Connect with us

Smart Review

รีวิว Apple Watch Series 9 ฉลาดขึ้น | สว่างขึ้น | ทรงพลังขึ้น

Published

on

รีวิว Apple Watch Series 9 สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดจาก Apple รอบนี้มีการอัปเกรดเพิ่มเติมจาก Series 8 อยู่หลายจุดให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งหน้าจอที่สว่างขึ้น, ชิปที่ทรงพลังกว่าเดิม หรือฟีเจอร์ที่ฉลาดตอบโจทย์การใช้งานขึ้นอีก ในรูปลักษณ์เดิมที่เป็นเอกลักษณ์

การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ใครที่ควรเปลี่ยนมาใช้ รีวิว Apple Watch Series 9 นี้บอกหมด ติดตามครับ!

สรุปสเปค Apple Watch Series 9 (45 มม.)

  • ขนาดตัวเรือน : 45 x 38 x 10.7 มม.
  • น้ำหนัก : 39 กรัม
  • วัสดุตัวเรือน : อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% 
  • หน้าจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบติดตลอดขนาด 45 มม. ความละเอียด 396 x 484 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต
  • หน่วยประมวลผล : Apple S9 Dual‑core 64 บิต พร้อมชิพระบบไร้สาย W3 | ชิป Ultra Wide Band รุ่นที่ 2 | Neural Engine แบบ 4-Core
  • ความจุ : 64GB
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3, WiFi 802.11b/g/n 2.4GHz และ 5GHz | LTE/UMTS6
    (รุ่น GPS + Cellular)
  • เซ็นเซอร์
  • เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด
  • เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอล รุ่นที่ 3
  • อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง (ตรวจจับการล้มและการตรวจจับการชนกัน)
  • มาตรวัดความสูงแบบทํางานตลอด
  • GPS ย่าน L1, GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
  • เข็มทิศ
  • เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง
  • มีมาตรฐานกันน้ำลึก 50 เมตร
  • ระบบปฏิบัติการ WatchOS 10

แกะกล่อง Apple Watch Series 9

แพ็กเกจของ Apple Watch Series 9 นั้นมาพร้อมกล่องกระดาษที่มีความรักษ์โลกเหมือนเดิมและรอบนี้ตัวกล่องก็ลดขนาดลงอีกหน่อยด้วย และด้วยความที่รอบนี้ Apple Watch Series 9 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนเลยมีโลโก้ที่ติดอยู่ที่กล่องด้วยเลยครับ

เปิดกล่องออกมาจะเจอกับกล่องตัวเรือนและสายที่ระบุสีสันภายในไว้ชัดเจน รุ่นที่เราได้มาก็เป็นสีมิดไนท์พร้อมสายผ้าแบบ Sport Loop ในสีฟ้าวินเทอร์นั่นเองครับ

เปิดกล่องของตัวเรือนเราจะเจอกับ Apple Watch Series 9 อยู่ในซองอย่างดีและอีกฝั่งจะเป็นสายชาร์จพอร์ต USB-C นั่นเองครับ

ส่วนกล่องที่เป็นสายก็มีสายอยู่ภายในพร้อมเอกสารคู่มือเล็กน้อย สาย Sport Loop แบบผ้าก็จะเป็นไนลอนถักที่มีนุ่มกำลังดีและสีฟ้าวินเทอร์นี้ก็ดูเข้ากับตัวเรือนไม่น้อยเลยล่ะครับ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ Apple Watch Series 9 ก็ยังให้มาเท่าเดิม คือตัวเรือน, สายและที่ชาร์จ แต่แพ็กเก็จก็มีการปรับให้รักษ์โลกมากขึ้น กล่องเล็กลงกว่าเดิมอีกนั่นเองครับ

ดีไซน์ที่คุ้นเคย

อย่างที่บอกไปว่า Apple Watch Series 9 นั้นยังคงมาพร้อมดีไซน์เดิมคือหน้าจอทรงเหลี่ยมที่มีขอบโค้งมนและกระจกหน้าจอโค้งสวยลงตัว มีให้เลือก 2 ขนาดเท่าเดิมคือ 41มม.และ 45 มม. ซึ่งรุ่นที่เราได้มาเป็นขนาด 45 มม.สำหรับข้อมือผู้ชายนั่นเองครับ

ตัวหน้าจอยังเป็น OLED ที่แสดงผลได้สวยงามคมชัดและสีสันสวยงามเหมือนเดิมแหละ ขอบหน้าจอก็ชิดในแบบ Apple Watch รุ่นใหม่ ๆ แล้วด้วย

หน้าจอสว่างขึ้น 2 เท่า!

หน้าจอของ Apple Watch Series 9 แม้มองภายนอกจะเหมือนเดิมมาก ๆ แต่ถ้าได้เอามาสู้แดดจะรู้เลยว่ามีการอัปเกรด เพราะรอบนี้ Apple เพิ่มความสว่างขึ้น 2 เท่า จากเดิม 1000nits เป็นสูงสุด 2000nits แล้ว ใส่ใช้งานกลางแจ้งได้สบายตามากขึ้น ยิ่งแดดกลางวันบ้านเราที่ว่าจัด ๆ ได้จอที่เร่งได้ถึง 2000nits แบบนี้ก็เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน หายห่วงเลย

หรือถ้าใช้งานในที่มืด Apple Watch Series 9 ก็ยังลดแสงได้น้อยสุดถึง 1 nits เรียกว่าหายห่วงทั้งกลางวันหรือกลางคืนเลย ถือเป็นการอัปเกรดจอที่ใช้งานได้จริงและเห็นผลทันทีเมื่อใช้งานครับ

นอกจากนี้ตัวจอของ Apple Watch Series 9 ยังเป็นแบบ LTPO ที่รองรับฟีเจอร์ติดตลอดหรือ Always On Display มาด้วย ทำให้เราสามารถดูเวลาได้ตลอดแม้เราจะไม่ยกข้อมือขึ้นมาก็ตาม

บอดี้อลูมิเนียมรักษ์โลก รีไซเคิล 100%

ตัวเรือนของ Apple Watch Series 9 มีการใช้วัสดุที่รักษ์โลกมากขึ้น รุ่นที่เราได้มาเป็นวัสดุอลูมิเนียมที่ผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียมรีไซเคิล 100%, ใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น, ใช้ทองคำรีไซเคิล 100% ในการเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น และอีกหลายวัสดุรีไซเคิลแบบ 100% ทำให้ Apple Watch Series 9 นั้นถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Apple เลยล่ะครับ

แต่ถึงแม้วัสดุจะเป็นแบบรีไซเคิลทั้งหมด แต่ในเรื่องความแข็งแรงและทดทานก็ไม่ได้ลดหย่อนลงเลย ตัวเรือนยังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและหรูหราเหมือนเดิมนั่นแหละครับ

สายก็รักษ์โลกมากขึ้นด้วย

ไม่ใช่แค่ตัวเรือนที่รักษ์โลกมากขึ้นนะ เพราะสายของ Apple Watch Series 9 ก็มีการใช้วัสดุใหม่ ๆ ด้วย อย่างสายที่เราได้มาเป็นสาย Sport Loop แบบผ้าใหม่ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 82% แต่แน่นอนว่าคุณภาพก็ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

ตัวสายเป็นผ้าที่มีความอ่อนนุ่มและเป็นมิตรกับข้อมือแม้จะสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ ก็ไม่ระคายเคือง สวมใส่ได้ง่ายเพราะเป็นแบบตีนตุ๊กแกแปะเข้าหากันได้เลย

นอกจากนี้เราก็ยังได้สาย Nike Sport Band ใหม่ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเช่นกัน สีที่เราได้มาเป็นสี Desert Stone ก็มีความลุย ๆ ในแบบ Nike อยู่ไม่น้อยครับ

มีปุ่มกดและ Digital Crown เหมือนเดิม

ปุ่มกดบนตัวเรือนก็มีมาให้ 2 ปุ่มเหมือนเดิม แบ่งเป็นปุ่ม Digital Crown ที่สามารถกดลงไปหรือหมุนเพื่อสั่งงานได้ ด้วยความที่เป็นรุ่น Cellular บริเวณรอบ ๆ ปุ่มจะมีวงแหวนสีแดงด้วยนั่นเอง ส่วนอีกปุ่มก็จะเป็นปุ่ม Control Center ครับผม

ที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเรือนจะเป็นช่องลำโพงที่เป็นแถบยาวไปเลย ใช้งานส่งเสียงเวลามีแจ้งเตือนหรือใช้คุยโทรศัพท์ได้ผ่านตัวเรือนได้โดยตรงครับ

เซ็นเซอร์ก็ครบเหมือนเดิม รองรับทุกรูปแบบ

ในเรื่องเซ็นเซอร์การตรวจจับ Apple Watch Series 9 ก็ให้มาครบที่ด้านหลัง ฝาหลังเป็นคริสตัลมาพร้อมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ กลุ่มไฟ LED จํานวน 4 ดวง ทั้งสีเขียว สีแดงและอินฟราเรด รวมถึงโฟโต้ไดโอด 4 ตัว สำหรับตรวจวัดสัญญาณไฟฟ้าจากหัวใจเมื่อใช้กับแอปอัตราการเต้นของหัวใจหรือแอป ECG และต้องวางนิ้วบน Digital Crown เพื่อตรวจจับคลื่นไฟฟ้าด้วย

รวมถึงมาตรฐานกันน้ำ Apple Watch Series 9 ยังคงรองรับครบทั้งทนฝุ่นระดับ IP6X ซึ่งเป็นระดับการป้องกันฝุ่นสูงสุดและยังมีมาตรฐานกันน้ำระดับ 50 เมตรจาก WR50 จะล้างด้วยน้ำสะอาด ใส่ลงสระว่ายนํ้า หรือทะเลก็หายห่วงครับแบบนี้

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Apple Watch Series 9 ก็แทบจะเหมือนเดิมทั้งหมด ซึ่งรองรับกับอุปกรณ์เสริมหรือสายที่เคยมีอยู่แล้วได้ครบถ้วน วัสดุยังเรียบหรูดูดี หน้าจอกระจกโค้งมอบสัมผัสที่ยอดเยี่ยม แต่ความพิเศษคือการอัปเกรดมาด้วยความสว่างสูงสุดถึง 2000nits ร่วมกับวัสดุรีไซเคิลแบบ 100% นี่แหละครับ

เชื่อมต่อกับ iPhone ที่รัน iOS 17 ขึ้นไป

Apple Watch Series 9 รองรับกับ iPhone ที่รัน iOS 17 ขึ้นไปหรือก็คือ iPhone Xs ขึ้นไปนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นใครที่ใช้ iPhone รุ่นเก่ากว่านั้นอาจจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้สักหน่อยเนาะ ในเรื่องการเชื่อมต่อก็สไตล์ Apple Ecosystem ครับคือแค่เปิดเครื่องมาแล้วนำมาใกล้ ๆ กับ iPhone ที่จะเชื่อมต่อก็จะมี Pop-Up ขึ้นมาทันที

สำหรับซอฟต์แวร์ภายใน Apple Watch Series 9 ก็มาพร้อม WatchOS 10 ตั้งแต่แกะกล่องเลย รองรับฟีเจอร์การใช้งานใหม่ ๆ มากมาย อาทิ วิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะ, ตัวแอปของระบบที่มีการปรับหน้า UI มาใหม่ หรือจะเป็นการควบคุมต่าง ๆ

ชิปใหม่ S9 ทรงพลังยิ่งขึ้น

สเปคภายในของ Apple Watch Series 9 มีการอัปเกรดใหม่ด้วยชิป S9 ที่เป็น CPU แบบ Dual-Core ที่เคลมว่าเร็วขึ้นกว่า S8 (ของ Series 8) ถึง 60% แถมยังมี Neural Engine 4-Core ใหม่ที่สามารถประมวลผล Machine Learning ของระบบได้เร็วขึ้นสูงสุดถึง 2 เท่าเลยด้วย

Double Tap สั่งงานได้ด้วยการจีบนิ้ว

และการประมวลผล Machine Learning ที่เร็วขึ้น 2 เท่านั้น Apple ก็เคลมว่าสามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ใหม่และใช้งานฟีเจอร์ใหม่ Double Tap ได้เลยด้วย ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยให้เราสามารถสั่งงานด้วยการจีบนิ้ว 2 ครั้งโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลยด้วย อย่างในหน้าหลักเราก็สามารถแตะ 2 ครั้งเพื่อเลื่อนดู Widget ได้

หรือเวลามีสายเรียกเข้ามา แต่พอดีอีกมือเรายังไม่ว่างหรือไม่สะดวกในการแตะรับสาย ฟีเจอร์ Double Tap ใหม่นี้จะช่วยให้เรารับสายได้ เพียงแตะนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเข้าด้วยกัน 2 ครั้งเท่านั้น

เวลามีนาฬิกาปลุกเข้ามาก็ยังสามารถแตะ 2 ครั้งเพื่อเลื่อนปลุก ก็ทำได้เหมือนกัน แต่ตรงนี้ต้องบอกว่าการแตะ 2 ครั้งจะเป็นการสั่งงานปุ่มหลักที่แสดงขึ้นมาบนหน้าจอเท่านั้น เช่นเวลามีนาฬิกาปลุกก็จะมีปุ่มเลื่อนปลุกให้เลือก ถ้าเราแตะ 2 ครั้งก็จะเป็นสั่งงานเลื่อนปลุกนั่นเอง

หรือเราจะเลือกประยุกต์ใช้กับการเลื่อนเพลงในแอป Apple Music, Spotify แอปกล้องที่สั่งงานผ่าน Apple Watch ใช้การแตะ 2 ครั้งเพื่อลั่นชัตเตอร์ก็ได้ด้วย เป็นฟีเจอร์ที่เสริมให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้นเวลาอีกมือไม่ว่างนั่นเองเนาะ

ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่าฟีเจอร์ Double Tap หรือแตะ 2 ครั้งนี้ยังมีให้ใช้งานบนแอปของ Apple Watch ไม่เยอะนัก อาทิ เครื่องเล่นเพลง, โทรศัพท์, นาฬิกาปลุก, ตอบข้อความ, หรือเลื่อนดู Widget เท่านั้น และ ณ ตอนที่เรารีวิวฟีเจอร์นี้ยังจำกัดอยู่ที่ซอฟต์แวร์ WatchOS 10.1 เวอร์ชั่น Beta ก่อน เวอร์ชั่นเต็มจะตามมาในเร็ว ๆ นี้ครับ

ติดตาม iPhone ได้แม่นขึ้นด้วยชิป UWB รุ่นที่ 2

นอกจากนี้สเปคภายในของ Apple Watch Series 9 จะมีการอัปเกรดชิป UWB ใหม่เป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งเพิ่มความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้เวลาเราใช้ฟีเจอร์ตามหา iPhone นั้นบน Watch จะระบุตำแหน่งที่ตั้งจริงของ iPhone ได้เลย แถมยังสามารถบอกทิศทางและระยะห่างคร่าว ๆ เมื่ออยู่ใกล้ ๆ จะตอบสนองทั้งการสั่นและแจ้งเตือนได้ด้วย

ฟีเจอร์หลัก ๆ ของ Apple Watch ยังอยู่ครบ

ส่วนเรื่องการปรับแต่งพื้นฐานของ Apple Watch บน Series 9 ก็ยังมีมาให้ครบเหมือนเดิมทั้ง การปรับแต่ง Watch Faces ซึ่งมีให้เลือกเพียบหรือจะเปลี่ยนสีปรับรูปแบบ Font แบบเบื้องต้นก็ทำได้ผ่านข้อมือเลย หรือจะเลือกเพิ่มเติมบน iPhone ก็ได้เช่นกัน

ฟีเจอร์สุขภาพ ออกกำลังกายมีหมด

เช่นเดียวกับฟีเจอร์ด้านสุขภาพ Apple Watch Series 9 ยังคงรองรับการตรวจจับสุขภาพของเราอย่างครบถ้วนทั้ง วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดออกซิเจนในเลือด, ตรวจจับการนอนหลับ, บันทึกสภาวะจิตใจ หรือสำหรับสาว ๆ ก็มีฟีเจอร์ติดตามรอบเดือนมาให้ด้วย

หรือจะเป็นฟีเจอร์ Crash Detection ตรวจจับการชนกันตรวจจับการล้มหากเกิดอุบัติเหตุตัว Watch จะโทรหาเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งไว้พร้อมแชร์ตำแหน่งเพื่อที่จะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเหมือนเดิม

ในเรื่องการออกกำลังกาย Apple Watch Series 9 ก็รองรับครบ ตั้งแต่พื้นฐานอย่างการเดิน, วิ่ง ไปจนถึงการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและ HIIT ไปจนถึงการว่ายน้ำเลย เพราะตัว Apple Watch Series 9 เองก็มีมาตรฐานกันน้ำระดับ 50 เมตรมาเลยด้วย

หรือจะเป็นฟีเจอร์ Live Activities (กิจกรรมสด) ที่รอบนี้จะมีฟีเจอร์ปั่นจักรยานที่แสดงผลได้เพิ่มเติมบน iPhone โดยอัตโนมัติ เพียงแค่แตะก็จะแสดงผลขึ้นมาแบบเต็มหน้าจอเพื่อให้ดูค่าวัดต่าง ๆ ได้ง่าย ๆในระหว่างที่ปั่นนั่นเอง

แบตเตอรี่เท่าเดิม ใช้งานได้ 18 ชม.ต่อการชาร์จ

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Apple Watch Series 9 ยังรองรับการใช้งานได้ถึง 18 ชม. เท่าเดิม หมายความว่าเราสามารถใช้งานทั่วไปได้ประมาณวันครึ่งเหมือนเดิม ใครที่ใช้งานแบบต่อเนื่องก็เท่ากับว่าต้องชาร์จกันทุกคืนอยู่ดี แอบน่าเสียดายนิดหน่อยที่เรื่องแบตเตอรี่ยังไม่อัปเกรดให้ใช้งานได้นานขึ้นเท่าไหร่ แต่ Apple ก็มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Low Power mode มาให้ด้วย ช่วยยืดอายุแบตฯได้สูงสุด 36 ชม.เลยครับ

Apple Watch Series 9 ราคาเริ่มต้น 15,900 บาท

Apple Watch Series 9 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาทเท่าเดิม มีตัวเลือกให้เลือกมีตัวเรือนให้เลือก 2 แบบคืออะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีลใน 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 41 มม. และ 45 มม. และสามารถใช้ได้กับสายทั้งหมด ตัวเรือนอะลูมิเนียมสำหรับ Apple Watch Series 9 มาใน 4 ตัวเลือกสีคือ สีมิดไนท์ (สีที่รีวิว), สีสตาร์ไลท์, สีเงิน, สีแดง (PRODUCT)RED และสีใหม่สีชมพูในขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีลมาในสีเงิน สีกราไฟต์ และสีทองเหมือนเดิมครับผม

สรุปแล้ว “นี่คือ Apple Watch ที่เพิ่มความสามารถใหม่ แต่หน้าตาเก่า”

สรุปแล้ว Apple Watch Series 9 ก็ถือเป็นการอัปเกรดบางจุดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอีกปี โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนภายนอกอย่างเห็นได้ชัดเลย เพราะยังมาในดีไซน์ทรงเดิม ปุ่มกดตำแหน่งเดิม ฟิลลิ่งตอนสวมใส่คล้ายเดิม จุดที่อัปเกรดขึ้นมาจะมีหน้าจอที่สว่างขึ้น 2 เท่า, ชิปเซ็ตใหม่ที่แรงขึ้นถึง 60% ทำให้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่อย่าง Double Tap ช่วยให้เราใช้งานบางอย่างได้สะดวกขึ้นในมือเดียว และก็ความรักษ์โลกมากขึ้นด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล 100% เท่านั้น ซึ่งเรามองว่าการอัปเกรดในปีนี้ไม่ได้ดึงดูดผู้ใช้รุ่นก่อนอย่าง Series 8 หรือ Series 7 มากเท่าที่ควร ไม่ได้มีแบตฯที่อึดขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หรือรูปลักษณ์ใหม่ให้ชวนตื่นเต้น แต่เรากลับมองว่าการอัปเกรดเล็ก ๆ นี้อาจดึงดูดผู้ที่ใช้ Apple Watch รุ่นเก่ากว่านั้นได้หรือใครที่ไม่เคยมี Apple Watch มาก่อนแต่ก็มีเล็ง ๆ อยู่บ้าง เพราะถ้ามาเริ่มที่รุ่นนี้เลย ก็คงได้ประสบการณ์จาก Apple Watch อย่างครบถ้วนอยู่ไม่น้อยล่ะครับ!

กำลังฮอต

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured3 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured4 สัปดาห์ ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Featured1 เดือน ago

รีวิว Xiaomi 14 | 14 Ultra เรือธงกล้องเทพในสองขนาด พร้อมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ Next-Generation ของ Leica!

รีวิว Xiaomi 14 Seri...

IT News4 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเชิญนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ร่วมมือปั้นเนทีฟ แอปฯ สำหรับระบบปฏิบัติการ HarmonyOS

ณ งาน Huawei Analyst...

Smart Review5 ชั่วโมง ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

IT News6 ชั่วโมง ago

เอไอเอสจับมือกสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์...

IT News6 ชั่วโมง ago

Redmi Note 13 Pro 5G วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 27 เม.ย. 67 เป็นต้นไปในราคาเพียง 12,990 บาท

เสียวหมี่ประกาศวางจำ...

IT News7 ชั่วโมง ago

realme เปิดตัวแบรนด์ช็อป เวอร์ชันล่าสุด “realme Experience Store 3.5”ครั้งแรกของเมืองไทย

ด้วยความมุ่งมั่นนำเส...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก