหัวชาร์จ 100W และสาย USB Type-C to C
ทั้งนี้อีกกล่องจะเป็นกล่องใส่ MagPad 20W สำหรับชาร์จไร้สาย ซึ่งต้องเอาติดกับหลังเครื่องเมื่อเราใส่เคสที่แถมมาให้เอาไว้ครับ


ดีไซน์พรีเมียม สวยงาม และงานประกอบยอดเยี่ยมด้วย ArmorAlloy
พามาสัมผัสความสวยงามของเครื่องกันก่อนเลยครับ Infinix Note 50 Pro+ ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ สีที่อยู่ในมือเราจะเป็นสีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey) ได้ความเรียบหรูและพรีเมียมเกินตัวไปมาก ฝาหลังเป็นผิวแบบด้าน และทั้ง 4 มุมตัวเครื่องมีความโค้งมน ทำให้รับอุ้งมือของเราได้ดีเลยทีเดียว

ที่ขอบเครื่องจะเป็นกรอบโลหะ เป็นผิวด้านขัดเพื่อให้ผิวสัมผัสดูนุ่มนวลเป็นผิวทราย Micro Sandblasted ให้ความรู้สึกต่างจากฝาหลังอยู่เล็กน้อย แต่เข้ากันสุดๆ และก็มีความแบนเรียบทั้งหมด 4 ด้านเช่นกัน

ตัวเครื่องรุ่นนี้ให้ความบางที่ 8 มิลลิเมตร ไม่ได้หนาจนเกินไป ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม

โมดูลกล้องหลังก็ดูโดดเด่นพอตัว เป็นแบบ 8 เหลี่ยม มีกล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมด้วยไฟแฟลช 3 ดวง และไฟ Bio-Active Halo AI Lighting ที่จะแสดงแสงเป็นสีสันต่างๆ ตามการใช้งานที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ ซึ่งการใช้งานเต็มๆ ของไฟ Bio-Active Halo AI Lighting ขออุบไว้ที่ส่วนของการใช้งานด้านล่าง รอบนี้ขอพูดถึงดีไซน์กันก่อนแล้วกันเนาะ

ทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP64
Infinix Note 50 Pro+ ยังมาพร้อมมาตรฐานทนน้ำและฝุ่น IP64 ซึ่งสามารถป้องกันละอองน้ำได้สบายๆ หรือใช้งานต่อได้ในตอนฝนตกปรอยๆ ได้

หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ ไหลลื่น 144Hz
Infinix Note 50 Pro+ จัดเต็มเรื่องหน้าจอแสดงผลให้เราได้ใช้งานกันแบบเต็มที่ ใช้พาเนล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว มีความละเอียดแบบ Full HD+ (2346 x 1080 พิกเซล) มีสีสันก็จัดเต็ม 10 bit (1.07 พันล้านสี) และใช้งานกลางแจ้งได้ค่อนข้างดี เพราะมีความสว่างสูงสุด 1300 นิตครับ

และที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือขอบหน้าจอที่บางเฉียบมากๆ โดยมีพื้นที่หน้าจอแสดงผลต่อตัวเครื่องถึง 93.4% ทำให้เรารับชมจอใหญ่ๆ ได้ภายใต้ตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่เกินไปครับ


ความไหลลื่นหน้าจอรุ่นนี้สามารถปรับ Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 144Hz ซึ่งสัมผัสได้ตั้งแต่การใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมเลย

มาดูรอบเครื่องกันหน่อย
มาดูตัวเครื่องกันต่ออีกสักหน่อยครับ ที่เหนือหน้าจอให้กล้องหน้าแบบ Punch Hole พร้อมด้วยแถบลำโพงสเตอริโอ

ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง

ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ที่ฝั่งขวา

ด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM 2 ช่อง ตามด้วยไมโครโฟนตัวที่หนึ่ง พอร์ต USB Type-C และลำโพงสเตอริโออีกตัว

ด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับปล่อยเสียงลำโพงสเตอริโอมาให้ ไมโครโฟนตัวที่สอง เซ็นเซอร์ IR และยังมีสัญลักษณ์ JBL ที่ร่วมการพัฒนาลำโพงในรุ่นนี้

และท้ายสุดจะเป็นโมดูลกล้องหลังทรง 8 เหลี่ยม พร้อมสัญลักษณ์ 50MP OIS 100X PERISCOPE

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
Android 15 พร้อม XOS 15 ฟังก์ชันเพียบ
บอกเลยว่าฟังก์ชันการใช้งานของ Infinix Note 50 Pro+ ที่แกะกล่องมาพร้อม XOS 15 นั้นมีให้ใช้งานกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะเรื่อง AI ที่ใส่เข้ามาเยอะสมควร รวมถึงความเสถียรและความไหลลื่นก็ทำได้ดีมากๆ

ลำโพงสเตอริโอคู่ Tuned by JBL
พามาดูฟีเจอร์ลำโพงกันก่อน รุ่นนี้ให้มาแบบสเตอริโอคู่ที่ปรับแต่งโดย JBL ได้เสียงกระหึ่ม และเสียงที่มีมิติมากๆ ใครที่เล่นเกมหรือชอบดูวิดีโอจะต้องชื่นชอบแน่นอน

ครบทั้งสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า
ระบบความปลอดภัยรุ่นนี้ให้มาครบทั้งการสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอที่ทำได้รวดเร็วมากๆ

รวมถึงการสแกนใบหน้าก็ทำได้เร็วและเสถียร และสามารถปลดล็อคได้ไม่ว่าเครื่องจะหันทางไหนก็ตาม

Bio-Active Halo AI Lighting ตรวจจับสุขภาพพร้อมแสดงเอฟเฟ็กต์แสงได้
ที่ด้านหลังมี Bio-Active Halo AI Lighting จะเป็นการใช้งานหลักๆ 2 อย่าง คือการตรวจจับสุขภาพ ที่เราสามารถเข้าแอปพลิเคชั่น My Health ที่ติดตั้งมากับเครื่องในการตรววจจับอัตราการเต้นของหัวใจและวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) โดยที่การทำงานก็เพียงแค่ให้เราใช้นิ้วชี้แตะเบาๆ ตรงไฟ Halo ได้เลยครับ



และการใช้งานอย่างที่ 2 คือเอฟเฟ็กต์แสงเมื่อมีการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน การชาร์จ การถ่ายวิดีโอ การเริ่มเกม หรือ Folax ครับ


มี Dynamic Bar แสดงข้อมูลบนแถบส่วนบนพร้อมควบคุมได้
รุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์ Dynamic Bar ที่จะเป็นการแสดงผลแบบเรียลไทม์เป็นแถบดำในการใช้งาน เช่น การสแกนใบหน้า การโทร การบันทึกเสียง การชาร์จ และอื่นๆ ซึ่งตรง Dynamic Bar เราสามารถกดเพื่อขยายแถบออกมาเพื่อควบคุมการทำงานได้ด้วยเช่นกันครับ



Circle to Search วงเพื่อค้นหาได้
การใช้งาน Circle to Search จาก Google ก็ใช้งานได้เช่นกัน เพียงแค่กดปุ่ม Home หรือใครที่ใช้แถบนำทาง ก็กดค้างที่แถบได้เลยเหมือนกัน จากนั้นก็แค่วงเพื่อค้นหาสิ่งที่อยู่บนหน้าจอได้เลย

ฟีเจอร์ Infinix AI∞ ใช้งานง่ายเพียงแตะครั้งเดียว !
พามาดู Infinix AI ที่เป็นผู้ช่วยของเราในเครื่องนี้กันครับ บอกเลยว่ามีให้ใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาในการใช้งานต่างๆ คือ ตัวช่วยการโทร การแปลหน้าเว็บ หรือตัวแปลสองทิศทาง รวมไปถึงการช่วยเขียนเมล การตรวจสอบภาษาด้วย AI Writng




Infinix AI ยังมีเครื่องมือสำหรับการตกแต่งภาพด้วย โดยสามารถตัดภาพวัตถุในภาพแยกออกมาจากพื้นหลังได้ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอที่มีคุณภาพต่ำกว่า 720p ให้คมชัดกว่าเดิมครับ

ทั้งนี้ หากเราต้องการถามอะไรบางอย่าง ก็สามารถกดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อเปิด Folax ผู้ช่วยของ Infinix ได้เลยทันที โดยเราสามารถพิมพ์คำถามที่ต้องการได้เลย


และหากเราเปลี่ยน Infinix AI เป็นภาษาอังกฤษ ก็จะมีการใช้งาน AI ของ DeepSeek-R1 ด้วย ทำให้เราปลดล็อคศักยภาพของ Infinix AI ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการสรุปเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ที่เปิด หรือการปรับปรุงประโยคที่เราเขียนได้เหมือนกันครับ

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิปเซ็ตตัวรองท็อป Dimensity 8350 Ultimate เร็วแรง เล่นเกมได้หมด
Infinix Note 50 Pro+ ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 8350 Ultimate เป็นชิปที่มาแบบ Octa-core ความเร็ว Clock สูงสุด 3.35GHz ทั้งยังมีขนาดเล็กเพียง 4nm เท่านั้น ซึ่งการเล่นเกมก็ทำได้ยอดเยี่ยม เปิดภาพกราฟิกได้สุดแทบทุกเกม

คะแนนการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.4.6 ได้มาที่ 1,445,203 คะแนน
- ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,216 คะแนน และ Multi-Core ที่ 4,227 คะแนน

ทดสอบเล่นเกมกัน !
เราทดสอบการเล่นเกม 3 เกมหลักๆ ให้ชมกัน โดยมีทั้งเกม PUBG Mobile ที่จับมือกับรุ่นนี้ รวมถึงเกมกราฟิกหนักๆ Genshin Impact และ ROV ครับ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าทุกเกมสามารถเปิดกราฟิกได้สูงสุดทั้งหมด และเฟรมเรทสูงทั้งหมดอีกด้วย

PUBG Mobile

การเล่นเกมนี้เราขอไม่พูดถึงเรื่องการปรับกราฟิกแล้วครับ เพราะทุกเกมเปิดได้สูงสุดแล้ว เรามาเจาะลึกในการเล่นกันเลย เกมนี้ทำได้ไหลลื่นมาก หน้าจอตอบสนองได้ไวมากๆ การเคลื่อนไหวในการหมุนหน้าจอทำได้ดีมากๆ ไม่มีการเบลอของ Motion ในการเคลื่อนที่ต่างๆ เลย ซึ่งการที่ภาพระหว่างการเล่นไม่เบลอ เพราะรองรับการเล่นได้สูงสุดถึง 120fps





Genshin Impact

ต่อมาเกมนี้จะปรับ 60fps ได้ด้วย ซึ่งการเล่นทำได้ดีมาก ไม่เจออาการกระตุก รวมถึงการปล่อยพลังเอฟเฟ็กต์หรือการต่อสู้ต่างๆ ก็ทำได้ลื่นไหล





ROV

และท้ายสุดเป็น ROV ที่เราเปิดเฟรมเรทให้ได้ชมกันด้วย ซึ่งภาพความละเอียดสูงสุดก็เล่นได้เต็มที่ เฟรมเรทนิ่งๆ 60fps แทบตลอดทั้งเกม ซึ่งนานๆ ที่จะลงมาที่ 58 – 59fps สักทีครับ





RAM รวมเพิ่มได้สูงสุด 24GB ด้วย virtual RAM
RAM ที่ให้มาในรุ่นนี้มี 12GB และเพิ่ม virtual RAM ได้สูงสุดที่ 12GB ทำให้เรามี RAM ได้รวมสูงสุด 24GB ช่วยให้การเปิดแอปและสลับแอปทำได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งแอปที่ทำงานพื้นหลังยังทำงานได้ต่อเนื่องด้วย

เแบตเตอรี่ 5200mAh ชาร์จเร็วขั้นสุด 100W All Around FastCharge 3.0 ความปลอดภัยสูง
Infinix Note 50 Pro+ ให้แบตเตอรี่มาที่ 5200mAh ซึ่งเป็นความจุที่เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันแล้วครับ หากใครที่ใช้งานทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมก็เหลือแบตกลับมาชาร์จต่อตอนค่ำๆ ด้วย ทั้งยังมีชิป Cheetah X2 เพื่อการจัดการพลังงานให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ

ยังมาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จเร็วผ่านสายถึง 100W All Around FastCharge 3.0 โดยเป็นความเร็วที่สูงมากๆ จากการทดสอบชาร์จจาก 21% ผ่านไปแค่ 2 นาทีก็ได้มาแล้ว 28% และเมื่อผ่านไป 20 นาที ก็ได้แบตถึง 70% จากนั้นเราก็ชาร์จให้เต็ม 100% รวมแล้วใช้เวลาไปเพียง 37 นาทีเท่านั้น !!






การชาร์จที่เร็วขนาดนี้ Infinix Note 50 Pro+ ก็ยังมีฟีเจอร์การป้องกันแบตเตอรี่หลายชั้น ตั้งแต่การชาร์จ Bypass ที่เมื่อเราชาร์จไปและเล่นเกมไปด้วย ระบบจะชาร์จไฟเข้าเมนบอร์ดโดยตรง (ไม่เข้าแบตเตอรี่) ทำให้เครื่องไม่ร้อน ยืดอายุแบตได้อีก ขณะที่แบตเตอรี่ก็ไม่ลดลงด้วยครับ

ในระหว่างการชาร์จ เราก็สามารถปรับความเร็วในการชาร์จได้ 3 แบบ คือ การชาร์จอุณหภูมิต่ำ ชาร์จอัจฉริยะ และชาร์จเร็ว

ใครที่ต้องการยืดอายุของแบตเตอรี่ก็สามารถป้องกันการชาร์จได้ด้วย AI ซึ่งแบตจะชาร์จถึง 80% ไปก่อน หรือใครที่ต้องการให้ละเอียดว่านั้นก็ได้เหมือนกัน โดยให้เราเลือกระดับการชาร์จสูงสุดได้เลย ตั้งแต่ 80%, 85%, 90% และ 95% ครับ

มี MagPad สามารถชาร์จไร้สายได้สูงสุด 50W MagCharge ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้มากขึ้นในแต่ละสถานการณ์ครับ และตัวแม่เหล็กก็ติดแน่นมากๆ ไม่มีหลุด

นอกจากรุ่นนี้จะชาร์จเร็วได้ทั้งผ่านสายและไร้สายแล้ว ก็ชาร์จย้อนกลับไปยังอุปกรณ์อื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นหรือหูฟัง หรืออุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สายครับ

กล้องพลัง AI คมชัด 50MP พร้อมซูมสูงสุด 100x
หลังจากที่ดูสเปคด้านระสิทธิภาพความแรงและการใช้งานทั่วไปแล้ว ก็ปิดท้ายด้วยเรื่องกล้องที่จัดเต็มไม่แพ้ส่วนอื่นเลยครับ มาพร้อมการทำงานร่วมกับ AI ให้เราถ่ายภาพได้สวย มีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ใช้งานเยอะพอสมควร รวมถึงการซูมที่มีเลนส์ Periascope ให้ใช้งานด้วย โดยเราขอสรุปสเปคกล้องไว้ให้อีกรอบสั้นๆ ตามนี้ครับ
- เลนส์หลัก 50MP, f/1.9, IMX896, 1/1.56″, OIS
- เลนส์ Ultra-Wide 8MP, 112 องศา
- เลนส์ Periscope Telephoto 3x 50MP, f/2.4 ระยะ 70 มม. , OIS
- กล้องหน้า 32MP , f/2.2

ถ่ายภาพคมชัด 50MP และปรับแต่งสีสัน จบหลังกล้อง
Infinix Note 50 Pro+ มาพร้อมเลนส์หลัก 50MP ทำงานร่วมกับ AI เป็น AI CAM ช่วยให้เราปรับแต่งภาพ สีสันให้สดมากขึ้น แสงสว่างขึ้น และเงาอัตโนมัติ จบได้หลังกล้องแบบไม่ต้องมาตกแต่งเพิ่มเติมครับ ทั้งนี้เรายังสามารถถ่ายในระยะ 2x ได้แบบไม่เสียรายละเอียดด้วย













ถ่ายภาพอารมณ์ต่างๆ ได้หลากหลายด้วย Street Mode
นอกจากโหมด AI ปกติแล้ว ก็ยังมาพร้อม Street Mode ที่เปลี่ยนอารมณ์ของภาพต่างๆ ได้เลย ซึ่งจะเป็นฟิลเตอร์อีก 4 แบบ ได้แก่ มีชีวิตชีวา วินเทจ ขาวดำ และเวลา












Ultra-Wide มุมกว้าง 112 องศา เก็บได้ครบ
เลนส์มุมกว้างที่ให้มาอยู่ที่ 112 องศา ซึ่งเป็นระยะที่ไม่กว้างเกินจนทำให้ขอบภาพบิดเบี้ยว แต่ก็ยังมีให้เราเก็บภาพได้ครบทุกอง์ประกอบ ส่วนเรื่องความละเอียดอาจจะยังไม่เท่าเลนส์หลัก ด้วยความละเอียดที่ให้มา 8MP ครับ









ถ่ายภาพบุคคลได้สวย ปรับแต่งได้ธรรมชาติ ถ่ายได้หลายระยะ
โหมด Portrait ก็ทำได้ดีเกินคาด สามารถปรับแต่งความบิวตี้บนใบหน้าและการปรับแต่งร่างกายให้ผอมลงได้ด้วย ซึ่งการปรับแต่งทั้งหมดนี้ทำได้เป็นธรรมชาติ ไม่เวอร์เกินไป ซึ่งระยะการถ่ายก็มีให้เราเลือกตั้งแต่ 1x, 2x และ 3x ครับ

















Periscope Telephoto ซูมไกลสุดถึง 100x
เลนส์ซูม Periscope Telephoto ถ่ายภาพในระยะไกลได้ โดยสามารถซูมออปติคอลได้ที่ 3x (70 มม.) แถมยังซูมได้ไกลอีก 6x (140 มม.) เป็นแบบดิจิทัลไม่เสียรายละเอียด และหากไม่จุใจก็สามารถซูมได้สูงสุดถึง 100x เลยครับ



















Studio AI ลบวัตถุได้ง่ายๆ แค่ไม่กี่คลิก
Infinix Note 50 Pro+ ยังมี AI ให้ใช้งานในการแก้ไขรูปภาพด้วยครับ โดยจะเป็น Studio AI ลบวัตถุหรือบุคคลตามที่เราวงได้ทั้งหมด ซึ่งการลบนี้ก็มีความเนียนมากๆ สามารถลบและแแต่งเติมภาพได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ด้วย !!


ตัวอย่างภาพต้นฉบับ (ซ้าย) และภาพหลังใช้ Studio AI (ขวา)






มาพร้อม Macro ถ่ายระยะใกล้ได้ด้วยเลนส์ Tele
นอกจากจะใช้เลนส์ Periscope Telephoto ในระยะไกลๆ ได้แล้ว ก็ยังมีให้เราถ่าย Macro ได้เหมือนกัน โดยระยะ Macro 5x จะช่วยให้เราถ่ายวัตถุได้ใกล้ๆ ไม่ต้องเดินไปหาวัตถุ ซึ่งระยะ 5x จะโฟกัสที่ความไกล 25 ซม. ส่วนระยะ 1x และ 2x ของ Macro จะใช้เลนส์ Ultra-Wide ที่สามารถถ่ายได้ใกล้สุดในระยะ 10 ซม. ครับ






กล้องหน้า 32MP ถ่ายชัดและสวยธรรมชาติ
สายเซลฟี่น่าจะถูกใจแน่นอนในรุ่นนี้ ด้วยกล้องความคมชัดสูง 32MP ปรับละลายฉากหลังได้เนียน พร้อมการปรับแต่งความสวยบนใบหน้าได้เป็นธรรมชาติ








สรุปการใช้งาน Infinix Note 50 Pro+
Infinix Note 50 Pro+ เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่ให้สเปคมาแบบเกินราคาจริงๆ ตั้งแต่ดีไซน์ที่ได้ความพรีเมียม สวยงาม และดูเรียบหรู แบตใหญ่ 5200mAh ชาร์จเร็วถึง 100W ให้หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว ใหญ่เต็มตา ไหลลื่นทุกสัมผัส 144Hz อีกด้วย อีกอย่างที่ต้องพูดเลยคือชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 Ultimate ด้วยราคานี้ก็ถือว่าใส่มาให้แบบคุ้มๆ เล่นทุกเกมบนสมาร์ทโฟนได้แบบไหลลื่น แถมปรับสุดได้อีกด้วย ทั้งนี้ กล้องที่ให้มาก็ใช้งานได้จริงทุกเลนส์และทุกระยะ จบหลังกล้องได้หายห่วง นอกจากนี้ก็ยังได้ Infinix AI ที่แทบจะอยู่ในทุกส่วนของระบบการใช้งานให้ใช้งานได้จริง

สรุปราคา Infinix Note 50 Pro+
Infinix Note 50 Pro+ มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Titanium Grey, Enchanted Purple และ Racing Edition โดยมีควาจุเดียวคือ 12GB + 256GB ที่ราคาเพียง 13,999 บาท วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ 29 เมษายน 2568
ราคาโปรชันตั้งแต่ 29 เม.ย. – 7 พ.ค. 2568 ของรุ่น NOTE 50 Pro+ 5G+ เริ่มต้น 12,499 บาท พร้อมรับฟรี MagPad + MagCase + NOTE 50 Series Gift มูลค่าสูงสุด 3,198 บาท
- Shopee : https://cutt.ly/MrhOErv6
- LazMall: https://s.lazada.co.th/a.0RPL
- TikTokShop: https://cutt.ly/orhORf11

เรื่องน่าสนใจเพิ่มเติม: