Galaxy Watch7 หลังใช้งาน 6 เดือน เหมือนมีโค้ชส่วนตัว ชีวิตดีขึ้นเยอะ!

โดย Surin Khiewsart (Editor)

หลายคนกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังไม่เจอรุ่นที่ใช่ วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์หลังจากใช้งาน Galaxy Watch7 มาประมาณ 6 เดือน นอกจากดีไซน์จะเข้ากับทุกลุค ใส่ทำงาน ออกกำลัง และติดตามการนอน จริงๆ แล้วมีอีกหลายอย่างที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันดีขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะการเป็นโค้ชที่ช่วยให้เราเข้าใจสุขภาพร่างกายของตัวเราเองได้ดีขึ้น

Galaxy Watch7 After 6 Months

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยข้อมูลสุขภาพ

ปกติแล้วผมจะใส่ Galaxy Watch7 นอนทุกวันเพื่อติดตามข้อมูลการนอนหลับ และในทุกเช้าพอตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือยกข้อมือขึ้นดู เพื่อเช็กคะแนนการนอนทั้ง Sleep Score และ Energy Score ซึ่งข้อมูลสองตัวนี้ช่วยให้ผมประเมินและเข้าใจตนเองว่าวันนี้ควรลุยงานหนักแค่ไหนในวันที่คะแนนอยู่ระดับที่ดี แต่ถ้าวันไหนได้คะแนนน้อยหรือค่อนข้างต่ำ ก็ช่วยให้ผมทราบว่าอาจจะต้องพักมากขึ้นระหว่างวัน

การใส่ Galaxy Watch7 ถือเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันนะ เพราะเมื่อก่อนผมเองจะใช้ความรู้สึกว่านอนแค่นี้ก็พอแล้ว บางวันนอนน้อยเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่พอหลังจากใส่สมาร์ทวอทช์นอนแล้วเห็น Sleep Score ก็ช่วยให้เข้าใจผลการการนอนได้ง่ายมากขึ้น บอกละเอียดมาก ไม่ใช่แค่นอนกี่ชั่วโมง แต่รวมถึงคุณภาพของการหลับ เช่น หลับลึก หลับตื้น และระยะเวลาตื่นระหว่างคืน

ถ้าใส่นอนต่อเนื่อง 7 วัน จะมีสัญลักษณ์สัตว์แสดงว่าเราเป็นนักนอนประเภทไหนด้วยฟีเจอร์ Sleep Symbol Animals เช่น เช่น สิงโตที่หลับลึก หรือแพนกวินที่ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นต้น

ถ้าวันไหนได้คะแนนการนอนน้อย นอนไม่ค่อยหลับ ก็จะมีคำแนะนำให้เราด้วย เพื่อพัฒนาการนอนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เช่น ให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที และควรเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เป็นต้น หลังจากทำตามคำแนะนำก็พบว่าคะแนนการนอนเพิ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันนี้ประทับใจมาก

ผมเชื่อว่าหลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้สุขภาพร่างกายได้รับการฟื้นฟูเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็จะมีคะแนนอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Energy Score ที่จะสะท้อนว่าร่างกายเราฟื้นฟูพลังงานได้มากน้อยแค่ไหนจากการนอนและพฤติกรรมเมื่อวาน เช่น ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไป แต่พักไม่พอ คะแนนก็จะต่ำ ช่วยให้เราตัดสินใจปรับแผนชีวิตประจำวันได้ทันที

หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ Energy Score ก็คือคะแนนความพร้อมของร่ายกายนั่นเอง ซึ่งบางวันของผมหลังจากออกกำลังกายหนักและเข้านอนเร็วด้วยนะ แต่พอตื่นมาคะแนน Energy กลับได้น้อยกว่าปกติ พอเช็กข้อมูลพบว่านอนหลับลึกไม่พอ จากเดิมที่วางแผนจะออกกำลังกายหนักๆ ในวันนี้ ก็เปลี่ยนแผนตัดสินใจพักการออกกำลังกายก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู และเพื่อป้องกันการบาดเจ็บด้วย ซึ่งเมื่อเราปรับแผนการทำกิจกรรมได้ถูกต้องก็จะฟื้นฟูพลังงานร่างกายได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน และพร้อมลุยได้อย่างเต็มที่ในวันถัดไป

จะเห็นว่าการใส่ Galaxy Watch7 ตลอดทั้งวันและใส่นอนด้วย ช่วยให้เราทราบถึงความพร้อมร่างกายได้เยอะเลย

Work-Life Balance แบบไม่ต้องหยิบมือถือ

ระหว่างวันทำงานต้องบอกเลยว่า Galaxy Watch7 เป็นมากกว่าสมาร์ทวอทช์ เพราะกลายเป็นตัวช่วยจัดสมดุลชีวิตให้ระหว่างวันได้ดีมาก อย่างเวลามีการการแจ้งเตือนก็ไม่พลาดเรื่องสำคัญ เช่น สายเรียกเข้า, LINE, Email สำคัญๆ สามารถอ่านข้อความหรือปฏิเสธสายจากข้อมือได้เลย ช่วยลดการหยิบโทรศัพท์โดยไม่จำเป็น

บางวันที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมนานๆ หรืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานๆ โดยที่เราก็อาจไม่รู้ตัวเพราะความเคยชิน Galaxy Watch7 ก็จะมีฟีเจอร์เตือนเบาๆ ให้ขยับตัว ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ เพราะการนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ ยิ่งสะสมนานวันเข้าก็จะทำให้เราเสียสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

ในวันที่เจองานหนักหรือต้องประชุมงานจริงจังทั้งวัน ก็สามารรถเช็ก Stress Level ได้ ถ้าวัดแล้วพบว่าค่าขึ้นสูง เราก็จะทราบทันทีว่าควรหาวิธีผ่อนคลาย โดย Galaxy Watch7 ก็จะแนะนำการฝึกหายใจเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งก็ได้ผลดีจริงๆ ด้วย หรืออาจจะออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกสักพัก แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้แล้ว Galaxy Watch 7 สามารถวัดความดันโลหิตได้ด้วย (Blood Pressure) หลังจากทำการตั้งค่าผ่านแอป Samsung Health Monitor และปรับเทียบด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบปลอกแขน ถือว่าเป็นฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์มากๆ สำหรับใครที่มีเพื่อนหรือญาติที่ต้องวัดความดันทุกวัน แล้วต้องเดินทางบ่อยๆ แค่ใส่ Galaxy Watch7 ติดตัวไปด้วยก็วัดความดันได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องพกเครื่องวัดความดัน

จัดเต็มเรื่องสุขภาพ และออกกำลัง

ช่วงเย็นหลังจากเลิกงานในแต่ละวันของผม ก็ต้องมีเข้าฟิตเนสเพื่อไป Weight training และบางวันก็จะ Cardio ด้วย ซึ่งการใส่ Galaxy Watch7 มาออกกำลังกายด้วยทุกครั้งเหมือนเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการติดตามการออกกำลังกาย มีเสียงนับจำนวนครั้งในแต่ละท่า พอครบในแต่ละเซ็ตก็จะบอกว่าควรพักระหว่างเซ็ตกี่นาทีด้วย

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยได้เยอะมากๆ สำหรับการออกกำลังกาย คือการคุมโซนอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Heart Rate Zone ซึ่งแต่ละโซนนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น

ถ้าต้องการเผาผลาญไขมัน เราต้องคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ใน Zone 2 (Fat burn) ซึ่งเรื่องนี้หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการไปวิ่งเร็วๆ ให้เหนื่อยมากๆ ได้ใช้แคลอรี่เยอะๆ จะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่จริงๆ แล้วการเอาไขมันออกจากร่างกายที่ได้ประสิทธิภาพที่ดีคือต้องคุมให้อยู่ใน Zone 2 จะดีที่สุด

ตอนจะเริ่มออกกำลังกาย ก็ให้เราตั้งค่า Zone ที่ต้องการเอาไว้ ถ้าเกิน Zone ระบบก็จะมีการสั่นเตือนเพื่อช่วยควบคุมการออกกำลังให้ตรงเป้าหมาย

ถ้าใครเข้าฟิตเนส จะสังเกตเห็นว่าหลายคนจะใช้วิธีการคุม Zone 2 ด้วยการเดินบนลู่วิ่ง การเดินชัน หรือการใช้เครื่องเดินวงรี ซึ่งตัวผมเองก็ใช้วิธีนี้ก่อนจะมีทริปไปเที่ยวทะเลจะได้ถ่ายรูปแล้วเห็นบอดี้ชัดขึ้น พบว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เปอร์เซ็นต์กล้ามเนื้อไม่ลดลงตามไปด้วย ซึ่งข้อมูลนี้ก็วัดได้จาก Galaxy Watch7 ด้วยฟีเจอร์ Body Composition

สำหรับ Body Composition สายออกกำลังกายจริงจังถือว่าสำคัญมาก เพราะจะทำให้เรารู้ว่าสัดส่วนเปอร์เซ็นต์กล้ามเนื้อ ไขมัน น้ำในร่างกาย เป็นอย่างไร แล้วนำไปปรับแผนการออกกำลังกายได้ตรงจุด สะดวกมากๆ เพราะหลายคนอาจไม่สะดวกไปวัดที่เครื่องชั่งตามฟิตเนสหรือคลีนิค

จริงๆ แล้วการออกกำลังกายให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นไปยัง Zone 3, 4 และ 5 ก็สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับพัฒนาระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการเพิ่มสมรรถนะและกระตุ้นการเพิ่มกล้ามเนื้อด้วย แต่ต้องมีการวอร์มร่างกายก่อนทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และต้องมีการพักฟื้นร่างกายให้เพียงพอด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ต้องห่วง เพียงแค่ใส่ Galaxy Watch7 ไว้ตลอดเวลาก็จะทราบได้เลยว่าความพร้อมของร่ายกายเป็นอย่างไร

แล้วพอออกกำลังกายเสร็จ สิ่งหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจของเราก็คือตัวเลขจำนวนแคลที่ใช้ไปในแต่ละ Session เหมือนเป็นกำลังใจที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้ดีเลย และสามารถดูข้อมูลเทียบกับครั้งก่อน ๆ ได้ทันที

ดูข้อมูลตลอดวัน และเตรียมตัวพักผ่อน

หลังจากเต็มที่มาทั้งวัน ก็ต้องเช็กข้อมูลประจำวัน เช่น ก้าวเดิน, ค่าความเครียด, HR, Energy Score เพื่อสรุปว่าร่างกายเราวันนี้ใช้พลังงานไปแค่ไหน พรุ่งนี้ควรเพิ่มหรือลดกิจกรรมอะไรบ้าง อันนี้ยกให้ Galaxy Watch7 เป็นผู้ช่วยเตรียมตัวพักผ่อนได้เลย และเมื่ออยู่ในโหมดนอน (Sleep mode) ระบบก็จะปิดการแจ้งเตือน พร้อมแสดงผลแสงน้อยเพื่อไม่รบกวนการหลับ

ทุกคนจะเห็นว่ากิจกรรมตลอดทั้งวันของผมนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ ตั้งแต่ตื่นตอน ออกไปทำงาน เข้าฟิตเนสออกกำลังกาย จนถึงกลับมาบ้านและเข้านอน ติดตามได้หมดด้วย Galaxy Watch7 ช่วยให้เข้าใจร่างกาย พัฒนาตนเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจนและตรงจุด

สรุป Galaxy Watch7 หลังใช้งานจริง

สิ่งที่ทำให้ผมขาด Galaxy Watch7 ไม่ได้ เพราะทุกฟีเจอร์ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ว่าเป็น Sleep Score และ Energy Score ช่วยวางแผนวันใหม่ได้อย่างมีเหตุผล ในขณะที่เรื่องของ Heart Rate Zone ก็ทำให้การออกกำลังกายมีเป้าหมาย และวัดผลได้จริง หรือถ้าใครยังไม่รู้ว่าสัดส่วนร่างกายเป็นอย่างไรก็มี Body Composition ติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ละเอียดระดับองค์ประกอบ รวมถึงผู้ที่ต้องการวัดความดันบ่อยๆ ก็มี Blood Pressure และ Stress วัดง่าย สะดวก ซึ่งทั้งหมดนี้แทบไม่ต้องวุ่นวายกับมือถือเลย

สรุปแล้ว Galaxy Watch7 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นดูแลตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่สอนเราให้รู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น และเหมาะเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่ คนที่ใส่ใจสุขภาพ “Galaxy Watch7” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More