เชื่อว่าทุกคนเวลาไปเที่ยว สิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้เลยก็คือสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะใช้ถ่ายรูปสวยๆ เช็กอินตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้แต่ค้นหาข้อมูลระหว่างทาง และครั้งนี้ ผมเองก็มีสมาร์ทโฟนคู่หูรุ่นใหม่ล่าสุดเดินทางไปด้วย นั่นก็คือ Redmi Note 14 สี Sand Gold สีใหม่ล่าสุดที่สวยหรู สะดุดตามากๆ

Redmi Note 14 สี Sand Gold ใหม่!
Redmi Note 14 สี Sand Gold ใหม่ อย่างที่ทุกคนเห็นคือดีไซน์ว้าวมาก ให้เฉดสีที่ดูหรูหรา มีความพรีเมียม และโทนสียังให้อารมณ์ที่ดูอบอุ่นด้วยนะ ซึ่งจะสะท้อนสีสันแตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมอีกด้วย เรียกได้ว่าโดดเด่นจริงๆ สำหรับสีใหม่นี้

นอกจากสีสวยแล้ว ตัวเครื่องยังมีความบางเบา พกพาง่ายสุดๆ จะหยิบขึ้นมาถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี มีสไตล์มากๆ เข้ากับทุกลุคและเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์เลย




ออกสตาร์ททริปแบบสมาร์ทๆ สู่หาดบางแสน
เริ่มต้นทริปไปยังหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี ด้วยการเปิด Google Gemini เพื่อค้นหาเส้นทาง บอกเลยว่าฟีเจอร์ AI ของ Google Gemini ทำให้การหาเส้นทางนั้นสะดวกจริงๆ แค่พูดสิ่งที่ต้องการก็ได้ข้อมูลกลับมาทันที


ระหว่างทางไปบางแสน ก็ขอแวะพักเติมพลังที่คาเฟ่กันก่อน และพอได้กาแฟสดชื่นๆ แล้ว ก็ได้เวลาใช้ Google Gemini ค้นหาร้านอาหารซีฟู้ดอร่อยๆ สำหรับมื้อเที่ยงริมทะเลแล้วครับ ซึ่งร้านอาหารที่ Gemini แนะนำมาให้ก็จะมีบอกคะแนนรีวิวและข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้งานอื่นๆ ด้วยนะ ทำให้เลือกตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะไปร้านไหนดี


มื้อเที่ยงสุดฟิน ถ่ายรูปอาหารแบบโปร
มาถึงร้านอาหารซีฟู้ดแล้ว! บอกเลยว่า Redmi Note 14 ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ กล้องหลังความละเอียด 108MP AI Camera System เก็บภาพอาหารได้คมชัด สีสันสดใส น่ากินสุดๆ

จริงๆ แล้วถ่ายอาหารแบบนี้ไม่ต้องเปิดโหมด 108MP ก็ได้ ใช้โหมดถ่ายรูปปกติได้เลย บอกเลยว่าภาพคมกริ๊บ ชัดมาก ไม่ว่าจะเป็นหมึกกุ้งตัวโตๆ ส้มตำปูม้าที่เห็นสีสันก็แซ่บน้ำลายไหลตามแล้ว หรือจะเป็นปลาทูราดพริกสีจัดจ้าน กล้องรุ่นนี้ถ่ายสวยเกินราคาไปมาก



ตะลุยหาดบางแสน เก็บภาพด้วย AI Camera System
อิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยงแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นชิลล์ๆ ที่หาดบางแสนกันแล้วครับ แน่นอนว่า Redmi Note 14 ก็เป็นคู่หูสำหรับการเก็บภาพความทรงจำในวันนี้ได้ดีเกินคาดจริงๆ ไม่ว่าจะถ่ายวิวทะเลสวยๆ หรือมุมคาเฟ่เท่ๆ ก็เก็บได้ครบ คมชัดทุกมุม และเลือกใส่ฟิลเตอร์ให้เข้ากับความรู้สึกในตอนนั้นได้ด้วย













และที่เด็ดไปกว่านั้นคือฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่ช่วยให้รูปของเราดูดีขึ้นไปอีกขั้นด้วย AI Erase ถ้าใครเคยเจอปัญหาถ่ายรูปวิวสวยๆ แล้วมีคนเดินผ่าน หรือมีวัตถุที่ไม่ต้องการติดมาในเฟรม ปัญหาแบบนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ แค่ใช้ AI Erase ลบสิ่งเหล่านั้นออกไปได้อย่างง่ายดาย รูปของเราก็จะเพอร์เฟกต์สวยแบบคลีนๆ ได้ทันที
ภาพก่อนใช้ AI Erase (ซ้าย) และภาพหลังใช้ AI Erase (ขวา)




AI Erase ใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เลือกรูปที่เราต้องการแก้ไข จากนั้นก็เลือกเมนู “ลบ” ซึ่งเราสามารถลบได้ทั้งคน วัตถุ ลบเส้น หรือจะเลือกสิ่งที่ต้องการลบด้วยตนเองก็ได้เช่นกัน แตะปุ๊บลบปั๊บ ได้ภาพสวยคลีนๆ เป็นธรรมชาติเหมือนไม่เคยมีคนอื่นหรือวัตถุอื่นๆ อยู่ตรงนั้นมาก่อน เป็นฟีเจอร์ที่ผมใช้บ่อยมากๆ ลองไปใช้งานกันดูนะครับ


สำหรับสายเซลฟี่ AI Beauty คือฟีเจอร์ที่ต้องมีเลย สำหหรับช่วยปรับแต่งใบหน้าของเราให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องใช้แอปแต่งรูปเพิ่มเลย ถ่ายเสร็จก็แชร์ไปบนโซเชียลได้ทันที



แถมกล้องหน้า 20MP ก็ฉลาดสุดๆ ถ้ามีเพื่อนมาเซลฟี่ด้วย 2 คนขึ้นไป กล้องจะสลับเป็นมุมกว้างให้อัตโนมัติเลยครับแถมยังแก้ไขการบิดเบือนของใบหน้าได้ด้วยนะ เราไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยากเลย เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ Redmi Note 14 ที่ผมชอบมาก

เวลาถ่ายรูปเที่ยวก็ต้องมีการซูมถ่ายในหลายๆ ระยะใช่ไหมครับ ซึ่งเจ้า Redmi Note 14 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับ Zoom AI ได้ถึง 3x in-sensor zoom และอัลกอริทึม Super-resolution ทำให้ซูมภาพได้คมชัดขึ้นเยอะเลย ซึ่งแต่ละระยะก็กำลังพอดีสำหรับการถ่ายรูปเที่ยว ลงตัวมาก!






มาถึงฟีเจอร์ไม้ตายนั่นก็คือ AI Sky ช่วยชีวิตทริปนี้ได้ดีมาก เพราะวันที่มาบางแสนคือท้องฟ้าหม่นๆ ฝนก็ทำท่าจะตก ทำให้โทนสีของภาพดูครื้มๆ อย่างที่ทุกคนเห็น แต่ฟีเจอร์นี้กดปุ๊บ เปลี่ยนท้องฟ้าในรูปได้สวยๆ ทันที ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าสีครามสดใส หรือท้องฟ้ายามเย็นที่มีเมฆสีส้มทอง ก็ทำได้หมด
ภาพก่อนใช้ AI Sky (ซ้าย) และภาพหลังใช้ AI Sky (ขวา)








อยากเปลี่ยนท้องฟ้าเหมือนเนรมิตได้แบบนี้ ก็แค่เลือกรูปภาพที่ต้องการแก้ไข จากนั้นก็เลือกสร้าง “ท้องฟ้า” ซึ่งมีให้เลือกเพียบเลย และสามารถปรับความเข้มของแต่ละแบบได้ด้วยนะ ภาพที่ปรับแต่งแล้วก็จะดูเนียนเป็นธรรมชาติที่สุด


เป็นฟีเจอร์ Creative AI ที่ทำให้การใช้งาน Redmi Note 14 สนุกขึ้นเยอะเลย หลังจากใช้ AI Erase ลบวัตถุที่ไม่ต้องการแล้ว ก็ปรับแต่งท้องฟ้าได้ใหม่ด้วย AI Sky แล้วรูปที่ได้คือสวยเกินคาด ไม่ว่าทริปนั้นจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็สามารถแก้ไขให้สมบูรณ์แบบได้ทั้งหมดเลย

มีอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ผมชอบมากสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตหรือถ่ายคน คือ การปรับแต่งโบเก้ให้ภาพคนโดดเด่นมากขึ้น ทำให้ภาพถ่ายคนธรรมดาๆ กลายเป็นภาพที่ดูสวยเด่น น่าสนใจมากขึ้น

ภาพก่อนปรับโบเก้ (ซ้าย) และภาพหลังปรับโบเก้ (ขวา)






ทุกครั้งที่เรานั่งดูรูปถ่ายหรือมองหน้าจอตอนถ่ายรูปคือเห็นได้แบบเต็มตามากๆ ด้วยขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว AMOLED ของ Redmi Note 14 และเวลาปัดหน้าจอก็ลื่นไหล 120Hz ที่สำคัญคือหน้าจอได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ช่วยถนอมสายตาของเราเวลาใช้งานนานๆ ด้วยนะ ดีงามมาก! และสำหรับกล้อง 108MP ของ Redmi Note 14 ต้องบอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาละเอียดสุดๆ ถ่ายได้คมมาก คร็อปใกล้ๆ ก็ยังคม ไม่แตกเลยครับ


Redmi Note 14 คู่หูสำหรับการเดินทาง
ตลอดทริปกับ Redmi Note 14 ขอสรุปฟีเจอร์เด่นๆ ที่ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้กลายเป็นคู่หูนักเดินทางที่สมบูรณ์แบบเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องกล้องถ่ายรูปและ Creative AI ที่ช่วยให้ทุกภาพสมบูรณ์แบบที่สุด อีกทั้งตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5500mAh และระบบชาร์จเร็ว 33W turbo charging ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องแบตหมดกลางทางเลย อีกทั้งได้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99-Ultra ทำให้การทำงานราบรื่นสุดๆ ไม่ว่าจะเปิดหลายแอปพร้อมกัน แต่งรูปทั้งทริป ก็ไม่มีสะดุดเลยครับ



นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นรุ่นที่มีความทนทานพร้อมลุยทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ด้วยมาตรฐาน IP54 ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำได้สบายๆ แถมยังปกป้องหน้าจอด้วย Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกกระแทกอีกด้วย

บอกเลยว่า Redmi Note 14 สี Sand Gold ไม่ได้เป็นแค่สมาร์ทโฟน แต่เป็นคู่หูที่รู้ใจสำหรับทริปครั้งนี้เลย ช่วยเก็บทุกช่วงเวลาสุดประทับใจในการเดินทางได้ดีเกินคาด คุ้มเกินราคาจริงๆ หากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายเดินทาง สายท่องเที่ยว ต้อง Redmi Note 14 เลยครับ

Redmi Note 14 สี Sand Gold รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 สี Sand Gold ในระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 รับฟรีกระเป๋า Redmi Note 14 Series Hologram Bag, ประกันตัวเครื่อง 24 เดือน และประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน) มูลค่ารวม 5,490 บาท
