Exclusive พาชมโรงงานแห่งใหม่ฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO และกระบวนการผลิตสมาร์ตโฟนสุดล้ำ ที่ฉงชิ่ง ประเทศจีน

โดย Surin Khiewsart (Editor)

ทริปนี้เรียกได้ว่าเอ็กซ์คลูซีพสุดๆ ทีมงาน iphone-droid.net ได้มีโอกาสเข้าร่วมทริปกับ OPPO เดินทางไปยังฉงชิ่ง
ซึ่งตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง 1 ใน 4 นครของจีน ซึ่งประกอบด้วย กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครเทียนจิน

เพื่อเข้าร่วมชมกระบวนการผลิตสมาร์ตโฟนแห่งใหม่ของ OPPO ซึ่งเป็นโครงการที่ OPPO ลงนามข้อตกลงการลงทุนร่วมกับรัฐบาลเขตอรี้เป่ยในเดือนตุลาคม ปี 2016 พื้นที่มากถึง 1,524 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 7.7 พันล้านหยวน แผนผังของสวนอุตสาหกรรมวางโครงสร้างไว้เป็น “หนึ่งใจกลาง หนึ่งวงแหวน สี่กลุ่ม” หนึ่งใจกลางหมายถึงโรงงานที่รวมสำนักงานและการผลิตไว้ในจุดศูนย์กลางของสวน หนึ่งวงแหวน คือทางเดินเชิงนิเวศความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตรที่อนุญาตให้เฉพาะคนเดินผ่านได้ สี่กลุ่มหมายถึงหอพักพนักงานทั้งสี่ด้านรอบสวน

โครงการเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปี 2017 ระยะที่หนึ่งแล้วเสร็จและเริ่มเดินสายการผลิตเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2019 ระยะที่หนึ่งหมายถึงบริเวณใต้แนวกึ่งกลางของสวน ส่วนที่อยู่เหนือแนวกึ่งกลางคือระยะที่สอง ปัจจุบันระยะที่หนึ่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และระยะที่สองกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่นี่ได้กลายเป็นฐานการผลิตและศูนย์โลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO ทั่วโลกแล้ว

ทำความรู้จัก OPPO

OPPO เริ่มจดทะเบียนแบรนด์ระดับโลกในปี 2001 การเลือกใช้คำว่า “OPPO” ก็ได้มีการสำรวจมาแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลกพบว่าไม่มีความหมายในแง่ลบในประเทศใดๆ เลย จึงเลือกใช้เป็นชื่อนี้ โดยบริษัทในประเทศจีนก่อตั้งขึ้นในปี 2004

ในช่วงเริ่มต้นผลิตภัณฑ์หลักคือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องเล่น MP3 และ MP4 หลังจากนั้น OPPO จึงเข้าสู่อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นทางการใน

  • ปี 2008 ซึ่งเปิดตัวฟีเจอร์โฟนรุ่นแรก A103 หรือที่เรียกว่า “Smiley Phone”
  • ปี 2011 เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Find ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ทโฟน
  • ปี 2014 เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างชัดเจนของ OPPO ในด้านเทคโนโลยีการชาร์จมือถือ

ในปัจจุบัน OPPO ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ต นาฬิกา และหูฟัง มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ชีวิตดิจิทัลที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ด้านซอฟต์แวร์ OPPO ได้พัฒนาแพลตฟอร์มโดยมี ColorOS เป็นศูนย์กลางสร้างบริการต่างๆ

จนถึงปัจจุบันได้ขยายครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีจุดจำหน่ายกว่า 300,000 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 40,000 คน

จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดย Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ครองอันดับ 4 ของตลาดโลกอย่างมั่นคง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 9% และกลายเป็นผู้นำตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21%

ในด้านสิทธิบัตรระดับโลก OPPO ก็ได้บรรลุผลลัพธ์ที่โดดเด่นมากเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสะสมมากกว่า 100,000 ฉบับ โดย 91% เป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบของ OPPO ในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ข้อได้เปรียบเหล่านี้ก็มาจากการลงทุนจำนวนมากของ OPPO ในด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยขนาดใหญ่ 6 แห่งทั่วโลก

ศูนย์วิจัยและพัฒนา 6 แห่งขนาดใหญ่ ต่างประเทศเน้นที่ซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐอเมริกา และโยโกฮามะของญี่ปุ่น ภายในประเทศมีการวางแผนที่เซินเจิ้น เฉิงตู ซีอาน อู่ฮั่น เป็นต้นเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของศูนย์การผลิตอัจฉริยะขนาดใหญ่ 9 แห่ง ในต่างประเทศได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ตุรกี ปากีสถาน บราซิล อียิปต์ ภายในประเทศมีเพียง 2 แห่ง คือ สวนอุตสาหกรรมฉางอาน ตงกวน และสวนเทคโนโลยีระบบนิเวศอัจฉริยะ OPPO (ฉงชิ่ง)

OPPO ทุ่มเทมาเป็นเวลา 20 ปี ข้ามผ่าน 4 ยุคสมัย สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความหมายในเชิงหมุดหมายสำคัญจำนวนมาก

  • ปี 2005 OPPO เข้าสู่ตลาดเครื่องเล่น MP3 อย่างเป็นทางการจนกระทั่งยุติธุรกิจเครื่องเล่น OPPO ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องเล่นภายในประเทศมาโดยตลอด

นี่คือ MP3 รุ่นแรกของ OPPO รุ่น X3 วางจำหน่ายในปี 2005 การออกแบบภายนอกแบบเปลือกหอยทำให้มันโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ดูเรียบเฉาในยุคนั้น และได้รับความสนใจอย่างมาก

  • ปี 2008 OPPO เปลี่ยนสนามเข้าสูตลาดโทรศัพท์มือถือ เปิดตัวฟีเจอร์โฟนรุ่นแรก A103 การออกแบบรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในตลาดจีน ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีที่มียอดขายทะลุ 1 ล้านเครื่องต่อปี และขายหมดเกลี้ยงติดต่อกันถึง 5 รอบ เป็นการจุดประกายที่แข็งแกร่งครั้งแรกให้กับโทรศัพท์มือถือของ OPPO

  • ปี 2011 OPPO เปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ทโฟน ปี 2016 ซีรีส์ R9 วางตลาด ด้วยการออกแบบภายนอก ฟังก์ชันการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC ที่ได้รับความชื่นชอบจากผู้ใช้ ซีรีส์นี้มียอดขายต่อปี 17 ล้านเครื่อง ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดในประเทศของ iPhone ที่ครองแชมป์มา 4 ปีติดต่อกัน มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์ต่อตลาดโทรศัพท์มือ ถือในประเทศ
  • ปี 2021 เปิดตัวซีรีส์จอพับ Find N ปีนี้ เปิดตัวเรือธงด้านภาพถ่ายรุ่นใหม่ Find X8 ซีรีส์ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ หวังว่าจะสามารถสร้างการทะลุทะลวงอย่างต่อเนื่องในตลาดระดับไฮเอน
  • ในปี 2024 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ OPPO ได้เข้าสู่ยุคของโทรศัพท์มือถือ AI อย่างเป็นทางการ Find X8 ซีรีส์เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปี 2024

นอกจากนี้แล้วยังได้มีการทดสอบ OPPO A3 Pro ซึ่งมีทั้งความทนทาน กันกระแทก กันน้ำ ทำตกจากที่สูง และแช่น้ำให้ดูแบบนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสามารถโฟนอีกรุ่นจาก OPPO ที่มีความแข็งแกร่ง และทนทานสูงมาก

โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องตั้งแต่เริ่มต้น จนผลิตเร็จจะมีขึ้นตอนทั้งหมด 6 ขั้นตอนหลักด้วยกัน

oplus_3145730
  • อันดับแรกคือขั้นตอนการวางแผนผลิตภัณฑ์ ทำการสำรวจตลาดเชิงลึก โดยอ้างอิงจากภาพรวมของผู้ใช้งานระดับล้านราย เพื่อล็อกเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกไปจนถึงชิปและระบบปฏิบัติการ ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน
  • ขั้นตอนการผลิต โดยใช้ความแม่นยำระดับไมโครเมตรในการประกอบชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์นับพันชิ้น 128 ขั้นตอนหลัก
  • โทรศัพท์ที่ประกอบเสร็จจะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบคุณภาพ โดยห้องทดลองจะจำลองสภาพแวดล้อมตั้งแต่ -40°C ถึง 85°C ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลหลายสิบรายการ ตรวจสอบประสิทธิภาพของโทรศัพท์แต่ละเครื่องอย่างเข้มงวด
  • เมื่อผ่านการทดสอบทุกรูปแบบแล้ว ผลิตภัณฑ์จะออกสู่ตลาดและถูกจัดส่งทั่วโลกโดยมีร้านบริการลูกค้ากว่า 3,300 แห่งทั่วโลก รองรับการบริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างไร้รอยต่อ

ที่นี่ ได้แสดงให้เห็นกระบวนการ “จากศูนย์ถึงหนึ่ง” ของโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง และสวน อุตสาหกรรมฉงชิ่ง ในฐานะฐานการผลิตและศูนย์โลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของ OPPO ทั่วโลก ได้เปิดฉากบทใหม่ของการเดินทาง “จากหนึ่งถึงหลาย” ของโทรศัพท์มือถืออย่างไม่ธรรมดา เติมพลังให้กับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

ต้นไม้เทคโนโลยี

ต้นไม้เทคโนโลยีที่ทำขึ้นจากเศษวัสดุแผงวงจรหลัก (PCB) ของโทรศัพท์มือถือ โดยใช้การติดด้วยมือ กิ่งก้านและใบของต้นไม้ รวมถึงรากของต้นไม้ ล้วนทำมาจากชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือ ไม่เพียงแต่เป็นงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิบัติจริงของแนวคิดด้าน สิ่งแวดล้อมสีเขียว OPPO มุ่งมั่นในการหลอมรวมแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้าไว้ในกระบวนการจัดการผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิตทั้งหมด และสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียวอย่างครบถ้วน OPPO ให้คำมั่นว่าจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานของตนภายในปี 2050 และได้กำหนดเส้นทางการพัฒนาที่ปล่อยคาร์บอนต่ำไว้แล้ว

เริ่มกระบวนการผลิต

1. มาถึงในส่วนที่สื่อที่ไปร่วมงานในครั้งนี้ต้องร้องว้าวนั่นคือโรงงานผลิตตั้งแต่ไปดูงานยังไม่เหมือนที่โรงงานไหนที่เคยดูที่ผ่านมาเพราะดูล้ำสมัยมาก สะอาด ประกอบกับเครื่องจักรต่างๆ ทำงานโดยอัตโนมัติแทบจะไม่เห็นพนักงานมานั่งผลิตเหมือนที่เคยเป็นมา มาเริ่มกันที่เครื่องติดตั้งชิ้นส่วนความเร็วสูงแบบรางคู่ SMT คือเทคโนโลยีการติดตั้งชิ้นส่วนบนพื้นผิว (Surface Mounted Technology) เป็นกระบวนการหลักในการผลิตเมนบอร์ดของโทรศัพท์มือถือ เมนบอร์ดของโทรศัพท์มือถือเป็น ส่วนสำคัญในการผลิตโทรศัพท์มือถือ OPPO

สายการผลิต SMT ที่ฉงชิ่งเริ่มผลิตแผงวงจร PCB แผ่นแรกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2019 จนถึงเดือนมีนาคม 2021 ยอดการผลิตต่อเดือนทะลุ 4 ล้านแผ่น ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ปัจจุบันสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ถึง 5 ล้านแผ่นต่อเดือนสายการผลิตของทั้งโรงงานประกอบด้วยส่วนของการติดตั้งชิ้นส่วน ทดสอบ และการจ่ายกาวและติดตั้งวัสดุเสริม ใช้การออกแบบสายการผลิตแบบเส้นเดียวต่อเนื่อง ยาวกว่า 70 เมตร ทำให้การผลิตไหลลื่นตั้งแต่ชิ้นส่วนขนาดเล็กไปจนถึงเมนบอร์ดที่มีความ ซับซ้อนสูง ระดับอัตโนมัติของโรงงานอยู่ที่ประมาณ 90%-95% จำนวนแรงงานต่อสายลดลงจากเดิม 11 คน เหลือเพียง 6 คน ความสามารถด้านการผลิตโดยรวมอยู่ในระดับแนวหน้าของ อุตสาหกรรม

ที่เห็นตอนนี้คือเครื่องติดตั้งชิ้นส่วนความเร็วสูงแบบรางคู่จาก Siemens ประเทศเยอรมนี มีลักษณะเด่นคือ ขนาดเล็ก การออกแบบแบบโมดูล และความแม่นยำสูง แต่ละรางด้านหน้าใช้ติด ตั้งชิ้นส่วนขนาดเล็ก เช่น ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ปัจจุบันชิ้นส่วนที่เล็กที่สุดในเมนบอร์ดของ OPPO มีขนาด 0.4 มม. x 0.2 มม. ขนาดของมันเทียบเท่า 1 ใน 100 ของเหรียญ 1 เจี่ยว (หนึ่งในสิบของหยวน) การติดตั้งด้วยระยะห่างที่แคบยังเป็นตัวแทนของระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ด้านหลังของรางใช้ติดตั้งชิ้นส่วนขนาดใหญ่ เช่น CPU และชิปหน่วยความจำ

2. เตาอบไนโตรเจนแบบรีโฟลว์ (การตรวจสอบ AOI)

หลังจากกระบวนการติดตั้งชิ้นส่วนทั้งหมดเสร็จสิ้น แผงวงจรหลักจะเข้าสู่เตาอบไนโตรเจนแบบ รีโฟลว์ เตารีโฟลว์จะทำการบัดกรีระหว่างชิ้นส่วนและแผง PCB หลังจากผ่านเตาอบแล้ว แผงวงจรหลักจะเข้าสู่เครื่องตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติอีกครั้ง (AOI หลังเตา) เพื่อตรวจสอบและประเมินสถานะการบัดกรีของแผงวงจรหลัก เพื่อรับประกันคุณภาพของการบัดกรีแผงวงจรหลัก

ในกระบวนการติดตั้งชิ้นส่วนทั้งหมด ได้ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติหลายชนิดมาแทนที่การปฏิบัติงานโดยตรงของแรงงานภายนอกกับแผงวงจรหลัก

ถัดไปเป็นการทดสอบ การดาวน์โหลด การปรับเทียบ การทดสอบแบบรวม การทดสอบ WIFI และการตรวจสอบกระแสไฟฟ้า

ในปัจจุบันสายการทดสอบจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคนถึง 90% ให้กลายเป็นงานที่ดำเนินการโดยเครื่องจักร ซึ่งช่วยลดต้นทุนแรงงาน พร้อมกับลดการขนส่งภายในระหว่างแต่ละกระบวนการ และลดระยะเวลาการผลิตของสินค้า

สายการผลิต SMT ยังติดตั้งระบบ MES, SCADA, EAM, และ MCM เพื่อให้เกิดการผลิต อัจฉริยะ สามารถจัดเก็บและติดตามข้อมูลได้ ตรวจสอบพารามิเตอร์สำคัญของอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ ตรวจจับความผิดปกติของอุปกรณ์โดยอัตโนมัติและส่งคำเตือนทันที ตลอดจนติดตามอายุการใช้งานของชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพื่อให้บรรลุการแสดงผลของข้อมูลแบบมองเห็นได้และความโปร่งใสของการจัดการ

3. การติดตั้งวัสดุเสริม

การกันน้ำ ป้องกันแรงกระแทก และป้องกันการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า โดยแบ่งเป็นกระบวนการจ่ายกาวและกระบวนการติดตั้งวัสดุเสริม เครื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ทั้งหมดคือเครื่องจ่ายกาว ซึ่งจะจ่ายกาวลงบนแผงวงจรหลักและชิ้นส่วนที่เปิดเผยของแผงวงจรหลัก เพื่อให้เกิดผลในการกันน้ำ ป้องกันการกระแทก และป้องกันการกัดกร่อน หลังจากจ่ายกาวเสร็จแล้ว ก็จะถูกส่งเข้าสู่เตาอบสำหรับทำให้กาวแข็งตัว

กระบวนการสุดท้ายของแผงวงจรหลักในสายการผลิต SMT คือการติดตั้งวัสดุเสริม ซึ่งจะติดตั้ง วัสดุเสริมภายนอก เช่น ซิลิโคนกันน้ำสำหรับขั้วต่อ แผ่นทองแดงป้องกันสัญญาณรบกวน และแผ่นกราไฟต์ระบายความร้อน ปัจจุบันได้นำเข้าเครื่องติดตั้งวัสดุเสริมอัตโนมัติ 4 เครื่อง เพื่อการผลิตแบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ

ใช้เทคโนโลยีการติดตั้งแบบไม่มีฟิล์มสีน้ำเงิน ซิลิโคนกันน้ำ BTB แบบไม่มีฟิล์มมีพื้นที่ดูดจับเพียง 0.5 มม. ซึ่งมีข้อกำหนดสูงในด้านการออกแบบวัสดุเสริม การออกแบบหัวดูด และความแม่นยำในการหยิบวัสดุของอุปกรณ์

ขณะนี้โรงงาน SMT ฉงชิ่งยังได้นำเข้าเครื่องติดตั้งวัสดุเสริมแบบแขนกลคู่ ซึ่งสามารถผลิตวัสดุเสริมได้พร้อมกัน 6 ประเภทบนรางคู่ ประสิทธิภาพการติดตั้งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเครื่อง ติดตั้งวัสดุเสริมแบบเดิม และความสามารถในการรองรับกระบวนการที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น 20% เพื่อตอบสนองข้อกำหนดการผลิตที่สูงขึ้น

หลังจากการติดตั้งวัสดุเสริมเสร็จสิ้น แผงวงจรหลักจะถูกส่งไปยังสายการประกอบหลักโดยตรงเปลี่ยนจากรูปแบบการผลิตแบบเดิมที่ต้องผ่านคลังสินค้าสำหรับชิ้นงานกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งช่วยลดปริมาณสินค้าระหว่างผลิตได้อย่างมาก

การเตรียมงานล่วงหน้าและการติดตั้งหน้าจอสายการประกอบขั้นสุดท้าย เป็นสายการผลิตที่ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่เห็นคือสายการผลิตที่มีระดับความเป็นอัตโนมัติสูง ที่สุดของโรงงานฉงชิ่ง และมีระบบแดชบอร์ดดิจิทัลที่แม่นยำที่สุด เป็นสายตรวจสอบแบบ อัตโนมัติเต็มรูปแบบ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ OPPO สู่โรงงานอัตโนมัติ โดยรวมแล้วมีทั้งหมด 7 สายการผลิต

สายการผลิตนี้ใช้รูปแบบสายการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมงานล่วงหน้า การประกอบ ชิ้นส่วน การทดสอบทั้งเครื่อง ไปจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ การผลิตโทรศัพท์มือถือประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ หน้าจอ กรอบกลาง แบตเตอรี่ และฝาหลัง

หนึ่งสายการผลิตสามารถประหยัดแรงงานได้ 31 คน อัตราความเป็นอัตโนมัติเพิ่มขึ้นเป็น 50% และผลผลิตต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 12.5% ซึ่งจะเห็นว่าพนักงานบางคนทำงานอยู่ในพื้นที่คลีนบูธ เนื่องจากการประกอบกล้องเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญ ซึ่งมีข้อกำหนดด้านความสะอาดของอากาศสูง คลีนบูธสามารถให้ผลในการป้องกันฝุ่นได้ดีกว่า ภายในบูธติดตั้งเครื่องเพิ่มความชื้นและพัดลมขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มน้ำหนักของฝุ่นและลดผลกระทบของฝุ่นต่อกล้อง

oplus_3145762

2. อุปกรณ์ติดตั้งแบตเตอรี่อัตโนมัติ

แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนพลังงานสูง การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติช่วยให้การติดตั้งแบตเตอรี่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ตั้งแต่การป้องกันความปลอดภัยของวัสดุในทุก ขั้นตอน การป้องกันความปลอดภัยในกระบวนการผลิต และการตรวจสอบความปลอดภัยของแบตเตอรี่หลายชั้น มุ่งหวังให้กระบวนการผลิตและการใช้งานของผู้ใช้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุเป็นศูนย์

3. การทดสอบ

เมื่อการประกอบฝาหลังและการกดให้แนบสนิทเสร็จสิ้น สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ โทรศัพท์จะถูกแขนกลย้ายจากรางหนึ่งไปยังอีกรางหนึ่ง และจะเข้าสู่สายการทดสอบ อัตโนมัติ ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างน้อย 30 รายการ เช่น ลักษณะภายนอกของหน้าจอ กล้องและการทดสอบ Wi-Fi อุปกรณ์แต่ละเครื่องเชื่อมต่อกับแดชบอร์ดดิจิทัลแล้วทั้งหมด โดยสามารถป้องกันความผิดพลาดข้ามกระบวนการได้ 100% ป้องกันการใช้วัสดุผิดได้ 100% (B5

4. การบรรจุ

หลังจากผ่านการทดสอบหลายรายการและการตรวจสอบลักษณะภายนอกอย่างเข้มงวด ขั้นตอนสุดท้ายคือส่วนของการบรรจุ ซึ่งจะมีการประกอบและตรวจสอบแบบอัตโนมัติในกระบวนการหลัก เช่น การเขียนหมายเลขซีเรียล การแกะกล่องสีอัตโนมัติ และการบรรจุสายชาร์จและสายดาต้า

ปัจจุบันความสามารถในการผลิตของสายการผลิตนี้สามารถครอบคลุมรุ่นทั้งหมดของซีรีส์ A นอกจากนี้สายการผลิตยังใช้รถ AGV อัตโนมัติสำหรับการจัดส่งวัสดุ รถขนส่ง AGV แบบ อัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมและปรับปรุงการจัดการโลจิสติกส์ ทำให้ระบบโลจิสติกส์ในการผลิตทั้งหมดบรรลุความเป็นอัตโนมัติ อัจฉริยะ และยืดหยุ่น อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย

ตั้งแต่สวนอุตสาหกรรมฉงชิ่งเริ่มเดินสายการผลิตจนถึงปัจจุบัน ก็ได้รับรางวัลและเกียรติยศจำนวนไม่น้อย เช่น โรงงานอัจฉริยะระดับประเทศ โรงงานสีเขียวระดับประเทศ โรงงานอัจฉริยะ ต้นแบบด้านนวัตกรรมของเทศบาลนครฉงชิ่ง สายการผลิตดิจิทัลของเทศบาลนครฉงชิ่ง และบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตของเทศบาลนครฉงชิ่ง – บริษัทแม่ของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเป็นต้น รางวัลเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในอดีต แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้กับ OPPO และเป็นพลังในการก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอน กระบวนการผลิต โดยนำเทคโนลีขั้นสูง เครื่องจักรที่ล้ำสมัยเข้ามาประกอบและผลิตสมาร์ตโฟนของ OPPO ให้มีประสิทธิภาพ และคุณภาพสูง ส่งต่อผู้ใช้งานได้ใช้อย่างปลอดภัย และใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันได้อย่างตอบโจทย์ทุกๆ การใช้งานนั่นเองครับ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทยที่พาสื่อไอทีจากหลายสำนักเข้าร่วมชมฐานการผลิต โรงงานแห่งใหม่ของ OPPO ที่ฉงชิ่ง ประเทศจีนด้วยครับ

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More