vivo X200 Ultra ถึงมือเราเรียบร้อย วันนี้ไม่พลาดเอามาแกะกล่องให้ชมกันอีกเช่นเคยครับ เป็นเรือธงอีกรุ่นที่กระแสแรงมาก ๆ ในช่วงนี้ เพราะมาพร้อมสเปคกล้องขั้นสุด 50MP+50MP+200MP ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite แบตฯ 6000mAh และที่ขาดไม่ได้ก็คือดีไซน์สุดอลังการนี่แหละ สวยแบบนี้ไม่อยากเก็บไว้ดูคนเดียว วันนี้เราแกะกล่องให้ชมดีไซน์แบบชัด ๆ ก่อนเนาะ

แต่ ๆ ตรงนี้ขอทำความเข้าใจกันก่อนเลยว่า vivo X200 Ultra ที่เราได้มาเป็นเครื่องนอกนะครับ รุ่นนี้ยังไม่มีแผนวางจำหน่ายนอกจีนนะ มาแกะกล่องให้พอเห็นรูปลักษณ์จริง ๆ เท่านั้น ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปเริ่มกันเล้ย!
แกะกล่อง vivo X200 Ultra
ตัวกล่องของ vivo X200 Ultra ยังมาในรูปแบบเดิมกับ X Series ที่ผ่านมาครับ กล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดพอเหมาะ ที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่นระบุไว้ชัด พร้อม Co-Engineered with ZEISS ภาษาจีนที่ยืนยันว่านี่คือเครื่องนอกนะจ๊ะ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่อง vivo X200 Ultra อยู่ในซองอย่างดี ที่เดี๋ยวเราให้ชมแบบเต็ม ๆ อีกทีเนาะ ชั้นถัดลงไปก็จะมีอุปกรณ์เสริมที่วางอยู่เป็นระเบียบครบ ประกอบด้วย


เคสซิลิโคนนิ่มตรงกับสีเครื่อง เอกสารคู่มือ สายชาร์จแบบ USB-C to A ที่ชาร์จไว 90W FlashCharge และเข้มจิ้มถาดซิมครับ


เท่ากับว่าอุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีมาให้ 5 อย่างเหมือนกับ vivo X Series รุ่นที่แล้ว ๆ มาตามในภาพนี้เลยครับ

ดีไซน์ vivo X200 Ultra
เอาล่ะ! เช็กอุปกรณ์ในกล่องเรียบร้อย ได้เวลาชมดีไซน์ตัวเครื่องของ vivo X200 Ultra เต็ม ๆ กันแล้วครับ ขอพูดถึงสีสันก่อนละกันเนาะ เครื่องที่เราได้มาเป็นสีแดง ซึ่งเป็นสีที่ดูร้อนแรงและโดดเด่นไม่แพ้สีขาวที่เป็นสีโปรโมทเลย ว่าไหมล่ะครับ

โทนของสีแดงจะมีความเหลือบสีดำหน่อย ๆ เวลาเล่นกับแสง ทำให้เป็นแดงที่ดูแพง มีมิติเอามาก ๆ และพออยู่ร่วมกับกรอบเครื่องสีดำด้านยิ่งทำให้เป็นโทนที่สวยและแปลกใหม่ไปอีกมาก ๆ เลยล่ะครับ

ที่โมดูลกล้องของ vivo X200 Ultra นั้นยังคงใช้ทรงวงกลมคล้ายกับ X100 Ultra หรือ X200 Pro อยู่ แต่รอบนี้มีการปรับทรงวงกลมให้ลงตัวมากขึ้น ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าเดิม มีกล้องหลังมาให้ 3 ตัวพร้อมตรา ZEISS T* Coating อยู่เด่น ๆ

ส่วนเรื่องความหนาของตัวกล้อง ก็ต้องยอมรับว่าหนาขึ้นมาอีกจริง แต่ vivo ก็ออกแบบรูปลักษณ์ให้ดูหนาและสวย ด้วยการเพิ่มลวดลายเส้น ๆ และในเครื่องสีแดงก็ตัดด้วยเส้นสีแดงตรงกลาง ให้อารมณ์เลนส์กล้องแบบจริงจังเลย สวยมากนะ หนาหน่อยก็ยอมอะ

พลิกกลับมาดูด้านหน้ากันบ้าง vivo X200 Ultra ยังใช้รูปแบบกระจอโค้ง 4 ด้านเหมือนเดิม ส่วนตัวยังชอบทรงแบบนี้นะ มันลื่นไหลเวลาใช้พวก Gesture ดี และเรื่องฟิล์มก็ไม่ต้องห่วงด้วย เพราะมีติดมาให้ตั้งแต่โรงงานแล้ว หมดปัญหาว่าจอโค้งจะติดฟิล์มยาก

ด้านการแสดงผลรอบนี้ได้ขนาดใหญ่ขึ้นอีกหน่อยเป็น 6.82″ ความละเอียด 2K+ (3168×1440 พิกเซล) กับอัตราส่วนใหม่ 19.8:9 หมายความว่าจอจะกว้างรุ่นก่อน ๆ (20:9) อีกหน่อยครับ เรื่องสีสันต่าง ๆ ยังทำได้ดีตามมาตรฐานของเรือธงเลยครับ สีแจ่มมาก

รอบ ๆ เครื่องยังคงเป็นกรอบทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม รอบนี้ให้ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านแล้วด้วย ทำให้เวลาเราใช้งานแบบไม่ใส่เคสก็รู้สึกดีขึ้นครับ ความบางของตัวเครื่องถือว่าทำได้ดีเลย แค่ 8.69 มม.เท่านั้น (ไม่รวมโมดูลกล้องนะ)

ฟิลลิ่งจับถือดีเลยและ Weight Balance ก็ดีครับ แม้ตัวกล้องจะดูใหญ่ขึ้นมาก แต่ในแง่น้ำหนักตอนจับถือไม่ได้หนักหัวมากนัก ส่วนตัวเลขน้ำหนักแบบชัด ๆ ของรุ่นนี้ก็จะอยู่ที่ 232 กรัม ตามมาตรฐานเรือธงเน้นกล้องล่ะเนาะ

ปุ่มกดต่าง ๆ วางไว้ที่มุมขวามือของตัวเครื่องเหมือนเดิม และรอบนี้มีการเพิ่มปุ่ม Camera Control หรือปุ่มควบคุมกล้องเข้ามาใหม่ด้วย กด 2 ครั้งเพื่อเข้าสู่โหมดกล้องได้ทันที และเมื่อเข้าสู่โหมดกล้องแล้วก็ใช้งานเป็นปุ่มชัตเตอร์ได้เลย

จะเลื่อนเพื่อซูมหรือปรับค่าชดเชยแสง ก็ทำได้ด้วย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์กด 2 จังหวะแตะเบาเพื่อล็อกโฟกัสและกดอีกทีเพื่อถ่ายได้คล้ายกล้องจริง ๆ ด้วยนะ อ่อ…ลืมบอกตัวปุ่มนี้จะไม่ใช่ปุ่มจริง ๆ เหมือนของ Camera Control ของ iPhone 16 นะครับ ไม่สามารถกดจริง ๆ ได้ ใช้เป็นมอเตอร์สั่นจำลองตอบรับเวลาเรากดเท่านั้นครับ

ด้านบนด้านล่างก็จะมีช่องไมโครโฟน พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงกับช่องใส่ซิม อันนี้ทั่วไป ไม่ได้แปลกใหม่อะไรครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ vivo X200 Ultra ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว มองแว้บแรกก็คงรู้ทันทีว่านี่คือเรือธงที่เน้นกล้องแค่ไหน จากวงแหวนที่เหมือนเลนส์ยื่นออกมาจากตัวเครื่องซะขนาดนั้น ส่วนสีสันอย่างสีแดงในรอบนี้คือเด่นมากจริง ๆ เป็นแดงตัดดำที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นักครับ

กล้อง vivo X200 Ultra
มาเข้าสู่เรื่องกล้องแล้วเนาะ vivo X200 Ultra รอบนี้จะมีการอัปเกรดกล้อง 3 ตัวใหม่หมด ให้มีขนาดใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมใกล้เคียงกันทั้งหมดด้วย โดยจะมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-818 ขนาด 1/1.28) ระยะ 35มม. f/1.69, OIS
- 50MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ LYT-818 ขนาด 1/1.28″) ระยะ 14มม. f/2.0
- 200MP กล้อง Periscope (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP9 ขนาด 1/1.4″) ระยะ 85มม. f/2.27, OIS เลนส์ ZEISS APO

อย่างที่เห็นว่า vivo X200 Ultra นั้นมีขนาดเซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่ใกล้เคียงกันจริง ๆ อย่าง Ultra Wide นั้นใหญ่ขึ้นชัดเจน ขนาดเทียบเท่ากับกล้องหลักเลย และรอบนี้กล้องหลักก็มีการขยับระยขึ้นมาเป็น 35มม.ทำให้ได้มิติของภาพที่สมจริงกว่าเดิม และกล้อง Periscope รอบนี้ก็ปรับมาให้มีค่ารูรับแสงกว้างขึ้นอีกด้วย

จะเห็นว่ารอบนี้ vivo เน้นระยะของภาพที่ใกล้เคียงกับเลนส์กล้องจริง ๆ มากขึ้น มีทั้ง 14มม./35มม./85มม. ทำให้ใช้งานได้หลากหลายกว่าเดิม รวมถึงตัวระยะของภาพที่โชว์บนเมนูกล้องก็จะเลือกใช้เป็น มม. แทนที่ 1x 2x แบบรุ่นก่อน ๆ แล้วด้วยครับ (แต่เปลี่ยนกลับได้นะ)

ด้านซอฟต์แวร์ vivo X200 Ultra ปรับจูนมาใหม่หลายส่วน อย่างโทนภาพรอบนี้ ZEISS Natural ก็จะปรับให้สมจริงยิ่งขึ้น โทนเป็นธรรมชาติกว่าเดิม (แต่ยังมี Vivid เป็นค่าเริ่มต้นอยู่) ฝั่ง Portrait ก็มีให้เลือก 2 สไตล์คือ Classic Portrait เน้นสีสดตกแต่งใบหน้าให้, Natural Portrait โทน ZEISS เน้นความเป็นธรรมชาติ หรือจะเลือกปิดไม่เอาทั้ง 2 แบบเลยก็ได้ครับ

ด้านคุณภาพเท่าที่ลองคร่าว ๆ vivo X200 Ultra ยังคงทำให้เราได้ประทับใจเหมือนเดิม ทั้งในเรื่องชุดกล้องทั้ง 3 ตัวที่อัปเกรดมาได้ดีมาก ๆ หรือจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ประมวลผลได้อย่างฉลาดและใช้ได้จริงทันทีหลังถ่าย








สเปค vivo X200 Ultra
สำหรับสเปคภายใน vivo X200 Ultra จะเปลี่ยนชิปเซ็ตมาเป็น Snapdragon 8 Elite มีความจุระดับสูงสุดทั้ง RAM LPDDR5X กับ ROM UFS 4.1 เลยครับ ให้มาสุดสมกับเป็นรุ่น Ultra เลยจริง ๆ

ส่วนแบตเตอรี่ก็จัดมาให้ 6000mAh มีชาร์จไว 90W FlashCharge เหมือนเดิม ใช้งานได้หายห่วง จะถ่ายรูปหนัก ๆ หรือทำงานทั่วไปคงไม่ต้องห่วง เพราะตอน X200 Pro ได้พิสูจน์มาแล้ว มาตรฐานเดียวกันล่ะครับ

ส่วนซอฟต์แวร์ภายใน ด้วยความที่ vivo X200 Ultra เป็นเครื่องที่ขายแค่ในจีนเท่านั้น จึงใช้ OriginOS 5 ที่ครอบทับอยู่บน Android 15 นั่นเองครับ ในแง่การทำงานถือว่าลื่นไหลและมีลูกเล่นต่าง ๆ น่าสนใจพอควรเลยล่ะครับ

สรุปสเปค vivo X200 Ultra
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.82″, อัตราส่วน 19.8:9
- ความละเอียด : QHD+ (3168 x 1440 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 4500nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Elite Octa-core 4.32GHz (3nm)
- RAM : 16GB (LPDDR5X)
- storage : 512GB (UFS 4.1)
- แบตเตอรี่ : 6000mAh
- ระบบชาร์จเร็ว : 90W FlashCharge
- กล้องหน้า : 50MP f/2.5 มี AF
- กล้องหลัก : 3 ตัวพัฒนาร่วมกับ ZEISS
- 50MP กล้อง Ultra Wide Angle (เซ็นเซอร์ LYT-818 ขนาด 1/1.28″) ระยะ 14 มม. f/2.0
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-818 ขนาด 1/1.28″) ระยะ 35 มม. f/1.69, OIS
- 200MP กล้อง Periscope (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP9 ขนาด 1/1.4″) ระยะ 85 มม. f/2.23, OIS
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68 & IP69
- ระบบปฏิบัติการ : Android 15 (ครอบทับด้วย OriginOS 5)

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวหลังแกะกล่อง vivo X200 Ultra เท่านั้นเนาะ เอาดีไซน์ตัวเครื่องสวย ๆ มาให้ชมพร้อมพูดถึงสเปคเบื้องต้นกันหน่อย ยังมีเรื่องการใช้งานกล้องที่เป็นไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้ที่เราขอไปทดลองกันแบบจริงจังก่อน เดี๋ยวมีรีวิวในเรื่องกล้องแบบเต็ม ๆ ให้ติดตามแน่นอนครับ ก่อนจากกันเราขอย้ำตรงนี้อีกครั้งว่า vivo X200 Ultra เครื่องนี้เป็นเครื่องนอกที่หิ้วเข้ามาเท่านั้น รุ่นนี้ยังไม่มีแผนวางจำหน่ายในไทยนะ บทความนี้ทำมาให้ทำความรู้จักกันไว้เฉย ๆ