Android Tips
วิธีปิด LINE TODAY ในแอป LINE ตั้งค่าง่ายๆ มาดูกันเลย
ปัจจุบันแอป LINE ได้พัฒนาไปเป็นมากกว่าการแชทแล้ว โดยการก้าวเป็น Mobile Portal ที่มีครบทุกอย่าง ใช้ง่ายในแอพเดียว ได้แก่ การติดต่อสื่อสาร คอนเทนต์ บริการ และการขายสินค้า/บริการ
หนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาให้เห็นกันชัดเจนก็คือ LINE TODAY คอนเทนต์ข่าวสารที่ทั้งส่งมาในแชทและแสดงแท็บอยู่ในเมนูหลักของแอป LINE แต่สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการติดตามข่าวสารก็อาจจะไม่ชอบฟีเจอร์นี้ เพราะส่วนใหญ่ผู้ใช้งานตั้งแต่แรกก็เริ่มมาจากการใช้งานเพื่อการแชท มีสติกเกอร์น่ารักๆ ติดต่อสื่สารกันเท่านั้น ซึ่งวันนี้ทางทีมงานจะมาแนะนำวิธีปิดใช้งานแท็บ LINE TODAY กันครับ
1. เริ่มจากเข้าไปในแอป LINE แล้วเข้าไปที่เมนู อื่นๆ (More) > ตั้งค่า (Settings) > แชท & โทร (Chats & Calls)
2. ในหน้าของ แชท & โทร (Chats & Calls) ให้เลื่อนหน้าจอไปที่เมนู เลือกแท็บโทร/LINE TODAY
3. แล้วเลือกติ๊กที่ โทร (Calls)
เพียงเท่านี้เมื่อกลับมาที่หน้าจอเมนูหลักของ LINE ก็แสดงเป็นแท็บ โทร (Calls) เพื่อใช้งานการโทรหาเพื่อนในแอปแทนแท็บ LINE TODAY ได้แล้ว แต่ถ้าหากอยากติดตามข่าวสารก็กลับไปเลือกใช้งานแท็บ LINE TODAY เหมือนเดิมได้เช่นกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีปิดใช้งาน LINE TODAY ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ ไม่กี่คลิก ซึ่งจริงๆ แล้ว LINE ไม่ได้เชิงบังคับให้ต้องติดตามข่าวสาร เพียงแต่ตั้งเป็นค่าเริ่มต้นให้มีแท็บนี้ในการใช้งานครั้งแรกเท่านั้น !!! อย่าลืมแชร์บอกเพื่อนด้วยนะ
Android Tips
วิธีตรวจสอบอุปกรณ์ที่เคยล็อคอินด้วยบัญชี Facebook แบบง่ายๆ ไม่กี่คลิก
สำหรับ Facebook เชื่อว่าใครหลายคนคงจะหวงรหัสผ่านและไม่อยากให้ใครได้ไปแน่นอน แต่ก็ต้องมีสักครั้งที่เราต้องยืมเครื่องคนอื่นมาล็อคอินเพื่อใช้งานในช่วงฉุกเฉินหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็อาจจะลืมล็อคเอ้าท์ หรืออาจมีการเซฟอีเมล์ไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ วันนี้เราจะมาบอกถึงวิธีการตรวจสอบว่าเราเคยล็อคอินไว้ที่เครื่องไหน แล้วก็สามารถเคลียร์ทุกอย่างได้แบบง่ายๆ เลยครับ
ขั้นตอนการทำมีดังนี้
- ให้คลิกที่เมนูเพิ่มเติมในแอป Facebook บนสมาร์ทโฟน
- ไปที่ “การตั้งค่า”
- เลือก “การรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ”
- เลือก “ดูทั้งหมด”
จากนั้นก็ให้เราตรวจสอบได้เลยว่าเครื่องไหนที่เราไม่ได้ใช้แล้วหรือเคยล็อคอินเอาไว้ ถ้าหากจะนำออก ก็ให้คลิกที่อุปกรณ์นั้นๆ แล้วเลือกออกจากระบบ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ
นี่เป็นเพียงอีกวิธีที่ไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีได้ทราบข้อมูลหรือแอบเข้าบัญชีของเราครับ ซึ่งวิธีป้องกันอีกชั้นสำหรับ Facebook คือ การตั้งล็อคอิน 2 ขั้นตอน โดยให้ส่งเป็น SMS มาที่เบอร์ของเราเพื่อยืนยันการล็อคอินครับ
Android Tips
วิธีเลือก Power Bank ให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องดูอะไรบ้าง?
ในยุคนี้ Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวคู่กับสมาร์ทโฟน เนื่องจากสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่นั้นจำเป็นต้องใช้งานแบตเตอรี่ในปริมาณที่มากด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลาย ดังนั้นการมี Power Bank ดีๆ สักอันก็ต้องเหมาะกับการใช้งานของเราด้วย มาดูวิธีเลือกซื้อกันเลย
1. ความจุของแบตเตอรี่เท่าไหร่ดี?
ขนาดความจุ Power Bank ต้องเหมาะกับปริมาณความจุของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ข้อนี้สำคัญที่สุด โดยปริมาณความจุของ Power Bank ต้องมีปริมาณมากว่าเป็นสองเท่าของปริมาณแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพื่อการชาร์จอุปกรณ์อย่างน้อย ๆ ก็ได้สัก 1 รอบ ซึ่งในหนึ่งวันก็น่าจะเพียงสำหรับการใช้งานนอกบ้านแล้ว เช่น เช่น แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนมีความจุอยู่ที่ 4000 mAh ก็ควรเลือก Power Bank ที่มีขนาดความจุอยู่ที่ 8000 – 10,000 mAh ก็น่าเพียงพอแล้วต่อการชาร์จระหว่างวัน 1 – 2 ครั้ง
2. Input-Output สำคัญอย่างไร?
Input-Output หรือกระแสไฟเข้า-ไฟออก ข้อมูลทางเทคนิคนี้สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจะระบุไว้ที่ข้างกล่องเสมอ อย่าลืมสังกเกตกันด้วยนะ เช่น Input: 1A (1000mAh) หมายความว่ากระแสไฟฟ้าที่เข้าชาร์จให้กับ Power Bank มีปริมาณ 1A (1000mAh) ต่อชั่วโมง สมมติแบตสำรองมีขนาดความจุ 6000 mAh ก็จะใช้เวลาชาร์จให้เต็มประมาณ 6 ชั่วโมง ดังนั้นหากต้องการชาร์จให้ Power Bank เต็มเร็ว ๆ ต้องเลือก Input ที่มีตัวเลขมากขึ้น
ส่วน Output 2.1A หมายความว่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ชาร์จสมาร์ทโฟนจาก Power Bank จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ 2.1A (2100mAh) ต่อชั่วโมง แต่ต้องคำนึงถึงการรองรับกระแสไฟในปริมาณนี้ของตัวสมาร์ทโฟนด้วย ส่วนใหญ่เหมาะกับการชาร์จแท็บเล็ต
ปัจจุบันความเร็วในการชาร์จไฟเข้า Power Bank และชาร์จไฟเข้าสมาร์ทโฟนได้มีการพัฒนาและรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วด้วย ไม่ว่าจะเป็น PD (Power Delivery), QC3.0 หรือ QC4.0 เป็นต้น
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อม USB Type-C สามารถชาร์จด้วย Power Delivery ได้ด้วยกำลังไฟที่สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ รองรับ หรือจะเป็น QC (Quick Charge) ในแต่ละเวอร์ชั่น ซึ่งสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีความฉลาดในการรองรับกระแสไฟที่เข้าชาร์จอยู่แล้ว
นอกจากนี้แล้วตัว Power Bank ควรจะมีไฟแจ้งเตือนสถานะการชาร์จ ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือด้วย
3. แบรนด์น่าเชื่อถือ และมีประกันคุณภาพ
ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กับข้ออื่น ๆ เนื่องจากปัจจุบันมี Power Bank วางจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ ซึ่งราคาก็แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะบางรุ่นที่มีความจุมากแต่กลับมีราคาถูกจนเหลือเชื่อ และหากไม่มีประกันคุณภาพสินค้า ก็ไม่ควรเลือกซื้อเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ตัวอย่าง Power Bank ที่ไม่ได้คุณภาพ โดยผู้ใช้งานมักหลังเชื่อกับปริมาณความจุมาก ๆ ในราคาถูก พบกว่าชาร์จ Power Bank เต็มแล้วพกออกไปนอกบ้าน แม้ไม่ได้ใช้งาน พอตกเย็นไฟไม่เหลือหรือเหลือน้อยมาก ซึ่งเกิดจากการคายประจุไฟที่เก็บเอาไว้นั่นเอง โดย Power Bank ทุกตัวจะมีการคายประจุไฟ แต่หากเป็นรุ่นที่มีราคาถูกก็จะมีต้นทุนการผลิตที่ถูก จึงทำให้พบอาการดังกล่าวชัดเจน
สำหรับการรับประกันสินค้า ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอช่วยยืนยันคุณภาพสินค้าได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งมีการรับประกันสินค้านานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
4. ดีไซน์ ขนาด น้ำหนัก
ปัจจุบัน Power Bank ที่มีดีไซน์สวยงาม วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่าง โดยเฉพาะการมีขนาดเล็ก บางเบา ช่วยให้การพกพาทำให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เหมือนกำลังพกสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง
5. การดูแลและการชาร์จไฟ Power Bank
ไม่ควรปล่อยให้ Power Bank แบตเตอรี่หมดเป็นเวลานาน แต่ควรเหลือสำรองไว้ประมาณ 30-40% และไม่ควรทำตกหรือเปียกน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการชำรุดส่งผลต่อการใช้งานได้
ข้อมูลหลัก ๆ ทั้งหมดนี้ก็น่าจะพอเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ได้บ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายเหตุผล หลายปัจจัยในการเลือกซื้อ Power Bank ที่เหมาะกับการใช้งาน ใครเคยพบปัญหาหรืออยากแชร์การเลือกซื้อ Power Bank สามารถแสดงความเห็นกันได้เลยครับ ^^
Android Tips
วิธีตรวจสอบสภาพฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของสมาร์ทโฟน Samsung ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Samsung Members
สำหรับใครที่ใช้สมาร์ทโฟนของแบรนด์ Samsung อยู่ ภายในเครื่องจะมีอยู่แอปพลิเคชั่นหนึ่งชื่อ Samsung Members ที่เป็นแอปสำหรับช่วยเหลือด้านต่างๆ ของผู้ใช้งาน โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการตรวจสอบฮาร์ดแวร์ทั้งหมดในเครื่องว่ายังมีสภาพที่ดีอยู่หรือไม่ด้วยการใช้แอปดังกล่าว
สำหรับแอป Samsung Members ในหลายรุ่นก็จะมีการติดตั้งมาให้ตั้งแต่แกะกล่อง ส่วนรุ่นไหนยังไม่มีก็สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store โดยเราต้องลงทะเบียนกับ Samsung Account เพื่อใช้ในการล็อคอินก่อน และเมื่อล็อคอินเข้ามาแล้ว เราก็จะพบหน้าหลักของแอปนี้ โดยให้เราไปที่เมนู “รับความช่วยเหลือ” แล้วเลือก “ดูเพิ่ม” ในหมวดดูแลโทรศัพท์ จากนั้นเราก็จะสามารถพบเมนูตรวจสอบต่างๆ
ในส่วนนี้ การตรวจสอบเครื่องจะมี 2 แบบ ได้แก่ การตรวจสอบอัตโนมัติ และการตรวจสอบแบบอินเตอร์แอคทีฟ โดยการตรวจสอบอัตโนมัติ ตัวระบบจะตรวจสอบอย่างรวดเร็วทั้งเรื่องการใช้โทรศัพท์, เซ็นเซอร์ และระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ
ขณะที่การตรวจสอบแบบอินเตอร์แอคทีฟจะเป็นการตรวจสอบด้านฮาร์ดแวร์ทั้งหมด แต่เราต้องเป็นผู้ทำเองเท่านั้นเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังใช้งานได้ปกติทั้งหมด (การตรวจสอบในส่วนนี้อาจแตกต่างกันตามสเปคและฟีเจอร์ในรุ่นนั้นๆ)
หากใครที่ตรวจสอบแล้วผ่านทั้งหมดก็หายห่วงได้เลยครับ แต่หากใครพบบางอย่างผิดปกติ เราก็สามารถจองนัดหมายเพื่อเข้าไปซ่อมที่ศูนย์ (สามารถเลือกสาขาและเวลาได้) ซึ่งเมนู “จองนัดหมาย” จะอยู่ส่วนล่าสุดในเมนู “รับความช่วยเหลือ”
และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชั่น Samsung Members ที่อำนวยความสะดวกของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Samsung อย่างมาก ใครที่ยังไม่เคยใช้ก็ลองใช้ดูได้ครับ
ที่มา : Samsung
- App&Game5 วัน ago
รวมแอปและเกมแจกฟรี! (ปกติขาย) iPhone, iPad โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [02-12-2019]
- App&Game4 วัน ago
รวมแอปพลิเคชั่นแจกฟรี (ปกติขาย) iPhone, iPad โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [03-12-2019]
- Android App4 วัน ago
37 แอปและเกมแจกฟรี (ปกติขาย) Android โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [03-12-2019]
- App&Game2 วัน ago
รวมแอปพลิเคชั่นแจกฟรีประจำวัน (ปกติขาย) iPhone, iPad โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [04-12-2019]
- App&Game6 วัน ago
รวมแอปพลิเคชั่นแต่งรูปแจกฟรี! (ปกติขาย) iPhone, iPad โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [01-12-2019]
- Android News3 วัน ago
พรีวิว Xiaomi Mi Note 10 สมาร์ทโฟนกล้อง 5 เลนส์ความละเอียด 108 MP รุ่นแรกของโลก พร้อมสเปคสุดคุ้ม ในราคาจับต้องได้!
- Android News3 วัน ago
หลุดสเปคเกือบเต็มของ Huawei nova 6 และ nova 6 5G ก่อนเปิดตัว 5 ธ.ค.นี้
- Android App2 วัน ago
20 แอปและเกมแจกฟรี (ปกติขาย) Android ทุกรุ่น โหลดด่วน ก่อนขึ้นราคา [05-12-2019]