รีวิวมาแล้ว! Galaxy Tab S11 Ultra แท็บเล็ตเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung ที่จัดเต็มขึ้นมาก เพราะอัปเกรดสเปคขึ้นมาแบบ “ที่สุด” ในทุกด้าน ทั้งหน้าจอ 14.6″ ที่สว่างขึ้น, ชิปเซ็ตเรือธงที่เร็วขึ้น 24%, ซอฟต์แวร์ที่ปรับปรุงใหม่หมดบนพื้นฐาน Android 16 และยังปรับดีไซน์ให้บาง-เบาลงอีกด้วย!

และหลังจากที่เราลองใช้งาน Galaxy Tab S11 Ultra มากว่าหนึ่งสัปดาห์ ก็ขอมารีวิวให้ชมกันเลยว่า “ที่สุด” จริงไหม ? พร้อมแล้วติดตามเลยครับ!
สรุปสเปค Samsung Galaxy Tab S11 Ultra
- ขนาดตัวเครื่อง : 208.5 X 326.3 X 5.1 มม.
- น้ำหนัก : 695 กรัม (รุ่น 5G)
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 14.6”
- ความละเอียด : WQXGA+ (2960 x 1848 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 1600nits
- refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Dimensity 9400+ Octa-Core ความเร็ว 3.73GHz (3nm)
- RAM : 12GB
- Storage : 256GB
- micro-SD : ใส่เพิ่มได้สูงสุด 2TB
- แบตเตอรี่ : 11,600 mAh
- ระบบชาร์จ : 45W Super Fast Charge 2.0
- กล้องหน้า : 12MP (Ultra Wide)
- กล้องหลังคู่ : 13MP (Wide) + 8MP (Ultra Wide)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, 5G, Bluetooth 5.4, NFC และพอร์ต USB Type-C (3.2)
- รองรับปากกา Stylus : S Pen (ให้มาฟรีในกล่องและกันน้ำ IP68)
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
- ระบบปฎิบัติการ : Android 16 (One UI 8)
- วางจำหน่ายสีเดียว : Gray

แกะกล่อง Galaxy Tab S11 Ultra
ก่อนจะไปชมดีไซน์ตัวเครื่อง เรามาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์ที่ให้มาสักหน่อย ไหน ๆ รอบนี้ก็ได้มาแบบครบกล่องเนอะ ตัวแพ็กเกจจะมาในรูปแบบเรียบ ๆ ที่หน้ากล่องจะเป็นภาพเค้าโครงของ Tab S11 Ultra ดู minimal เลย

ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็จะมาแบบ minimal เช่นกัน มีอุปกรณ์มาให้ 5 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Galaxy Tab S11 Ultra
- สายชาร์จ USB-C to C
- S Pen
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์ที่เรียบหรูขึ้น เต็มตาระดับ Ultra!
เอาล่ะ! ได้เวลามายลโฉม Galaxy Tab S11 Ultra กันแล้วครับ เริ่มที่หน้าจอก่อนเลยเนอะ เพราะเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่แล้ว ปีนี้ยังคงได้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ถึง 14.6″ มาให้เหมือนเดิม เป็นขนาดที่สะใจมาก เพราะถือว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาแท็บเล็ตแล้วล่ะครับ

รอบนี้มีการลดขอบหน้าจอลงเหลือ 5.2 มม. (ลด 0.1 มม.จากรุ่นก่อน) ให้ภาพรวมของขอบจอที่ชิดขึ้น การแสดงผลดูเต็มตาจริง ๆ

ส่วนการแสดงผลก็ยอดเยี่ยมเหมือนเคยครับ ได้ความละเอียดสูงถึง WQXGA+ (2960 x 1848 พิกเซล) คมชัดสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง หรือการทำงานเอกสารที่ต้องการตัวอักษรคม ๆ เนาะ

และอีกเรื่องที่มีการอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนแบบสัมผัสได้ก็คือความสว่างสูงสุดของหน้าจอ ที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 1600nits แล้วนะ แถมยังเป็นจอ Anti-Reflection กันสะท้อน อัตราการสะท้อนต่ำกว่า 2% ด้วย ทำให้ใช้งานในที่แสงมาก ๆ ได้สบายตาขึ้นจริง ๆ นะรอบนี้

ด้านการตอบสนองหน้าจอก็ไม่ต้องห่วงครับ Galaxy Tab S11 Ultra ได้ Refresh rate ลื่น ๆ ที่ 120Hz ยิ่งใช้งานกับซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง One UI 8 ที่ปรับปรุงมาอย่างดี ทำให้ยิ่งลื่นไหลติดนิ้วไปหมดเลย

รอยบากที่เล็กลง และกล้องหน้าที่เหลือตัวเดียว
อ๊ะ…และอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงไปที่ด้านหน้าของ Galaxy Tab S11 Ultra ก็คือรอยบากบนหน้าจอเนาะ มองผ่าน ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเล็กลง รอบนี้ปรับมาเป็นแบบ Infinity-V แทน Infinity-U แล้วนะ มอบมุมมองที่เต็มขึ้นอีกนิด

ซึ่งตัวกล้องหน้าก็จะถูกลดลงเหลือเพียงตัวเดียวแทน แต่เรื่องคุณภาพไม่ต้องห่วงครับ เพราะตัวที่เหลืออยู่นี้เป็น 12MP Ultra Wide ที่มอบมุมมองกว้างมาก ๆ อยู่ ใครที่ใช้กล้องหน้าถ่ายคอนเทนต์หรือเซลฟี่แบบกว้าง ๆ ยังแฮปปี้กับรุ่นนี้

แต่กล้องหลังยังให้มา 2 ตัวเหมือนเดิมนะครับ เป็นกล้องหลัก 13MP + กล้อง Ultra Wide 8MP ใช้ร่วมกับการทำงานได้เพียงพอนะสเปคแบบนี้

บอดี้แข็งแกร่งด้วย Armor Aluminum
ในเรื่องงานประกอบ Galaxy Tab S11 Ultra ก็ใช้วัสดุ Armor Aluminum ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องการหักงอเลยนะ จับแล้วรู้สึกได้เลยว่าแข็งแรง หนักแน่น ถือใช้งานก็รู้สึกได้เลยว่าพรีเมี่ยมดีจริง ๆ สีที่วางจำหน่ายในไทยจะมีสีเดียวเลยคือสี Gray ครับ

บางและเบาลงชัดเจน
ส่วนขนาดและน้ำหนัก ก็ต้องบอกเลยว่า Galaxy Tab S11 Ultra นั้นทำได้ดีขึ้นไปอีก เพราะบางเพียง 5.1 มม. (ลดลงจาก 5.4 มม.ของ Tab S10 Ultra) ทำให้เวลาถือใช้งานดูคล่องตัวขึ้น

ด้านน้ำหนักก็เบาลงมาก เหลือเพียง 695 กรัม (ลดลงจาก 718 กรัมของ Tab S10 Ultra) หยิบถือใช้งานแบบเครื่องเพรียว ๆ นี่รู้สึกได้เลยล่ะ ได้ตัวเลขต่ำ 700 กรัม แบบนี้ไม่ธรรมดาเลยสำหรับแท็บเล็ตจอ 14″ เนี่ย

ตำแหน่งอื่น ๆ ยังเหมือนเดิมหมด
การวางตำแหน่งของ Galaxy Tab S11 Ultra ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิมครับ มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่องเมื่อจับถือใช้งานในแนวนอน ซึ่งเวลาเราตั้งหรือถือเครื่องก็จะอยู่ในมุมขวาที่กดได้ถนัดครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อก็จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง หรือถ้าถือเครื่องในแนวนอนก็จะอยู่ฝั่งขวามือ ให้เสียบชาร์จหรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้แบบเข้ามือพอดีเลย

และมุมขวาด้านบนของตัวเครื่องก็จะมีช่องใส่ซิมสำหรับรุ่น 5G ที่มาพร้อมช่องใส่ microSD ด้วย รองรับสูงสุดถึง 2TB เลยนะ

ลำโพง 4 ตัวจูนเสียง รองรับ Dolby Atmos ด้วย
ในเรื่องลำโพง Galaxy Tab S11 Ultra ก็มาพร้อมลำโพง 4 ตัวจัดเต็มเหมือนเดิม วางตำแหน่งได้ดีคือซ้าย-ขวาในการใช้งานแนวนอน และบน-ล่างในการใช้งานแนวตั้ง เสียงที่ออกมายอดเยี่ยม มิติของเสียงดีมาก กระจายออกมาแบบ Stereo เลย ถ้าไม่ได้บอกว่าเสียงที่ได้ยินมาจากแท็บเล็ตก็คงคิดว่าเป็นลำโพงคุณภาพเยี่ยมสักรุ่นเลยไปแล้ว!



มีระบบปลดล็อคมาให้ 2 แบบ
ด้านระบบรักษาความปลอดภัย Galaxy Tab S11 Ultra ยังมีทั้งระบบสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้เหมือนเคย ตำแหน่งจะอยู่มุมขวาตอนวางเครื่องแนวนอน และด้านล่างเวลาถือแนวตั้งเนอะ ก็เป็นที่คุ้นเคยใช้งานได้ดีครับ

ทนทานด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP68
เรื่องความทนทาน Galaxy Tab S11 Ultra ก็ยังได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 มาเหมือนเดิม เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่เราชอบมาก ๆ ตั้งแต่ Tab S9 Series เพราะช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้น แม้จะใช้งานในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือมีอุบัติเหตุอย่างน้ำหกใส่ เราก็จะมั่นใจได้ว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้จะปลอดภัย ให้ใช้งานต่อได้แบบไร้กังวล

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Tab S11 Ultra ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมครับ ปรับปรุงในเรื่องของขนาดและน้ำหนักให้บางและเบาลงมาก ถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว ได้หน้าจอที่สวยเต็มตา ลดแสงสะท้อนได้ดีขึ้น รวมถึงสว่างกว่าที่เคย ทำให้มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแบบจับต้องได้จริง ๆ ครับ!

S Pen ออกแบบใหม่หมด!
พูดถึง Galaxy Tab S ทั้งที ถ้าไม่พูดถึง S Pen เลยก็คงไม่ได้เนอะ แถมรอบนี้ Samsung ก็มีการปรับดีไซน์ของ S Pen แบบใหม่หมด ให้ใช้งานได้ดีขึ้นอีกด้วยนะ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

อย่างรูปทรงก็จะเปลี่ยนจากที่เป็นโค้งมุมหนึ่งและตัดเหลี่ยมมุมหนึ่งมาเป็นแบบ 6 เหลี่ยมแทน เหมือนกับพวกดินสอไม้ ซึ่งช่วยให้จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะหมุนไปมุมไหนก็ให้สัมผัสที่เท่ากันทุกด้านนั่นเองครับ

ส่วนหัวปากกาก็ปรับให้หนาขึ้น ลดความแหลมลง ทำให้เวลาลงน้ำหนักให้ความรู้สึกที่มั่นคงกว่า เขียนต่อเนื่องได้แบบจริงจัง หรือจะวาดรูปก็ได้พื้นที่ของหัวมากขึ้นด้วยครับ

ที่ตัว S Pen ก็ยังมีแถบแม่เหล็กมาให้เหมือนเดิม สามารถวางแปะที่ตัวขอบเครื่องได้แบบพอดี แต่จึดที่น่าเสียดายจริง ๆ ของ S Pen ใหม่คือ ไม่รองรับฟีเจอร์ Bluetooth แล้วครับ หมายความว่าเราจะไม่สามารถกดสั่งงานแบบรีโมทไกล ๆได้แล้วนะ และก็ไม่จำเป็นต้องคอยชาร์จด้วย ที่ด้านหลังตัวเครื่องก็เลยไม่มีแถบชาร์จไร้สายมาแล้วนั่นเองครับ

ก็เหมือนกับ S Pen ของ Galaxy S25 Ultra ล่ะครับ แต่การใช้งานก็ยังง่ายเหมือนเดิม เพราะตัว S Pen จะสื่อสารกับหน้าจอผ่านแผง Digitizer อยู่แล้ว แต่ถ้าเอา S Pen มาจ่อใกล้ ๆ จอแล้วกดปุ่มก็ยังสามารถเรียกเครื่องขึ้นมาได้เหมือนเดิมเนอะ

วาด จด เขียนด้วยแอป Samsung Notes อย่างยอดเยี่ยม
ไม่ใช่แค่อัปเกรดตัว S Pen ใหม่อย่างเดียวนะ เพราะ Samsung ยังเพิ่มฟีเจอร์คำสั่งลัดของ S Pen ในแอป Samsung Notes เพิ่มเติมด้วย เราสามารถกดปุ่มที่ S Pen เพื่อเรียกชุดเครื่องมือขึ้นให้ได้อย่างสะดวก โดยจะแบ่งเป็น 3 หมวดหลัก ๆ ได้แก่
- ปากกาโปรด – เลือกปากกาโปรดที่เราติดดาวเอาไว้ได้ทันที
- ตัวเลือกปากกา – เราสามารถสลับปากกา, ปรับขนาด, สีที่ใช้ ได้จากการแตะตรงนี้ โดยไม่ต้องไปแตะที่แถบเมนู
- ฟีเจอร์ Galaxy AI – สายจดที่ต้องพึ่งความสามารถ AI อย่างช่วยสรุปเนื้อหา, จัดเรียง หรืออื่น ๆ ก็กดตรงนี้ โดยไม่ต้องไปหาในเมนูเช่นกันครับ



ในเรื่องการใช้งานจริง เรารู้สึกว่าหัวปากกาของ S Pen ใหม่นั้นเหมาะกับการวาดรูปมากขึ้นจริง ๆ หัวมีความหนา ลงน้ำหนักได้ละเอียดกว่าเดิม แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าเอามาเขียนหรือจด หัวแหลม ๆ แบบเดิม ยังเหมาะกว่านิดหน่อยครับ

ใช้งานร่วมกับแอปอื่นก็ยอดเยี่ยม!
แต่อย่างที่บอกว่าสายวาดน่าจะถูกใจ S Pen ใหม่นี้แน่ ใช้งานร่วมกับ 3rd Party อื่น ๆ ได้อย่างลงตัวแล้วจริง ๆ อย่างการวาดรูปเราโหลด SketchBook มาใช้งาน ก็รู้สึกว่าการตอบสนองของ S Pen นั้นดีมาก ลงน้ำหนักได้หลายระดับ ให้การวาดสนุกและมืออาชีพขึ้นไปอีก

หรือจะเป็นการใช้งานร่วมกับแอป 3rd Party ชื่อดัง Samsung ก็มีสิทธิพิเศษจากแอปอื่น ๆ ให้ด้วย อาทิ Clip Studio Paint EX แอปวาดรูปพร้อมเครื่องมือครบชุด ใช้งานเวอร์ชั่น EX ได้ฟรี 6 เดือน หรืออื่น ๆ ที่รับได้จาก Galaxy Store ครับผม

ใช้ One UI 8 ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด มาตั้งแต่แกะกล่อง
Galaxy Tab S11 Ultra มาพร้อมกับ One UI 8 ที่ครอบทับอยู่บน Android 16 ตั้งแต่แกะกล่องเลย ไม่ต้องรออัปเดตเพิ่ม มีการปรับแต่งหน้าตา UI มาให้เข้ากับแท็บเล็ตจอใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทั้งหน้าเมนูในแอปการตั้งค่าที่แบ่งสัดส่วนชัดเจน

รวมถึงการปรับแต่งใหม่ ๆ มีรูปแบบนาฬิกาที่ยืดหยุ่นขึ้น สามารถล้อไปกับภาพบนหน้าจอได้เป็นอย่างดี

รองรับการใช้งาน Multi-Tasking แบบเต็มรูปแบบ
แต่ไฮไลท์สำหรับของ One UI 8 บนแท็บเล็ต Samsung ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการทำงาน Multi-tasking ที่จูนมาดีมาก ๆ ทั้งการแบ่งหน้าจอ ใช้งานหลายแอปพร้อมกันแบบ Multi Window จะแบ่งแอปใหญ่ฝั่งหนึ่ง แอปเล็ก 2 อันไว้อีกฝั่งก

หรือรูปแบบการแบ่งหน้าจอใหม่ ที่เรียงแนวตั้ง 3 แอปพร้อมกันเลยก็ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเรามีมือถือ 3 เครื่องต่อกันเลย อันนี้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่ 14.6″ ได้เต็ม ๆ เจ๋งมาก!

หรือใครที่ชอบการใช้งานแบบหน้าต่างลอย ๆ บนหน้าจอเหมือน PC รอบนี้ DeX mode จะมี Multiple workspace ที่ช่วยให้แบ่งการทำงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในแต่ละ Desktop สามารถเปิดหน้าต่างลอยได้สูงสุด 5 หน้าต่าง แถมความดีงามคือ เราสามารถสร้างได้สูงสุด 4 Desktop แบ่งการทำงานเป็นหมวดหมู่เลยยังได้

หรือถ้าใครอยากเสริมการทำงานให้มีพื้นที่มากขึ้น ก็ต่อออกจอแยก แล้วเอาหน้าต่างแอปย้ายไปอีกจอ เพิ่มพื้นที่การทำงานก็ยังได้ เรียกว่าอัปเกรดการทำงานด้าน Multi-Tasking อย่างแท้จริงเลยล่ะครับ

ฟีเจอร์ Galaxy AI จัดมาให้ครบ
แน่นอนว่าเป็นรุ่นเรือธงท็อปสุดแบบนี้ ฟีเจอร์ Galaxy AI ก็จัดมาให้ครบหมด ไม่แพ้มือถือเรือธงเลยล่ะครับ ทั้งด้านการสื่อสาร และแปลภาษา แถมพอเป็นรุ่นใส่ซิมได้แบบนี้ ก็รองรับฟีเจอร์ Call Assist แปลภาษาขณะโทรศัพท์ได้แบบเรียลไทม์ เยี่ยมยอด เหมือนมือถือที่ขยายหน้าจอจนสุดยังไงยังงั้น

ฟีเจอร์ Browsing assist บนแอป Samsung Internet ที่ช่วยสรุปเนื้อหาในหน้าเว็บได้แบบรวดเร็ว อ่านง่าย แถมถ้าบทความนั้น ๆ เป็นภาษาต่างประเทศ เราก็สามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ทันทีในไม่กี่คลิก ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นจริง ๆ ครับ

ฟีเจอร์สำหรับตกแต่งภาพอย่าง Generative Edit ที่ Galaxy AI เก่งมาก ๆ อยู่แล้ว ยิ่งมาใช้งานบนจอใหญ่ ๆ ของ Galaxy Tab S11 Ultra แบบนี้ก็ยิ่งสะดวก จะใช้ S Pen วงจุดที่ต้องการจะลบ ลากยากวัตถุ หรือวาดเพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ Sketch to Image ก็ได้หมด

หรือจะวาดภาพขึ้นมาใหม่เพื่อไปใช้งานจริง ก็ใช้ฟีเจอร์ Sketch to Image เปลี่ยนภาพสเก็ตช์ ภาพจริง มาทำต่อได้เช่นกัน พอมี S Pen แล้วทุกอย่างก็ราบรื่นขึ้นมากจริง ๆ จะบอกให้

หรือจะเป็นฟีเจอร์ AI จากทาง Google อย่าง Circle to Search ก็มีให้วงค้นหาได้แบบง่าย ๆ บนจอใหญ่ วงได้สะดวก ไม่ต้องออกจากแอป เพียงแค่กดปุ่มโฮมค้างไว้ (ถ้าใช้รูปแบบ Gesture ก็กดค้างที่แถบด้านล่าง) สามารถหาข้อมูล แปลภาษาทั้งหน้าจอ หรือแก้ไขโจทย์ปัญหาเลขก็ได้เช่นกัน

ด้าน Gemini ก็ยังสามารถเรียกขึ้นมาเพื่อพูดคุย หรือค้นหาข้อมูลได้แบบทันทีผ่านการกดปุ่ม Power ค้างไว้ เหมือนสมาร์ทโฟน Galaxy เลยครับ

ในเรื่องซอฟต์แวร์ Galaxy Tab S11 Ultra ก็ถือว่าจัดเต็มมาให้จริง ๆ ครับ เพราะทั้ง One UI 8 บนพื้นฐาน Android 16 เวอร์ชั่นล่าสุดที่ติดมาตั้งแต่ในกล่อง ไม่ต้องรออัปเดตเพิ่ม ความสามารถ Galaxy AI ที่ยอดเยี่ยม รองรับภาษาไทยครบสมบูรณ์ อีกทั้งในเรื่องการอัปเดตรุ่นนี้ก็เคลมว่ารองรับอัปเดต OS ได้ 7 เวอร์ชั่นและแพทช์ความปลอดภัยนาน 7 ปีเลยด้วย ใช้กันยาว ๆ เลย!

ประสิทธิภาพระดับสูงสุดกับชิป Dimensity 9400+
สำหรับสเปคภายใน Galaxy Tab S11 Ultra ก็ได้อัปเกรดชิปเซ็ตมาเป็น Dimensity 9400+ ชิปเรือธงประสิทธิภาพสูง ที่เคลมว่า CPU เร็วขึ้น 24% GPU แรงขึ้น 27% และ NPU หรือการประมวลผล AI ไวขึ้นอีก 33% ด้วย หายห่วงในการใช้งานหนัก ๆ แน่นอน

เพื่อให้เห็นภาพของประสิทธิภาพที่ Galaxy Tab S11 Ultra คร่าว ๆ เราลองทดสอบผ่านแอป Benchmark ให้เห็นคะแนนจาก AnTuTu Benchmark กันหน่อย ซึ่งคะแนนก็บอกเลยว่าสูงจริง ๆ ได้ไปถึง 2716565 คะแนนกันเลย แรงมาก!

หรืออย่างฝั่ง Geekbench 6 ก็ทำคะแนนด้าน CPU ไปสูงสุด ๆ แบ่งเป็น Single-Core = 2538 และ Multi-Core = 8676 เลยครับ!

ด้วยประสิทธิภาพระดับนี้ การเล่นเกมก็หายห่วงครับ ใช้เล่นเกมฮิต ๆ ในระดับกราฟิกสูงสุด ๆ ได้สบาย แถมความใหญ่เต็มตานี่ก็มอบประสบการณ์ได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ถ้าให้ดี หาอุปกรณ์เสริมอย่างพวกจอยคอนโทรลเลอร์มาเชื่อมต่อแล้วเล่นจริงจังไปเลย ก็จะดีกว่าเนอะ

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 11,600mAh
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Galaxy Tab S11 Ultra ให้แบตฯมาใหญ่ถึง 11,600mAh เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนอีก 400mAh เรียกว่าเหลือ ๆ สำหรับการทำงานทั่วไป หรือจะใช้งานแบบจริงจังแล้วครับ เพราะรุ่นก่อนก็รู้สึกเพียงพอไม่ติดขัด แล้วรุ่นนี้ได้ชิป Dimensity 9400+ ใหม่กับ One UI 8 ที่จัดการพลังงานได้ดีอีก สบายเลย!

ส่วนระบบชาร์จรุ่นนี้ก็ยังได้ระบบชาร์จไวสูงสุด 45W Super Fast Charging 2.0 สูงที่สุดที่ Samsung มีในตอนนี้แล้ว อาจจะไม่ได้หวือหวาในแง่ตัวเลข แต่ชาร์จจริงก็เร็วพอ ไม่ต้องกังวลเท่าไหร่นะ

ราคาเปิดตัว 46,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม!
Galaxy Tab S11 Ultra รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือกแค่สีเทา และมีแค่รุ่น 5G อย่างเดียวเลย ด้วย ส่วนความจุจะมีให้เลือก 2 ความจุกับราคาดังนี้ครับ
- Galaxy Tab S11 Ultra (12GB+256GB) = 46,900 บาท
- Galaxy Tab S11 Ultra (12GB+512GB) = 52,900 บาท (เฉพาะ Samsung Online Store)

สำหรับโปรโมชั่นก็สุดพิเศษครับ เมื่อสั่งซื้อภายในเดือนตุลาคมนี้ จะได้รับ Slim AI Keyboard มูลค่า 6,990 บาท ไปใช้งานกันแบบครบเซ็ตเลยด้วยครับ

สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตเรือธงตัวจบ ทรงพลังแต่บางและพกพาสะดวกอย่างแท้จริง”
สรุปแล้ว Galaxy Tab S11 Ultra ก็ถือเป็นแท็บเล็ตเรือธงสายแอนดรอยด์ตัวจบของจริงในปีนี้ เพราะทั้งประสิทธิภาพที่ได้รับการอัปเกรดสูงสุดด้วยชิปเซ็ต Dimensity 9400+ หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ 14.6″ ที่สว่างสูงสุดได้ 1600nits ซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด One UI 8 บน Android 16 แบบไม่ต้องรออัปเดต มีการปรับดีไซน์ใหม่ ให้บางและเบาลงแบบรู้สึกได้ พอรวมกันแล้วก็เป็นแท็บเล็ตที่ทรงพลังและพกพาได้อย่างสะดวกขึ้นมาก พร้อมให้ใช้งานแบบจัดเต็มกว่าที่เคย
ใครที่กำลังเล็งแท็บเล็ตเรือธงฝั่งแอนดรอยด์ที่มอบประสบการณ์เต็มสูบแบบไม่กั๊กใด ๆ เราว่า Galaxy Tab S11 Ultra คือคำตอบของคุณแน่นอนครับ!
