Connect with us

IT News

OPPO จับมือ Ericsson และ Qualcomm เดินหน้าเร่งการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร

Published

on

  • OPPO จับมือ Ericsson และ Qualcomm Technologies, Inc. เพื่อแสดงถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมในการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G (5G Enterprise Network Slicing Solution) ระดับองค์กร สำหรับอุปกรณ์ Android 12 ที่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
  • โดยอิงจาก OPPO Find X5 Pro 5G ที่ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Snapdragon® 8 Gen 1 พร้อม Snapdragon X65 Modem-RF System ในการขับเคลื่อน Android 12 ซึ่งเป็นโซลูชันการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร ซึ่งสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนจากการแยกเครือข่าย  Ericsson Dynamic และ โซลูชัน 5G RAN Slicing โดยสามารถแบ่งแอปมือถือและการรับส่งข้อมูลเครือข่ายตามส่วนต่าง ๆ ของเครือข่ายที่อำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางอุปกรณ์ของผู้ใช้และการควบคุมนโยบาย (URSP) ที่ต่างกันได้
  • ความสามารถในการส่งข้อมูลแบบครบวงจร โดยโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กรสามารถใช้งานได้ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลก

21 มิถุนายน 2565 กรุงเทพฯ — บริษัทอุปกรณ์อัจฉริยะระดับโลก OPPO ประกาศความสำเร็จในการทดสอบโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ก่อนวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์โดยร่วมมือกับ Ericsson และ Qualcomm Technologies ซึ่งในการสร้างโซลูชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้การปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) สามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกสามารถนำไปใช้ได้

ทั้งสามบริษัทได้ทำการสาธิตโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กรก่อนการใช้เชิงพาณิชย์ที่ OPPO’s 5G Communications Lab โดยในระหว่างการสาธิตโซลูชันครั้งแรก OPPO ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Ericsson และ Qualcomm Technologies เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลัก เครือข่ายไร้สาย และโมดูลชิป

การใช้ OPPO Find X5 Pro 5G ที่ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 พร้อม Snapdragon X65 Modem-RF System สามารถใช้งานระบบที่ปรับแต่งได้สูงตาม Android 12 – ColorOS 12 ความสามารถในการเลือกแยกเครือข่ายแบบไดนามิกจาก Ericsson 5G Core จะช่วยรองรับการเลือกเส้นทางอุปกรณ์ของผู้ใช้และการควบคุมนโยบาย (URSP) และโซลูชันการแยก 5G RAN โดยทีมงานได้ร่วมสาธิตการใช้แอปพลิเคชันและการแยกส่วนการรับส่งข้อมูลเครือข่ายโดยใช้โซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ก่อนจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมแอปพลิเคชันและบริการระดับองค์กรที่มีข้อกำหนดเฉพาะไปยังส่วนที่กำหนดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ ภายใต้โซลูชันใหม่นี้ แอปที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายเฉพาะจะสามารถระบุได้อย่างง่ายดายผ่านไอคอนขนาดเล็กที่แสดงถัดจากไอคอนแอปบนอุปกรณ์มือถือหลัก

“การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่แตกต่างกัน” Xia Yang, Senior Director of Carrier Product Line, OPPO กล่าว “ตามพันธกิจของบริษัทอย่าง ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’, OPPO จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในด้านนวัตกรรมและการทำงานร่วมกันทั่วทั้งระบบนิเวศเทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้าในเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ร่วมกับพันธมิตรของเรา เราจะช่วยให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ OPPO หลากหลายแบบได้เป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้สัมผัสและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การเชื่อมต่อ 5G ที่กำหนดเองได้” 

Monica Zethzon, Head of Solution Area Packet Core at Business Area Cloud Software and Services, Ericsson กล่าวว่า: “การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยของเครือข่าย ความน่าเชื่อถือ และความยืดหยุ่นได้ โดยโซลูชันนี้สร้างขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง OPPO และ Qualcomm Technologies และได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยี 5G Core และการแยก 5G RAN ของ Ericsson ซึ่งถือเป็นรากฐานสำหรับ CSP เพื่อมอบบริการ 5G ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับองค์กรต่างๆ”

“การสาธิตการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) สำหรับการใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุคำมั่นสัญญาของ 5G Standalone (SA)”  Sunil Patil, vice president, product management at Qualcomm Technologies, Inc. กล่าว “ในเชิงพาณิชย์จะมีการมอบเครื่องมือเครือข่าย 5G เพื่อปรับแต่ง 5G ตามความต้องการของแอปพลิเคชั่น”

โดยการแยกเครือข่ายทางกายภาพไปสู่เครือข่ายเสมือนแบบครบวงจรหลายเครือข่าย การแยกเครือข่าย 5G สามารทำให้ทรัพยากรเครือข่ายที่เป็นอิสระและที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะในแต่ละกรณีใช้งานได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะสามารถปลดล็อกทรัพยากร 5G จำนวนมากขึ้นเพื่อให้เครือข่าย 5G มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในเวลานี้กลุ่มบริษัทจะเร่งความพยายามในการสร้างระบบนิเวศ อุปกรณ์ และเครือข่ายเพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์

การแยกเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นพื้นที่ใหม่ในการเติบโตของเทคโนโลยี

การแยกเครือข่าย 5G ช่วยให้สามารถ”แบ่งส่วน” ของเครือข่ายด้วยคุณสมบัติของเครือข่ายที่แตกต่างกัน เช่น ค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูล ปริมาณการรับส่งข้อมูล ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ตามความต้องการของผู้เชื่อมต่อกับเครือข่าย ตัวอย่างเช่น สามารถสร้างเครือข่ายเฉพาะที่มีปริมาณการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่และค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชันการขับขี่อัตโนมัติ มอบการรับประกันที่สูงขึ้นว่ายานพาหนะจะได้รับระดับความถูกต้องของข้อมูลและปริมาณการประมวลผลที่ต้องการเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยส่วนของเครือข่ายสามารถสร้างขึ้นสำหรับเกมหรือแพลตฟอร์มเฉพาะได้ ทำให้ผู้ใช้มีการเชื่อมต่อที่สามารถตอบสนองและสมจริงมากขึ้นโดยไม่ขึ้นกับการรับส่งข้อมูลอื่นๆ บนเครือข่าย ในแอปพลิเคชัน IoT เช่น โรงงานอัจฉริยะการแยกเครือข่ายที่ตั้งค่าไว้สำหรับค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูลต่ำและมีความน่าเชื่อถือสูงด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจำนวนมากจะช่วยเป็นรากฐานสำหรับการดำเนินงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

OPPO ได้มีการวิจัยและพัฒนาในด้านการแยกเครือข่าย 5G ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายและพันธมิตรอื่นๆ มาเป็นเวลาหลายปี ก่อนหน้านี้ OPPO ได้ร่วมมือกับ Vodafone และ Ericsson เพื่อสร้างเครือข่าย 5G SA แห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ Coventry University ซึ่งได้มีการสาธิตเทคโนโลยีการแยกเครือข่าย 5G SA ตัวแรก โดย OPPO ยังได้ทำงานร่วมกับ China Mobile เพื่อทำการทดสอบและตรวจสอบการแยกเครือข่าย 5G ปลายทางให้เสร็จสิ้น และในอนาคต OPPO จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการทั่วโลกเพื่อส่งเสริมแอปพลิเคชันและการใช้งานการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร นำการสื่อสาร 5G ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และยืดหยุ่นยิ่งขึ้นมาสู่พันธมิตรและผู้ใช้งานในเชิงพาณิชย์

Advertisement

กำลังฮอต

Featured3 วัน ago

รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่ใช้ขุมพลังตัวท็อป SD 7s Gen 2 พร้อมกล้องหลัง 200MP และชาร์จไว 67W 

รีวิว Redmi Note 13 ...

HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท HUAWEI Band 9 ราคาเริ่มต้น 1,299 บาท
Featured6 วัน ago

5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อสมาร์ทแบนด์ กับความครบเครื่องของ HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่น ดูแลสุขภาพยืนหนึ่งในราคาเริ่มต้น 1,299 บาท

ใครที่อยู่ในช่วงเริ่...

Apple News1 สัปดาห์ ago

AIS เปิดบริการ AIS Care+ with AppleCare Services รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ผู้ใช้อุ่นใจมากขึ้น สบายใจที่สุด

AIS คว้า AppleCare S...

Featured1 เดือน ago

รีวิว vivo Y100 5G สนุกกับสเปกเต็ม 100 ด้วยขุมพลัง SD 4 Gen 2 5G ดีไซน์อัปเกรดสุดพรีเมียม พร้อมชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

รีวิว vivo Y100 5G น...

Featured1 เดือน ago

รีวิว realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G “Be a Portrait Master” ด้วยกล้อง Periscope ระดับเรือธง | ดีไซน์นาฬิกาหรู | ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว realme 12+ 5G ...

Android News8 ชั่วโมง ago

ผล Geeekbench ยืนยัน OnePlus Nord 4 ใช้ชิป SD 7+ Gen 3 พร้อม RAM 12GB และใช้ Android 14

มีข่าวลือเรื่องสเปคไ...

IT News9 ชั่วโมง ago

Xiaomi จับมือ PADI ยกทีมเสียวหมี่แฟนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลทำความสะอาดหาดบางแสน

เสียวหมี่ ประเทศไทย ...

IT News9 ชั่วโมง ago

วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก: OPPO ยังคงรักษาอันดับ IP จากทั่วโลก ไว้ที่ 10 อันดับแรกติดต่อกันเป็นปีที่ 5

29 เมษายน ...

IT News9 ชั่วโมง ago

ปรับการนอนหลับของคุณให้มีคุณภาพดีขึ้นด้วยฟีเจอร์ใน HUAWEI Band 9

ด้วยเทคโนโลยีอุปกรณ์...

Smart Review9 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook OLED S 16 (S5606) โน้ตบุ๊คดีไซน์โดดเด่น สเปคแรงบน Intel Core Ultra เพิ่มความสวยด้วยไฟ RGB บนคีย์บอร์ด และจอ 16″ 3.2K แบบ 120Hz

ASUS Vivobook OLED S...

Advertisement

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก