ซัมซุง กาแลคซี่ เอส (Samsung Galaxy S) เปิดไทม์ไลน์ รุ่นแรก สู่เรือธง S25 Series

โดย Wattana S.

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส (Samsung Galaxy S) รุ่นแรก จนถึง S25 ในปีนี้ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพาทุกคนย้อนไปดูตำนาน สมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ไปดูกันว่าแต่ละรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส

สำหรับแฟนๆ ซัมซุง กาแลคซี่ น่าจะกันได้ว่า Samsung ได้มีเปิดตัวรุ่นใหม่ทุกปี และมีการอัปเกรดสเปค เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าไม่หยุดพัฒนากันเลย ทำให้รุ่นใหม่ก็มักกจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

ซัมซุง กาแลคซี่ รุ่นน่าใช้ในแต่ละยุค (Best of the Era)

ยุครุ่นแนะนำจุดเด่น
2009 – 2011Galaxy S2เร็ว แรง บางเฉียบ จอ Super AMOLED ครั้งแรก
2012 – 2014Galaxy S3 / Note 3S3 เป็นที่นิยมมหาศาล, Note 3 เริ่มยุค “มือถือจอใหญ่ + S Pen”
2015 – 2016Galaxy S6 Edgeดีไซน์จอโค้งสองข้าง แปลกใหม่และสวยงามมาก
2017 – 2018Galaxy S8จอ Infinity Display เปลี่ยนดีไซน์สมาร์ตโฟนไปตลอดกาล
2019 – 2020Galaxy S20 Ultraกล้อง 100X Space Zoom + สเปคแรงสุดขีด
2021 – 2022Galaxy Z Fold3มือถือพับได้รุ่นแรกที่รองรับ S Pen ใช้งานได้แบบแท็บเล็ต
2023Galaxy S23 Ultraกล้อง 200MP + ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม สมดุลทุกด้าน
2024 – 2025Galaxy S25 Ultraกล้อง-จอ-AI รวมพลังเต็มพิกัด พร้อมฟีเจอร์ Galaxy AI
Samsung Galaxy S1

Samsung Galaxy S1

ในเดือนมีนาคม ปี 2010 นับเป็นจุดเริ่มต้นของสมาร์ทโฟน Galaxy S1 ซึ่งเจ้ารุ่นแรกนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 2.1 Eclair มีหน้าจอแสดงผลขนาด 4 นิ้ว และกล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าในตอนนั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่จะมาทำตลาดท้าชนกับ iPhone จาก Apple เลยก็ว่าได้

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส II

Samsung Galaxy S II

ในเดือนเมษายน ปี 2011 สมาร์ทโฟนผู้มาสานต่อความเร็จต่อจากรุ่นแรกของ ซัมซุง กาแลคซี่ มาพร้อม Android 2.3 Gingerbread ซีพียูแบบ Dual-core และกล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล นับเป็นสมาร์ทโฟนที่สเปคดี ดีไซน์สวย และขายดีมากในตอนนั้น

S III

Samsung Galaxy S III

ในปี 2012 สมาร์ทโฟนหน้าจอสวยคมชัด Super AMOLED HD ก็มาอยู่บนสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4.8 นิ้ว มาพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวที่สั่งงานด้วยเสียง S Voice และรันระบบปฏิบัติการ Android 4.0 Ice Cream Sandwich ซีพียู Quad-core ซึ่งในรุ่นนี้ก็มีการปรับดีไซน์ใหม่ด้วย ให้มีขอบตัวเครื่องที่โค้งมน จับถนัดมือมากขึ้น

S4

Samsung Galaxy S4

ในปี 2013 มีการปรับปรุงสเปคและฟีเจอร์ใหม่ที่อาจเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ก็ว่าได้ โดยรุ่นนี้มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD และเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยด้วยฟีเจอร์ Dual Camera ที่ถ่ายรูปหรือวิดีโอจากกล้องหลังและกล้องหน้าได้พร้อมกัน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์การควบคุมหน้าด้วยสายตาที่เรียกว่า Smart Pause / Smart Scrolling

Galaxy S5

Samsung Galaxy S5

ในปี 2014 เรียกเสียงฮือฮาได้กับแฟน ๆ ได้อีกครั้ง (แม้ในช่วงแรกจะมีเสียงบ่นไม่ชอบลายฝาหลังก็ตาม) เมื่อเจ้ารุ่นนี้มีคุณสมบัติกันฝุ่นกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 และมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือที่ปุ่มโฮม ส่วนด้านหลังก็มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยปลายนิ้วมือ

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6

Samsung Galaxy S6 และ S6 edge

ในปี 2015 การดีไซน์ของสมาร์ทโฟนในซีรีส์นี้ก็เปลี่ยนไป หันมาใช้กระจกทั้งตัวและกรอบเป็นโลหะ โดยความพิเศษของรุ่น S6 edge คือมีขอบจอโค้งทั้ง 2 ข้างเป็นรุ่นแรก และสเปคของทั้งคู่เรียกได้ว่าจัดเต็มมากๆ หน้าจอคมชัด 2K แต่ถูกตัดฟีเจอร์กันน้ำออกไป

S7 edge

Samsung Galaxy S7 และ S7 edge

ในปี 2016 สมาร์ทโฟนเรือธงในซีรีส์นี้ก็เริ่มเน้นไปที่ฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปมากขึ้น ด้วยกล้อง f/1.7 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังนำฟีเจอร์กันน้ำได้กลับมาด้วย ซึ่งกันน้ำได้ดีขึ้นตามมาตรฐาน IP68 และรองรับ LTE Cat.9

Samsung Galaxy S8 และ S8+

Samsung Galaxy S8 และ S8+

สมาร์ทโฟนที่มีการขยายพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้มีขนาดใหญ่ขึ้นที่เรียกว่า Infinity Display ในอัตราส่วน 18.5:9 โดยที่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่ตาม มุมขอบจอก็โค้งด้วย มีระบบเซ็นเซอร์สแกนม่านตา ซึ่งม่านตาของคนเราเป็นการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ และไม่สามารถลอกเลียนได้ ส่วนเลนส์กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบออโต้โฟกัส จากเดิมในรุ่น Galaxy S7 จะมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบบฟิกโฟกัส

Samsung Galaxy S9 และ S9+

Samsung Galaxy S9 และ S9+

Galaxy S9 และ S9+ เปิดตัวในปี 2018 เรียกเสียงฮือฮาให้กับแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยการชูจุดเด่นหลานด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องถ่ายรูปที่พัฒนาไปอีกขั้น สามารถสลับสลับรูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 ได้ และการบันทีกวิดีโอ Super Slow-mo ที่ความเร็ว 960fps โดยฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอยกันมานานคือลำโพงสเตอริโอ และเทคโนโลยีเสียง Dolby Surround sound

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส S10e, S10, S10+ และ S10 5G

Samsung Galaxy S10e, S10, S10+ และ S10 5G

Galaxy S10 Series เปิดตัวในปี 2019 มีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอ ที่มีการดีไซน์แบบ Infinity-O Display เป็นการเจาะรูบนหน้าจอ AMOLED ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Samsung ที่ยังคงให้สีสันของภาพสวยงามเหมือนเดิม ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่เป็นการเจาะรูบนหน้าหน้าจอ LCD ที่สามารถทำได้ง่ายกว่า

  • Galaxy S10+ ขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว
  • Galaxy S10 ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว
  • Galaxy S10e ขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว

โดยสเปคกล้องของ Galaxy S10+ และ S10 จะมีด้วยกัน 3 ตัวด้านหลัง Telephoto + Wide + Ultra Wide แถมเป็นเครื่องแรกของโลกที่รองรับมาตรฐานการถ่ายวิดีโอ HDR10+ ในขณะที่ S10e จะไม่มีกล้อง Telephoto แต่ว่าทั้ง 3 รุ่น จะมี Bright Night โหมดสำหรับถ่ายภาพกลางคืน

S20, S20+ และ S20 Ultra

Samsung Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra

Galaxy S20 Series เปิดตัวในปี 2020 ทุกรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอโค้งแบบ Infinity-O ชนิด Dynamic AMOLED รองรับ HDR10+ โดยตัวท็อปสุดอย่าง Galaxy S20 Ultra 5G จะมีความพิเศษอีกนิดหน่อยคือการฝังตัวอัปกษร Space Zoom 100x บริเวณโมดูลกล้องด้านหลังด้วย

Galaxy S20 Ultra 5G จะมี 4 กล้องหลัง กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล + เลนส์ Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + ToF โดยสามารถ Hybrid Optic Zoom ได้ 10 เท่า, Space Zoom ได้ 100 เท่า และถ่ายวิดีโอ 8K ได้

S21, S21+ และ S21 Ultra

Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra

Galaxy S21 Series เปิดตัวในปี 2021 มาพร้อม Infinity-O ชนิด Dynamic AMOLED 2x รองรับ Refresh Rate 120Hz แบบปรับได้ โดย S21 และ S21+ จะเป็นจอแบนมีขนาดอยู่ที่ 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ ขณะที่รุ่นพี่อย่าง Galaxy S21 Ultra จะเป็นจอโค้งมีขนาด 6.8 นิ้ว ทั้งยังรองรับปากกา S Pen อีกด้วย

ฟีเจอร์กล้องหลังของ Galaxy S21 Ultra นั้นคล้ายกับ S21 และ S21+ แต่จะรองรับการถ่าย 4K 60FPS ในทุกเลนส์, Space Zoom สูงสุด 100 เท่า ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพด้านการซูมมาแล้ว รวมถึงการถ่ายภาพในระดับ HDR 10 Bit ได้

S22, S22+ และ S22 Ultra

Samsung Galaxy S22, S22+ และ S22 Ultra

Galaxy S22 Series เปิดตัวในปี 2022 รุ่นท็อปสุดในตระกูลอย่าง Galaxy S22 Ultra ที่ใช้ดีไซน์ทรงเหลี่ยมคล้ายกับ Galaxy Note Series และโมดูลกล้องหลังก็หายไปเหลือแต่เพียงการใส่เลนส์เข้าไปในฝาหลัง ความพิเศษที่ไม่บอกไม่ได้เลยคือการมาพร้อมปากกา S Pen ที่ฝังอยู่ในตัวเครื่องฝั่งซ้ายด้วย

ทุกรุ่นมาจะมาพร้อม Snapdragon 8 Gen 1 หรือ Exynos 2200 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ และรันระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4 ในวันเปิดตัว โดยรองรับการอัปเกรดเป็น One UI 5

Samsung Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra

Samsung Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra

Galaxy S23 Series เปิดตัวในปี 2023 เริ่มกันด้วยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Galaxy S23 Ultra ดีไซน์ภาพรวมยังคล้ายกับ S22 Ultra แต่ตัวเครื่องจะมีความเหลี่ยมมากขึ้นเพื่อให้จับได้ถนัดมือกว่าเดิม รวมถึงหน้าจอก็ยังมีความโค้งลดลงเล็กน้อย น่าจะถูกใจคนที่ขอหน้าจอแบนๆ เพื่อจะได้เขียนด้วย S Pen ถนัดๆ

สำหรับ Galaxy S23 และ S23+ มีหน้จอขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.6 นิ้ว ตามลำดับ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นที่ 2 สเปคภายในเหมือนกันทุกอย่าง โดยจะใช้เป็นชิปรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy เหมือนกันทุกรุ่น

Samsung Galaxy S24, S24+ และ S24 Ultra

Samsung Galaxy S24, S24+ และ S24 Ultra

Samsung Galaxy S24 Series เปิดตัวในเดือนมกราคม 2024 โดยมี 3 รุ่นหลัก ได้แก่ Galaxy S24, S24+ และ S24 Ultra ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดย Galaxy S24 ขนาดกะทัดรัด ในขณะที่ Galaxy S24+ หน้าจอใหญ่ขึ้น และ Galaxy S24 Ultra มีกล้องความละเอียดสูง รองรับ S Pen และวัสดุพรีเมียม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

Samsung Galaxy S25, S25+ และ S25 Ultra

Samsung Galaxy S25, S25+ และ S25 Ultra

Samsung Galaxy S25 Series เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยมี 3 รุ่นหลัก ได้แก่ Galaxy S25, S25+ และ S25 Ultra ซึ่งมาพร้อมกับการอัปเกรดที่โดดเด่นในด้าน AI, กล้อง, และดีไซน์ที่พรีเมียมขึ้น

โดยฟีเจอร์ Galaxy AI ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ Live Translate แปลภาษาแบบเรียลไทม์ระหว่างการโทร หรือจะเป็น Circle to Search ค้นหาข้อมูลโดยการวงกลมบนหน้าจอ รวมไปถึง Note Assist สรุปและจัดระเบียบโน้ตอัตโนมัติ อีกทังยังแก้ไขภาพด้วย AI เช่น ลบวัตถุหรือปรับแต่งภาพ เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ Galaxy S1 รุ่นแรกมาจนถึง Galaxy S25 รุ่นล่าสุด และเราได้เห็นสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นใหม่ในปีนี้ ที่มีการอัปเกรดหลายด้านที่น่าสนใจมากๆ อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และ X @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More