ในปี 2025 นี้ เทคโนโลยี 5G กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว! หากคุณกำลังมองหา มือถือ 5G ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ที่ใช้งานลื่น เล่นโซเชียลสบาย ดูหนังฟังเพลงไม่สะดุด เรารวมมาให้แล้วกับ 5 รุ่นสุดคุ้ม ที่น่าซื้อที่สุดในช่วงกลางปีนี้!

อัปเดตราคาล่าสุด มือถือ 5G ไม่เกิน 5,000 บาท
Redmi 13C 5G
OPPO A79 5G
realme 12x 5G
Samsung Galaxy A16 5G
HMD CREST 5G
แนะนำมือถือ 5G ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ปี 2025 รุ่นเด็ดจาก OPPO, Samsung, Redmi, realme และ HMD สเปกคุ้ม ราคาประหยัด
มือถือ 5G รุ่น 5,000 บาท น่าซื้อปี 2025
OPPO A79 5G – ดีไซน์หรู กล้องสวย แบตอึด

มือถือ 5G ที่มาพร้อมความพรีเมียมทั้งภายนอกและภายใน เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่าทั้งการใช้งานและรูปลักษณ์
- กล้องหลัง 50MP + AI ถ่ายภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อย
- หน้าจอใหญ่ 6.72” FHD+ รีเฟรชเรต 90Hz ใช้งานลื่น ตอบสนองไว
- ชิป Dimensity 6020 + RAM 4GB (ขยายได้ด้วย RAM เสมือน)
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh + ชาร์จไว 33W SuperVOOC
- ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. พร้อมลำโพงสเตอริโอ
เหมาะกับ: คนที่ชอบดีไซน์หรู กล้องสวย และชาร์จเร็วในงบประหยัด
Samsung Galaxy A16 5G – รองรับอัปเดตยาวๆ

มือถือจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้ มั่นใจในระยะยาว ด้วยการรองรับอัปเดตและการดูแลหลังการขายจาก Samsung
- หน้าจอ 6.7” Super AMOLED, FHD+ รีเฟรชเรต 90Hz
- ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6300 ทำงานได้ลื่นในระดับใช้งานทั่วไป
- กล้องหลัง 50MP + 5MP + 2MP พร้อมกล้องหน้า 13MP สำหรับเซลฟี่
- แบต 5,000 mAh ใช้งานได้ยาว + ชาร์จเร็ว 25W
- รองรับระบบสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
เหมาะกับ: ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการเครื่องน่าเชื่อถือ ใช้ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
Redmi 13C 5G – สเปกคุ้มที่สุดในงบจำกัด

มือถือ 5G ราคาถูกที่สุดในกลุ่ม แต่ได้สเปกแบบจัดเต็ม เหมาะสำหรับนักเรียน-นักศึกษา หรือคนงบน้อยที่อยากลองใช้ 5G
- ชิป MediaTek Dimensity 6100+ เร็วพอสำหรับเล่นเกมเบาๆ และโซเชียล
- จอ 6.74” HD+ รีเฟรชเรต 90Hz ตอบสนองไว ดูวิดีโอเต็มตา
- กล้องหลัง 50MP + AI พร้อมกล้องหน้า 5MP
- แบต 5,000 mAh ใช้ได้นาน พร้อมชาร์จไว 18W
- มีโหมดเกม ช่วยรีดประสิทธิภาพในขณะเล่น
เหมาะกับ: คนงบน้อยที่อยากได้มือถือ 5G ราคาไม่แรง แต่ใช้งานได้ครบทุกด้าน
HMD Crest 5G – จากผู้สืบทอด Nokia

มือถือจาก HMD Global แบรนด์ผู้ผลิตเดิมของ Nokia เน้นความเสถียรและทนทานในราคาที่เข้าถึงได้
- หน้าจอ 6.67” FHD, 90Hz ดูคอนเทนต์สบายตา
- ชิป Unisoc T760 รองรับ 5G พร้อม RAM 6GB
- กล้องหลังคู่ 50MP + 2MP ใช้งานได้ดี
- แบต 5,000 mAh ใช้งานได้ทั้งวัน พร้อมชาร์จเร็ว 33W
- ใช้ Android ไม่มีแอปขยะ
เหมาะกับ: ผู้สูงอายุ, เด็กนักเรียน หรือคนที่ต้องการมือถือเน้นความเสถียร
realme 12x 5G – สเปกแน่น ดีไซน์พรีเมียม

มือถือรุ่นท็อปสุดในงบ 5,000 บาท ที่ให้ความแรงครบทั้งจอ กล้อง และชาร์จ
- ชิป MediaTek Dimensity 6100+ แรงพอสำหรับเล่นเกมทั่วไป
- หน้าจอใหญ่ 6.67” HD+ รีเฟรชเรต 120Hz ลื่นสุดในกลุ่ม
- กล้องหลัง 50MP + AI / กล้องหน้า 8MP
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh + ชาร์จไว 15W
- มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง พร้อมระบบเสียง UltraBoom
เหมาะกับ: คนที่ต้องการมือถือ 5G ที่ “เกินคุ้ม” ทั้งหน้าจอ กล้อง และดีไซน์
ตารางเปรียบเทียบมือถือ 5G งบ 5,000 บาท
รุ่น | หน้าจอ | ชิปเซ็ต | กล้องหลัง | ลิงก์ซื้อ |
---|---|---|---|---|
OPPO A79 5G | 6.72″ FHD+, 90Hz | Dimensity 6020 | 50MP + AI | คลิกซื้อ |
Samsung Galaxy A16 5G | 6.7″ FHD+, 90Hz | Dimensity 6300 | 50MP + 5MP + 2MP | คลิกซื้อ |
Redmi 13C 5G | 6.74″ HD+, 90Hz | Dimensity 6100+ | 50MP + AI | คลิกซื้อ |
HMD Crest 5G | 6.67″ FHD+, 90Hz | Unisoc T760 | 50MP + 2MP | คลิกซื้อ |
realme 12x 5G | 6.67″ HD+, 120Hz | Dimensity 6100+ | 50MP + AI | คลิกซื้อ |
วิธีเลือกซื้อมือถือ 5G ให้คุ้มที่สุด
การเลือกซื้อ มือถือ 5G ราคาไม่เกิน 5,000 บาท แม้จะเป็นงบประหยัด แต่ก็สามารถได้ของดีถ้าเลือกให้ถูกหลัก! นี่คือ วิธีเลือกซื้อมือถือ 5G ให้คุ้มที่สุดในปี 2025
1. ตรวจสอบชิปประมวลผล (CPU)
จุดสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความเร็วและลื่นไหลของเครื่อง
- มองหาชิปอย่าง MediaTek Dimensity 6100+, 6020 หรือ Unisoc T760 ที่รองรับ 5G และให้ความเร็วเพียงพอสำหรับใช้งานทั่วไป
- อย่าลืมดู “คะแนน Antutu” หรือดู “รีวิวประสิทธิภาพ” จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
2. RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล (ROM)
มีผลต่อการใช้งานหลายแอปพร้อมกันและพื้นที่ติดตั้งแอปต่างๆ
- RAM ควรมีอย่างน้อย 4GB (ถ้าได้ 6GB ขึ้นไปจะดีมาก)
- ROM ควรมีขั้นต่ำ 128GB เพื่อไม่ต้องลบรูป/แอปบ่อยๆ
- รองรับ microSD card ได้จะยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
3. หน้าจอ
ขนาดและความลื่นของหน้าจอช่วยให้ใช้งานสบายตา
- ขนาด 6.5” ขึ้นไป เหมาะกับคนดูวิดีโอ เล่นโซเชียล
- รีเฟรชเรต 90Hz หรือ 120Hz จะทำให้การเลื่อนหน้าจอลื่นกว่าจอ 60Hz
- ความละเอียด HD+ หรือ FHD+ ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
4. กล้องถ่ายรูป
แม้งบน้อย แต่กล้องดีจะช่วยให้การถ่ายรูปสนุกขึ้น
- กล้องหลัก ควร 50MP ขึ้นไป จะช่วยให้ภาพชัดแม้ในสภาพแสงน้อย
- กล้องหน้าอย่างน้อย 5MP – 8MP สำหรับสายเซลฟี่หรือวิดีโอคอล
5. แบตเตอรี่และการชาร์จ
ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องพกแบตสำรอง
- แบตเตอรี่ ควร 5,000 mAh ขึ้นไป
- รองรับชาร์จไวอย่างน้อย 18W – 33W จะช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก
6. การอัปเดตและแบรนด์
เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ
- แบรนด์ที่น่าสนใจ เช่น Samsung, OPPO, realme, Redmi หรือแบรนด์ใหม่อย่าง HMD ที่มีพื้นฐานจาก Nokia
- รุ่นที่มี Android เวอร์ชันใหม่ หรือ Android Go/Android One จะเบาเครื่องและได้อัปเดตได้นานกว่า
7. การรับประกันและศูนย์บริการ
เรื่องนี้สำคัญโดยเฉพาะในระยะยาว
- ตรวจสอบว่าเครื่องมี รับประกัน 1 ปีหรือไม่
- เลือกซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มี รีวิวดี และ ออกใบเสร็จถูกต้อง
สรุป: มือถือ 5G ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ปี 2025 รุ่นไหนน่าซื้อที่สุด?
- เน้นกล้อง: เลือก OPPO A79 5G หรือ realme 12x 5G
- เน้นแบรนด์: Samsung Galaxy A16 5G
- เน้นราคาถูกสุด: Redmi 13C 5G
- อยากลองแบรนด์ใหม่: HMD Crest 5G
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ มือถือ 5G ราคาไม่เกิน 5,000 บาท
ใช้ได้จริงครับ โดยรุ่นใหม่ๆ มีการรองรับเครือข่าย 5G อย่างเต็มรูปแบบ แม้จะอยู่ในช่วงราคาประหยัด เช่น realme 12x 5G, Redmi 13C 5G หรือ Samsung Galaxy A16 5G
ส่วนใหญ่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น โซเชียล ดูวิดีโอ ถ่ายรูป และเล่นเกมเบาๆ ชิปเซ็ต เช่น Dimensity 6100+, 6020 หรือ 6300 ให้ประสบการณ์ที่ลื่นพอสมควรในเรทราคานี้
คุ้มครับ หลายรุ่นให้กล้องหลัก 50MP ที่ถ่ายได้คมชัดในสภาพแสงปกติ เช่น OPPO A79 5G, Redmi 13C 5G หรือ HMD Crest 5G ซึ่งรองรับ AI ช่วยประมวลผลภาพให้สวยขึ้น
มีผลเรื่องความคมชัด หากดูวิดีโอหรืออ่านข้อความบ่อยๆ จอ FHD+ (เช่น OPPO A79 5G, HMD Crest 5G) จะให้ภาพที่คมชัดกว่าจอ HD+ แต่ HD+ ก็ยังเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
แนะนำ HMD Crest 5G เพราะใช้ Android แบบสะอาด ไม่มีแอปขยะ ทำงานเสถียร และแบตอึด เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งกับอะไรซับซ้อน
รุ่นจากแบรนด์ใหญ่ เช่น Samsung Galaxy A16 5G จะได้เปรียบเรื่องการอัปเดตระบบและความปลอดภัย เพราะแบรนด์มีนโยบายรองรับระยะยาว
ควรซื้อจากร้านที่มีรีวิวดีและเป็นร้านแนะนำ (เช่น Shopee Mall, LazMall หรือร้านทางการของแบรนด์) เพื่อลดความเสี่ยงในการได้ของปลอมหรือหมดประกัน