Connect with us

Smart Review

รีวิว HUAWEI Mate 50 Pro การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ “สมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุด” ด้วย Ultra Aperture f/1.4 พร้อมเทคโนโลยี XMAGE สุดจัดเต็ม !!

Published

on

รีวิว HUAWEI Mate 50 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก HUAWEI ที่กลับมาทวงบัลลังก์ “สมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุด” อีกครั้งด้วยเทคโนโลยีกล้องที่อัปเกรดมาขั้นสุดทั้ง Ultra Aperture ปรับรูรับแสงได้จริง 10 ระดับตั้งแต่ f/1.4 – f/4, เทคโนโลยี XMAGE เสริมคาแรคเตอร์ให้เด่นชัดตามสไตล์ HUAWEI, กล้อง 3 ตัวครบระยะที่ซูมได้สูงสุด 100x และสเปคอื่น ๆ ที่โดดเด่นอีกมาก!

หลังจากเราได้ลองใช้งานมากกว่า 1 สัปดาห์เต็ม วันนี้จะมารีวิวถึงความอลังการในการกลับมาของ Camera King รุ่นล่าสุดจาก HUAWEI นี้กัน พร้อมแล้วติดตามครับ!

สรุปสเปค HUAWEI Mate 50 Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.1 x 75.5 x 8.5 มม.
  • น้ำหนัก : 205 กรัม
  • หน้าจอ : OLED 10-Bit 10.7 พันล้านสี ขนาด 6.74” ความละเอียด 2616 x 1212 พิกเซล
  • Refresh rate : 120Hz
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 1 4G Octa-core 2.84GHz (5nm)
  • GPU : Adreno 730
  • RAM : 8GB
  • ROM : 256GB
  • แบตเตอรี่ : 4700mAh
  • ระบบชาร์จ : HUAWEI SuperCharge 66W
  • กล้องหน้า : 13MP f/2.4 มุมกว้าง 100º
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 50MP กล้องหลัก Ultra Aperture f/1.4 – f/4, OIS
    • 13MP กล้อง Ultra-Wide Angle f/2.2
    • 64MP กล้อง Tele 3.5X f/3.5, OIS รองรับ AF
  • ระบบปฏิบัติการ : EMUI 13

แกะกล่อง HUAWEI Mate 50 Pro

ก่อนจะไปเข้าเรื่องเราขอมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์กันก่อนดีกว่า HUAWEI Mate 50 Pro ยังมาพร้อมกับกล่องสีดำตัดด้วยตัวหนังสือสีทองตามฉบับของ Mate Series ที่ด้านหน้าก็มีระบชื่อรุ่นไว้ชัดเจน พร้อมโลโก้ HUAWEI AppGallery หรือก็คือใช้ระบบ HMS นั่นเองครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่องที่นอนคว่ำอยู่ในซองสีดำเพิ่มความหรูหราและดูน่าค้นหาเข้าไปอีก แอบบอกก่อนว่าเครื่องที่เราได้มาเป็นสีดำด้วย ส่วนตัวเครื่องเดี๋ยวไว้มาดูกันอีกทีเนาะ

ชั้นถัดลงไปจะเจอกับอุปกรณ์เสริมที่ให้มา ซึ่ง HUAWEI ก็ยังไม่ได้ตัดอะไรออกไป ทั้งเคสซิลิโคนใส, สายชาร์จหรืออะแดปเตอร์ยังมีมาให้ในกล่องทั้งหมด อุ่นใจได้ว่าซื้อมาแล้วก็พร้อมใช้งานไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออะไรเพิ่มเนาะ

เบ็ดเสร็จอุปกรณ์ในกล่องของ HUAWEI Mate 50 Pro ก็จะมีด้วยกัน 5 อย่างประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro
  • เคสซิลิโคนใส
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • สายชาร์จ
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไว 66W

ดีไซน์ที่คุ้นเคยกับความสมมาตรที่ลงตัว

เอาล่ะ! ได้เวลายลโฉม HUAWEI Mate 50 Pro กันแบบชัด ๆ แล้วครับ รุ่นนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ Mate Series ได้เป็นอย่างดีคือความสมมาตรที่ยอดเยี่ยม ถ้าเราดูจากด้านหลังจะเห็นได้เลยว่าฝั่งซ้าย-ขวาของตัวเครื่องจะเท่ากันทั้งหมด การวางตำแหน่งกล้องก็อยู่ตรงกลางและมีวงกลมของเลนส์กล้อง + เซ็นเซอร์ที่เท่ากันเป๊ะ ไม่ทิ้งน้ำหนักไปทางซ้ายหรือขวามากเกินไป

ดีไซน์กล้องยังคงใช้วงกลมอันโดดเด่นเหมือนเดิม ตัวเครื่องสีดำจะมีการตัดขอบด้วยสีทองที่เพิ่มความหรูหราอย่างชัดเจน นอกจากนี้ตัวกรอบยังเสริมด้วยลวดลาย Clous de Paris มีลักษณะเหมือนพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมปลายแหลม เรียงต่อเนื่องเป็น Pattern ซึ่งนับเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางของยุโรปมีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส มักถูกนํามาใช้ในครื่องประดับหรูหราระดับไฮเอนด์ เช่น นาฬิกาข้อมืออย่าง Patek Philippe, เครื่องเพชรพลอย และเครื่องประดับอื่นๆ

ตัวเลนส์กล้องของ HUAWEI Mate 50 Pro จะให้มา 3 ตัวความละเอียดสูงจัดเต็มแบบสุด ๆ พร้อมเซ็นเซอร์ Laser Autofocus รวมเป็น 4 วงอยู่ตรงกลางให้ความสมมาตรอย่างที่บอก และถ้ามองดี ๆ ก็เหมือนดวงดาวที่ลอยอยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศอันน่าค้นหาอยู่ด้วยเนาะ ซึ่งตรงนี้ HUAWEI ใช้ชื่อเรียกโมดูลกล้องแบบสวย ๆ ว่า Space Ring Design นั่นเองครับ

สำหรับสีดำของ HUAWEI Mate 50 Pro นั้นจะเป็นผิวสัมผัสแบบมันวาวที่สะท้อนได้แบบสุด ๆ เราสามารถใส่ส่องหน้าเป็นกระจกได้เลย ตรงนี้มอบความหรูหราได้ดีมาก แต่ก็ไม่วายติดในเรื่องของคราบรอยนิ้วมือได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งถ้าใช้งานแบบไม่ใส่เคสก็คงต้องสละเวลามาคอยเช็ดกันบ่อยหน่อยเพื่อให้เครื่องสวยหรูอยู่ตลอดเวลา แต่โชว์ดีที่ในกล่องมีเคสติดมาให้ด้วย ก็แก้ขัดในเรื่องนี้ไปได้อยู่ล่ะครับ

นอกจากจะมองดูสมมาตรแล้ว พอได้จับถือก็ยังรู้สึกถึงความสมมาตรและลงตัวเป็นอย่างดีด้วยความโค้งที่เท่ากันของด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้เวลาเราจับถือนั้นเข้ามือเอามาก ๆ องศาของความโค้งหน้าจอก็ปรับกลับไปเป็นแบบ 3D ปกติแล้ว ไม่ใช่จอ Waterfall แบบ 2 รุ่นก่อน (Mate 40 Pro, Mate 30 Pro) ทำให้นึกถึงบอดี้ของ Mate 20 Pro เอามาก ๆ เลยล่ะครับ

หน้าจอพร้อมรอยบากที่คุ้นเคย

ไหน ๆ ก็พูดถึงหน้าจอแล้ว ขอพลิกมาดูที่ด้านหน้ากันเลยดีกว่า อย่างที่บอกว่าจอของ HUAWEI Mate 50 Pro นั้นมีความคล้ายกับ Mate 20 Pro มาก ๆ พอได้เห็นเต็ม ๆ ยิ่งรู้สึกได้เลย เพราะนอกจากความโค้งที่ลดลงแล้ว ยังเป็นการกลับมาของรอยบากด้านบนอีกครั้ง หลังจากที่เปลี่ยนไปใช้หน้าจอรูมาหลายรุ่น

ซึ่งการกลับมาใช้หน้าจอแบบรอยบากนี้ก็คือการกลับมาใช้เซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3D ด้วยเช่นกัน ทำให้การสแกนใบหน้าจาก HUAWEI Mate 50 Pro นั้นมีความแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเองครับ

จอ OLED 6.74″ พร้อมเทคโนโลยีจัดเต็ม

ในส่วนของสเปคหน้าจอ Mate 50 Pro ใช้จอ OLED โค้งขนาดใหญ่ 6.74″ ความละเอียด 2616 x 1212 พิกเซล ใหญ่เต็มตาคมชัด แถมในเรื่องของสีสันก็แสดงผลได้ที่ 10-Bit 1.07 พันล้านสี รองรับค่าสี DCI-P3 100% ให้ความสมจริงและอลังการอย่างมาก

อย่างที่บอกว่าหน้าจอของ HUAWEI Mate 50 Pro เป็นแบบโค้ง 2 ด้าน (ซ้าย-ขวา) ทำให้น่าสัมผัส ยิ่งใช้งานร่วมกับคำสั่ง Navigation Gesture ด้วยแล้วยิ่งลงตัว เวลาเราจะปาดจากมุมจอเพื่อย้อนกลับก็ให้ความสมูทที่มากกว่าหน้าจอแบบแบนทั่วไป แถมรุ่นนี้ยังรองรับ Refresh rate สูงถึง 120Hz อีกต่างหาก มอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลสมกับเป็นเรือธงจริง ๆ ล่ะครับ

ดีไซน์ที่โค้งมนไปทั้งเครื่อง

นอกจากด้านหน้า-หลังจะโค้งไปหมดแล้ว องค์ประกอบโดยรวมของตัวเครื่องก็มีความโค้งไปหมดด้วยเช่นกันทั้งด้านบน-ล่างตัวเครื่องจะเป็นโค้งไปเลย ไม่ตัดเหลี่ยม ทำให้เวลาเราเอานิ้วไปลูบโดนจะมีความเนียนมือเป็นอย่างดี ที่ด้านบนจะมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนและ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทครับ

ส่วนด้านล่างก็เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C พร้อมไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่องซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนาด้านบนเพื่อเป็นลำโพง Stereo ได้เหมือนเดิม และเสียงก็ดีมาก ๆ ด้วยครับ

ช่องใส่ซิมของ HUAWEI Mate 50 Pro ก็จะอยู่ที่ด้านล่างนี้เช่นกัน ถาดซิมเป็นแบบ Dual-SIM และยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกของ HUAWEI เองที่ชื่อ NM Card ได้ด้วย ใครที่เคยใช้ตั้งแต่สมัย Mate 20 Series มาถึงรุ่นนี้ก็เอาข้อมูลมาใช้งานต่อได้นะ

ปุ่มกดของ HUAWEI Mate 50 Pro ยังวางไว้ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด แบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power ซึ่งรอบนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ปุ่ม Power ที่มีแถบสีแดงเหมือนเดิม เสริมความเป็น HUAWEI ได้แบบสวย ๆ เลย

กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ด้วย

อีกเรื่องที่เรือธงยุคนี้ให้มากันหมดแล้วก็คือมาตรฐานกันน้ำ บน HUAWEI Mate 50 Pro ก็มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำตามมาตรฐาน IP68 ลงน้ำลึกได้ 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที ช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางน้ำ น้ำหกใส่ ฝนตก หรือกระทั่งเผลอทำหล่นน้ำไป ก็ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะพังเอาง่าย ๆ แค่ทำความสะอาดและทำให้เครื่องแห้งก็ใช้งานต่อได้แล้วครับ

โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ต้องบอกว่าเป็นความลงตัวแบบที่สมมาตรสะท้อนความเป็น Mate Series ได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ Space Ring Design ที่สวยเป็นเอกลักษณ์ ความใหญ่เต็มตาของหน้าจอถึง 6.74″ แต่ยังคงถือใช้งานได้ดีด้วยน้ำหนักที่พอดีเพียง 205 กรัม ความโค้งมนของบอดี้ หน้าจอที่กลับมาลงตัวที่ 3D และรอยบาก ที่ทำให้เราหายคิดถึงความลงตัวที่ดีที่สุดจากตอน Mate 20 Pro จริง ๆ ครับ

การกลับมาของ “สมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุด” กับเทคโนโลยีที่เหนือใคร

เรื่องต่อไปที่เราจะพูดต่อจากดีไซน์ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากไฮไลท์อย่างเรื่องกล้อง HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวที่ยกเครื่องใหม่หมดพร้อมเทคโนโลยีใหม่เหนือใคร มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย

  • กล้องหลัก Ultra Aperture ความละเอียด 50MP รูรับแสงปรับได้ f/1.4 – f/4 พร้อม OIS
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13MP f/2.2 พร้อมใช้งานเป็น Macro
  • กล้อง Tele 3.5X ความละเอียด 64MP f/3.5 พร้อม OIS

จะเห็นว่ากล้องของ HUAWEI Mate 50 Pro นั้นให้มาแบบจัดเต็มมาก ครบทุกช่วงตั้งแต่ Wide, Ultra Wide มุมกว้าง 120º หรือจะซูมก็ได้แบบ Optical 3.5X และยังสามารถซูมได้สูงสุดที่ 100X อีกด้วย แต่ความพิเศษจริง ๆ ไม่ใช่แค่ระยะของภาพจากฮาร์ดแวร์อย่างเดียวหรอกครับ เพราะรอบนี้ HUAWEI ใส่ระบบกล้อง Ultra Aperture XMAGE ใหม่! ที่ได้รับการพัฒนาใน 4 ส่วนสำคัญหลัก ๆ ได้แก่ ระบบรูรับแสง Optical, โครงสร้างทางกลไก, เทคโนโลยีการนรับภาพ และการประมวลผลภาพ การซูมแบบ Optical zoom ครอบคลุมช่วงระยะโฟกัสที่หลากหลาย ช่วยให้เราเจาะลึกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยน้อย (Macro) หรือถ่ายภาพในระยะที่ไกลกว่า (Telephoto) ได้โดยไม่สูญเสียความคมชัดอีกด้วย

กล้อง Ultra Aperture ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนที่สามารถปรับรูรับแสงจริงได้ถึง 10 ระดับ

เราขอเริ่มด้วยกล้อง Ultra Aperture ก่อนเลย HUAWEI Mate 50 Pro จะมีค่ารูรับแสงที่กว้างสุดถึง f/1.4 ถือว่ากว้างที่สุดบนตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้วก็ว่าได้ครับ ซึ่งค่ารูรับแสงที่กว้างนี้จะเข้ามาช่วยรับแสงที่มากกว่าเดิม เก็บภาพกลางคืนได้ดีขึ้น รวมถึงละลายฉากหลังได้มากกว่าด้วย

แต่แค่รูรับแสงกว้างที่สุดยังไม่ใช่เทคโนโลยีเดียวที่ HUAWEI ใส่มาในกล้องหลักของ Mate 50 Pro ทีเด็ดของรุ่นนี้คือเรายังสามารถปรับค่ารูรับแสงได้จริงแบบ Optical ถึง 4 ระดับคือ f/1.4, f/2, f/2.8, f/4 (ในโหมด Aperture) และ 10 ระดับ f/1.4, f/1.6, f/1.8, f/2.0,f/2.2, f/2.5, f/2.8, f/3.2, f/3.5, f/4 (ในโหมด Pro) ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนที่เราสามารถเลือกปรับค่ารูรับแสงได้เองมากขนาดนี้ (ก่อนหน้านี้เคยมีแค่ 2 ระดับ) ซึ่งเมื่อเราปรับค่ารูรับแสงจริงจะเห็นได้เลยว่าที่ตัวเลนส์จะมี Blade ย่อ-ขยายตามความกว้างของค่ารูรับแสงเลยล่ะ

แล้ว…ในเมื่อมีค่ารูรับแสงกว้างแล้วจะมีแคบกว้างไปทำไมล่ะ ?

ใช่ครับอย่างที่บอกไปว่าค่ารูรับแสงหรือค่า f ตัวเลขยิ่งน้อยก็เท่ากับรับแสงได้มาก ภาพจะสว่างขึ้นรวมถึงมีผลต่อระยะชัดของภาพ การที่เรามี f/1.4 ใช้งานตลอดก็เหมือนจะดีในภาพแสงน้อยถูกไหมครับ แต่ถ้าเราจะถ่ายภาพในที่แสงมากหรืออยากได้ภาพที่ชัดขึ้นในหลายระยะล่ะ ? นี่แหละครับคือแนวคิดที่กล้องของ Mate 50 Pro สามารถปรับระยะได้นั่นเอง เพราะออกแบบมาให้ครบคลุมทุกรูปแบบการถ่ายภาพ อาทิ ถ้าเราต้องการถ่ายภาพ Portrait ที่ฉากหลังละลายเยอะ ๆ ควรปรับตั้งค่า F น้อย ประมาณ F1.4 – F1.8 ก็จะทำให้เราโฟกัสคนได้เด่นมากขึ้น ฉากหลังละลายทำให้คนเด่นขึ้นมา แต่ถ้าเราอยากได้ให้ภาพชัดทั้งภาพ หรือชอบถ่ายภาพแนว Landscape ก็ควรปรับตั้งค่า F มาก หรือประมาณ F4 ทั้งฉากหน้าและฉากหลังก็จะชัดทั้งคู่ ทำให้ได้ภาพชัดทั้งภาพนั่นเองครับ

มีโหมด Aperture ไว้ให้เราเลือกปรับค่า F โดยเฉพาะ

ซึ่งทั้งหมดที่ว่านี้เราสามารถเลือกปรับค่า F ได้เองจากโหมด Aperture ที่ HUAWEI ใส่มาในแอปกล้องอยู่แล้ว เชื่อว่าหลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟน HUAWEI มาก่อนคงคุ้นชินกับโหมดนี้อยู่แล้ว เพราะใส่มาตั้งแต่รุ่นที่มีกล้องคู่แรก ๆ เลยนั่นแหละ แต่ตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นการปรับค่า F ผ่านซอฟต์แวร์คือให้ AI ปรับระดับความเบลอให้ แต่พอ Mate 50 Pro มี Ultra Aperture ที่สามารถปรับได้จริงแบบ Optical แล้ว ในโหมดนี้จึงมีตัวเลือก Physical Aperture เข้ามาให้เราเลือกปรับค่า F ได้เองเลยในโหมดนี้ครับ

อย่างที่บอกว่าค่า F ที่ต่างกันก็จะส่งผลต่อการละลายฉากหลังที่ต่างกันด้วย เราเลยลองถ่ายเปรียบเทียบให้เห็นภาพสักหน่อยว่าแต่ละระดับแตกต่างกันแค่ไหน เท่าที่ลองก็จะเห็นได้ชัดเลยว่า Bokeh หรือฉากหลังจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละค่า F จริง ๆ ยิ่งถ้าถ่ายวัตถุใกล้หน่อยจะเห็นเลยว่าฉากหลังละลายมาก-น้อยไปตามค่า F จริง ๆ ครับ

แต่สำหรับใครที่ชอบใช้การละลายเพิ่มเติมผ่านซอฟต์แวร์แบบรุ่นก่อน บน Mate 50 Pro ก็ยังมี Virtual Aperture มาให้เราเลือกใช้เหมือนเดิมครับ ตรงนี้จะเห็นว่าเราสามารถปรับค่า F แบบจำลองได้ตั้งแต่ f/0.95 – f/16 กันเลยทีเดียว (ย้ำนะครับแบบจำลอง) ซึ่งหมายความว่าการเบลอฉากหลังจะเว่อวังกว่าแบบ Physical Aperture หรือแบบจริง ๆ อยู่แล้ว อย่างในภาพเปิด f/1.4 เท่ากันจะเห็นว่าแบบ Virtual Aperture นั้นเบลอได้หนักมากฉากหลังหายไปเลย แต่ถ้าแบบ Physical Aperture ก็พอเบลอได้เยอะอยู่แต่จะไม่เว่อเท่ากับแบบก่อนหน้าเนาะ

และในการตั้งค่าแบบ Virtual Aperture นั้นแท้จริงแล้วจะใช้ f/1.4 แบบจริง ๆ นี่แหละ แต่ปรับแต่งละลายฉากหลังเพิ่มเติมด้วยซอฟต์แวร์อีกที เพราะเมื่อเราปรับค่า F ไปที่ f/16 ก็ยังเห็นการละลายแบบจริง ๆ อยู่ ครับ แต่ความดีของ Virtual Aperture หรือรูรับแสงจำลองก็คือเราสามารถมาเลือกปรับความเบลอได้เพิ่มเติมที่หลังได้ด้วยนั่นเอง (ก็เบลอผ่านซอฟต์แวร์นี่เนอะ)

หรือถ้าใครที่คิดว่าค่า F แค่ 4 ระดับยังน้อยไปใน บนโหมด Pro จะเพิ่มความสามารถให้เราได้เลือกปรับค่า F มากขึ้นเป็น 10 ระดับ f/1.4, f/1.6, f/1.8, f/2.0,f/2.2, f/2.5, f/2.8, f/3.2, f/3.5, f/4

โดดเด่นตามสไตล์ XMAGE บุกเบิกมิติใหม่ของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนอย่างเต็มรูปแบบ

จบในเรื่องฮาร์ดแวร์สุดเจ๋ง Ultra Aperture Camera ไปแล้ว มาต่อกับอีกเรื่องที่ HUAWEI นำเสนออย่างหนักก็คือ “XMAGE” ซึ่งเป็นโลโก้เฉพาะของ Huawei Mobile Photography เพื่อประกาศความเป็นผู้นําด้านการถ่ายภาพและยังแสดงถึงความก้าวหน้าและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ทีมวิจัยด้านโทนสีของหัวเว่ยประกอบด้วยศูนย์วิจัย 7 แห่ง และสาขาการวิจัย 8 แห่งทั่วโลก ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมผลงานมากกว่า 3.3 ล้านตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่ถ่ายโดยโทรศัพท์มือถือหัวเว่ยจากการประกวด NEXT IMAGE เพื่อนำมาศึกษาพัฒนาสร้างเอกลักษณ์สไลต์โทนใหม่สีสำหรับแบรนด์ XMAGE

มีฟิลเตอร์ XMAGE ให้เลือก 3 แบบเหมือนเดิม

นอกจากเรื่องระบบการประมวลผลภาพ XMAGE ที่ยอดเยี่ยมแล้ว HUAWEI ยังมีตัวเลือกของฟิลเตอร์ฉบับ XMAGE ให้เลือกอีก 3 แบบคือ Original (ต้นฉบับ), Vivid (สีสด), Bright (สว่าง) ซึ่ง 3 สไตล์นี้จะเข้ามาช่วยให้ภาพเรามีคตาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป ใครที่ชอบสไตล์สีสดหน่อยก็ไป Vivid ได้เลยภาพจะมีความอิ่มขึ้น หรือชอบแนวสว่างกว่าเน้นถ่ายคนที่ต้องการสกินโทนขาวก็เลือก Bright ได้ แต่ถ้าไม่อยากปรับแต่งอะไรเพิ่มก็เป็น Original ไปครับ

ลายน้ำใหม่ มีให้เลือก 2 แบบ

HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมรูปแบบลายน้ำ 2 แบบคือ แบบที่ 1ใส่ไว้ในภาพแบบรุ่นก่อน ๆ เลยจะเป็นคำว่า HUAWEI Mate 50 Pro | XMAGE และแบบที่ 2 คือเป็นแถบคาดด้านล่างเพิ่มอัตราส่วนของภาพขึ้นมาอีกหน่อย พร้อมระบุชื่อรุ่นและตรา XMAGE อีกเช่นกัน ตรงนี้แล้วแต่ความชอบเลยเนอะ แต่ในรีวิวนี้เราจะเลือกเป็นแบบที่ 2 เพราะจะได้เห็นภาพแบบเต็ม ๆ โดยไม่มีลายน้ำไปทับภาพเนาะ

โหมด Auto เลือกปรับค่า F ให้เองตามสถานการณ์

คุยเรื่องทฤษฎีไปเยอะแล้ว ได้เวลามาลองถ่ายจริงจัง พร้อมโชว์ตัวอย่างภาพถ่ายระยะต่าง ๆ ของกล้อง HUAWEI Mate 50 Pro กันแล้วครับ แต่เราขอเสริมในเรื่องการใช้งานกันอีกนิด อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้มาพร้อมค่ารูรับแสงที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย แต่ในการใช้งานทั่วไปเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่อยากมานั่งปรับเอาเองทุกรูปหรอกเนาะ ตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะในโหมด Auto ปกติ ระบบจะสามารถปรับรูรับแสงอัตโนมัติใน 4 ระดับ (f/1.4, f/2, f/2.8, f/4) ตามสถานการณ์ เช่น ในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน รูรับแสงกว้างจะเพิ่มปริมาณแสงเข้าทำให้ทั้งภาพสว่างขึ้น หรือเมื่อถ่ายภาพหมู่ในเวลากลางวันรูรับแสงจะปรับขนาดเล็กเพื่อจับภาพใบหน้าของทุกคนได้อย่างคมชัด 

ซึ่งเท่าที่เราได้ลองมาจริง ๆ ก็บอกได้เลยว่าคุณภาพกล้องนั้นยอดเยี่ยมสมกับเป็น HUAWEI จริง ๆ ครับ ภาพที่ออกมาไว้ใจได้ตามที่คุยไว้เลย ทั้งโทนสี ความคมชัด หรือ Dynamic Range การมีค่า F ที่ปรับได้หลากหลายก็ช่วยให้เราได้ภาพที่ดีขึ้นไปอีก อย่างที่อธิบายไว้ด้านบนว่าในแต่ละสถานการณ์ก็จะใช้ค่า F ที่แตกต่างกันไป ทีนี้จะแสงมาก แสงน้อยกล้องก็เอาอยู่ทั้งหมดจริง ๆ ครับ และนี่คือตัวอย่างภาพจากกล้องหลักของ HUAWEI Mate 50 Pro ครับ

กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120º เก็บรายละเอียดครบ

มาต่อที่กล้อง Ultra Wide แม้กล้องตัวนี้จะไม่สามารถปรับค่า F ได้แบบกล้องหลัก แต่ HUAWEI ก็ให้ f/2.2 มาเลย เพียงพอต่อการใช้งานทั้งแสงมากและแสงน้อย มุมก็กว้างถึง 120° แล้ว ช่วยให้เราเก็บภาพวิวได้กว้างถึงใจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องตัวนี้บอกเลยว่าถูกใจสาย Landscape แน่นอนครับ กว้างได้ที่แถมความละเอียดและคุณภาพระดับ 13MP ก็น่าประทับใจ ได้ AI ที่เก่งกาจปรับภาพอีกหน่อยก็ใช้งานได้ทันทีหลังกล้อง

มีกล้อง Periscope ซูมไกลสุด 100x

มาพูดถึงระยะไกลกันบ้าง HUAWEI Mate 50 Pro ได้กล้อง Periscope ความละเอียด 64MP มีระยะ Optical ที่ 3.5x และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดที่ 100x เลยด้วย ใครที่ชอบซูมระดับกลางไปถึงสูง ๆ ถูกใจแน่นอน เท่าที่เราทดสอบมาจริง ๆ ในระยะ 3.5x – 10x บอกเลยว่าใช้งานได้จริง รายละเอียดดีมาก มี AI คอยปรับภาพหลังจากถ่ายเพิ่มเติมด้วย

Portrait 3 ระยะ เอฟเฟกต์จุใจ

ต่อมาเป็นโหมดถ่ายบุคคลหรือ Portrait บน HUAWEI Mate 50 Pro ยังให้เราเลือกระยะของภาพได้ 3 ระยะคือ 1x, 2x, 3x เหมือนเดิม พร้อมเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังแบบเพียบทั้ง วงกลม, รูปหัวใจ หรือ Photobooth ต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้ช่วยให้เราได้ภาพ Portrait สวย ๆ แบบจบหลังกล้องได้ง่ายเลย คุณภาพในการตัดขอบก็ถือว่ายอดเยี่ยมมีอัลกอริทึมซอฟต์แวร์เอฟเฟกต์โบเก้มีความแม่นยําและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ถ่ายภาพกลางคืนเก็บรายละเอียดได้คมชัด 

มาต่อในเรื่องภาพกลางคืนหรือแสงน้อย HUAWEI Mate 50 Pro ก็มอบรายละเอียดที่คมชัด สีสันสดใส และคอนทราสต์แม่นยำ ด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่พิเศษ f/1.4 และเซ็นเซอร์ RYYB ในกล้องหลัก 50MP Ultra Aperture รับแสงมากขึ้น 24% ทํางานได้อย่างราบรื่นกับเอ็นจิ้นภาพ XD Fusion Pro และ XD Optics เพื่อรักษาความสว่างและความคมชัดช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพที่มีแสงน้อยและภาพกลางคืนที่ยอดเยี่ยม ผลโดยรวมชัดเจนและสดใส ส่วนแสงจะไม่สว่างมากเกินจนกลายเป็นสีขาวและส่วนที่มืดยังคงมีรายละเอียดครบถ้วน

กล้องหน้า True-Chroma มุมกว้างสูงสุด 100°

สำหรับกล้องหน้าของ HUAWEI Mate 50 Pro ได้กล้อง True-Chroma ความละเอียด 13MP และมีมุมกว้างพิเศษตั้งแต่ 78º ถึง 100° ช่วยให้เราได้ภาพที่กว้างกว่าที่เคย ในแอปกล้องจะมีให้เราเลือก 3 ระยะเลยคือ 1x, 0.8x หรือ Wide ซึ่งคุณภาพก็ถือว่ายอดเยี่ยมครับ มุมกว้างแบบถูกใจมาก ๆ ใครที่ชอบเซลฟี่กลุ่มหรือเก็บภาพวิวไปด้วย ไม่ผิดหวังแน่นอน แถมรายละเอียดของภาพและ Dynamic Range ก็ไม่น้อยหน้ากล้องหลังเลยด้วย

วิดีโออัดฟีเจอร์ใหม่ ลูกเล่นเพียบ!

เห็นภาพนิ่งได้ภาพที่สวยและเก่งขนาดนั้น ในโหมดวิดีโอก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะจัดฟีเจอร์ใหม่ ๆ พร้อมลูกเล่นมาเพียบจริง ๆ ประกอบด้วย

  • Large Aperture Video Blur ยกระดับการเบลอผ่านการถ่ายวิดีโอโดยสามารถเขาไปที่โหมดโปรแล้วเลือกถ่ายวิดีโอโดยระหว่างการถ่ายวิดีโอสามารถปรับค่า F ได้แบบ real-time
  • Ultra HD Low-light Video ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายวีดีโอในที่ที่มีแสงน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น
  • Super Macro Video บันทึกประสบการณ์ชีวิตโดยละเอียดเช่นดอกไม้เริ่มบานวิดีโอ Marco สามารถช่วยคุณสร้างวิดีโอที่สวยงามบันทึกรายละเอียดที่มองไม่เห็นด้วยความแม่นยําที่ไม่อาจจินตนาการได้
  • Wide-angle Macro Video บันทึกรายละเอียดชีวิตของคุณด้วยวิดีโอมาโครมุมกว้างเพื่อเก็บมุมมองของรายละเอียดระยะใกล้ได้อย่างดี
  • Wide-angle Time lapse Video ถ่ายภาพ หรือ วิดีโอในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งโดยใช้การเร่งความเร็ว การถ่าย Time lapse จะเน้นการถ่ายภาพในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานที่นั้น ๆ

เรียกว่าจัดเต็มจริง ๆ เพิ่มลูกเล่นในการถ่ายวิดีโอได้อย่างหลากหลาย ใครที่ชอบถ่ายคอนเทนต์สนุก ๆ ด้วยสมาร์ทโฟน เจอฟีเจอร์ระดับนี้เข้าไปเชื่อว่าสร้างสรรค์คลิปได้หลากหลายแน่นอนครับ

จุดสังเกตจากกล้องของ HUAWEI Mate 50 Pro

เรียกว่าทั้งหมดที่ให้มาในรอบนี้ยังคงยอดเยี่ยมสมชื่อ HUAWEI จริง ๆ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอสมการกลับมาเป็นสมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย! แต่ก็จะมีจุดสังเกตจากเท่าที่ลองใช้งานมาแบบจริงจัง จะพบในเรื่องความร้อนสะสมที่เมื่อใช้งานกลางแจ้ง ถ่ายในวันที่อากาศร้อนหน่อย จะเกิดความร้อนในเครื่อง และฟีเจอร์บางอย่างจะถูกจำกัดการใช้งาน เช่นพวก HDR หรือการปรับภาพที่เคยถ่ายแล้วปรับความสว่างให้เข้ากันก็หายไป หรือจะเป็นโหมด Portrait กับ Aperture (Virtual Aperture) ฟีเจอร์ละลายฉากหลังจะหายไป เครื่องจะเตือนว่าให้ทำให้เครื่องเย็นก่อน

แต่โดยรวมแล้ว HUAWEI Mate 50 Pro ก็จัดเป็นแนวหน้าในเรื่องกล้องบนสมาร์ทโฟนแบบที่หาคู่แข่งเทียบได้ยากจริง ๆ เพราะทั้งฮาร์ดแวร์ระดับสูง ซอฟต์แวร์ที่เก่งกาจในการปรับแต่งและประมวลผล ช่วยให้เราได้ภาพที่น่าพอใจได้ง่าย ๆ จนเห็นอะไรก็อยาก Snap เก็บไว้ซะหมด ความครบช่วงที่ทำได้ดีตั้งแต่ระยะ Ultra Wide ไปจนถึง 10x ถ่ายได้คมและใช้งานได้จริงทั้งหมด โหมด Portrait ที่ตัดขอบเก่งมาก ละลายหลังสวย หรือจะเป็นวิดีโอก็ลงตัวมีลูกเล่นให้เราอยากถ่ายในแนวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก ถ้าหากจะยกให้ HUAWEI Mate 50 Pro เป็นสมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุดในตอนนี้ เราก็คิดว่าคงไม่เกินจริงไปเลยครับ!

ระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ลื่นไหล พร้อมการปรับแต่งที่หลากหลาย

มาต่อในเรื่องประสบการณ์การใช้งาน HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมระบบ EMUI 13 ที่ครอบทับอยู่บน Android 12 ใช้งานได้อย่างลื่นไหล การอัปเกรดครั้งนี้ก็มีลูกเล่นการปรับแต่งเข้ามามากมายทั้ง Smart Service Widget, Smart Folder, Stack Widgets, SuperHub มีความสามารถดังนี้ครับ

Smart Service Widget เราสามารถสร้าง Widget ให้ไอคอนแอปมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อแสดงข้อมูลหรือบริการในแอปที่ต้องการได้ เช่น Fitness and Health Service Widget สามารถแสดงข้อมูลการนับก้าวได้ที่หน้าไอคอนโดยไม่ต้องกดเข้าแอป

Smart Folder เราสามารถรวมแอปประเภทเดียวกันไว้ในโฟลเดอร์ขนาดเล็กลากและวางเพื่อสร้างขนาดที่แตกต่างกันการจัดหมวดหมู่ตามปกติมากขึ้นซึ่งช่วยให้เราค้นหาแอปที่ต้องการค้นหาได้เร็วขึ้นและสามารถเข้าถึงได้โดยตรงด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวประหยัดเวลาในการเปิดแอป และ Smart Folder บน EMUI ยังมีตัวเลือกการปรับขนาดที่มากขึ้น นอกเหนือจากอัตราส่วนการปรับขนาดก่อนหน้า 1 x 2, 2 x 2 และ 4 x 4 แล้ว เวอร์ชันใหม่ยังเพิ่ม 1 x 2, 2 x เข้ามาอีกด้วย ช่วยให้เราจัดหน้า Folder ได้หลากหลายมากขึ้นไปอีก

Stack Widgets บน EMUI 13 เราสามารถรวม Widget บนหน้าจอหลักเป็น Stack Widgets ได้แล้วในรูปแบบของ waterfall flow และสามารถดูได้โดยการปัดขึ้นและลงได้ตามต้องการเพิ่มพื้นที่หน้าจอหลักให้มากขึ้นและทําให้หน้าจอหลักของเราเป็นระเบียบมากขึ้นไปอีกด้วยนะ

SuperHub สำหรับสายทำงานที่ชอบส่งไฟล์หลาย ๆ ไฟล์ไปใช้งานเครื่องอื่น บน Mate 50 Pro ก็มีฟีเจอร์ SuperHub ที่ให้เรานำไฟล์งาน รูป วิดีโอ ที่ต้องการลากไปที่หน้าต่างลอยของ SuperHub เพื่อเก็บไฟล์ไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ไปเลือกรับไฟล์เหล่านั้นต่อจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ PC ที่ใช้บัญชีเดียวกันได้เลย สะดวกในการส่งไฟล์หลาย ๆ ไฟล์มากขึ้น ไม่ต้องมาคอยเลือกส่งทีละอย่างแล้วครับ

* คุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะในโทรศัพท์มือถือ Huawei บางรุ่นที่ใช้ EMUI 13 ขึ้นไปและ HUAWEI MateBook บางรุ่นที่มี PC Manager เวอร์ชัน 13.0.2.310 ขึ้นไป อุปกรณ์เหล่านี้ต้องเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Huawei เดียวกันเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi เดียวกันและเปิดใช้งานบลูทูธ

อย่างที่เห็นระบบใหม่อย่าง EMUI 13 นั้นมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ในการปรับแต่งได้เยอะเลยทีเดียว ช่วยให้เราจัดหน้าจอหลัก วาง Widget หรือ Folder ให้เป็นตัวเองมากขึ้นไปอีก ใครที่ชอบตกแต่งหน้าจอน่าจะถูกใจไม่น้อยเลยล่ะครับ

ยังใช้งานผ่าน HUAWEI Mobile Services (HMS)

ส่วนบริการของตัวเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro ยังคงใช้งานผ่าน HUAWEI Mobile Services หรือ HMS เหมือนเดิมคือเราจะสามารถดาวน์โหลดแอปได้จากบน HUAWEI AppGallery หรือค้นหาเพิ่มเติมเป็นไฟล์ APK มาติดตั้งจาก Petal Search ก็ได้เช่นกัน

ซึ่งปัจจุบันแอปที่มีบน HUAWEI AppGallery ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้เยอะมากแล้ว ครอบคลุมทั้งหมวดโซเชียล ความบันเทิง ธุรกรรมการเงิน ถ่ายภาพ เกม ชอปปิง และไลฟ์สไตล์ อาทิ LINE MAN, Grab, TikTok, WeTV, Major Cineplex, Free Fire, PUB G, Summoner War, Douluo Dalu, Shopee, Lazada, 7-Eleven TH, Blockdit, Comico, TrueID, KPlus, SCB Easy,เป๋าตัง และหมอพร้อม เป็นต้น พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเอกสิทธิ์ของผู้ใช้หัวเว่ยเท่านั้น

G Space ทางเลือกสำหรับคนต้องการใช้งาน Google

ส่วนการใช้งานแอปของ Google ก็ยังคงใช้ได้ผ่านแอป G Space ที่เราสามารถดาวน์โหลดได้โดยตรงผ่าน HUAWEI AppGallery ได้เหมือนเดิม ซึ่งในแอปนี้จะเป็นการจำลองพื้นที่ส่วนหนึ่งของตัวเครื่องให้เป็นพื้นที่ของ GMS เข้ามาได้ เราจึงสามารถล็อกอินเข้าใช้ Play Store รวมถึงโหลดแอปของ Google ทั้ง YouTube, Gmail, Google Drive, Maps และอีกสารพัดได้ในนี้ครับ

หรือจะเป็นผ่านแอป Lighthouse โซนมาเลเซียที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าช่วยให้เราใช้งานแอป Google ได้จริง ๆ เท่าที่เราลองก็ถือว่าสมบูรณ์ดีเลย แอปหลัก ๆ อย่าง Google Maps, Drive, YouTube, Photos ใช้ได้ทั้งหมดและเราสามารถกดเข้าจากแอปโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวครอบแบบ GSpace ทำให้ไวกว่าตอบสนองได้ดีกว่า ส่วนวิธีการใช้งานไว้เดี๋ยวเราทำเป็นบทความให้อีกทีเนาะ ตอนนี้ยืนยันก่อนว่าพอมีวิธีให้เราใช้แอป Google ผ่าน Mate 50 Pro ได้แล้วจริง ๆ ครับ

ประสิทธิภาพแนวหน้าด้วยชิป Snapdragon 8+ Gen 1

เข้าเรื่องสเปคและประสิทธิภาพกันต่อ HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 8+ Gen 1 มาพร้อมความจุ 8GB + 256GB เพียงพอต่อการเป็นเรือธงรุ่นท็อปสุดมาก ๆ แล้ว แต่จุดที่ยังไม่มีมาให้ก็คือการรองรับเครือข่าย 5G ครับ รุ่นนี้ยังคงรองรับแค่ 4G เหมือนเดิม

ในส่วนของความแรงก็ไม่ต้องพูดเยอะครับ ได้คะแนนระดับท็อปอยู่แล้ว เราทดสอบให้ผ่าน AnTuTu Benchmark ได้คะแนนไปที่ 843596 คะแนน ถูกใจสายตัวเลขแน่นอนครับ!

ส่วนคะแนนฝั่ง Geekbench ก็ออกมาสูงไม่แพ้กันได้ Single-Core ไปที่ 937 คะแนน และ Multi-Core อีก 3829 คะแนนครับ

เล่นเกมกันเลย!

ไหน ๆ ก็ทดสอบคะแนนกันแล้ว มาลงสนามจริงเล่นเกมกันดูสักหน่อยดีกว่าว่าแรงสมใจไหม ซึ่งเกมที่เราจะใช้ทดสอบเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro นี้จะมี 3 เกมประกอบด้วย Asphalt 9, PUBG และ ROV ครับ ผลเป็นยังไงมาดูกัน!

เล่น Asphalt 9 บน HUAWEI Mate 50 Pro

เริ่มที่ Asphalt 9 เกมแข่งรถภาพสวย เกมนี้เราดาวน์โหลดจาก AppGallery เลย มีการปรับจูนมาให้เข้ากับสเปคของเครื่องแน่นอน เราเลือกปรับกราฟิกได้ที่ High Quality คู่กับ 60fps ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหล ภาพก็สวยถูกใจบนจอใหญ่เต็มตาแบบนี้ เฟรมเรตในเกมนิ่ง ๆ ตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเบียดกันเต็มฉากหรือปล่อย Shockwave แสงสีพุ่งเต็ม ๆ ครับ

เล่น PUBG บน HUAWEI Mate 50 Pro

ต่อมากับ PUBG ยังคงดาวน์โหลดได้ผ่าน AppGallery เช่นกันครับ ตัวเครื่องมี 2 ระดับสูงสุดให้เราเลือกคือกราฟิก UltraHD คู่กับเฟรมเรต Ultra หรือจะเลือกเป็น HDR คู่กับเฟรมเรต Extreme ซึ่งเราต้องการทดสอบความลื่นไหลสูงสุด เลือกไปที่เฟรมเรต Extreme เพื่อที่จะได้เฟรมเรตที่ 60fps เท่าที่เราเล่นดูก็รู้สึกถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเฟรมเรตนิ่งมาก แต่ภาพสวยแสดงฉากออกมาได้กว้างใหญ่ การมีลำโพงคู่ Stereo ก็ช่วยให้เราได้ยืนเสียงที่มีมิติเหมาะกับเกมแนวนี้มาก ๆ ครับ

เล่น ROV บน HUAWEI Mate 50 Pro

และปิดท้ายที่ ROV เกมนี้เราค้นหาจาก Petal Search ดาวน์โหลดไฟล์ APK มาติดตั้ง ก็เล่นได้ปกติเลย ซิงค์ข้อมูลเกมจาก Facebook ได้หมด ระดับกราฟิกก็กับเฟรมเรตก็ปรับได้สูงสุดตามสเปคตัวท็อปอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ครับ เฟรมเรตในเกมนิ่งมาก ๆ แม้จะนัวกันหลาย ๆ ตัวพร้อมปล่อยสกิลกันสุดฤทธิ์ ดูจากตัวเลขที่มุมจอก็อยู่ที่ 60 – 61fps ตลอดทั้งเกม เรียกว่าเล่นได้หายห่วงครับ

แบตเตอรี่ 4700mAh ใช้งานได้ดีในระดับเรือธง

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ HUAWEI Mate 50 Pro ให้แบตเตอรี่มาที่ 4700mAh ในขนาดตัวเครื่องที่เพรียวบางแบบนี้ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ ในการใช้งานจริงเราพบว่าความจุเท่านี้เพียงพอเลย ใช้งานได้แบบพอดีในแต่ละวัน เรียกว่าอึดเลยด้วยในการใช้งานทั่วไป แต่หากมีการถ่ายรูปหนักหน่อย อันนี้อาจจะต้องเผื่อเวลาชาร์จไว้นิดหน่อย แต่ถ้าแบตฯใกล้หมดจริง ๆ ก็ยังมี Emergency Mode โหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำ ด้วยการทำงานระบบปฏิบัติการ EMUI 13 และเทคโนโลยี SuperEnergy Boosting เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 1% SuperEnergy Boosting จะรวบรวมพลังงานที่เหลือ ภายใต้โหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำซึ่งไม่ทำลายอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ให้เครื่องยังสามารถรองรับการสแตนด์บายได้ 3 ชม. หรือการโทร 12 นาที ในกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้งานต่ออีกนั่นเองครับ

มีชาร์จไว 66W HUAWEI SuperCharge

ในส่วนของระบบชาร์จ HUAWEI Mate 50 Pro รองรับชาร์จไวแบบมีสายด้วย 66W HUAWEI SuperCharge และชาร์จไวไร้สาย 50W เห็นชาร์จเร็วแบบนี้แต่ก็ได้ความปลอดภัยและรวดเร็ว ใช้งานหนัก ๆ มาก็กลับมาชาร์จไม่นานได้แบตฯคืนมาเยอะแล้วครับ

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ด้วยชิปเรือธงอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ที่แรงเหลือ ๆ อยู่แล้ว จะเล่นเกม ใช้งานหนัก ๆ ก็ลื่นไหล ความร้อนก็จัดการได้ดี (กว่าตอนถ่ายรูปเยอะ) เล่นเกมต่อเนื่อง 30 นาที – 1 ชม.ก็ยังอยู่ในระดับอุ่น ๆ เท่านั้น เรื่องเกมก็หาโหลดมาเล่นได้แบบไม่ยุ่งยากนักทั้งจาก AppGallery ที่มีเยอะอยู่แล้ว กับแบบ APK ที่ติดตั้งเองก็ทำได้ แบตเตอรี่ก็ให้มาเยอะถูกใจที่ 4700mAh เพียงพอในการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเน้นถ่ายรูปแบบจัดหนักอันนี้อาจจะต้องพกพาวเวอร์แบงค์หรือหาที่ชาร์จกันสักหน่อย แต่ด้วยความที่มีชาร์จไวระดับ 66W อยู่เรื่องนี้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ครับ

ราคาเปิดตัว 43,990 บาท

HUAWEI Mate 50 Pro เปิดราคาทางการที่ 43,990 บาท มีให้เลือก 2 สีคือสีดำ (สีที่รีวิว) และสีเงิน เริ่มพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2565

โปรโมชันการจองพิเศษ รับของสมนาคุณรวม 6,180 บาท ประกอบด้วย HUAWEI Sound Joy มูลค่า 4,999 บาท 
ฟรี! HUAWEI Mobile Cloud Storage 200GB (6 เดือน) มูลค่า 594 บาท

ช่องทางจัดจำหน่าย: หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI

สั่งซื้อได้ที่นี่ https://bit.ly/3EDgMiV

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนที่กลับมาทวงบัลลังก์ เรือธงกล้องดีที่สุดอย่างแท้จริง”

สรุปแล้ว HUAWEI Mate 50 Pro คือการกลับมาอย่างสมภาคภูมิของสมาร์ทโฟนที่กล้องครบเครื่องที่สุด ทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ชั้นสูง ซอฟต์แวร์ที่เก่งกาจประมวลผลได้อย่างยอดเยี่ยมไม่เสียชื่อ HUAWEI รอบนี้เก่งขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ หลังจาก Mate Series หยุดเปิดตัวไปกว่า 1 ปีเต็ม การกลับมาครั้งนี้จึงเป็นการทวงบัลลังก์สมาร์ทโฟนกล้องดีที่สุดอย่างแท้จริง! ในส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กล้องก็จัดเต็มตั้งแต่ดีไซน์ที่ปรับให้ลงตัวในขนาดที่เพรียวบาง น้ำหนักเบาพกพาสะดวก, หน้าจอ OLED โค้งขนาดใหญ่ 6.74″ สวยระดับเต็ม 10, ชิปเซ็ตที่อัพเกรดเป็นรุ่นล่าสุด Snapdragon 8+ Gen 1, แบตเตอรี่ 4700mAh พร้อมชาร์จไว 66W ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือครบสุด ๆ เท่าที่จะหาได้บนสมาร์ทโฟนเรือธงในปลายปีนี้แล้วล่ะครับ ใครที่กำลังรอคอยการกลับมาของ “เพื่อนคู่คิด (Mate)” ที่ตอบโจทย์เราในเรื่องการถ่ายภาพแบบสูงสุด เราว่า HUAWEI “Mate” 50 Pro นี้คือสิ่งที่คุณรอคอยอยู่อย่างแน่นอนครับ!

จุดเด่น

  • กล้องยังคงเหนือชั้นเหมือนเดิม รอบนี้อัปเกรดหนักทั้งฮาร์ดแวร์และพลังประมวลผล
  • กล้อง Ultra Aperture สุดจริง ยกระดับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนแบบไม่เคยมีมาก่อน
  • กล้อง 3 ตัวครบทุกระยะตั้งแต่มุมกว้างยันซูม 10x
  • กล้องหน้า Super Wide 100⁰ เก็บมุมกว้างครบ
  • ดีไซน์สมมาตรที่คุ้นเคยและลงตัว
  • ชิปเซ็ตตัวล่าสุด Snapdragon 8+ Gen 1 แรงแบบเหลือ ๆ
  • หน้าจอ OLED 6.74″ ใหญ่เต็มตา พร้อมลื่นไหลระดับ 120Hz
  • แบตเตอรี่ 4700mAh ใช้งานได้จุใจ มีชาร์จไว 66W
  • EMUI 13 มีลูกเล่นใหม่ ใช้งานได้คล่องตัว

จุดสังเกต

  • ไม่รองรับ 5G
  • เมื่อเครื่องร้อนฟีเจอร์กล้องบางอย่างจะถูกปิดการใช้งาน

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

Featured2 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 Pro 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยกล้องขั้นสูงควบคู่เลนส์ ZEISS ระดับโปร พร้อมเทคโนโลยีระดับเรือธง

รีวิว vivo V30 Pro 5...

Featured3 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo V30 5G สมาร์ตโฟน “Portrait So Pro” ถ่ายเทพเกินคนด้วยออร่าพอร์ตเทรต 3.0 พร้อมกล้อง 50MP ทุกเลนส์

รีวิว vivo V30 5G สม...

Android News4 สัปดาห์ ago

แกะกล่องพรีวิว vivo V30 5G ถ่ายพอร์ตเทรตเทพเกินคนด้วยกล้อง 50MP พร้อม Aura Light Portrait 3.0 ที่อัปเกรดขึ้นมาใหม่

แกะกล่องพรีวิว vivo ...

Android News4 สัปดาห์ ago

5 เหตุผลที่ Galaxy Z Flip5 ยังคงเป็นมือถือจอพับที่น่าใช้สุด ๆ

Galaxy Z Flip5 จัดว่...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก