Galaxy S25 FE เปิดตัวทางการเรียบร้อยในงาน Galaxy Event เป็นน้องคนสุดท้องของ Galaxy S25 Series ทีมงาน iphone-droid.net มีโอกาสได้สัมผัสเครื่องจริงราว 2 ชม. แน่นอนว่าไม่พลาดเก็บความรู้สึกแรกและสรุปจุดเด่นมาให้อ่านกันอีกเช่น เป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจ ในแบบที่แฟน ๆ Samsung ถูกใจแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วมาติดตาม พรีวิว Galaxy S25 FE ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!

ประสบการณ์ระดับเรือธงในงบ 2 หมื่นต้น
สำหรับ Galaxy S25 FE นั้นถูกวางมาให้เป็นเรือธงที่ราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยคำว่า FE นั้นถูกยกระดับให้เป็น Flagship Experience ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะตัวเครื่องนอกจากดีไซน์จะคล้ายกับรุ่นพี่ ๆ แล้ว ประสบการณ์การใช้งานต่าง ๆ ก็ยังถูกยกมาจาก S25 Series แทบทั้งหมด แต่เปิดตัวมาในงบ 2 หมื่นต้นเท่านั้น
อะ…ก่อนจะไปดูตัวเครื่องและฟีเจอร์เราสรุปราคาของ Galaxy S25 FE ก่อนเลยดีกว่า ตัวเครื่องจะมีให้เลือก 2 ความจุคือ 8GB+128GB และ 8GB+256GB ตั้งราคาไว้ดังนี้
- รุ่น 8GB+128GB = 22,900 บาท
- รุ่น 8GB+256GB = 25,900 บาท
ดีไซน์ Galaxy S25 FE
ได้ทราบราคาและโปรโมชั่นกันไปแล้ว ถึงเวลามายลโฉมตัวเครื่องกันเต็ม ๆ แล้วล่ะ Galaxy S25 FE ในปีนี้ก็ยังคงมาในทรงหรูหราเช่นเดียวกับรุ่นพี่ S25 Series เหมือนเดิม ใช้กรอบเครื่องเหลี่ยม ฝาหลัง-หน้าจอแบนราบ พร้อมกับวัสดุเกรดสูงที่แค่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นระดับเรือธงจริง ๆ

โดยสีสันรอบนี้จะมีให้เลือกมากถึง 4 สี ได้แก่ Navy, Icyblue, White และ Jetblack ซึ่งแต่ละสีจะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไปเลย และรอบนี้ทั้ง 4 สีจะให้กรอบเครื่องเป็นสีเงินและฝาหลังผิวด้านมาทั้งหมด เพิ่มมิติของสีฝาหลังได้เป็นอย่างดีทีเดียว

อย่างสีไฮไลท์ของรอบนี้กับ Navy โทนกรมท่า หรือน้ำเงินเข้มที่ยกมาจาก Galaxy S25 และ S25+ เลย มีความเป็น Samsung สูงมาก แต่พอตัดขอบด้วยสีเงินก็ให้ความรู้สึกที่สดใหม่ขึ้น สวยลงตัวมาก ๆ ครับ


หรือจะเป็นสีฟ้า Icyblue ที่เคยเป็นไฮไลท์ในรุ่นที่แล้ว ปีนี้ก็ยังมาในโทนเดิม ให้คนที่ชอบความเรียบง่ายแบบไม่ฉูดฉาด แต่ก็ไม่อยากได้ความเรียบจนเกินไป ขอสีฟ้าอ่อน ๆ เข้ามาแทรกสักนิด


แต่ถ้าอยากได้แบบเรียบสนิท สี White หรือสีขาวก็ยังมีให้เลือกด้วย เป็นตัวเลือกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากปีที่แล้ว อันนี้เป็นสีขาวเนียนเลย อยู่กับกรอบเครื่องสีเงินก็ได้ความเรียบง่ายแบบคลาสสิคจริง ๆ


และปิดท้ายกับสี Jetblack คมเข้ม ที่ดึงมาจาก S25 Ultra เลยก็ว่าได้ เป็นสีดำด้านที่สวยหรูมาก พอตัดกับกรอบเครื่องสีเงินแล้วได้อารมณ์ใหม่ไปจากรุ่นพี่ (S25 Ultra กรอบสีเทาไทเทเนียม) เป็นอีกสีที่ทำออกมาได้ดีจริง ๆ ในรอบนี้ครับ


ที่หน้าจอ Galaxy S25 FE ใช้จอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7″ เท่าเดิม และมีการลดขอบจอตัวเครื่องลงมาได้อีก ทำให้ได้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยมมากขึ้น มอบประสบการณ์ระดับเรือธงได้มากขึ้นจริง ๆ นะตรงนี้

ด้านการแสดงผลจอ Samsung ก็ไว้ใจเสมอมาอยู่แล้ว ความละเอียด FHD+ สวยคม ลื่นไหล 120Hz แถมยังได้ความสว่างสูงสุดถึง 1900nits ก็ช่วยให้ใช้งานสู้แสงมาก ๆ ได้ดี บันเทิงได้อย่างถึงใจเลยล่ะ

ขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องก็ปรับมาให้บางและเบาลงด้วย โดยน้ำหนักของ Galaxy S25 FE รอบนี้จะลดลงมาเหลือ 190 กรัมเท่านั้น เทียบกับ 213 กรัมของรุ่นก่อนก็ถือว่า จับถนัดมือขึ้นเยอะเลยล่ะครับ

รอบ ๆ เครื่องก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมนัก ปุ่มกดอยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่องแบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงยาว ๆ และปุ่ม Power ยังไม่มีปุ่มใหม่อะไรเพิ่มเติมเนาะ

ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C ไมโครโฟน ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และช่องใส่ซิมการ์ดแบบเดียวกับรุ่นพี่ S25 Series นั่นแหละครับ

ส่วนด้านบนจะเหลือไมโครตัดเสียงรบกวน 2 รูและแถบเสาอากาศเท่านั้น เพราะช่องใส่ซิมขยับไปอยู่ด้านล่างอย่างที่บอกเนอะ

อ๊ะ…เกือบลืม โมดูลกล้องของ Galaxy S25 FE รอบนี้ก็มีการปรับมาใช้กรอบเลนส์แบบเรียบ ๆ ไม่มีวงแหวนใหญ่ ๆ แบบ S25 Series แล้วด้วยนะ กล้องอาจจะไม่ดูอลังการเท่า แต่ถ้าดูภาพรวมก็รู้สึกถึงความ minimal ที่เข้าถึงได้มากกว่าเดิมอีกหน่อยล่ะนะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy S25 FE ก็ถือว่าอัปเกรดให้ดีขึ้น เพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมของงานประกอบและฟิลลิ่งในการจับถือได้ดี บวกกับสีสันที่ดูจริงจังกว่าเดิม เป็นโทนทางการคล้ายกับ S25 Series ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ได้กรอบเครื่องสีเงินตัดเสริมให้ดูมีชีวิตชีวาอีกหน่อย

ซอฟต์แวร์ Galaxy S25 FE
ด้านซอฟต์แวร์ Galaxy S25 FE ได้ One UI 8 บนพื้นฐาน Android 16 มาเลยครับ ก็รุ่นล่าสุดทั้งทีนี้เนอะ เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับของ Z Fold7 และ Z Flip7 นะครับ อันนี้ใหม่กว่ารุ่นพี่ S25 Series ทั้ง 3 รุ่นอีกแหละ

แม้ UI การใช้งานจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปแบบชัดเจนนัก ยังคงมีไอคอนสีสันฉูดฉาด แต่ถือว่าได้เวอร์ชั่นล่าสุดไม่ต้องรออัปเดตเหมือนรุ่นพี่ ๆ ล่ะเนอะ อันนี้เจ๋งเลย

ด้านฟีเจอร์ Galaxy AI ก็มีมาให้ใช้งานครบเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้านแปลภาษา มี Call Assist, Chat Assist, Interpreter หรือผู้ช่วย Galaxy AI ที่ได้ Gemini เวอร์ชั่นใหม่ สามารถเปิดกล้องสื่อสารกันได้ หรือจะแชร์หน้าจอพูดคุยข้อมูลที่สนใจก็ได้เช่นกัน

การตกแต่งภาพ Galaxy S25 FE ก็มี Generative Edit สุดเก่งกาจ มาให้ลบคน ลบวัตถุ ออกจากในภาพได้อย่างแนบเนียน จะวาดเสริมเติมแต่งด้วย Sketch to Image ก็พร้อม หรือจะเปลี่ยนภาพถ่ายเป็นภาพวาดสไตล์ต่าง ๆ Portrait Studio ก็มีด้วย

กล้อง Galaxy S25 FE
เข้าเรื่องกล้อง Galaxy S25 FE ยังคงได้กล้องหลังมา 3 ตัวชุดเดิมจากรุ่นก่อน แต่จะได้อัปเกรดหลัก ๆ ตรงกล้องหน้าแทนในรอบนี้ กล้องทั้ง 4 ตัวจะมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
- 50MP กล้องหลัก f/1.8, OIS
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 8MP กล้อง Tele 3x f/2.4
- 12MP กล้องหน้า f/2.2

อย่างที่เห็นครับ กล้องหลัง 3 ตัวยังเป็นชุดเดิมกับรุ่นก่อนเลย แต่ก็เป็นชุด 3 ตัวที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งจุดเด่นยังคงเป็นกล้องตัวหลัก 50MP ที่ชูว่าได้คุณภาพสูง เก็บรายละเอียดมาได้ครบ



ส่วนการถ่ายคนหรือ Portrait บน Galaxy S25 FE ก็ชูจุดเด่นในเรื่อง Skin Tone ที่สวยเป็นธรรมชาติ ผิวเนียนแบบไม่ปรุงแต่งจนเกินไป อีกทั้งยังได้เปรียบในเรื่องของระยะที่ใช้งานได้ครบ 1x/2x/3x อีกต่างหาก






คุณภาพการซูม Galaxy S25 FE ยังสามารถซูมได้สูงสุดที่ 30x เหมือนเดิม คุณภาพก็อยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ครับ ด้วยกล้อง Tele 8MP ก็ไม่ได้หวือหวานัก แต่ถ้ามองว่าสามารถซูมเข้าไปใกล้ ๆ ได้ก็รับได้อยู่เนอะ







สเปค Galaxy S25 FE
ปิดท้ายที่เรื่องสเปค Galaxy S25 FE ปรับมาใช้ชิปเซ็ต Exynos 2400 ตัวเต็ม (ไม่มี e ตามท้าย) เป็นตัวเดียวกับ Galaxy S24+ เลยนั่นแหละครับ ยังคงแรงเหลือ ๆ ในปีนี้ ตัวชิปจะจัดการความร้อนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนเนาะ

นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนภายใน Vapor Chamber ของ Galaxy S25 FE ยังได้รับการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอีก 13% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนด้วย ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้ดีขึ้น

และอีกจุดที่ได้อัปเกรดในปีนี้ก็คือแบตเตอรี่ครับ Galaxy S25 FE ได้ความจุแบตฯ เพิ่มมาเป็น 4900mAh (จากเดิม 4700mAh) ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีก รวมถึงระบบชาร์จก็ได้แบบ 45W Super Fast Charge 2.0 มาด้วยนะ

สรุปสเปค Galaxy S25 FE
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7”
- ความละเอียด : FHD+ ความสว่างสูงสุด 1,900nits
- refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Exynos 2400 Deca-Core ความเร็ว 3.2GHz (4nm)
- RAM : 8GB
- Storage : 128GB/256GB
- แบตเตอรี่ : 4,900 mAh
- ระบบชาร์จ : รองรับสูงสุด 45W Super Fast Charge 2.0
- กล้องหน้า : 12MP f/2.2
- กล้องหลัง 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก f/1.8
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 8MP กล้อง Tele 3x f/2.4
- มาตรฐานกันน้ำ : IP68
- ระบบปฎิบัติการ : Android 16 (One UI 8.0)
- สีสัน : Navy, Icyblue, White, Jetblack

ทั้งหมดนี้ก็คือ พรีวิวแรกสัมผัสของ Galaxy S25 FE เป็นรุ่น S25 Series งบ 2 หมื่นต้นใหม่ ที่มอบประสบการณ์เรือธงได้อย่างครบถ้วนจริง ๆ น่าประทับใจทั้งในเรื่องดีไซน์งานประกอบที่ลงตัวขึ้น ฟีเจอร์ด้านการทำงาน รวมถึง Galaxy AI ที่ไม่แพ้รุ่นพี่ที่ออกมาก่อน เหมาะกับแฟน ๆ Samsung ที่ต้องการความเป็นเรือธง แต่ไม่ต้องจ่ายด้วยงบสูงสุดจริง ๆ ครับ!